Share

บทที่ 134

Author: ไห่ตงชิง
“มหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ หวังเถิงฮ่วน เบื้องบนดูหมิ่นองค์รัชทายาท เบื้องล่างไม่สนใจประชาชน เป็นที่น่าละอายใจต่อนักปราชญ์ยิ่งนัก ล้มเหลวในการรับใช้ราชสำนัก เมื่อพิจารณาจากความสามารถของเขาแล้ว เป็นการยากที่จะกลายเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยของเขา เขาไม่คู่ควรกับสำนักราชเลขา แต่ระลึกถึงความเป็นผู้อาวุโส และเห็นแก่การทำงานหนักเพื่อประเทศชาติ ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ตาม แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ข้าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่องค์จักรพรรดิทรงแต่งตั้ง จึงพระราชทานอภัยโทษและถอดถอนหวังเถิงฮ่วนออกจากตำแหน่งในสำนักราชเลขา และลดตำแหน่งเป็นผู้ว่าการเมืองหลวง”

ดวงตาของหลี่เฉินสงบนิ่งและเฉยเมย ขณะกล่าวว่า “ถอดหมวกผ้าแพรบางมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ของหวังเถิงฮ่วนออก และถอดเครื่องแบบสำนักราชเลขาออก ดำเนินการ”

เมื่อเห็นว่าหวังเถิงฮ่วนไม่ได้รับโทษประหารชีวิต ซูผิงเป่ยก็ผิดหวังเล็กน้อย

เขาไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาพูดอะไรกับองค์รัชทายาท จึงทำให้องค์รัชทายาทที่ไม่ค่อยประนีประนอมกับใครยอมเปลี่ยนใจ เขาเคยเห็นองค์รัชทายาททรงพิโรธมาก่อน ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่หยุดจนกว่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 135

    “ฝ่าบาท! ทุกสิ่งที่กระหม่อมพูดล้วนเป็นความจริง ไม่มีอะไรเป็นเท็จ สมุดบัญชีซ่อนอยู่ในถังข้าวที่บ้านของกระหม่อม ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้!”เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เจียงโจวที่หวาดกลัวสุดขีดจึงคุกเข่าโขกหัวบนพื้นหิมะอย่างบ้าคลั่งในหิมะเต็มไปด้วยโคลน มีโคลนกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเจียงโจวจึงเหมือนอาบไปด้วยน้ำโคลนแต่เขากลับไม่สนใจ ทั้งยังตะโกนโหยหวนเสียงแหลมว่า “ได้โปรดเถิด ฝ่าบาท ถึงแม้กระหม่อมจะไม่มีผลงานใหญ่หลวงอะไร แต่ก็ทำงานหนักมาหลายปี เห็นแก่คำสารภาพของกระหม่อม โปรดมอบทางรอดให้กับกระหม่อมด้วย กระหม่อมยินดีสละทรัพย์สมบัติทั้งหมด ขอเพียงฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิต!”คำพูดของเขานั้น องครักษ์อวี่หลิน องครักษ์เสื้อแพรและผู้ประสบภัยทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน องครักษ์อวี่หลินกับองครักษ์เสื้อแพรยังดี แต่ละคนแค่มองเจียงโจวด้วยสายตาที่เย็นชา ในฐานะทหารรากหญ้า สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ทุจริตเช่นนี้เจ้าหน้าที่ทุจริตไม่เพียงแต่ปล้นเลือดเนื้อของประชาชนเท่านั้น แต่ยังดื่มเลือดของทหารอีกด้วยส่วนเหล่าผู้ประสบภัยนั้น แต่ละคนต่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 136

    “พ่อ!แม่! ลูกสอบผ่านการสอบขุนนางแล้วนะ! ลูกได้อันดับที่สามเป็นทั่นฮวา! ลูกมีอนาคตที่ดีแล้วนะ!”“พวกเราไม่ต้องถูกคนอื่นดูถูกอีกต่อไป หรือยืมเงินคนอื่นเพื่อดำรงชีวิต!”“ลูกกลายเป็นทั่นฮวาแล้ว ต่อให้ถูกส่งไปยังท้องถิ่น อย่างน้อยก็ได้เป็นปลัดอำเภอ พวกเรากำลังจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว!”ดูเหมือนเจียงโจวเป็นบ้าไปแล้ว เขาหัวเราะเสียงดัง ในดวงตาทอประกายความสับสนและบ้าคลั่งทันใดนั้นเขาก็กอดหวังเถิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ แล้วกระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนว่า “พ่อ ทำไมท่านไม่หัวเราะล่ะ? ท่านไม่มีความสุขเหรอ?”หวังเถิงฮ่วนตกใจกลัวสุดขีด เขาพยายามผลักเจียงโจวแล้วตะโกนว่า “บ้าไปแล้ว คนคนนี้บ้าไปแล้ว รีบดึงคนบ้าคนนี้ออกไปเร็วๆ เข้า!”แต่พละกำลังของเจียงโจวก็แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ไม่ว่าหวังเถิงฮ่วนจะผลักเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อย สีหน้าของเขาดูคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ“พ่อ ลูกไม่ได้บ้า ลูกสอบผ่านแล้วจริงๆ! ท่านไม่มีความสุขเหรอ? เหตุใดท่านถึงไม่มีความสุขล่ะ?”“พ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สอบครั้งนี้ ผู้คุมสอบคือใต้เท้าหวังเถิงฮ่วน เขาเป็นเสนาบดีกรมขุนนาง ได้ยินมาว่าในอนาคตเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งสู่สำนักราชเลขา ลู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 137

    หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังกับสถานการณ์นี้เลยด้วยซ้ำเขาสามารถฆ่าหวังเถิงฮ่วนโดยไม่สนสิ่งใดได้ แต่ถ้าองค์ชายเก้าโดนทำร้ายที่นี่ นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยที่นี่ตอนนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเก้าไม่ได้โดยเด็ดขาดในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เมื่อเจียงโจวกระโจนเข้าใส่องค์ชายเก้า จู่ๆ ร่างของเจียงโจวก็แข็งทื่อตรงหน้าอกของเขา มีปลายดาบแทงทะลุหน้าอกออกมาเลือดที่ข้นหนืดไหลลงมาตามปลายดาบ แล้วหยดลงบนปลายจมูกขององค์ชายเก้าที่นั่งอยู่บนพื้น เลือดอุ่นๆ กระตุ้นให้องค์ชายเก้าตัวสั่นเขาจ้องมองใบหน้าอันแข็งทื่อของเจียงโจวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และปลายดาบนั้นก็อยู่ห่างจากหว่างคิ้วของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว เขาส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมหูออกมาเป็นครั้งที่สาม ขาทั้งสองข้างอ่อนระทวย และมีของเหลวสีเหลืองใสไหลออกมา ย้อมหิมะสีขาวบนพื้นจนกลายเป็นสีเหลือง จากนั้นองค์ชายเก้าก็กลอกตาขาวแล้วเป็นลมด้วยความตกใจซูผิงเป่ยชักดาบออกมา แล้วเตะร่างของเจียงโจวออกไป จากนั้นก็มองดูองค์ชายเก้าด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นองค์ชายเก้าฉี่รดกางเกง และเป็นลมล้มกับพื้น เขาก็อดส่ายหัวไม่ได้เขาไม่เข้าใจว่าเลยทำไม ท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 138

    ซูจิ่นพ่าเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างโมโหว่า “คนหยาบคายหัวรุนแรงอย่างพวกท่านสองจะไปรู้อะไร? จะเข้าใจอะไร?”“ใช่ๆ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าไม่เข้าใจหรอก”ซูผิงเป่ยเบะปากแล้วพูดว่า “แต่ข้ารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางความโชคดีแต่ไม่ตระหนักถึงมัน มันหมายความว่าอย่างไร วันๆ เอาแต่คิดถึงอิสรภาพในอุดมคติ ความรักที่สวยงาม และสามีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก เจ้าตื่นเสียทีเถอะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไปแล้ว”ซูจิ่นพ่ากำลังจะพูด แต่กลับเห็นหลี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลตะโกนว่า “จิ่นพ่า ต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อยสิ”ดวงตาเมล็ดซิ่งของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง และพูดอย่างโมโหว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ของท่านหรือ?”หลี่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม หรือเจ้าอยากให้ข้าไปต้มน้ำเอง?”ซูจิ่นพ่าเห็นหลี่เฉินขมวดคิ้ว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้เพียงกระทืบเท้า และมองพี่ชายอย่างคับข้องใจ“ยังไม่รีบไปอีก!”เมื่อเห็นน้องสาวถูกชี้นิ้วสั่ง ซูผิงเป่ยไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของน้องสาวอีกด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงชักดาบออกมาทักทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 139

    คำพูดของหวังเถิงฮ่วน ทำให้หน้าของจ้าวเสวียนจีกระตุกเขาไม่ได้ตอบกลับหวังเถิงฮ่วน แต่ตะโกนใส่สาวใช้ที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งแรก “ออกไปซะ!”เหล่าสาวใช้รีบออกไปทันทีหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว จ้าวเสวียนจีก็มาที่ข้างเตียง เขานั่งลงแล้วพูดว่า “พี่หวัง นามขององค์รัชทายาทจะถูกดูหมิ่นในที่สาธารณะได้อย่างไร? ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าเขาจะใช้มันเป็นข้ออ้าง”หวังเถิงฮ่วนตาค้าง และกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “ใช้เป็นข้ออ้างแล้วอย่างไร? ข้าถูกลดตำแหน่งและหูก็ขาดไปแล้วข้างหนึ่ง หากตอนนี้ยังหดหัวกลัวทุกอย่าง มิต้องรอให้หลี่เฉินตัดหัวข้าก่อนรึ แล้วค่อยต่อต้าน?”ประโยคนี้ ส่วนใหญ่พูดให้ตัวเองฟังใบหน้าของจ้าวเสวียนจีมืดลงและพูดว่า “พี่หวัง ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระ”หวังเถิงฮ่วนกัดฟันพูดว่า “พี่จ้าว ตอนนี้ข้าหมดสิ้นหนทางแล้ว องค์รัชทายาทกดดันพวกเราทีละก้าวๆ ท่านจะล่าถอยอีกนานแค่ไหน?”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างเย็นชาว่า “ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ครั้งนี้ที่เขาไม่ฆ่าท่าน เพราะยังหวั่นเกรงข้าอยู่ จึงไม่กล้าฉีกหน้ากันตรงๆ”หวังเถิงฮ่วนพูดด้วยความโกรธว่า “ครั้งที่แล้วท่านก็พูดแบบนี้ แต่สถานการณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 140

    ชายวัยกลางคนรับยามาอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”“นอกจากนี้ จงไปที่ตำหนักบูรพา และบอกให้พระสนมองค์รัชทายาททำตามคำสั่ง”เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของจ้าวเสวียนจี ก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา“ทำไม?”จ้าวเสวียนจีขมวดคิ้วถาม “มีปัญหาเหรอ?”ชายวัยกลางคนจึงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์ในตำหนักบูรพาถูกเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เป็นองครักษ์เสื้อแพรรับหน้าที่ดูแลอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สายที่พวกเราซ่อนเอาไว้ก็ถูกกำจัดไปจนหมด ทำให้การการติดต่อกับพระสนมองค์รัชทายาทจึงเป็นไปได้ยาก”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างโมโหว่า “แล้วทำไมพระสนมองค์รัชทายาทถึงไม่ติดต่อมาหาเจ้า?”ชายวัยกลางคนยังคงนิ่งเงียบทันใดนั้นจ้าวเสวียนจีก็หัวเราะขึ้นมา“ฮ่าๆ!”จ้าวเสวียนจีหัวเราะพลางพูดว่า “เอาล่ะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนั้นมีสายตาที่เฉียบคม มีความทะเยอทะยานแต่ขี้ขลาดพอๆ กับหนู นางเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ ผลคือสิ่งที่คาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว”“ท่านราชเลขาโปรดระงับโทสะ”ชายวัยกลางคนพูดเบาๆ “เราจำเป็นต้องกำจัดนางหรือไม่?”“สมองหมู!”จ้าวเสวียนจีกล่าวอย่างเย็นชา “หากนางสารภาพทุกอย่างกับองค์รัชทายาท เจ้าคิดว่า เจ้าและคนของเจ้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 141

    ตอนนี้ ถิ่นทุรกันดารที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ เนื่องจากการมาถึงขององครักษ์อวี่หลินและผู้ประสบภัย สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นที่นิยมไปชั่วขณะ นอกจากนี้ การก่อสร้างค่ายของผู้ประสบภัยก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ภายใต้การดูแลของหลี่เฉินอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเสาไม้ 20 ต้นที่สูง 3 ฟุต และยาวเกือบ 10 เมตรนอกค่ายแทบทุกต้นล้วนแขวนศพเอาไว้โดยศพที่อยู่ตรงกลางนั้น คือศพของอดีตผู้ว่าการเมืองหลวง เจียงโจว และทุกคนที่แขวนอยู่บนเสาอีก 19 ต้นที่เหลือ ล้วนเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมโดยตรงในคดีทุจริตของเจียงโจว ซึ่งก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดบางส่วนมาจากกรมครัวเรือน และบางส่วนก็มาจากสำนักงานเมืองหลวง ตราบใดที่พวกเขาปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีของเจียงโจว องครักษ์เสื้อแพรก็จะไปรับพวกเขามาโดยตรง แม้แต่เอกสารของกรมยุติธรรม ศาลต้าหลี่และสำนักตรวจการก็ยังถูกข้าม เมื่อพวกเขาถูกจับกุมก็จะถูกพามายังที่นี่ หลังจากพิสูจน์ตัวตนแล้วก็จะส่งกลับบ้านเก่าด้วยดาบ เหล่าผู้ประสบภัยที่ผ่านไปมา หากยังมีเรี่ยวแรงพอ ก็จะหยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมาแล้วปาใส่ศพเหล่านั้น ไม่มีใครกลัว มีแต่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชังเพราะองค์ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 142

    “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือก”ดวงตาดุจเหวลึกของหลี่เฉินจ้องมองสวีฉังชิงอย่างคลุมเคลือ“หากเจ้าต้องการไปประจำในท้องถิ่น ด้วยตำแหน่งขุนนางขั้นที่สามระดับล่างในปัจจุบัน เจ้าสามารถดำรงตำแหน่งเป็นปลัดมณฑลใดก็ได้ และกลายเป็นขุนนางผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ในฐานะขุนนางมณฑล การดำรงชีวิตของประชาชาชน และนโยบายภายในมณฑล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”“แต่ถ้าหากเจ้าต้องการอยู่ในเมืองหลวงต่อไป ก่อนอื่นให้ควบคุมกรมครัวเรือนให้ได้เสียก่อน และแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆ ข้าจะให้อำนาจแก่เจ้าในการคัดเลือกคนสนิทที่เจ้าไว้ใจได้ เพราะการจะเลื่อนขั้นเป็นเสนาบดี จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักราชเลขา ซึ่งคุณสมบัติและบารมีของเจ้ายังดีไม่พอ เจ้ายังขาดโอกาสในการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ เราจึงทำได้เพียงก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง”หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “หากลงไปท้องถิ่น เจ้าจะมีอำนาจมากขึ้น ทั้งยังปลอดภัยมากขึ้น และอยู่ห่างจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักของข้ากับจ้าวเสวียนจี อย่างน้อยเจ้าก็สามารถอยู่อย่างปลอดภัยได้ จนกว่าฝุ่นจะจางไป ในฐานะขุนนางใหญ่มณฑล ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1054

    ซูเจิ้นถิง ถานไถจิ้งจือ และสวีฉังชิง…เหล่าขุนนางสังกัดฝ่ายตำหนักบูรพาทยอยกันเดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบแม้แต่เหอคุน สวีจวินโหลว ฟู่หมิ่นชิง และโจวเฉิงหลงก็ปรากฏตัวพร้อมหน้าเมื่อเทียบกับเหล่าขุนนางสายสำนักราชเลขาที่มาถึงก่อน ตำหนักบูรพาดูด้อยกว่าทั้งในแง่จำนวน อายุ และตำแหน่งที่ครองอยู่แต่สิ่งเหล่านี้ เมื่อต้องอยู่ภายใต้การนำของซูเจิ้นถิงและถานไถจิ้งจือ กลับดูไม่มีความหมายอันใดอีกสองคนนี้ ได้ยกระดับทั้งฝ่ายขึ้นมาโดยพลันหลายคนในฝ่ายสำนักราชเลขา เมื่อเห็นถานไถจิ้งจือปรากฏตัว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีพวกเขารู้ว่าถานไถจิ้งจือมีความใกล้ชิดกับตำหนักบูรพาอยู่บ้าง ทว่าที่ผ่านมาท่านผู้นี้ไม่เคยแสดงจุดยืน ไม่เคยแทรกแซงเรื่องการเมือง และไม่ข้องแวะกิจการบ้านเมืองใดๆแต่เวลานี้ ขณะที่สถานการณ์มาถึงจุดแตกหัก บุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับบรมครูปรากฏตัวเคียงข้างซูเจิ้นถิง นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้แสดงจุดยืนและท่าทีของตนอย่างชัดเจนแล้ว“ฝ่าบาท กระหม่อมมาช้าไป”ถานไถจิ้งจือคารวะหลี่เฉิน“ท่านอาจารย์กล่าวเกินไปแล้ว”หลี่เฉินเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ที่ท่านมาได้ ก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว”“สายฝนแม้จะหนักหน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status