แชร์

บทที่ 122

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
“ไม่ต้องพิธีรีตอง”

หลี่เฉินโบกมือ และมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ด้านหลังซูผิงเป่ยด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “ทำไมจิ่นพ่าพบข้า แล้วยังไม่ทำความเคารพ?”

ซูจิ่นพ่าพองแก้ม นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทที่อยู่ตรงหน้าเริ่มน่ารำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นางไม่มีทางเลือก นอกจากต้องก้มหัวโค้งคำนับ

“ซูจิ่นพ่าถวายบังคมองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี”

“ไม่ต้องพิธีรีตอง”

หลี่เฉินหันมาพูดกับซูผิงเป่ยว่า “เจ้าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่หน่วยองครักษ์อวี่หลินหรือ เหตุใดตอนนี้ถึงยังอยู่ที่บ้าน?”

พวกเจ้านายรุ่นหลังๆ มักจะใช้น้ำเสียงนี้จับผิดลูกน้องที่กำลังแอบอู้

ซูผิงเป่ยดูขมขื่น เขายกมือขึ้นมากำหมัดแล้วรายงานว่า “มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นที่บ้าน กระหม่อมจึงขอลามาทำธุระล่วงหน้า และตอนนี้ก็กำลังจะกลับไป”

หลี่เฉินมองซูจิ่นพ่าอย่างมีเลศนัย

จำนวนคนที่อาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพใหญ่ไม่ได้เยอะมากนัก ภรรยาคนแรกของซูเจิ้นถิง ซึ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดสองพี่น้อง ได้เสียชีวิตก่อนเวลาอันควร แม้ว่าในเวลาต่อมา ซูเจิ้นถิงจะรับอนุภรรยามาหลายคน แต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็สามารถมองออกว่าซูเจิ้นถิงเพียงรับมือไปตามสถานการณ์เท่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Natthawut Wasboonma
great novel
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 123

    ผู้ที่มา เป็นบัณฑิตรูปงามคนหนึ่งเขาสวมเสื้อคลุมสีเขียว ในมือถือพัดไว้หนึ่งเล่ม ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งมากมายนัก อีกทั้งเสื้อผ้าก็ทำมาจากวัสดุธรรมดาทั่วไป แต่กลิ่นไอกลับดูอ่อนโยนและสง่างาม ทำให้คนรู้สึกสบายใจและอยากจะใกล้ชิดด้วย เวลานี้ เขาจ้องไปที่มือของซูจิ่นพ่าที่ถูกหลี่เฉินจับไว้ ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ซูจิ่นพ่าหันกลับไปมองเขา แล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “ที่แท้ก็คุณชายโหว”โหวอวี้ซูเลื่อนสายตาไปมองหลี่เฉิน จากนั้นก็ถามซูจิ่นพ่าว่า “คุณชายท่านนี้ดูคุ้นเคยยิ่งนัก ท่านและคุณหนูซูออกมาจากจวนพร้อมกัน ไม่ทราบว่าเป็นญาติของคุณหนูซูท่านใด?”คำถามของโหวอวี้ซูนั้น ถามได้ดีมากชัดเจนว่ากำลังหยั่งเชิงสถานะของหลี่เฉินอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจเห็นได้ชัดว่า เขาใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเองในสายตาของซูจิ่นพ่า และรู้ด้วยว่าซูจิ่นพ่าไม่ชอบคุณชายสำรวยขณะที่ซูจิ่นพ่ากำลังจะตอบ ก็เห็นหลี่เฉินขยับมือ จากนั้นก็รวบซูจิ่นพ่าเข้ามากอด แล้วหันไปพูดกับโหวอวี้ซูด้วยสายตาเฉยเมยว่า “ข้าไม่ใช่ญาติของนาง แต่เป็นคู่หมั้นของนาง”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา โหวอวี้ซูก็แสดงสีหน้าไม่เชื่อ“คุณหนูซู ท่าน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 124

    เมื่อเห็นท่าทางของโหวอวี้ซู ซูจิ่นพ่าก็ทนมองเขาตรงๆ ไม่ไหว“คุณชายโหว หยุดถามได้แล้ว สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง”ซูจิ่นพ่าถอนหายใจนางกับโหวอวี้ซูเป็นเพียงคนรู้จักกันแบบผิวเผิน ซึ่งนางจำกัดให้เป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น และรู้สึกว่าอีกฝ่ายพอจะมีความสามารถอยู่บ้างแต่ซูจิ่นพ่าก็ไม่อยากให้โหวอวี้ซูยั่วโมโหหลี่เฉินจริงๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกตัดหัวได้เมื่อโหวอวี้ซูเห็นซูจิ่นพ่ายอมรับทุกอย่าง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดในใจครั้งแรกที่เขาเห็นซูจิ่นพ่า ก็ตกหลุมรักซูจิ่นพ่าอย่างลึกซึ้งแม้กระทั่งตอนกลางคืน เขาก็สาบานกับดวงจันทร์หลายครั้งว่า ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันแต่งงานกับใครนอกจากซูจิ่นพ่าเขาไม่หวั่นกับชาติกำเนิดอันสูงส่งของซูจิ่นพ่า ซึ่งแตกต่างจากเขาเป็นอย่างมาก แต่กลัวว่าตัวเองจะไม่มีแม้แต่โอกาส“ข้าไม่ยอมรับ!”ใบหน้าของโหวอวี้ซูเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขากล่าวกับหลี่เฉินว่า “ในครึ่งปีหลัง ข้าเขียนบทกวีเจ็ดตัวอักษรที่ชื่อว่า ในประโยคหนึ่งเขียนว่า รำลึกถึงพี่น้องยามขึ้นที่สูง ปักจูอวี๋ขาดข้าเพียงคนเดียว ท่านจิ้งจือ บุคคลสำคัญในด้านวรรณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 125

    “นั่นคือความหมายของคำว่าสะ...เสแสร้งหรือ?”แม้ซูจิ่นพ่าจะรู้สึกสนใจ แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าสองคำนี้จะต้องมีความหมายที่ไม่ดีแน่ๆแต่ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนจึงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และแปลกหน้าน้อยลงขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็ค่อยๆ ออกจากพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา และความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ออกจากเมืองหลวงแล้ว ทัศนียภาพที่พุพังและเน่าเปื่อยก็ทำให้ซูจิ่นพ่ารู้สึกเศร้า และคำพูดของหลี่เฉินก็หยุดลงในจุดหนึ่ง ทั้งสองฉวยโอกาสที่ตอนนี้หิมะยังน้อย รีบมุ่งหน้าไปที่ตงโจว โดยไม่พูดอะไรสักคำ“จากเมืองหลวงไปตงโจวเพียง 20-30 ลี้ ถ้าเป็นการบรรเทาภัยพิบัติขนาดใหญ่ อีกไม่ไกลก็น่าจะมองเห็นฉากเหล่านั้น” ซูจิ่นพ่าหาหัวข้อคุยหลี่เฉินพยักหน้า “หวังว่าคนเหล่านั้นจะยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง”ซูจิ่นพ่ารู้ดีว่าหลี่เฉินหมายถึงอะไรทุกวันนี้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติกำลังลุกลาม และท้องพระคลังก็ว่างเปล่า ทั้งคนธรรมดาและเจ้าหน้าที่ต่างก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็มีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติ หากพวกเขาเป็นคนโลภ สิ่งของและเสบียงอาหารบรรเทาภัยพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 126

    สำหรับอาหารเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ต้าฉินมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและกฎหมายที่เข้มงวดไม่ว่าภัยพิบัติจะใหญ่หรือเล็ก แต่ตราบใดที่ราชสำนักอนุมัติ และกรมครัวเรือนจัดสรรเงินทุน เงินนั้นจะถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยงานท้องถิ่น โดยมาตรการบรรเทาสาธารณภัยใดๆ จะต้องใช้ข้าวครึ่งชามและน้ำสองชาม หากอัตราส่วนน้อยกว่านี้ จะถูกลงโทษสำหรับความผิดฐานเล่นพรรคเล่นพวก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม“เนื่องจากเป็นการบรรเทาสาธารณภัย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดหาอาหารให้ได้ทั้งสามมื้อ แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายจักรวรรดิระบุไว้ว่า ใครก็ตามที่เปิดยุ้งฉางเพื่อบรรเทาสาธารณภัยในนามของหน่วยงานราชการ หากตักเต็มทัพพีจากก้นหม้อ แล้วมีเมล็ดข้าวน้อยกว่าหนึ่งในห้าส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรือเล็ก จะท้องถิ่นหรือเมืองหลวง พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกประหาร”น้ำเสียงของหลี่เฉินเย็นชา ขณะจ้องมองใบหน้าที่ตื่นตระหนกของเจ้าหน้าที่ “ในหนึ่งทัพพีเต็มนี้ อาจมีเมล็ดข้าวแค่หนึ่งในสิบ!?”หลี่เฉินทรงอำนาจแค่ไหน?มีคำพูดในสมัยโบราณว่า เมื่อโอรสสวรรค์ทรงพิโรธจะมีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน หลี่เฉินอาจจะยังไม่ใช่จักรพรรดิในตอนนี้ แต่ก็ยังเป็นว่าที่กษัตริย์ย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 127

    ด้วยความโกรธ หลี่เฉินโยนถุงข้าวในมือออกไปแล้วตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวว่า “องครักษ์เสื้อแพร!”องครักษ์เสื้อแพรที่รับผิดชอบหน้าที่คุ้มกันข้างกายในที่มืด ก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลี่เฉินอย่างเงียบเชียบเมื่อเห็นหลี่เฉินตะโกนเรียกองครักษ์เสื้อแพร ซูจิ่นพ่าก็ตกใจกลัวเพราะไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทผู้เกรี้ยวกราดจะทำอะไรนางรีบหยุดหลี่เฉินทันที และพูดอย่างร้อนรนว่า “ฝ่าบาท อย่าทำเช่นนี้”“สถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้ก็ตึงเครียดพออยู่แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวพันกันจนแยกไม่ออก หากดึงขนออกมาแค่เส้นเดียวก็อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งหมดได้ หากฝ่าบาททรงหุนหันพลันแล่น ก็มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์ใหม่ในราชสำนักขึ้นมา ซึ่งไม่ดีต่อสถานการณ์โดยรวม โปรดคิดให้ดี!”“คิดให้ดี!”หลี่เฉินโกรธจนยิ้มออกมา เขาชี้ไปที่ผู้ประสบภัยที่พยายามแย่งชิงเมล็ดข้าวและทรายบนพื้น จากนั้นก็พูดอย่างเศร้าๆ ว่า “เห็นฉากนี้แล้ว ยังจะให้ข้าคิดอะไรอีก!?”“สามร้อยปีก่อน เมื่อไท่จู่เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ได้ประกอบพระราชพิธีบูชาสวรรค์ ณ.ภูเขาไท่ ตอนนั้นได้เขียนหนังสือนิรโทษสวรรค์ และเคยกล่าวไว้ว่า หากลูกหลานตระกูลหลี่ไม่กังวลเก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 128

    เมื่อคนกลุ่มนี้เห็นหลี่เฉิน ก็ตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างโดยเฉพาะองค์ชายเก้าที่หวาดกลัวหลี่เฉินเป็นอย่างมาก ทันทีที่เขาเห็นหลี่เฉิน บั้นท้ายของเขาก็สั่นขึ้นมาทันที ก้นของเขายังไม่หายสนิท มีเพียงความรู้สึกตึงและเจ็บปวดเท่านั้น เหมือนมีมดนับล้านกำลังไต่ไปมาที่นั่น แข้งขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนแทบจะล้มคว่ำไปกับพื้นหวังเถิงฮ่วนมองเห็นความหวาดกลัวและความขี้ขลาดขององค์ชายเก้า จึงเข้าไปประคองเขา เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาทำตัวเองขายหน้าทุกคน“กลัวอะไร! ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยพูด!”หวังเถิงฮ่วนพูดเสียงขรึมในฐานะผู้มีอำนาจเป็นคนที่สองในสำนักราชเลขาของจ้าวเสวียนจี ครั้งแรกที่หวังเถิงฮ่วนเห็นหลี่เฉิน เขาก็สงสัยว่าองค์รัชทายาทมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร เหตุใดถึงไม่อยู่ที่ตำหนักบูรพาอย่างเงียบๆ แต่กลับวิ่งมาที่นี่แทน หรือว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขากับจ้าวเสวียนจีเกี่ยวกับการประนีประนอมขององค์รัชทายาทจะมีการเปลี่ยนแปลง?และท่าทางที่น่าอับอายขององค์ชายเก้าที่อยู่ข้างๆ เขา ก็ทำให้หวังเถิงฮ่วนหวังรู้สึกหนักอึ้งองค์ชายเก้าผู้นี้เหตุใดถึงไร้ประโยชน์ขนาดนี้ เช่นนั้นจะสามารถต่อสู้กับองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 129

    ภายใต้การจ้องมองที่เย็นชาและน่าเกรงขามของหลี่เฉิน เจียงโจวรู้สึกว่าเลือดทั่วร่างของเขากำลังจะแข็งตัว และลมหายใจก็แทบจะหยุดลงกำเนิดจากองค์จักรพรรดิเหมือนกันแท้ๆ แต่การแสดงออกขององค์ชายเก้าเรียกได้ว่าน่าผิดหวังสิ้นดีส่วนองค์รัชทายาทหลี่เฉินนั้น กลับมีความสง่างามและน่าเกรงขามอย่างที่คนเป็นองค์ชายควรจะมีอย่างแท้จริงเจียงโจวคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับโขกศีรษะเหมือนโขกกระเทียม“การซื้อทุกครั้งล้วนเป็นไปตามขั้นตอน แต่อาหารคุณภาพดีนั้นหาซื้อได้ยากจริงๆ แม้ว่าจะมีเงินอยู่ในมือ แต่ก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ กระหม่อม กระหม่อมทำไม่ถูก”“อีกอย่าง มีอาหารให้กินก็ดีกว่าอดตาย แม้ข้าวจะแย่แค่ไหน แต่ก็ดีกว่ากินเปลือกไม้และหญ้าหรือไม่?”คำพูดของเจียงโจวนั้น ทำให้หลี่เฉินโกรธจนหัวเราะ“ดี ดีมาก แม้ข้าวจะแย่แค่ไหน แต่ก็ดีกว่ากินเปลือกไม้และหญ้า ตอนนี้แม้มีเงินก็หาซื้อข้าวไม่ได้!”หลี่เฉินปล่อยองค์ชายเก้าที่หวาดกลัวจนร่างกายแข็งทื่อ และเดินเข้าไปหาเจียงโจว เมื่อพูดจบ เขาก็ยกเท้าขึ้นมาเตะทันทีลูกเตะนี้ ฟาดเข้ายอดหน้าของเจียงโจวเต็มๆทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของเจียงโจวก็ดังกึกก้องไปทั่วฟ้า โดยมีฟันร่วงลงมาค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 130

    คำพูดของหลี่เฉินหยาบคายมากแต่ก็เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดและผลของมันก็เกิดขึ้นทันทีในที่สุดหวังเถิงฮ่วนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องการเสียดายทีหลังขององค์รัชทายาท ไม่ใช่การไม่อยากให้องค์ชายเก้าได้รับชื่อเสียง แต่เป็นการฉวยโอกาสทำเป็นเรื่องใหญ่ดังนั้นจึงถูกกำหนดไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันจบลงง่ายๆเวลานี้ แม้ว่าหวังเถิงฮ่วนจะดำรงตำแหน่งขุนนางมาหลายทศวรรษ และฝึกฝนทักษะไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้ภูเขาไท่จะถล่มลงมาก็ตาม แต่ในใจกลับปั่นป่วนขึ้นมา หลี่เฉินคร้านจะมองหวังเถิงฮ่วนด้วยซ้ำ เขาหันไปมองเจียงโจวแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เจียงโจว ข้าจะไม่ชักจูงให้เจ้าสารภาพ แต่วันนี้ข้าจะพูดกับเจ้าให้ชัดเจน แค่โจ๊กพวกนี้ วันนี้เจ้าก็หนีความตายไม่พ้น”“แต่เจ้ายังมีโอกาสเลือกได้ว่าจะตายอย่างไร ถ้าเจ้าบอกมาตามตรงว่าใครมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และมีกระบวนการอย่างไร ข้ารับรองว่าเจ้าจะจากไปแบบไม่เจ็บปวด”พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหลี่เฉินก็ทวีความเย็นชาขึ้นมา “แต่ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีอยู่ งั้นรอจนกว่าจะเจอทัณฑ์เลาะกระดูก ในขณะที่โดนทัณฑ์เลาะกระดูก เจ้าก็สามารถมองเห็นครอบครัวข

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 814

    แม้เย่ลู่เสินเสวียนจะมีการปกป้อง แต่ขุนนางคนอื่นๆ กลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้นมีบางคนถูกแรงระเบิดซัดกระเด็นไปโดยตรง คนหนึ่งศีรษะกระแทกเสา เลือดพุ่งออกจากจมูกและปาก ก่อนร่างจะกระตุกสองครั้งแล้วนิ่งไปอีกสองคนถูกแรงระเบิดเหวี่ยงออกไปนอกหน้าต่าง ร่วงลงบนซากปรักหักพัง ไม่มีเสียงตอบสนองอีกเลยเย่ลู่เสินเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งแรกที่เขาคิดคือ หลี่เฉินต้องการฆ่าปิดปากเขาบ้าไปแล้วหรือ!? เขากล้าทำได้อย่างไร!?"ความตกใจและความโกรธที่ท่วมท้นทำให้ใบหน้าของเย่ลู่เสินเสวียนบิดเบี้ยว"เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?"เย่ลู่เสินเสวียนตะโกนด้วยเสียงต่ำ แม้ฝุ่นควันจะเกาะเต็มตัว แต่เขาไม่สนใจ"องค์รัชทายาท มียอดฝีมือบุกเข้ามา"ชายชราผู้ค้อมตัวเอ่ยคนคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ปกป้องเย่ลู่กู่จ้านฉีในวันนั้นมุมปากของเย่ลู่เสินเสวียนกระตุก สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาคิดไม่ออกว่าทำไมไม่ว่ามองจากมุมไหน หลี่เฉินไม่ควรจะลงมือกับเขาในเวลานี้นี่เป็นเหตุผลที่เขากล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง และแม้กระทั่งยั่วยุหลี่เฉินด้วยเย่ลู่เสินเสวียนไม่ใช่คนโง่ หากไม่มีความมั่นใจ เขาย่อมไม่เสี่ยงชีวิตเช่นนี้เว้นแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 813

    เมื่อเย่ลู่เสินเสวียนออกคำสั่ง องครักษ์หลายคนช่วยกันยกศพของฮาเลยต้าลี่เข้ามาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลานี้ ศพของฮาเลยต้าลี่ผ่านไปห้าหรือหกชั่วยามแล้ว จนร่างกายแข็งทื่อเลือดที่ไหลจนหมดทำให้ศพซีดเผือด ฮาเลยต้าลี่นอนแข็งอยู่บนพื้นห้องโถง ทุกคนในที่นั้นล้วนมีสีหน้าเรียบเฉยสำหรับคนแคว้นเหลียว ความตายไม่ใช่เรื่องน่าตกใจไม่มีใครรู้สึกเสียใจกับการตายของฮาเลยต้าลี่แม้กระทั่งเย่ลู่เสินเสวียนเอง แม้ลูกนอกสมรสของเขาเสียชีวิต เขายังไม่รู้สึกสะเทือนใจมากนัก นับประสาอะไรกับฮาเลยต้าลี่สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกขมขื่นคือ ฮาเลยต้าลี่ตายอย่างน่าอับอาย โดยฝีมือต้าฉินฮาเลยต้าลี่ถูกหลี่เฉินใช้ปืนจ่อปากยิงจนตาย ตอนนี้ปากของเขายังคงเปิดอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันสีขาวและลิ้นซีดเผือด ภายในปากเต็มไปด้วยเลือดสีดำที่แห้งจนแข็ง มองดูน่ากลัวและน่าขยะแขยงเย่ลู่เสินเสวียนสั่งให้พลิกศพของฮาเลยต้าลี่ไปอีกด้าน เผยให้เห็นบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะ ซึ่งเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นเด็กบริเวณแผลยังคงมีเลือดและเศษสมองหลงเหลืออยู่ เมื่อมองผ่านรูเข้าไป สามารถเห็นกะโหลกที่ภายในว่างเปล่าเกือบครึ่ง ภาพที่เห็นนี้ หากคนจิตใจอ่อนแอคงร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 812

    หลังฟังคำอธิบายของหลี่เฉิน กงฮุยอวี่รู้สึกว่า คนที่เล่นการเมืองเหล่านี้ ช่างมีจิตใจสกปรกเหลือเกินทุกการกระทำเล็กๆ ล้วนแฝงความหมายอันลึกซึ้งไม่น่าแปลกใจที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักบัวขาวแม้จะมีผู้นำที่เก่งกาจหรือศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าราชวงศ์หลี่ทั้งหมดมีระดับความสามารถเช่นนี้ สำนักบัวขาวที่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ จะเอาอะไรไปสู้กับราชสำนัก?เพียงแค่เล่ห์เหลี่ยมไม่กี่อย่าง ก็สามารถปั่นหัวเหล่าผู้คนของสำนักบัวขาวได้แล้วเมื่อนึกถึงอดีตราชวงศ์ที่แม้จะอ่อนแออย่างถึงที่สุด แต่คำสั่งปราบดินแดนเพียงฉบับเดียวก็ทำให้วีรชนแห่งเขาเหลียงซานหนึ่งร้อยแปดคนแยกย้ายกันไป กงฮุยอวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหนทางของสำนักบัวขาวช่างมืดมนเหลือเกินนางสลัดความคิดวุ่นวายเหล่านี้ออกไป ก่อนตอบกลับด้วยท่าทีเย็นชา "ต้องการให้ข้าลงมือเมื่อไหร่?"เมื่อเห็นว่ากงฮุยอวี่ตอบรับ หลี่เฉินถอนหายใจโล่งอกทันทีและกล่าวว่า "คืนนี้!"กงฮุยอวี่มองหลี่เฉินลึกซึ้งครั้งหนึ่งก่อนหมุนตัวเดินจากไปหลี่เฉินอารมณ์ดีขึ้นวั่นเจียวเจียวเดินถือของว่างมาพอดี พร้อมพูดว่า "องค์รัชทายาทสนมกล่าวว่าองค์ชายยังไม่ไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 811

    หลี่เฉินแค่นเสียงเย็นออกมาแม้เขาจะไม่พอใจที่หน่วยบูรพาทำงานล้มเหลว แต่ก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความผิดของหน่วยบูรพาโดยลำพังหลี่อิ๋นหู่และจ้าวเสวียนจีร่วมมือกัน การหลบซ่อนจากสายตาของหน่วยบูรพาไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรต้องไม่ลืมว่าเมื่อหน่วยบูรพาก่อตั้งขึ้น จ้าวเสวียนจีได้มีอำนาจมหาศาลอยู่ก่อนแล้วหลายปีที่ผ่านมา หน่วยบูรพาอาจพัฒนาไปไม่น้อย แต่จ้าวเสวียนจีเองก็เติบโตยิ่งกว่า"จับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด"หลี่เฉินกล่าวเสียงหนักแน่น "ข้าต้องการรู้ว่าพวกเขาเตรียมกำลังคนไว้เท่าไหร่ และคิดจะลงมือเมื่อใด"เขาหรี่ตาลงก่อนกล่าวต่อ "การกบฏไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาน่าจะเลือกเวลาพิเศษบางช่วงเพื่อเริ่มเคลื่อนไหว และสิ่งสำคัญที่สุดคือการควบคุมตัวข้า แล้วจึงยึดพระราชวังหลวง""หากสำเร็จ พวกเขาจะผลักดันให้หลี่อิ๋นหู่ขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาท หรือไม่ก็ยิ่งกว่านั้น สังหารข้าเพื่อขึ้นครองบัลลังก์โดยตรง"เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ซานเป่าถึงกับแสดงสีหน้าจริงจัง ขณะที่กงฮุยอวี่ผู้ซึ่งปกติไม่สนใจงานราชการก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองอย่างสนใจหลี่เฉินลุกขึ้นเดินไปยังประตูพระที่นั่งซีเจิ้ง มองท้องฟ้าที่มื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 810

    คำมั่นสัญญานี้ เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของจ้าวหรุ่ยเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งตลอดชีวิตไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ครอบครัวของบิดานาง ก็จะได้รับหลักประกันทางการเมืองในระดับหนึ่งจากตำแหน่งสนมของนางแม้หลี่เฉินจะไม่ใช่คนที่มักให้สิทธิพิเศษหรือผลประโยชน์แก่จ้าวเหอซานเพียงเพราะจ้าวหรุ่ย แต่หากวันใดจ้าวเหอซานทำผิดพลาด หลี่เฉินก็อาจยอมละเว้นชีวิตของเขาเพื่อเห็นแก่จ้าวหรุ่ยจ้าวหรุ่ยเข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดีสำหรับนาง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรยศจ้าวเสวียนจีมาก่อน การได้รับคำมั่นนี้ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความรักลึกซึ้งที่หลี่เฉินมีให้นางจ้าวหรุ่ยจึงคิดจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่กลับถูกหลี่เฉินจับตัวไว้"หม่อมฉัน ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ" จ้าวหรุ่ยกล่าวด้วยความตื้นตัน"พักผ่อนให้ดีเถอะ ข้าจะกลับมาร่วมทานอาหารค่ำกับเจ้า"หลังจากปลอบใจจ้าวหรุ่ยเรียบร้อย หลี่เฉินก็ลุกออกจากตำหนักเมื่อมาถึงพระที่นั่งซีเจิ้ง ซานเป่ากำลังรออยู่แล้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซานเป่าก็รีบนำข่าวสารจากสวีเว่ยส่งให้หลี่เฉินทันทีหลี่เฉินเพิ่งอ่านจบ กงฮุยอวี่ก็กลับมากงฮุยอวี่หันมารายงานหลี่เฉินทันที โดยไม่สนใจซานเป่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 809

    หลงไหวอวี้ไม่ได้มีเพียงอาจารย์ลึกลับผู้นั้นคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ยังมีอ๋องแห่งแคว้นอีกผู้หนึ่ง ซึ่งหลี่อิ๋นหู่รู้อยู่ก่อนแล้วทว่าอ๋องผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่ หลี่อิ๋นหู่กลับไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลยแต่ก่อนเขายังพอจะรอคอยได้อย่างใจเย็น ทว่าตอนนี้สถานการณ์พลิกผันรวดเร็วจนเขาไม่อาจนิ่งนอนใจอีกต่อไป ทำให้ต้องเสี่ยงชีวิตเดิมพันครั้งนี้เขาต้องการรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังหลงไหวอวี้และอาจารย์ส่วนการเฝ้าจับตาสวีเว่ยนั้น เป็นเพียงเพราะเขาระแวดระวังเป็นนิสัย โดยไม่เชื่อใจผู้ใดอย่างเต็มที่หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดว่าสวีเว่ยจะทรยศเขาได้ตลอดมาหลายเรื่องราวพิสูจน์ให้เห็นว่าสวีเว่ยเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์หาได้ยากแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ ในขณะที่เขาสั่งให้คนสนิทไปจับตาสวีเว่ยอยู่นั้น สวีเว่ยซึ่งเขามองว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ กลับส่งข่าวสารทั้งหมดไปยังตำหนักบูรพาผ่านทางเครือข่ายของหน่วยบูรพาทันทีที่ก้าวออกจากจวนอ๋องหลังส่งข่าวสำคัญไปแล้ว สวีเว่ยไม่กล้าแสดงท่าทีใดให้เป็นที่สงสัย เขาทำตามคำสั่งของหลี่อิ๋นหู่โดยตรง มุ่งหน้าไปยังประตูตะวันตกเพื่อพบกับนักพรตปลอมตัวที่หลี่อิ๋นหู่กำหนดไว้ พร้อมรับ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 808

    “ถูกต้อง ช่วงนี้การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างของข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเจ้า แต่การตัดสินใจที่ดีแค่ไหน ก็ยังเป็นการปรับตัวให้เหมาะสมกับเงื่อนไขปัจจุบันเท่านั้น มิอาจช่วยให้ข้าเพิ่มอำนาจในระยะเวลาอันสั้นได้”หลี่อิ๋นหู่กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าไม่มีเวลาแล้ว และตำหนักบูรพาเองก็จะไม่ให้ข้าได้มีเวลานั้น ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการคือการตัดสินใจเสี่ยงสุดตัว เพื่อสร้างหนทางรอดใหม่!”หลงไหวอวี้ยังคงรักษาสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆแต่ปฏิกิริยาดังกล่าวกลับแฝงความไม่พอใจเอาไว้อย่างชัดเจนเขาประสานมือคำนับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านอ๋องมีใจมุ่งมั่นเช่นนี้ ไหวอวี้จะเร่งติดต่ออาจารย์ให้เร็วที่สุด พวกเราสองคนจะพยายามช่วยท่านอ๋องขึ้นครองบัลลังก์อย่างเต็มกำลัง”“แต่ข้าขอถามท่านอ๋องว่า ท่านอ๋องได้ตกลงอะไรกับจ้าวเสวียนจีไว้บ้าง หรือว่าจ้าวเสวียนจีได้เปิดเผยไพ่ในมือให้ท่านเห็นมากน้อยเพียงใด?”หลี่อิ๋นหู่เลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววครุ่นคิดแม้หลงไหวอวี้จะเป็นที่ปรึกษาคนสนิท แต่เขาและอาจารย์ยังคงลึกลับเกินไป หลี่อิ๋นหู่ไม่อาจมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้พวกเขาได้ด้วยเหตุนี้ บางเรื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 807

    “แต่หากล้มเหลว ข้าเองก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ และคนในจวนอ๋องกว่าร้อยชีวิตก็อย่าหวังว่าจะรอด ด้วยนิสัยขององค์รัชทายาท ต่อให้เป็นไข่ไก่ในครัวก็ยังต้องถูกเขย่าให้แตกหมด”หลี่อิ๋นหู่ตบลงบนบ่าของสวีเว่ยอย่างหนัก พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าและข้าล้วนอยู่บนเรือลำเดียวกัน หากข้าพ่ายแพ้ เจ้าก็หนีไม่พ้น ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญถึงชีวิต ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”ใครบอกว่าข้ากับเจ้าลงเรือลำเดียวกัน!ชีวิตข้าเป็นสุนัขขององค์รัชทายาท แม้ตายก็เป็นสุนัขตายขององค์รัชทายาท!สวีเว่ยแอบคิดในใจอย่างเดือดดาล แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “โปรดวางใจเถิดท่านอ๋อง กระหม่อมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อท่าน ไม่ว่าจะลำบากเพียงใด”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนโบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ”สวีเว่ยที่กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้นเดินออกจากห้องหนังสือไปเมื่อสวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่ลดสายตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกมาได้แล้ว”จากห้องลับในห้องหนังสือ หลงไหวอวี้ก้าวออกมา“เรื่องทุกอย่างเจ้าได้ยินหมดแล้ว ข้าได้ตัดสิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 806

    สวีเว่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบรับทันทีว่า “กล้า!”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางกล่าวว่า “ดีมาก”เขาไม่ได้สั่งงานทันที แต่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์มันตึงเครียดแค่ไหน? องค์รัชทายาทกับข้า แม้จะเป็นพี่น้อง แต่เขาใจแคบ ย่อมไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของข้าได้ และอาจลงมือกับข้าได้ทุกเมื่อ”สวีเว่ยทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ สายตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกใจสีหน้าของเขาเหมาะเจาะกับที่หลี่อิ๋นหู่คาดการณ์ไว้ใครก็ตามที่ได้ยินความลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก ย่อมต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้แต่สิ่งที่หลี่อิ๋นหู่ไม่รู้คือ ความตกใจของสวีเว่ยมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เสแสร้ง อีกครึ่งหนึ่งมาจากความจริงที่ว่า หลี่อิ๋นหู่ไว้ใจเขาถึงขนาดบอกความลับสำคัญเช่นนี้“ข้าอยากจะช่วยองค์รัชทายาทอย่างสุดกำลัง แต่เขากลับไม่ไว้ใจข้า สวีเว่ย เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”สวีเว่ยรีบตอบว่า “กระหม่อมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ กระหม่อมรู้เพียงว่า ชีวิตของกระหม่อมเป็นของท่านอ๋อง หากท่านอ๋องต้องการสิ่งใด กระหม่อมย่อมปฏิบัติตาม ไม่ว่าใครคิดจะทำร้ายท่านอ๋อง ก็ต้องข้ามศพกระหม่อมไปก่อน!”หลี่อิ๋

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status