แชร์

บทที่ 121

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
เมื่อเห็นซูเจิ้นถิงจากไป ซูจิ่นพ่าผู้ซึ่งรู้จักอารมณ์ของบิดาดีจึงรู้ว่า ไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมในเรื่องนี้อย่างแน่นอน นางจึงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซูจิ่นพ่าก็เดินออกจากจวนแม่ทัพใหญ่โดยไม่หันกลับมามอง

“คุณหนู พวกเราจะไปที่ไหนกันเจ้าคะ?” สาวใช้คนสนิทเดินเข้ามาใกล้ๆ ซูจิ่นพ่า และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ไปหาท่านพี่ ดูว่าเขาจะสามารถขอให้บิดาเปลี่ยนใจได้หรือไม่” ซูจิ่นพ่ากล่าวอย่างมีอารมณ์

สาวใช้ตัวน้อยอยากจะบอกว่าถึงแม้ว่านายท่านอยากจะเปลี่ยนใจ แต่องค์รัชทายาทผู้ดุร้ายก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย...

แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งของคุณหนู สาวใช้ตัวน้อยก็กลืนคำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากกลับไป

……

วันรุ่งขึ้น หลี่เฉินก็ได้รับรายงานจากเฉินทงทันทีที่เขาตื่น

“ฝ่าบาท วันนี้องค์ชายเก้าได้พบปะหวังเถิงฮ่วนและคนอื่นๆ จากนั้นก็ออกจากเมืองไป”

หลี่เฉินขมวดคิ้วถาม “ไปบรรเทาภัยพิบัติหรือเปล่า?”

เฉินทงตอบ “ใช่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเก้าออกจากอำเภอทงในตอนเช้า พร้อมกับเสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าจำนวนหนึ่ง ตลอดทางก็ใช้องค์ชายเก้าเป็นตัวแทนของราชวงศ์ที่แสดงถึงคว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 122

    “ไม่ต้องพิธีรีตอง”หลี่เฉินโบกมือ และมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ด้านหลังซูผิงเป่ยด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “ทำไมจิ่นพ่าพบข้า แล้วยังไม่ทำความเคารพ?”ซูจิ่นพ่าพองแก้ม นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทที่อยู่ตรงหน้าเริ่มน่ารำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นางไม่มีทางเลือก นอกจากต้องก้มหัวโค้งคำนับ“ซูจิ่นพ่าถวายบังคมองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี”“ไม่ต้องพิธีรีตอง”หลี่เฉินหันมาพูดกับซูผิงเป่ยว่า “เจ้าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่หน่วยองครักษ์อวี่หลินหรือ เหตุใดตอนนี้ถึงยังอยู่ที่บ้าน?”พวกเจ้านายรุ่นหลังๆ มักจะใช้น้ำเสียงนี้จับผิดลูกน้องที่กำลังแอบอู้ซูผิงเป่ยดูขมขื่น เขายกมือขึ้นมากำหมัดแล้วรายงานว่า “มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นที่บ้าน กระหม่อมจึงขอลามาทำธุระล่วงหน้า และตอนนี้ก็กำลังจะกลับไป”หลี่เฉินมองซูจิ่นพ่าอย่างมีเลศนัยจำนวนคนที่อาศัยอยู่ในจวนแม่ทัพใหญ่ไม่ได้เยอะมากนัก ภรรยาคนแรกของซูเจิ้นถิง ซึ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดสองพี่น้อง ได้เสียชีวิตก่อนเวลาอันควร แม้ว่าในเวลาต่อมา ซูเจิ้นถิงจะรับอนุภรรยามาหลายคน แต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็สามารถมองออกว่าซูเจิ้นถิงเพียงรับมือไปตามสถานการณ์เท่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 123

    ผู้ที่มา เป็นบัณฑิตรูปงามคนหนึ่งเขาสวมเสื้อคลุมสีเขียว ในมือถือพัดไว้หนึ่งเล่ม ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งมากมายนัก อีกทั้งเสื้อผ้าก็ทำมาจากวัสดุธรรมดาทั่วไป แต่กลิ่นไอกลับดูอ่อนโยนและสง่างาม ทำให้คนรู้สึกสบายใจและอยากจะใกล้ชิดด้วย เวลานี้ เขาจ้องไปที่มือของซูจิ่นพ่าที่ถูกหลี่เฉินจับไว้ ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ซูจิ่นพ่าหันกลับไปมองเขา แล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “ที่แท้ก็คุณชายโหว”โหวอวี้ซูเลื่อนสายตาไปมองหลี่เฉิน จากนั้นก็ถามซูจิ่นพ่าว่า “คุณชายท่านนี้ดูคุ้นเคยยิ่งนัก ท่านและคุณหนูซูออกมาจากจวนพร้อมกัน ไม่ทราบว่าเป็นญาติของคุณหนูซูท่านใด?”คำถามของโหวอวี้ซูนั้น ถามได้ดีมากชัดเจนว่ากำลังหยั่งเชิงสถานะของหลี่เฉินอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจเห็นได้ชัดว่า เขาใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเองในสายตาของซูจิ่นพ่า และรู้ด้วยว่าซูจิ่นพ่าไม่ชอบคุณชายสำรวยขณะที่ซูจิ่นพ่ากำลังจะตอบ ก็เห็นหลี่เฉินขยับมือ จากนั้นก็รวบซูจิ่นพ่าเข้ามากอด แล้วหันไปพูดกับโหวอวี้ซูด้วยสายตาเฉยเมยว่า “ข้าไม่ใช่ญาติของนาง แต่เป็นคู่หมั้นของนาง”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา โหวอวี้ซูก็แสดงสีหน้าไม่เชื่อ“คุณหนูซู ท่าน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 124

    เมื่อเห็นท่าทางของโหวอวี้ซู ซูจิ่นพ่าก็ทนมองเขาตรงๆ ไม่ไหว“คุณชายโหว หยุดถามได้แล้ว สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง”ซูจิ่นพ่าถอนหายใจนางกับโหวอวี้ซูเป็นเพียงคนรู้จักกันแบบผิวเผิน ซึ่งนางจำกัดให้เป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น และรู้สึกว่าอีกฝ่ายพอจะมีความสามารถอยู่บ้างแต่ซูจิ่นพ่าก็ไม่อยากให้โหวอวี้ซูยั่วโมโหหลี่เฉินจริงๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกตัดหัวได้เมื่อโหวอวี้ซูเห็นซูจิ่นพ่ายอมรับทุกอย่าง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดในใจครั้งแรกที่เขาเห็นซูจิ่นพ่า ก็ตกหลุมรักซูจิ่นพ่าอย่างลึกซึ้งแม้กระทั่งตอนกลางคืน เขาก็สาบานกับดวงจันทร์หลายครั้งว่า ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันแต่งงานกับใครนอกจากซูจิ่นพ่าเขาไม่หวั่นกับชาติกำเนิดอันสูงส่งของซูจิ่นพ่า ซึ่งแตกต่างจากเขาเป็นอย่างมาก แต่กลัวว่าตัวเองจะไม่มีแม้แต่โอกาส“ข้าไม่ยอมรับ!”ใบหน้าของโหวอวี้ซูเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขากล่าวกับหลี่เฉินว่า “ในครึ่งปีหลัง ข้าเขียนบทกวีเจ็ดตัวอักษรที่ชื่อว่า ในประโยคหนึ่งเขียนว่า รำลึกถึงพี่น้องยามขึ้นที่สูง ปักจูอวี๋ขาดข้าเพียงคนเดียว ท่านจิ้งจือ บุคคลสำคัญในด้านวรรณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 125

    “นั่นคือความหมายของคำว่าสะ...เสแสร้งหรือ?”แม้ซูจิ่นพ่าจะรู้สึกสนใจ แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าสองคำนี้จะต้องมีความหมายที่ไม่ดีแน่ๆแต่ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนจึงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และแปลกหน้าน้อยลงขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็ค่อยๆ ออกจากพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา และความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ออกจากเมืองหลวงแล้ว ทัศนียภาพที่พุพังและเน่าเปื่อยก็ทำให้ซูจิ่นพ่ารู้สึกเศร้า และคำพูดของหลี่เฉินก็หยุดลงในจุดหนึ่ง ทั้งสองฉวยโอกาสที่ตอนนี้หิมะยังน้อย รีบมุ่งหน้าไปที่ตงโจว โดยไม่พูดอะไรสักคำ“จากเมืองหลวงไปตงโจวเพียง 20-30 ลี้ ถ้าเป็นการบรรเทาภัยพิบัติขนาดใหญ่ อีกไม่ไกลก็น่าจะมองเห็นฉากเหล่านั้น” ซูจิ่นพ่าหาหัวข้อคุยหลี่เฉินพยักหน้า “หวังว่าคนเหล่านั้นจะยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง”ซูจิ่นพ่ารู้ดีว่าหลี่เฉินหมายถึงอะไรทุกวันนี้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติกำลังลุกลาม และท้องพระคลังก็ว่างเปล่า ทั้งคนธรรมดาและเจ้าหน้าที่ต่างก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็มีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติ หากพวกเขาเป็นคนโลภ สิ่งของและเสบียงอาหารบรรเทาภัยพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 126

    สำหรับอาหารเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ต้าฉินมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและกฎหมายที่เข้มงวดไม่ว่าภัยพิบัติจะใหญ่หรือเล็ก แต่ตราบใดที่ราชสำนักอนุมัติ และกรมครัวเรือนจัดสรรเงินทุน เงินนั้นจะถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยงานท้องถิ่น โดยมาตรการบรรเทาสาธารณภัยใดๆ จะต้องใช้ข้าวครึ่งชามและน้ำสองชาม หากอัตราส่วนน้อยกว่านี้ จะถูกลงโทษสำหรับความผิดฐานเล่นพรรคเล่นพวก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม“เนื่องจากเป็นการบรรเทาสาธารณภัย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดหาอาหารให้ได้ทั้งสามมื้อ แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายจักรวรรดิระบุไว้ว่า ใครก็ตามที่เปิดยุ้งฉางเพื่อบรรเทาสาธารณภัยในนามของหน่วยงานราชการ หากตักเต็มทัพพีจากก้นหม้อ แล้วมีเมล็ดข้าวน้อยกว่าหนึ่งในห้าส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรือเล็ก จะท้องถิ่นหรือเมืองหลวง พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกประหาร”น้ำเสียงของหลี่เฉินเย็นชา ขณะจ้องมองใบหน้าที่ตื่นตระหนกของเจ้าหน้าที่ “ในหนึ่งทัพพีเต็มนี้ อาจมีเมล็ดข้าวแค่หนึ่งในสิบ!?”หลี่เฉินทรงอำนาจแค่ไหน?มีคำพูดในสมัยโบราณว่า เมื่อโอรสสวรรค์ทรงพิโรธจะมีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน หลี่เฉินอาจจะยังไม่ใช่จักรพรรดิในตอนนี้ แต่ก็ยังเป็นว่าที่กษัตริย์ย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 127

    ด้วยความโกรธ หลี่เฉินโยนถุงข้าวในมือออกไปแล้วตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวว่า “องครักษ์เสื้อแพร!”องครักษ์เสื้อแพรที่รับผิดชอบหน้าที่คุ้มกันข้างกายในที่มืด ก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลี่เฉินอย่างเงียบเชียบเมื่อเห็นหลี่เฉินตะโกนเรียกองครักษ์เสื้อแพร ซูจิ่นพ่าก็ตกใจกลัวเพราะไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทผู้เกรี้ยวกราดจะทำอะไรนางรีบหยุดหลี่เฉินทันที และพูดอย่างร้อนรนว่า “ฝ่าบาท อย่าทำเช่นนี้”“สถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้ก็ตึงเครียดพออยู่แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวพันกันจนแยกไม่ออก หากดึงขนออกมาแค่เส้นเดียวก็อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งหมดได้ หากฝ่าบาททรงหุนหันพลันแล่น ก็มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์ใหม่ในราชสำนักขึ้นมา ซึ่งไม่ดีต่อสถานการณ์โดยรวม โปรดคิดให้ดี!”“คิดให้ดี!”หลี่เฉินโกรธจนยิ้มออกมา เขาชี้ไปที่ผู้ประสบภัยที่พยายามแย่งชิงเมล็ดข้าวและทรายบนพื้น จากนั้นก็พูดอย่างเศร้าๆ ว่า “เห็นฉากนี้แล้ว ยังจะให้ข้าคิดอะไรอีก!?”“สามร้อยปีก่อน เมื่อไท่จู่เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ได้ประกอบพระราชพิธีบูชาสวรรค์ ณ.ภูเขาไท่ ตอนนั้นได้เขียนหนังสือนิรโทษสวรรค์ และเคยกล่าวไว้ว่า หากลูกหลานตระกูลหลี่ไม่กังวลเก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 128

    เมื่อคนกลุ่มนี้เห็นหลี่เฉิน ก็ตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างโดยเฉพาะองค์ชายเก้าที่หวาดกลัวหลี่เฉินเป็นอย่างมาก ทันทีที่เขาเห็นหลี่เฉิน บั้นท้ายของเขาก็สั่นขึ้นมาทันที ก้นของเขายังไม่หายสนิท มีเพียงความรู้สึกตึงและเจ็บปวดเท่านั้น เหมือนมีมดนับล้านกำลังไต่ไปมาที่นั่น แข้งขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนแทบจะล้มคว่ำไปกับพื้นหวังเถิงฮ่วนมองเห็นความหวาดกลัวและความขี้ขลาดขององค์ชายเก้า จึงเข้าไปประคองเขา เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาทำตัวเองขายหน้าทุกคน“กลัวอะไร! ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยพูด!”หวังเถิงฮ่วนพูดเสียงขรึมในฐานะผู้มีอำนาจเป็นคนที่สองในสำนักราชเลขาของจ้าวเสวียนจี ครั้งแรกที่หวังเถิงฮ่วนเห็นหลี่เฉิน เขาก็สงสัยว่าองค์รัชทายาทมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร เหตุใดถึงไม่อยู่ที่ตำหนักบูรพาอย่างเงียบๆ แต่กลับวิ่งมาที่นี่แทน หรือว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขากับจ้าวเสวียนจีเกี่ยวกับการประนีประนอมขององค์รัชทายาทจะมีการเปลี่ยนแปลง?และท่าทางที่น่าอับอายขององค์ชายเก้าที่อยู่ข้างๆ เขา ก็ทำให้หวังเถิงฮ่วนหวังรู้สึกหนักอึ้งองค์ชายเก้าผู้นี้เหตุใดถึงไร้ประโยชน์ขนาดนี้ เช่นนั้นจะสามารถต่อสู้กับองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 129

    ภายใต้การจ้องมองที่เย็นชาและน่าเกรงขามของหลี่เฉิน เจียงโจวรู้สึกว่าเลือดทั่วร่างของเขากำลังจะแข็งตัว และลมหายใจก็แทบจะหยุดลงกำเนิดจากองค์จักรพรรดิเหมือนกันแท้ๆ แต่การแสดงออกขององค์ชายเก้าเรียกได้ว่าน่าผิดหวังสิ้นดีส่วนองค์รัชทายาทหลี่เฉินนั้น กลับมีความสง่างามและน่าเกรงขามอย่างที่คนเป็นองค์ชายควรจะมีอย่างแท้จริงเจียงโจวคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับโขกศีรษะเหมือนโขกกระเทียม“การซื้อทุกครั้งล้วนเป็นไปตามขั้นตอน แต่อาหารคุณภาพดีนั้นหาซื้อได้ยากจริงๆ แม้ว่าจะมีเงินอยู่ในมือ แต่ก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ กระหม่อม กระหม่อมทำไม่ถูก”“อีกอย่าง มีอาหารให้กินก็ดีกว่าอดตาย แม้ข้าวจะแย่แค่ไหน แต่ก็ดีกว่ากินเปลือกไม้และหญ้าหรือไม่?”คำพูดของเจียงโจวนั้น ทำให้หลี่เฉินโกรธจนหัวเราะ“ดี ดีมาก แม้ข้าวจะแย่แค่ไหน แต่ก็ดีกว่ากินเปลือกไม้และหญ้า ตอนนี้แม้มีเงินก็หาซื้อข้าวไม่ได้!”หลี่เฉินปล่อยองค์ชายเก้าที่หวาดกลัวจนร่างกายแข็งทื่อ และเดินเข้าไปหาเจียงโจว เมื่อพูดจบ เขาก็ยกเท้าขึ้นมาเตะทันทีลูกเตะนี้ ฟาดเข้ายอดหน้าของเจียงโจวเต็มๆทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของเจียงโจวก็ดังกึกก้องไปทั่วฟ้า โดยมีฟันร่วงลงมาค

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 938

    เช้าวันรุ่งขึ้น สำนักราชเลขาก็ลงมือเคลื่อนไหวหลี่อิ๋นหู่ ออกประกาศราชโองการในนามขององค์ชายแปด และ จ้าวอ๋องในประกาศฉบับนั้นเริ่มต้นด้วยการกล่าวโทษหลี่เฉินถึงความผิดทั้งปวงที่เกิดขึ้นหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รายชื่อขุนนางที่ถูกประหาร ถูกริบทรัพย์ ถูกกำจัดไป ล้วนถูกระบุไว้ชัดเจน จากนั้นก็ชี้ชัดว่าหลี่เฉินใช้อำนาจในทางมิชอบ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยปราศจากเหตุผลในเนื้อหาของประกาศฉบับนี้ หลี่เฉินถูกกล่าวหาว่าเป็นองค์รัชทายาทที่โฉดเขลา อำมหิต และไร้ความสามารถและที่สำคัญที่สุด…หลี่อิ๋นหู่ ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ในตอนท้ายของประกาศเขาได้ตั้งข้อกังขาต่อเชื้อสายของหลี่เฉิน!หลี่อิ๋นหู่กล่าวหาว่าองค์รัชทายาทในปัจจุบัน มิใช่พระโอรสที่แท้จริงของต้าสิงฮ่องเต้ แต่เป็นบุตรชายที่เกิดจากสตรีสามัญชนที่ต้าสิงฮ่องเต้เคยโปรดปรานเมื่อครั้งยังไร้รัชทายาท ในปีนั้น เมื่อพระนางตั้งครรภ์และให้กำเนิดพระโอรส ต้าสิงฮ่องเต้ จึงรับตัวเข้าวัง และเพื่อปกปิดความจริงจึงให้พระสนมองค์หนึ่งแสร้งรับเป็นพระมารดาเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทั้งแผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือน!ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าองค์ชายแปด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 937

    การเคลื่อนย้ายกองทัพ นับแต่อดีตกาล ล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุดของผู้ปกครองโดยทั่วไป การนำกองทัพจากต่างเมืองเข้ามาในเมืองหลวง ย่อมเป็นไปได้ยากยิ่งแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ หลี่เฉินจำต้องใช้กำลังทหารจากภายนอกหากไม่ได้เตรียมการไว้ อาจไม่ปลอดภัยไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าจ้าวเสวียนจีเตรียมกำลังพลไว้เท่าใดซูเจิ้นถิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทยังทรงจำกองทัพเหลียวตงได้หรือไม่?”หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองซูเจิ้นถิง ส่งสัญญาณให้เขากล่าวต่อ“เมื่อปีก่อน ผิงเป่ยได้รับพระบัญชาให้นำทัพไปปราบดองอิ๋งในแคว้นเซียน ในครานั้น ได้มีการเรียกใช้กองทัพเหลียวตง ซึ่งมี แม่ทัพหูซื่อฟาน เป็นผู้บัญชาการ”“แม่ทัพหูซื่อฟาน เคยเป็นอดีตคนของบิดากระหม่อม ในเรื่องความจงรักภักดีนั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน”“ส่วนกองทัพจากที่อื่น กระหม่อมเห็นว่าหากไม่ใช่สถานการณ์จำเป็นจริงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจ้าวเสวียนจีแล้ว พวกเรายังต้องระวังอ๋องจากแคว้นต่างๆ ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย โดยเฉพาะเขตจีชิ่งและกานส่าน จีชิ่งเป็นเขตของเหวินอ๋อง กานส่านเป็นเขตของหนิงอ๋อง หากเกิดเรื่องขึ้นที่ใดที่หนึ่ง ย่อมสะเทือ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 936

    “แม่ทัพซู ดูเหมือนว่าจ้าวเสวียนจีจะทนไม่ไหวแล้ว พวกเขาอาจใช้กำลังทหารบีบคั้นตำหนักบูรพาได้ทุกเมื่อ”คำพูดแรกของหลี่เฉินทำให้ใจของซูเจิ้นถิงแทบหยุดเต้นทว่าซูเจิ้นถิงเพียงยิ้มบางๆ พลางกล่าว “องค์รัชทายาทวางพระทัยเถิด ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของกระหม่อม ตำหนักบูรพาจะไม่เกิดเรื่องแน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “มีแม่ทัพซูกล่าวเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”จากนั้นเขาหันไปมองสวีฉังชิง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สวีฉังชิง ต่อจากนี้ ภาระของเจ้าจะหนักที่สุด”สวีฉังชิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกล่าว “องค์รัชทายาท กระหม่อมยินดีถวายชีวิตเพื่อองค์รัชทายาท”“ในด้านราชการ เจ้าอาจต้องรับภาระมากขึ้น เวลานี้ข้าไม่อาจเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าได้ แม้เลื่อนตำแหน่ง สำนักราชเลขาก็คงไม่ยอมรับ ทำให้ชื่อเสียงไม่เป็นที่ยอมรับและกลับกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้า แต่ข้าขอรับปาก จะมอบตำแหน่งมหาเสนาบดีให้แก่เจ้า”หากต้องการให้ม้าออกวิ่ง ก็ต้องให้อาหารม้าอิ่มเสียก่อนขณะนี้ ตำแหน่งรองเสนาบดีกรมครัวเรือนของสวีฉังชิงนั้นต่ำเกินไป และข้อจำกัดของกรมครัวเรือนก็มาก ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสำคัญต่างๆ ได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 935

    “องค์รัชทายาททรงดื้อดึงถึงเพียงนี้ เช่นนั้น พวกหม่อมฉันย่อมไม่อาจนิ่งเฉย”จ้าวเสวียนจีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ครั้งนี้ เขาไม่มีทางถอยอีกแล้วสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ทุกฝ่ายต่างยืนอยู่ริมหน้าผา หากใครก้าวถอยหลังเพียงก้าวเดียว ก็จะร่วงลงสู่หุบเหวอันลึกสุดหยั่งเขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “กระหม่อมขอตัว”กล่าวจบ จ้าวเสวียนจีก็หันหลังเดินออกจากพระที่นั่งไท่เหอทันทีฟู่อวี้จือและจางปี้อู่ก็เดินตามไปโดยไม่เอ่ยคำใด แม้แต่จะค้อมศีรษะให้หลี่เฉินสักครั้ง ยังไม่ทำหลี่อิ๋นหู่เดินมาถึงข้างกายหลี่เฉิน มองดูเขาพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยัน ราวกับว่านี่คือฉากที่เขาอยากเห็นที่สุด“น้องขอตัว”เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเดินออกไปอย่างองอาจหลังจากนั้น ขุนนางที่เป็นพวกพ้องของสำนักราชเลขาต่างทยอยออกไป ราวกับกระแสน้ำที่ถาโถมพัดผ่านแต่หลี่เฉินหาได้เอ่ยปากห้ามพวกเขาแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่ มองดูเงาหลังของพวกเขาจากไปเงียบๆ เพียงพริบตาเดียว พระที่นั่งไท่เหอที่เคยเต็มไปด้วยขุนนาง ก็บรรยากาศเงียบเหงาลงทันทีเมื่อสำนักราชเลขาถอนตัวไปแล้ว ผู้ที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นฝ่ายของตำหนักบูรพาบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 934

    องค์รัชทายาทฆ่าคนมาแล้วมากมายมีตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่พิสูจน์ว่า ไม่มีใครที่องค์รัชทายาทไม่กล้าฆ่ามหาบัณฑิตจากสำนักราชเลขา? เขาก็เคยฆ่ามาแล้วแม้แต่ทูตจากแคว้นเหลียว เขายังสังหารต่อหน้าเย่ลู่เสินเสวียนได้เลยชื่อเสียงแห่งความโหดเหี้ยมขององค์รัชทายาท สร้างขึ้นมาจากเลือดของคนเหล่านั้นดังนั้นเมื่อเขากล่าวว่า จะฆ่าจ้าวเสวียนจี ไม่มีขุนนางคนใดในท้องพระโรงที่คิดว่าเขาไม่กล้าทำยกเว้นเพียง จ้าวเสวียนจีเพียงผู้เดียวเขาเงยหน้ามองหลี่เฉิน สีหน้าเรียบเฉย ก่อนกล่าวว่า "หากองค์รัชทายาทเห็นว่าหม่อมฉันสมควรถูกสังหาร หม่อมฉันก็ยินดีมอบศีรษะนี้ให้พระองค์ได้ลงมือ"มีบางปัญหา หากแก้ไม่ได้ ก็ตัดรากถอนโคนมันเสียแต่บางปัญหา หากแก้ไขได้ ก็ควรแก้ไขที่ตัวปัญหา การกำจัดคนที่สร้างปัญหาออกไป อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมจ้าวเสวียนจีเข้าใจเรื่องนี้ดี และหลี่เฉินก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจ้าวเสวียนจีจึงไม่รู้สึกหวาดหวั่นเพราะหากหลี่เฉินเสียสติถึงขั้นสังหารเขาต่อหน้าขุนนางทั้งหมด วันพรุ่งนี้ ราชสำนักต้าฉินก็ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆและนี่คือราคาที่หลี่เฉินไม่มีทางยอมจ่ายและเขาก็ไม่ยอมจ่ายจริงๆ“

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 933

    “ข้าเป็นองค์รัชทายาท ส่วนเจ้าเป็นเพียงองค์ชายต่ำศักดิ์ เจ้ามากราดเกรี้ยวต่อราชสำนักเยี่ยงนี้ แล้วขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษเล่า? ความอาวุโสลำดับชั้นเล่า?”“ข้ามีพระราชโองการจากเสด็จพ่อ ประทานอำนาจสำเร็จราชการให้ข้าดูแลกิจการทั้งปวงของราชสำนัก หากเจ้าขัดข้า ก็เท่ากับขัดขืนเสด็จพ่อ มีสิ่งใดแตกต่างจากการก่อกบฏ?”สองประโยคของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะกล่าวสิ่งใด แต่ด้วยฐานะของหลี่เฉินและพระราชโองการที่พระบิดามอบให้นั้น ก็เหมือนกับชุดเกราะที่ทำให้หลี่เฉินอยู่ในสถานะไร้เทียมทานนี่คืออำนาจทางกฎหมายที่ไม่มีใครข้ามผ่านไปได้และในแผ่นดินนี้ มีเพียงต้าสิงฮ่องเต้เท่านั้น ที่สามารถเพิกถอนอำนาจนี้ได้แต่พระราชโองการนี้ เป็นสิ่งที่ต้าสิงฮ่องเต้ทรงมอบให้หลี่เฉินด้วยพระองค์เอง พระองค์จะทรงเพิกถอนมันได้หรือ?อย่างน้อย... ตอนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกอึดอัดจนแทบกระอักเลือดในเวลานี้ จ้าวเสวียนจีจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“องค์รัชทายาท หน้าที่ของขุนนาง คือการช่วยเหลือฝ่าบาทบริหารราชกิจ แต่ในยามที่ผู้ครองอำนาจขาดวิจารณญาณ พวกเราต้องกล้าที่จะทูลทัดทาน กล้าท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 932

    “ผู้อาวุโสหมายความว่า ให้ข้าสละตำแหน่ง แล้วให้จ้าวอ๋องขึ้นมาแทนหรือ?”เสียงของหลี่เฉินหนักแน่น ก้องกังวานไปทั่วพระที่นั่งไท่เหอจ้าวเสวียนจีหาได้หวั่นไหวไม่ สีหน้าสงบนิ่ง ทว่าคำพูดกลับเฉียบคมและหนักแน่น “องค์รัชทายาททรงตรากตรำเพื่อราชสำนักมาเนิ่นนาน ถึงเวลาสมควรพักผ่อนเสียบ้าง ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์พี่น้องเหนือสิ่งอื่นใด ให้จ้าวอ๋องช่วยแบ่งเบาภาระพระองค์ ถือเป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานแน่นอน”“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”หลี่อิ๋นหู่ตื่นเต้นจนตัวสั่น เขาแทบจะมองเห็นภาพตนเองยืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกร และยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่เขาได้นั่งบนบัลลังก์ด้วยตนเองเริ่มแจ่มชัดขึ้นทุกทีแต่ละภาพที่แล่นเข้ามาในหัว ล้วนทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่านเขาหันไปมองหลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหมายลึกซึ้ง “องค์รัชทายาท ข้าน้อยแม้ความสามารถด้อยกว่า แต่ก็เต็มใจแบ่งเบาภาระของพระองค์ ขอองค์รัชทายาทได้โปรดเห็นแก่ความหวังดีของข้าด้วย”เสียงของหลี่เฉินเย็นชา ทว่าเปี่ยมด้วยอำนาจ เขาแม้แต่จะปรายตามองหลี่อิ๋นหู่ยังไม่คิดจะทำ “ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด ถอยไปซะ!”สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างทันทีถูกตว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 931

    เมื่อสวีฉังชิงก้าวออกมา บรรยากาศในพระที่นั่งไท่เหอก็พลันคึกคักขึ้นทันทีเหล่าขุนนางจากสำนักราชเลขาต่างออกมาตอบโต้โจมตีสวีฉังชิง แต่ฝ่ายตำหนักบูรพาเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้เช่นกันด้วยการนำของสวีฉังชิง ขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาก็เริ่มลุกขึ้นมาโต้กลับ แม้ว่าจำนวนจะน้อยกว่า อายุโดยรวมจะอ่อนกว่า อีกทั้งตำแหน่งก็ไม่สูงเท่ากับฝ่ายสำนักราชเลขา แต่พวกเขาก็หาได้เกรงกลัวไม่ปะทะกันไปมา เพียงไม่กี่คำก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธจนแทบกระอักเลือดท้ายที่สุด ด้วยการส่งสัญญาณของซูเจิ้นถิง กองทัพก็ลงมาร่วมวงด้วยบรรดาเหล่านายทหารผู้หยาบกระด้างเหล่านี้ โดยปกติแล้วไม่มีสิทธิ์และโอกาสมากนักในการแสดงความคิดเห็นในพระราชสำนัก แต่เมื่อมีโอกาสเข้ามาถึง พวกเขาก็ไม่รีรอการปะทะคารมระหว่างบัณฑิต แม้จะแหลมคม แต่ก็มักเต็มไปด้วยถ้อยคำสูงส่งและซับซ้อน ทว่าเมื่อฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คำพูดที่ออกมากลับเป็นภาษาชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่กระแทกใจพระที่นั่งไท่เหอวุ่นวายจนแทบกลายเป็นตลาดสดจ้าวเสวียนจีที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยไม่กล่าวอันใดมาตลอด เหลือบมองสวีฉังชิงท่ามกลางฝูงชน พลางถอนหายใจอย่างเงียบงันก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยให

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 930

    คำกล่าวของฟู่อวี้จือราวกับเป็นเข็มกระตุ้นหัวใจให้กับบรรยากาศอันตึงเครียดในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางทุกคนต่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองฟู่อวี้จือ“เงินเดือนขุนนาง ค่าใช้จ่ายของราชสำนัก ค่าจ้างทหาร ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติ ล้วนมีระเบียบและกฎเกณฑ์ คลังหลวงเก็บภาษีได้ในแต่ละปี แม้ไม่เพียงพอสำหรับทุกค่าใช้จ่าย แต่ก็สามารถจ่ายได้บางส่วน องค์รัชทายาทจะมาใช้เล่ห์กลปั่นหัวผู้คนและบิดเบือนความจริงได้อย่างไร?”คำพูดเพิ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางคัน“ใต้เท้าฟู่ คำกล่าวนี้ผิดถนัดแล้ว”ประโยคเปิดหัวคล้ายกัน แต่เปลี่ยนผู้พูดไปเป็นสวีฉังชิงเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องใช้เงินจากคลังหลวง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือคลังหลวงขาดแคลนมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงเมตตาต่อราษฎร จึงยกเว้นภาษีในหลายพื้นที่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงแต่รายได้จากภาษีลดลง แต่คลังหลวงยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ รายรับกับรายจ่ายที่สวนทางกันเช่นนี้ ใต้เท้าฟู่คิดว่าช่องว่างมันมากเพียงใดกัน?”“ปีที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะองค์รัชท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status