เมื่อเห็นดวงตาที่ลุกเป็นไฟบนใบหน้าที่เย็นชาของหลี่เฉิน หลิวซือฉุนก็ตกใจนางคุ้นเคยกับดวงตาเหล่านี้ดีเพราะเวลาที่พวกผู้ชายมองนาง ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสายตาเช่นนี้เพียงแต่ไม่มีผู้ชายคนไหนเข้มแข็งและมีอำนาจเท่ากับองค์รัชทายาท และอีกฝ่ายก็ไม่คิดที่จะอำพรางความรู้สึกเลยแม้แต่น้อยหลิวซือฉุนกัดฟันแน่น นางเดินเข้าไปหาหลี่เฉินทีละก้าวหลี่เฉินยกมือขึ้น และดึงหลิวซือฉุนเข้ามาในอ้อมแขนแล้วให้นางนั่งลงหลิวซือฉุนต้องการจะต่อต้านตามสัญชาตญาณแต่กลับถูกหลี่เฉินกอดไว้แน่นบั้นท้ายที่อวบอิ่มและเด้งดึ๋งของหลิวซือฉุน กดทับลงบนหน้าตักของตัวเอง ทำให้หลี่เฉินรู้สึกราวกับว่ามีน้ำมันราดบนกองไฟ ทันใดนั้นเปลวไฟที่ดูเหมือนจะมอดดับ ก็ลุกโชนขึ้นมาโดยพลัน“อย่าต่อต้าน”หลี่เฉินกล่าวเสียงกระซิบ “เจ้าก็รู้ ว่าเจ้าต่อต้านข้าไม่ได้”หลิวซือฉุนหายใจถี่ในส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกายผู้หญิง รู้สึกได้ถึงรูปร่างของหลี่เฉินอย่างชัดเจนซึ่งการสัมผัสแบบนี้ เกินกว่าขอบเขตของความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่สังคมอนุญาต ทำให้หลิวซือฉุนกลายเป็นคนโง่งมไปชั่วขณะ“องค์รัชทายาท ไม่ได้เพคะ ”ในความลนลาน หลิวซือฉุนก็ทำไ
ทั่วทั้งห้องโถงพลันเงียบงันพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คำพูดของกวางกงกลับรุนแรงแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนคนสนิทคนหนึ่งของซานเป่ายกมือขึ้นแล้วก็พูดว่า “ขอแค่กวางกงสั่ง ข้าก็พร้อมที่จะตาย แต่กวางกง มันเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”ซานเป่ายกมือแตะรอยเลือดที่คอของเขาอย่างช้าๆ แล้วกัดฟันพูดว่า “เมื่อครู่ ข้าเกือบจะถูกองค์รัชทายาทตัดหัว!”“เป็นเพราะการแบ่งแยกมณฑลซีซาน ทำให้ยุทธการที่สำคัญต้องล่าช้า และตอนนี้ สามอำเภอของมณฑลซีซาน ก็ถูกยึดครองโดยพวกกบฏ”เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ก็สร้างความตื่นตกใจให้กับคนทั้งห้องคำว่า “กบฏ” นั้น แม้จะคิดในใจก็รู้สึกตกใจและหวาดกลัวอยู่ดี มีบางคนทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ ซานเป่ากวาดสายตาที่มืดมนของเขารอบหนึ่ง ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ทุกคน ยกเว้นผู้ที่ต้องอยู่ที่สำนักงานใหญ่ คนอื่นๆ ทั้งหมดจะติดตามข้าไปมณฑลซีซาน ครั้งนี้องค์รัชทายาททรงพิโรธมาก แม้ว่าทั้งมณฑลซีซานจะนองเลือด พวกเราก็ต้องสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องตาย และพวกเจ้าทุกคนก็จะไม่มีใครรอด”ด้วยบารมีที่ซานเป่าสะสมมาหลายปี ยอดฝีมือขององครักษ์เสื้อแพรต่างก็กำหมัดแล้วตะโกนว่า “น้อมรับคำสั่
“เรื่องนี้ ข้าอนุมัติ”หลังจากผ่านไปนาน จนหลิวซือฉุนแทบจะหมดหวัง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงสวรรค์“ข้าจะแจ้งให้ผู้บัญชาการป้องกันชายฝั่งทราบ และให้ความช่วยเหลือแก่พวกเจ้า แต่ไม่อาจป่าวประกาศไปทั่วได้”“เจ้าเป็นประชาชน จึงไม่ทราบความร้ายแรงของราชสำนัก เมื่อเพลิงไหม้เกิดขึ้น คนแรกที่ถูกทำลายคือครอบครัวหลิวของเจ้า ดังนั้นก็รับผิดชอบกันเอาเอง”หลิวซือฉุนข่มความดีใจแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันทราบถึงความร้ายแรงดี และจะไม่พูดมากเพคะ”หลี่เฉินกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้ารู้ว่าที่เจ้าขอขนส่งทางทะเล อีกจุดประสงค์หนึ่งน่าจะเป็น การนำบางสิ่งที่ทางราชสำนักไม่อนุญาต ผลกำไรของสินค้าลักลอบนำเข้าเหล่านี้ สูงมากพอที่จะทำให้พ่อค้าคนใดคนหนึ่งยินดีรับความเสี่ยง”คำพูดของหลี่เฉินทำให้หลิวซือฉุนตัวสั่นเล็กน้อย แต่เขาไม่ฟังคำอธิบายของนาง หลี่เฉินพูดต่อไปว่า “แต่ข้าไม่สนใจ หากไม่ให้พวกเจ้ากินเนื้อเสียบ้าง แล้วพวกเจ้าจะยอมตายเพื่อข้าได้อย่างไร”“จำเอาไว้ว่า ข้าไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเรื่องที่ข้าบอกให้พวกเจ้าทำ แล้วพวกเจ้าก็ดีแต่พูด ข้าจะลืมความรู้สึกในคืนนี้”หลิวซือฉุนรู้สึกฝาดอยู่ในใจ สำหรับ
ในยุคนี้ สตรีในครอบครัวไม่สามารถพบแขกได้อย่างง่ายดาย จนกว่าพวกนางจะออกมาจากเรือนส่วนตัวแม้จะเป็นญาติผู้ใหญ่มาก็เช่นกันดังนั้นตั้งแต่สมัยโบราณจึงมีคำกล่าวที่ว่า “รออยู่ในห้องส่วนตัว” หรือ “ไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซูจิ่นพ่าเป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ ใครก็ตามที่บุกเข้ามาโดยใช้กำลัง พวกเขาจะถูกผู้คุ้มกันของจวนแม่ทัพใหญ่โยนออกไปแต่สถานะของหลี่เฉินนั้นสูงศักดิ์มาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหมั้นหมายกับซูจิ่นพ่า จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางจวนแม่ทัพใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ หลี่เฉินเดินประมาณหนึ่งเค่อ จึงจะเดินออกจากสวนดอกไม้ด้านหลัง และมาถึงเรือนส่วนตัวของซูจิ่นพ่าแม้จะบอกว่าเป็นเรือนส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วมันเป็นลานเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์มากกว่าภายในลานมีภูเขาจำลอง ลำธาร มีศาลาและระเบียงทางเดิน แม้เรือนแห่งนี้จะถูกแยกออกมา ก็ยังถือได้ว่าเป็นบ้านหรูที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนที่หลี่เฉินจะเข้ามา เขาได้ยินเสียงฉินดังมาจากลานบ้านเสียงฉินดังอย่างเร่งเร้า ราวกับลูกปัดตกลงบนจานหยก ดุจเสียงกีบม้าโจนทะยาน ทุกจังหวะทุกท่วงทำนองเพลง ดึงความรู้สึกกล้าหาญของ
เมื่อเห็นว่าหลี่เฉินเผด็จการและตรงไปตรงมาเพียงใด ซูจิ่นพ่าก็กัดฟันแน่น นางหันกลับมาไล่ตามเขาและพูดว่า “ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ว่า พื้นฐานของความรักระหว่างคนสองคนก็คือ การที่ชายหญิงทั้งสองฝ่ายต่างยินยอมสมัครใจกัน? การบีบบังคับเช่นนี้ คู่ควรกับรสนิยมความรักของฝ่าบาทหรือ?”“ไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้าด้วยคำพูด”หลี่เฉินมาที่ศาลาแล้วนั่งลง เขายกมือลูบฉินที่ตั้งอยู่ด้านหน้าซึ่งซูจิ่นพ่าเพิ่งเล่นไปเมื่อครู่ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “สำหรับข้า สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกนั้นไร้สาระที่สุด ข้าคือองค์รัชทายาท ส่วนเจ้าคือพระชายาองค์รัชทายาท ในอนาคตข้าจะขึ้นครองราชบัลลังก์ เจ้าก็จะกลายเป็นฮองเฮาของจักรวรรดิต้าฉิน มารดาแห่งแผ่นดิน นี่เป็นชะตากรรมของเจ้า มันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าเกิดในจวนแม่ทัพ และเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้”“สำหรับสิ่งที่เรียกว่าความรัก ข้าไม่อยากพูดถึงมัน”ซูจิ่นพ่าโกรธจัด นางพูดอย่างไม่พอใจว่า “แต่นี่ไม่สอดคล้องกับความคิดเรื่องความรักของจิ่นพ่า!”“แล้วใครสนล่ะ?”หลี่เฉินหัวเราะในความคิดเห็นของเขา ซูจิ่นพ่าตรงตามมาตราฐานของคนที่ไม่เคยถูกสังคมทำร้าย จึงเป็นคนโง่ที่ไร้เ
หลี่เฉินกำลังกลัดกลุ้ม จึงมาหาซูเจิ้นถิงเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ ตอนนี้เมื่อซูจิ่นพ่าถาม หลี่เฉินจึงไม่ปิดบังใดๆ เขาเล่าสถานการณ์ในมณฑลซีซานออกมา“ข้าทนเรื่องนี้ไม่ได้ ราชสำนักทั้งบนและล่างล้วนปกปิดเรื่องนี้จากข้า เห็นได้ชัดว่าเป็นเจตนาร้ายของจ้าวเสวียนจี แม้แต่หน่วยบูรพาก็ถูกเก็บไว้ในความมืด หากไม่ใช่เพราะความบังเอิญ เมื่อพวกกลุ่มกบฏเรืองอำนาจอย่างแท้จริง มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของจักรวรรดิต้าฉิน ถึงตอนนั้นรากฐานของประเทศจะสั่นคลอน แล้วข้าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร?”หลี่เฉินตะคอกเสียงเย็นชาแล้วพูดว่า “คนเหล่านี้ทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิงอำนาจจริงๆ”ซูจิ่นพ่าทั้งโกรธทั้งตกใจ นางคิดอย่างรอบคอบแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท พระองค์ต้องระวังเรื่องนี้ด้วย”หลี่เฉินถาม “เจ้าคิดอย่างไร?”ซูจิ่นพ่าเอียงหัวเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้ว นางคงไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ขนาดไหน เวลาทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจังหลี่เฉินรู้สึกสงบขึ้นมากเมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามเช่นนี้ เขาไม่รีบร้อนและรอให้ซูจิ่นพ่าคิดอย่างช้าๆผ่านไปสักพัก ซูจิ่นพ่าก็กล่าวว่า “ก่อนอื่น ข้าแน่ใจว่า จ้าวเสวียนจีจะต้องรู้เรื่องนี้”หลี่เฉินพยักหน้า เรื่อ
“เหตุใดฝ่าบาทถึงทอดพระเนตรหม่อมฉันแบบนี้?”ซูจิ่นพ่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกหลี่เฉินมองไม่วางตา จึงเอ่ยถามขึ้นมา “ไม่มีอะไร”หลี่เฉินส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “วิธการของเจ้าดีมาก”ซูจิ่นพ่าเม้มริมฝีปากและยิ้ม รู้สึกภูมิใจมาก แต่ก็ยังพูดว่า “หม่อมฉันเพียงให้ความคิดอื่น แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะดำเนินการ อีกอย่างต้องวัดขนาดของกบฏ และต้องซ่อนตัวมิให้ราชสำนัก โดยเฉพาะจ้าวเสวียนจีทราบ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากไม่ระวังก็จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”“ไม่สำคัญ ข้ารู้ว่าควรจะทำเช่นไร”หลี่เฉินโบกมือแล้วกล่าวตอนนี้เอง ซูเจิ้นถิงก็เฆี่ยนม้าเร็วกลับมา “ท่านพ่อ?”เมื่อเห็นซูเจิ้นถิงกลับมา ซูจิ่นพ่าก็รีบเดินออกไปต้อนรับซูเจิ้นถิงพยักหน้าให้ จากนั้นก็กำหมัดคารวะหลี่เฉิน “ถวายบังคมองค์รัชทายาท”ความทุกข์ในใจของหลี่เฉินก็ถูกพัดพาไป เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ทัพซู ข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่าน”ซูเจิ้นถิงได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างจริงจังทันที “ฝ่าบาทโปรดย้ายไปที่ห้องลับ ที่นั่นปลอดภัยอย่างยิ่ง”หลี่เฉินยืนขึ้นและเดินตามซูเจิ้นถิงไปยังห้องลับ ซูจิ่นพ่ารู้ว่าพวกเขาจะพูดเรื่องอะไร
เมื่อเห็นซูเจิ้นถิงจากไป ซูจิ่นพ่าผู้ซึ่งรู้จักอารมณ์ของบิดาดีจึงรู้ว่า ไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมในเรื่องนี้อย่างแน่นอน นางจึงกระทืบเท้าด้วยความโกรธหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซูจิ่นพ่าก็เดินออกจากจวนแม่ทัพใหญ่โดยไม่หันกลับมามอง“คุณหนู พวกเราจะไปที่ไหนกันเจ้าคะ?” สาวใช้คนสนิทเดินเข้ามาใกล้ๆ ซูจิ่นพ่า และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“ไปหาท่านพี่ ดูว่าเขาจะสามารถขอให้บิดาเปลี่ยนใจได้หรือไม่” ซูจิ่นพ่ากล่าวอย่างมีอารมณ์สาวใช้ตัวน้อยอยากจะบอกว่าถึงแม้ว่านายท่านอยากจะเปลี่ยนใจ แต่องค์รัชทายาทผู้ดุร้ายก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย...แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งของคุณหนู สาวใช้ตัวน้อยก็กลืนคำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากกลับไป ……วันรุ่งขึ้น หลี่เฉินก็ได้รับรายงานจากเฉินทงทันทีที่เขาตื่น “ฝ่าบาท วันนี้องค์ชายเก้าได้พบปะหวังเถิงฮ่วนและคนอื่นๆ จากนั้นก็ออกจากเมืองไป”หลี่เฉินขมวดคิ้วถาม “ไปบรรเทาภัยพิบัติหรือเปล่า?”เฉินทงตอบ “ใช่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเก้าออกจากอำเภอทงในตอนเช้า พร้อมกับเสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าจำนวนหนึ่ง ตลอดทางก็ใช้องค์ชายเก้าเป็นตัวแทนของราชวงศ์ที่แสดงถึงคว
แม้เย่ลู่เสินเสวียนจะมีการปกป้อง แต่ขุนนางคนอื่นๆ กลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้นมีบางคนถูกแรงระเบิดซัดกระเด็นไปโดยตรง คนหนึ่งศีรษะกระแทกเสา เลือดพุ่งออกจากจมูกและปาก ก่อนร่างจะกระตุกสองครั้งแล้วนิ่งไปอีกสองคนถูกแรงระเบิดเหวี่ยงออกไปนอกหน้าต่าง ร่วงลงบนซากปรักหักพัง ไม่มีเสียงตอบสนองอีกเลยเย่ลู่เสินเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งแรกที่เขาคิดคือ หลี่เฉินต้องการฆ่าปิดปากเขาบ้าไปแล้วหรือ!? เขากล้าทำได้อย่างไร!?"ความตกใจและความโกรธที่ท่วมท้นทำให้ใบหน้าของเย่ลู่เสินเสวียนบิดเบี้ยว"เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?"เย่ลู่เสินเสวียนตะโกนด้วยเสียงต่ำ แม้ฝุ่นควันจะเกาะเต็มตัว แต่เขาไม่สนใจ"องค์รัชทายาท มียอดฝีมือบุกเข้ามา"ชายชราผู้ค้อมตัวเอ่ยคนคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ปกป้องเย่ลู่กู่จ้านฉีในวันนั้นมุมปากของเย่ลู่เสินเสวียนกระตุก สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาคิดไม่ออกว่าทำไมไม่ว่ามองจากมุมไหน หลี่เฉินไม่ควรจะลงมือกับเขาในเวลานี้นี่เป็นเหตุผลที่เขากล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง และแม้กระทั่งยั่วยุหลี่เฉินด้วยเย่ลู่เสินเสวียนไม่ใช่คนโง่ หากไม่มีความมั่นใจ เขาย่อมไม่เสี่ยงชีวิตเช่นนี้เว้นแ
เมื่อเย่ลู่เสินเสวียนออกคำสั่ง องครักษ์หลายคนช่วยกันยกศพของฮาเลยต้าลี่เข้ามาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลานี้ ศพของฮาเลยต้าลี่ผ่านไปห้าหรือหกชั่วยามแล้ว จนร่างกายแข็งทื่อเลือดที่ไหลจนหมดทำให้ศพซีดเผือด ฮาเลยต้าลี่นอนแข็งอยู่บนพื้นห้องโถง ทุกคนในที่นั้นล้วนมีสีหน้าเรียบเฉยสำหรับคนแคว้นเหลียว ความตายไม่ใช่เรื่องน่าตกใจไม่มีใครรู้สึกเสียใจกับการตายของฮาเลยต้าลี่แม้กระทั่งเย่ลู่เสินเสวียนเอง แม้ลูกนอกสมรสของเขาเสียชีวิต เขายังไม่รู้สึกสะเทือนใจมากนัก นับประสาอะไรกับฮาเลยต้าลี่สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกขมขื่นคือ ฮาเลยต้าลี่ตายอย่างน่าอับอาย โดยฝีมือต้าฉินฮาเลยต้าลี่ถูกหลี่เฉินใช้ปืนจ่อปากยิงจนตาย ตอนนี้ปากของเขายังคงเปิดอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันสีขาวและลิ้นซีดเผือด ภายในปากเต็มไปด้วยเลือดสีดำที่แห้งจนแข็ง มองดูน่ากลัวและน่าขยะแขยงเย่ลู่เสินเสวียนสั่งให้พลิกศพของฮาเลยต้าลี่ไปอีกด้าน เผยให้เห็นบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะ ซึ่งเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นเด็กบริเวณแผลยังคงมีเลือดและเศษสมองหลงเหลืออยู่ เมื่อมองผ่านรูเข้าไป สามารถเห็นกะโหลกที่ภายในว่างเปล่าเกือบครึ่ง ภาพที่เห็นนี้ หากคนจิตใจอ่อนแอคงร
หลังฟังคำอธิบายของหลี่เฉิน กงฮุยอวี่รู้สึกว่า คนที่เล่นการเมืองเหล่านี้ ช่างมีจิตใจสกปรกเหลือเกินทุกการกระทำเล็กๆ ล้วนแฝงความหมายอันลึกซึ้งไม่น่าแปลกใจที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักบัวขาวแม้จะมีผู้นำที่เก่งกาจหรือศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าราชวงศ์หลี่ทั้งหมดมีระดับความสามารถเช่นนี้ สำนักบัวขาวที่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ จะเอาอะไรไปสู้กับราชสำนัก?เพียงแค่เล่ห์เหลี่ยมไม่กี่อย่าง ก็สามารถปั่นหัวเหล่าผู้คนของสำนักบัวขาวได้แล้วเมื่อนึกถึงอดีตราชวงศ์ที่แม้จะอ่อนแออย่างถึงที่สุด แต่คำสั่งปราบดินแดนเพียงฉบับเดียวก็ทำให้วีรชนแห่งเขาเหลียงซานหนึ่งร้อยแปดคนแยกย้ายกันไป กงฮุยอวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหนทางของสำนักบัวขาวช่างมืดมนเหลือเกินนางสลัดความคิดวุ่นวายเหล่านี้ออกไป ก่อนตอบกลับด้วยท่าทีเย็นชา "ต้องการให้ข้าลงมือเมื่อไหร่?"เมื่อเห็นว่ากงฮุยอวี่ตอบรับ หลี่เฉินถอนหายใจโล่งอกทันทีและกล่าวว่า "คืนนี้!"กงฮุยอวี่มองหลี่เฉินลึกซึ้งครั้งหนึ่งก่อนหมุนตัวเดินจากไปหลี่เฉินอารมณ์ดีขึ้นวั่นเจียวเจียวเดินถือของว่างมาพอดี พร้อมพูดว่า "องค์รัชทายาทสนมกล่าวว่าองค์ชายยังไม่ไ
หลี่เฉินแค่นเสียงเย็นออกมาแม้เขาจะไม่พอใจที่หน่วยบูรพาทำงานล้มเหลว แต่ก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความผิดของหน่วยบูรพาโดยลำพังหลี่อิ๋นหู่และจ้าวเสวียนจีร่วมมือกัน การหลบซ่อนจากสายตาของหน่วยบูรพาไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรต้องไม่ลืมว่าเมื่อหน่วยบูรพาก่อตั้งขึ้น จ้าวเสวียนจีได้มีอำนาจมหาศาลอยู่ก่อนแล้วหลายปีที่ผ่านมา หน่วยบูรพาอาจพัฒนาไปไม่น้อย แต่จ้าวเสวียนจีเองก็เติบโตยิ่งกว่า"จับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด"หลี่เฉินกล่าวเสียงหนักแน่น "ข้าต้องการรู้ว่าพวกเขาเตรียมกำลังคนไว้เท่าไหร่ และคิดจะลงมือเมื่อใด"เขาหรี่ตาลงก่อนกล่าวต่อ "การกบฏไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาน่าจะเลือกเวลาพิเศษบางช่วงเพื่อเริ่มเคลื่อนไหว และสิ่งสำคัญที่สุดคือการควบคุมตัวข้า แล้วจึงยึดพระราชวังหลวง""หากสำเร็จ พวกเขาจะผลักดันให้หลี่อิ๋นหู่ขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาท หรือไม่ก็ยิ่งกว่านั้น สังหารข้าเพื่อขึ้นครองบัลลังก์โดยตรง"เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ซานเป่าถึงกับแสดงสีหน้าจริงจัง ขณะที่กงฮุยอวี่ผู้ซึ่งปกติไม่สนใจงานราชการก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองอย่างสนใจหลี่เฉินลุกขึ้นเดินไปยังประตูพระที่นั่งซีเจิ้ง มองท้องฟ้าที่มื
คำมั่นสัญญานี้ เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของจ้าวหรุ่ยเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งตลอดชีวิตไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ครอบครัวของบิดานาง ก็จะได้รับหลักประกันทางการเมืองในระดับหนึ่งจากตำแหน่งสนมของนางแม้หลี่เฉินจะไม่ใช่คนที่มักให้สิทธิพิเศษหรือผลประโยชน์แก่จ้าวเหอซานเพียงเพราะจ้าวหรุ่ย แต่หากวันใดจ้าวเหอซานทำผิดพลาด หลี่เฉินก็อาจยอมละเว้นชีวิตของเขาเพื่อเห็นแก่จ้าวหรุ่ยจ้าวหรุ่ยเข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดีสำหรับนาง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรยศจ้าวเสวียนจีมาก่อน การได้รับคำมั่นนี้ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความรักลึกซึ้งที่หลี่เฉินมีให้นางจ้าวหรุ่ยจึงคิดจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่กลับถูกหลี่เฉินจับตัวไว้"หม่อมฉัน ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ" จ้าวหรุ่ยกล่าวด้วยความตื้นตัน"พักผ่อนให้ดีเถอะ ข้าจะกลับมาร่วมทานอาหารค่ำกับเจ้า"หลังจากปลอบใจจ้าวหรุ่ยเรียบร้อย หลี่เฉินก็ลุกออกจากตำหนักเมื่อมาถึงพระที่นั่งซีเจิ้ง ซานเป่ากำลังรออยู่แล้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซานเป่าก็รีบนำข่าวสารจากสวีเว่ยส่งให้หลี่เฉินทันทีหลี่เฉินเพิ่งอ่านจบ กงฮุยอวี่ก็กลับมากงฮุยอวี่หันมารายงานหลี่เฉินทันที โดยไม่สนใจซานเป่า
หลงไหวอวี้ไม่ได้มีเพียงอาจารย์ลึกลับผู้นั้นคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ยังมีอ๋องแห่งแคว้นอีกผู้หนึ่ง ซึ่งหลี่อิ๋นหู่รู้อยู่ก่อนแล้วทว่าอ๋องผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่ หลี่อิ๋นหู่กลับไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลยแต่ก่อนเขายังพอจะรอคอยได้อย่างใจเย็น ทว่าตอนนี้สถานการณ์พลิกผันรวดเร็วจนเขาไม่อาจนิ่งนอนใจอีกต่อไป ทำให้ต้องเสี่ยงชีวิตเดิมพันครั้งนี้เขาต้องการรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังหลงไหวอวี้และอาจารย์ส่วนการเฝ้าจับตาสวีเว่ยนั้น เป็นเพียงเพราะเขาระแวดระวังเป็นนิสัย โดยไม่เชื่อใจผู้ใดอย่างเต็มที่หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดว่าสวีเว่ยจะทรยศเขาได้ตลอดมาหลายเรื่องราวพิสูจน์ให้เห็นว่าสวีเว่ยเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์หาได้ยากแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ ในขณะที่เขาสั่งให้คนสนิทไปจับตาสวีเว่ยอยู่นั้น สวีเว่ยซึ่งเขามองว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ กลับส่งข่าวสารทั้งหมดไปยังตำหนักบูรพาผ่านทางเครือข่ายของหน่วยบูรพาทันทีที่ก้าวออกจากจวนอ๋องหลังส่งข่าวสำคัญไปแล้ว สวีเว่ยไม่กล้าแสดงท่าทีใดให้เป็นที่สงสัย เขาทำตามคำสั่งของหลี่อิ๋นหู่โดยตรง มุ่งหน้าไปยังประตูตะวันตกเพื่อพบกับนักพรตปลอมตัวที่หลี่อิ๋นหู่กำหนดไว้ พร้อมรับ
“ถูกต้อง ช่วงนี้การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างของข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเจ้า แต่การตัดสินใจที่ดีแค่ไหน ก็ยังเป็นการปรับตัวให้เหมาะสมกับเงื่อนไขปัจจุบันเท่านั้น มิอาจช่วยให้ข้าเพิ่มอำนาจในระยะเวลาอันสั้นได้”หลี่อิ๋นหู่กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าไม่มีเวลาแล้ว และตำหนักบูรพาเองก็จะไม่ให้ข้าได้มีเวลานั้น ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการคือการตัดสินใจเสี่ยงสุดตัว เพื่อสร้างหนทางรอดใหม่!”หลงไหวอวี้ยังคงรักษาสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆแต่ปฏิกิริยาดังกล่าวกลับแฝงความไม่พอใจเอาไว้อย่างชัดเจนเขาประสานมือคำนับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อท่านอ๋องมีใจมุ่งมั่นเช่นนี้ ไหวอวี้จะเร่งติดต่ออาจารย์ให้เร็วที่สุด พวกเราสองคนจะพยายามช่วยท่านอ๋องขึ้นครองบัลลังก์อย่างเต็มกำลัง”“แต่ข้าขอถามท่านอ๋องว่า ท่านอ๋องได้ตกลงอะไรกับจ้าวเสวียนจีไว้บ้าง หรือว่าจ้าวเสวียนจีได้เปิดเผยไพ่ในมือให้ท่านเห็นมากน้อยเพียงใด?”หลี่อิ๋นหู่เลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววครุ่นคิดแม้หลงไหวอวี้จะเป็นที่ปรึกษาคนสนิท แต่เขาและอาจารย์ยังคงลึกลับเกินไป หลี่อิ๋นหู่ไม่อาจมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้พวกเขาได้ด้วยเหตุนี้ บางเรื
“แต่หากล้มเหลว ข้าเองก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ และคนในจวนอ๋องกว่าร้อยชีวิตก็อย่าหวังว่าจะรอด ด้วยนิสัยขององค์รัชทายาท ต่อให้เป็นไข่ไก่ในครัวก็ยังต้องถูกเขย่าให้แตกหมด”หลี่อิ๋นหู่ตบลงบนบ่าของสวีเว่ยอย่างหนัก พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าและข้าล้วนอยู่บนเรือลำเดียวกัน หากข้าพ่ายแพ้ เจ้าก็หนีไม่พ้น ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญถึงชีวิต ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”ใครบอกว่าข้ากับเจ้าลงเรือลำเดียวกัน!ชีวิตข้าเป็นสุนัขขององค์รัชทายาท แม้ตายก็เป็นสุนัขตายขององค์รัชทายาท!สวีเว่ยแอบคิดในใจอย่างเดือดดาล แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “โปรดวางใจเถิดท่านอ๋อง กระหม่อมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อท่าน ไม่ว่าจะลำบากเพียงใด”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนโบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ”สวีเว่ยที่กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้นเดินออกจากห้องหนังสือไปเมื่อสวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่ลดสายตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกมาได้แล้ว”จากห้องลับในห้องหนังสือ หลงไหวอวี้ก้าวออกมา“เรื่องทุกอย่างเจ้าได้ยินหมดแล้ว ข้าได้ตัดสิ
สวีเว่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบรับทันทีว่า “กล้า!”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางกล่าวว่า “ดีมาก”เขาไม่ได้สั่งงานทันที แต่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์มันตึงเครียดแค่ไหน? องค์รัชทายาทกับข้า แม้จะเป็นพี่น้อง แต่เขาใจแคบ ย่อมไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของข้าได้ และอาจลงมือกับข้าได้ทุกเมื่อ”สวีเว่ยทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ สายตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกใจสีหน้าของเขาเหมาะเจาะกับที่หลี่อิ๋นหู่คาดการณ์ไว้ใครก็ตามที่ได้ยินความลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก ย่อมต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้แต่สิ่งที่หลี่อิ๋นหู่ไม่รู้คือ ความตกใจของสวีเว่ยมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เสแสร้ง อีกครึ่งหนึ่งมาจากความจริงที่ว่า หลี่อิ๋นหู่ไว้ใจเขาถึงขนาดบอกความลับสำคัญเช่นนี้“ข้าอยากจะช่วยองค์รัชทายาทอย่างสุดกำลัง แต่เขากลับไม่ไว้ใจข้า สวีเว่ย เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”สวีเว่ยรีบตอบว่า “กระหม่อมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ กระหม่อมรู้เพียงว่า ชีวิตของกระหม่อมเป็นของท่านอ๋อง หากท่านอ๋องต้องการสิ่งใด กระหม่อมย่อมปฏิบัติตาม ไม่ว่าใครคิดจะทำร้ายท่านอ๋อง ก็ต้องข้ามศพกระหม่อมไปก่อน!”หลี่อิ๋