Share

บทที่ 112

Author: ไห่ตงชิง
ซานเป่าวิ่งพรวดพราดเข้ามาในพระที่นั่ง คุกเข่าเสียงดังแล้วโขกหัวเหมือนนก “องค์รัชทายาทโปรดระงับโทสะ องค์รัชทายาทโปรดระงับโทสะ”

หลี่เฉินเพิกเฉยต่อหลิวซือฉุนที่หวาดกลัว เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปหาซานเป่า ดวงตาของเขาเย็นเฉียบราวกับมีด

“ทหาร!”

หลี่เฉินกัดฟันตะโกนออกมา นอกพระที่นั่ง องครักษ์เสื้อแพรสองนายก็เดินถือดาบเข้ามา

หลี่เฉินชักดาบที่ข้างเอวขององครักษ์เสื้อแพรหนึ่งนายโดยไม่พูดไม่จา และพาดดาบไปที่คอของซานเป่า

“ซานเป่า ข้าเห็นว่าเจ้าคงเหนื่อยกับการมีชีวิตจริงๆ!”

ดาบซิ่วชุนขององครักษ์เสื้อแพร ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฆ่าคนโดยเฉพาะ ใบดาบเย็นยะเยือกและคมกริบสุดขีด ซานเป่ารู้สึกได้ว่าใบดาบนั่นได้บาดคอของตัวเอง

แต่ซานเป่าไม่กล้าขยับ เขาแค่พูดด้วยสีหน้าวิงวอนว่า “ถ้าฝ่าบาทอยากให้บ่าวคนนี้ตาย บ่าวก็ไม่กล้าอยู่ แต่ได้โปรดให้บ่าวตายโดยทราบสาเหตุด้วย บ่าวปฏิบัติตามพระราชดำรัสสั่งของฝ่าบาททุกอย่าง จัดการงานอย่างระมัดระวัดด้วยความรับผิดชอบ ไม่กล้าดูหมิ่นหรือหลอกลวงฝ่าบาทแต่อย่างใด ชีวิตบ่าวที่ต่ำต้อยไม่มีอะไรเลย แต่ฝ่าบาททรงมีเกียรติยิ่งนัก มีเรื่องอันใดที่ทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธขึ้นมาเช่นนี้?”

ซานเป่าสม
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 113

    กล่าวจบ ซานเป่าก็โขกหัวข้างๆ เท้าของหลี่เฉินอย่างแรง หลี่เฉินโกรธจัดและหัวเราะออกมา เขาใช้เท้าเตะซานเป่าจนกลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้นซานเป่าไม่กล้าขัดขืนและไม่กล้าดิ้นรน เขารีบลุกขึ้นมาคุกเข่าตามเดิม โดยรักษาท่าทางที่นอบน้อมและถ่อมตัวที่สุด“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการตายที่ยุติธรรมแล้ว มา บั่นหัวไอ้ตัวไร้ประโยชน์นี่ให้ข้า!”คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้องครักษ์เสื้อแพรไม่กล้าไม่ทำตาม ในขณะที่จะลงมืออยู่นั้น จู่ๆ ซานเป่ากลับพูดเสียงสั่นขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท บ่าวยินดีที่จะตายเพื่อบรรเทาความพิโรธของฝ่าบาท แต่ได้โปรดให้โอกาสบ่าวได้ไถ่โทษของบ่าวด้วย!”“สำหรับมณฑลซีซานนั้นสถานการณ์มีความซับซ้อน ตอนนี้ บ่าวสงสัยว่าการล่มสลายของหน่วยบูรพาสาขานั้นกับกลุ่มกบฏ อาจจะเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือแม้แต่กองทัพในมณฑลซีซานอย่างแยกไม่ออก เมื่อประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันของราชสำนัก ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่”ซานเป่ากล่าว ขณะโขกหัวเหมือนโขกกระเทียม น้ำเสียงของเขาดูโศกเศร้า “บ่าวไม่เสียดายที่ต้องตาย แต่ทนไม่ได้ที่จะเห็นพวกโจรเหล่านี้ สมคบกันก่อความเดือดร้อนให้แก่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 114

    เมื่อเห็นดวงตาที่ลุกเป็นไฟบนใบหน้าที่เย็นชาของหลี่เฉิน หลิวซือฉุนก็ตกใจนางคุ้นเคยกับดวงตาเหล่านี้ดีเพราะเวลาที่พวกผู้ชายมองนาง ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสายตาเช่นนี้เพียงแต่ไม่มีผู้ชายคนไหนเข้มแข็งและมีอำนาจเท่ากับองค์รัชทายาท และอีกฝ่ายก็ไม่คิดที่จะอำพรางความรู้สึกเลยแม้แต่น้อยหลิวซือฉุนกัดฟันแน่น นางเดินเข้าไปหาหลี่เฉินทีละก้าวหลี่เฉินยกมือขึ้น และดึงหลิวซือฉุนเข้ามาในอ้อมแขนแล้วให้นางนั่งลงหลิวซือฉุนต้องการจะต่อต้านตามสัญชาตญาณแต่กลับถูกหลี่เฉินกอดไว้แน่นบั้นท้ายที่อวบอิ่มและเด้งดึ๋งของหลิวซือฉุน กดทับลงบนหน้าตักของตัวเอง ทำให้หลี่เฉินรู้สึกราวกับว่ามีน้ำมันราดบนกองไฟ ทันใดนั้นเปลวไฟที่ดูเหมือนจะมอดดับ ก็ลุกโชนขึ้นมาโดยพลัน“อย่าต่อต้าน”หลี่เฉินกล่าวเสียงกระซิบ “เจ้าก็รู้ ว่าเจ้าต่อต้านข้าไม่ได้”หลิวซือฉุนหายใจถี่ในส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกายผู้หญิง รู้สึกได้ถึงรูปร่างของหลี่เฉินอย่างชัดเจนซึ่งการสัมผัสแบบนี้ เกินกว่าขอบเขตของความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่สังคมอนุญาต ทำให้หลิวซือฉุนกลายเป็นคนโง่งมไปชั่วขณะ“องค์รัชทายาท ไม่ได้เพคะ ”ในความลนลาน หลิวซือฉุนก็ทำไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 115

    ทั่วทั้งห้องโถงพลันเงียบงันพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คำพูดของกวางกงกลับรุนแรงแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนคนสนิทคนหนึ่งของซานเป่ายกมือขึ้นแล้วก็พูดว่า “ขอแค่กวางกงสั่ง ข้าก็พร้อมที่จะตาย แต่กวางกง มันเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”ซานเป่ายกมือแตะรอยเลือดที่คอของเขาอย่างช้าๆ แล้วกัดฟันพูดว่า “เมื่อครู่ ข้าเกือบจะถูกองค์รัชทายาทตัดหัว!”“เป็นเพราะการแบ่งแยกมณฑลซีซาน ทำให้ยุทธการที่สำคัญต้องล่าช้า และตอนนี้ สามอำเภอของมณฑลซีซาน ก็ถูกยึดครองโดยพวกกบฏ”เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ก็สร้างความตื่นตกใจให้กับคนทั้งห้องคำว่า “กบฏ” นั้น แม้จะคิดในใจก็รู้สึกตกใจและหวาดกลัวอยู่ดี มีบางคนทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ ซานเป่ากวาดสายตาที่มืดมนของเขารอบหนึ่ง ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ทุกคน ยกเว้นผู้ที่ต้องอยู่ที่สำนักงานใหญ่ คนอื่นๆ ทั้งหมดจะติดตามข้าไปมณฑลซีซาน ครั้งนี้องค์รัชทายาททรงพิโรธมาก แม้ว่าทั้งมณฑลซีซานจะนองเลือด พวกเราก็ต้องสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องตาย และพวกเจ้าทุกคนก็จะไม่มีใครรอด”ด้วยบารมีที่ซานเป่าสะสมมาหลายปี ยอดฝีมือขององครักษ์เสื้อแพรต่างก็กำหมัดแล้วตะโกนว่า “น้อมรับคำสั่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 116

    “เรื่องนี้ ข้าอนุมัติ”หลังจากผ่านไปนาน จนหลิวซือฉุนแทบจะหมดหวัง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงสวรรค์“ข้าจะแจ้งให้ผู้บัญชาการป้องกันชายฝั่งทราบ และให้ความช่วยเหลือแก่พวกเจ้า แต่ไม่อาจป่าวประกาศไปทั่วได้”“เจ้าเป็นประชาชน จึงไม่ทราบความร้ายแรงของราชสำนัก เมื่อเพลิงไหม้เกิดขึ้น คนแรกที่ถูกทำลายคือครอบครัวหลิวของเจ้า ดังนั้นก็รับผิดชอบกันเอาเอง”หลิวซือฉุนข่มความดีใจแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันทราบถึงความร้ายแรงดี และจะไม่พูดมากเพคะ”หลี่เฉินกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้ารู้ว่าที่เจ้าขอขนส่งทางทะเล อีกจุดประสงค์หนึ่งน่าจะเป็น การนำบางสิ่งที่ทางราชสำนักไม่อนุญาต ผลกำไรของสินค้าลักลอบนำเข้าเหล่านี้ สูงมากพอที่จะทำให้พ่อค้าคนใดคนหนึ่งยินดีรับความเสี่ยง”คำพูดของหลี่เฉินทำให้หลิวซือฉุนตัวสั่นเล็กน้อย แต่เขาไม่ฟังคำอธิบายของนาง หลี่เฉินพูดต่อไปว่า “แต่ข้าไม่สนใจ หากไม่ให้พวกเจ้ากินเนื้อเสียบ้าง แล้วพวกเจ้าจะยอมตายเพื่อข้าได้อย่างไร”“จำเอาไว้ว่า ข้าไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเรื่องที่ข้าบอกให้พวกเจ้าทำ แล้วพวกเจ้าก็ดีแต่พูด ข้าจะลืมความรู้สึกในคืนนี้”หลิวซือฉุนรู้สึกฝาดอยู่ในใจ สำหรับ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 117

    ในยุคนี้ สตรีในครอบครัวไม่สามารถพบแขกได้อย่างง่ายดาย จนกว่าพวกนางจะออกมาจากเรือนส่วนตัวแม้จะเป็นญาติผู้ใหญ่มาก็เช่นกันดังนั้นตั้งแต่สมัยโบราณจึงมีคำกล่าวที่ว่า “รออยู่ในห้องส่วนตัว” หรือ “ไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซูจิ่นพ่าเป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ ใครก็ตามที่บุกเข้ามาโดยใช้กำลัง พวกเขาจะถูกผู้คุ้มกันของจวนแม่ทัพใหญ่โยนออกไปแต่สถานะของหลี่เฉินนั้นสูงศักดิ์มาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหมั้นหมายกับซูจิ่นพ่า จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางจวนแม่ทัพใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ หลี่เฉินเดินประมาณหนึ่งเค่อ จึงจะเดินออกจากสวนดอกไม้ด้านหลัง และมาถึงเรือนส่วนตัวของซูจิ่นพ่าแม้จะบอกว่าเป็นเรือนส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วมันเป็นลานเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์มากกว่าภายในลานมีภูเขาจำลอง ลำธาร มีศาลาและระเบียงทางเดิน แม้เรือนแห่งนี้จะถูกแยกออกมา ก็ยังถือได้ว่าเป็นบ้านหรูที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนที่หลี่เฉินจะเข้ามา เขาได้ยินเสียงฉินดังมาจากลานบ้านเสียงฉินดังอย่างเร่งเร้า ราวกับลูกปัดตกลงบนจานหยก ดุจเสียงกีบม้าโจนทะยาน ทุกจังหวะทุกท่วงทำนองเพลง ดึงความรู้สึกกล้าหาญของ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 118

    เมื่อเห็นว่าหลี่เฉินเผด็จการและตรงไปตรงมาเพียงใด ซูจิ่นพ่าก็กัดฟันแน่น นางหันกลับมาไล่ตามเขาและพูดว่า “ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ว่า พื้นฐานของความรักระหว่างคนสองคนก็คือ การที่ชายหญิงทั้งสองฝ่ายต่างยินยอมสมัครใจกัน? การบีบบังคับเช่นนี้ คู่ควรกับรสนิยมความรักของฝ่าบาทหรือ?”“ไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้าด้วยคำพูด”หลี่เฉินมาที่ศาลาแล้วนั่งลง เขายกมือลูบฉินที่ตั้งอยู่ด้านหน้าซึ่งซูจิ่นพ่าเพิ่งเล่นไปเมื่อครู่ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “สำหรับข้า สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกนั้นไร้สาระที่สุด ข้าคือองค์รัชทายาท ส่วนเจ้าคือพระชายาองค์รัชทายาท ในอนาคตข้าจะขึ้นครองราชบัลลังก์ เจ้าก็จะกลายเป็นฮองเฮาของจักรวรรดิต้าฉิน มารดาแห่งแผ่นดิน นี่เป็นชะตากรรมของเจ้า มันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าเกิดในจวนแม่ทัพ และเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้”“สำหรับสิ่งที่เรียกว่าความรัก ข้าไม่อยากพูดถึงมัน”ซูจิ่นพ่าโกรธจัด นางพูดอย่างไม่พอใจว่า “แต่นี่ไม่สอดคล้องกับความคิดเรื่องความรักของจิ่นพ่า!”“แล้วใครสนล่ะ?”หลี่เฉินหัวเราะในความคิดเห็นของเขา ซูจิ่นพ่าตรงตามมาตราฐานของคนที่ไม่เคยถูกสังคมทำร้าย จึงเป็นคนโง่ที่ไร้เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 119

    หลี่เฉินกำลังกลัดกลุ้ม จึงมาหาซูเจิ้นถิงเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ ตอนนี้เมื่อซูจิ่นพ่าถาม หลี่เฉินจึงไม่ปิดบังใดๆ เขาเล่าสถานการณ์ในมณฑลซีซานออกมา“ข้าทนเรื่องนี้ไม่ได้ ราชสำนักทั้งบนและล่างล้วนปกปิดเรื่องนี้จากข้า เห็นได้ชัดว่าเป็นเจตนาร้ายของจ้าวเสวียนจี แม้แต่หน่วยบูรพาก็ถูกเก็บไว้ในความมืด หากไม่ใช่เพราะความบังเอิญ เมื่อพวกกลุ่มกบฏเรืองอำนาจอย่างแท้จริง มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของจักรวรรดิต้าฉิน ถึงตอนนั้นรากฐานของประเทศจะสั่นคลอน แล้วข้าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร?”หลี่เฉินตะคอกเสียงเย็นชาแล้วพูดว่า “คนเหล่านี้ทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิงอำนาจจริงๆ”ซูจิ่นพ่าทั้งโกรธทั้งตกใจ นางคิดอย่างรอบคอบแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท พระองค์ต้องระวังเรื่องนี้ด้วย”หลี่เฉินถาม “เจ้าคิดอย่างไร?”ซูจิ่นพ่าเอียงหัวเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้ว นางคงไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ขนาดไหน เวลาทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจังหลี่เฉินรู้สึกสงบขึ้นมากเมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามเช่นนี้ เขาไม่รีบร้อนและรอให้ซูจิ่นพ่าคิดอย่างช้าๆผ่านไปสักพัก ซูจิ่นพ่าก็กล่าวว่า “ก่อนอื่น ข้าแน่ใจว่า จ้าวเสวียนจีจะต้องรู้เรื่องนี้”หลี่เฉินพยักหน้า เรื่อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 120

    “เหตุใดฝ่าบาทถึงทอดพระเนตรหม่อมฉันแบบนี้?”ซูจิ่นพ่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกหลี่เฉินมองไม่วางตา จึงเอ่ยถามขึ้นมา “ไม่มีอะไร”หลี่เฉินส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “วิธการของเจ้าดีมาก”ซูจิ่นพ่าเม้มริมฝีปากและยิ้ม รู้สึกภูมิใจมาก แต่ก็ยังพูดว่า “หม่อมฉันเพียงให้ความคิดอื่น แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะดำเนินการ อีกอย่างต้องวัดขนาดของกบฏ และต้องซ่อนตัวมิให้ราชสำนัก โดยเฉพาะจ้าวเสวียนจีทราบ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากไม่ระวังก็จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”“ไม่สำคัญ ข้ารู้ว่าควรจะทำเช่นไร”หลี่เฉินโบกมือแล้วกล่าวตอนนี้เอง ซูเจิ้นถิงก็เฆี่ยนม้าเร็วกลับมา “ท่านพ่อ?”เมื่อเห็นซูเจิ้นถิงกลับมา ซูจิ่นพ่าก็รีบเดินออกไปต้อนรับซูเจิ้นถิงพยักหน้าให้ จากนั้นก็กำหมัดคารวะหลี่เฉิน “ถวายบังคมองค์รัชทายาท”ความทุกข์ในใจของหลี่เฉินก็ถูกพัดพาไป เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ทัพซู ข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่าน”ซูเจิ้นถิงได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างจริงจังทันที “ฝ่าบาทโปรดย้ายไปที่ห้องลับ ที่นั่นปลอดภัยอย่างยิ่ง”หลี่เฉินยืนขึ้นและเดินตามซูเจิ้นถิงไปยังห้องลับ ซูจิ่นพ่ารู้ว่าพวกเขาจะพูดเรื่องอะไร

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 938

    เช้าวันรุ่งขึ้น สำนักราชเลขาก็ลงมือเคลื่อนไหวหลี่อิ๋นหู่ ออกประกาศราชโองการในนามขององค์ชายแปด และ จ้าวอ๋องในประกาศฉบับนั้นเริ่มต้นด้วยการกล่าวโทษหลี่เฉินถึงความผิดทั้งปวงที่เกิดขึ้นหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รายชื่อขุนนางที่ถูกประหาร ถูกริบทรัพย์ ถูกกำจัดไป ล้วนถูกระบุไว้ชัดเจน จากนั้นก็ชี้ชัดว่าหลี่เฉินใช้อำนาจในทางมิชอบ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยปราศจากเหตุผลในเนื้อหาของประกาศฉบับนี้ หลี่เฉินถูกกล่าวหาว่าเป็นองค์รัชทายาทที่โฉดเขลา อำมหิต และไร้ความสามารถและที่สำคัญที่สุด…หลี่อิ๋นหู่ ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ในตอนท้ายของประกาศเขาได้ตั้งข้อกังขาต่อเชื้อสายของหลี่เฉิน!หลี่อิ๋นหู่กล่าวหาว่าองค์รัชทายาทในปัจจุบัน มิใช่พระโอรสที่แท้จริงของต้าสิงฮ่องเต้ แต่เป็นบุตรชายที่เกิดจากสตรีสามัญชนที่ต้าสิงฮ่องเต้เคยโปรดปรานเมื่อครั้งยังไร้รัชทายาท ในปีนั้น เมื่อพระนางตั้งครรภ์และให้กำเนิดพระโอรส ต้าสิงฮ่องเต้ จึงรับตัวเข้าวัง และเพื่อปกปิดความจริงจึงให้พระสนมองค์หนึ่งแสร้งรับเป็นพระมารดาเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทั้งแผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือน!ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าองค์ชายแปด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 937

    การเคลื่อนย้ายกองทัพ นับแต่อดีตกาล ล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุดของผู้ปกครองโดยทั่วไป การนำกองทัพจากต่างเมืองเข้ามาในเมืองหลวง ย่อมเป็นไปได้ยากยิ่งแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ หลี่เฉินจำต้องใช้กำลังทหารจากภายนอกหากไม่ได้เตรียมการไว้ อาจไม่ปลอดภัยไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าจ้าวเสวียนจีเตรียมกำลังพลไว้เท่าใดซูเจิ้นถิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทยังทรงจำกองทัพเหลียวตงได้หรือไม่?”หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองซูเจิ้นถิง ส่งสัญญาณให้เขากล่าวต่อ“เมื่อปีก่อน ผิงเป่ยได้รับพระบัญชาให้นำทัพไปปราบดองอิ๋งในแคว้นเซียน ในครานั้น ได้มีการเรียกใช้กองทัพเหลียวตง ซึ่งมี แม่ทัพหูซื่อฟาน เป็นผู้บัญชาการ”“แม่ทัพหูซื่อฟาน เคยเป็นอดีตคนของบิดากระหม่อม ในเรื่องความจงรักภักดีนั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน”“ส่วนกองทัพจากที่อื่น กระหม่อมเห็นว่าหากไม่ใช่สถานการณ์จำเป็นจริงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจ้าวเสวียนจีแล้ว พวกเรายังต้องระวังอ๋องจากแคว้นต่างๆ ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย โดยเฉพาะเขตจีชิ่งและกานส่าน จีชิ่งเป็นเขตของเหวินอ๋อง กานส่านเป็นเขตของหนิงอ๋อง หากเกิดเรื่องขึ้นที่ใดที่หนึ่ง ย่อมสะเทือ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 936

    “แม่ทัพซู ดูเหมือนว่าจ้าวเสวียนจีจะทนไม่ไหวแล้ว พวกเขาอาจใช้กำลังทหารบีบคั้นตำหนักบูรพาได้ทุกเมื่อ”คำพูดแรกของหลี่เฉินทำให้ใจของซูเจิ้นถิงแทบหยุดเต้นทว่าซูเจิ้นถิงเพียงยิ้มบางๆ พลางกล่าว “องค์รัชทายาทวางพระทัยเถิด ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของกระหม่อม ตำหนักบูรพาจะไม่เกิดเรื่องแน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “มีแม่ทัพซูกล่าวเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”จากนั้นเขาหันไปมองสวีฉังชิง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สวีฉังชิง ต่อจากนี้ ภาระของเจ้าจะหนักที่สุด”สวีฉังชิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกล่าว “องค์รัชทายาท กระหม่อมยินดีถวายชีวิตเพื่อองค์รัชทายาท”“ในด้านราชการ เจ้าอาจต้องรับภาระมากขึ้น เวลานี้ข้าไม่อาจเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าได้ แม้เลื่อนตำแหน่ง สำนักราชเลขาก็คงไม่ยอมรับ ทำให้ชื่อเสียงไม่เป็นที่ยอมรับและกลับกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้า แต่ข้าขอรับปาก จะมอบตำแหน่งมหาเสนาบดีให้แก่เจ้า”หากต้องการให้ม้าออกวิ่ง ก็ต้องให้อาหารม้าอิ่มเสียก่อนขณะนี้ ตำแหน่งรองเสนาบดีกรมครัวเรือนของสวีฉังชิงนั้นต่ำเกินไป และข้อจำกัดของกรมครัวเรือนก็มาก ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสำคัญต่างๆ ได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 935

    “องค์รัชทายาททรงดื้อดึงถึงเพียงนี้ เช่นนั้น พวกหม่อมฉันย่อมไม่อาจนิ่งเฉย”จ้าวเสวียนจีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ครั้งนี้ เขาไม่มีทางถอยอีกแล้วสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ทุกฝ่ายต่างยืนอยู่ริมหน้าผา หากใครก้าวถอยหลังเพียงก้าวเดียว ก็จะร่วงลงสู่หุบเหวอันลึกสุดหยั่งเขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “กระหม่อมขอตัว”กล่าวจบ จ้าวเสวียนจีก็หันหลังเดินออกจากพระที่นั่งไท่เหอทันทีฟู่อวี้จือและจางปี้อู่ก็เดินตามไปโดยไม่เอ่ยคำใด แม้แต่จะค้อมศีรษะให้หลี่เฉินสักครั้ง ยังไม่ทำหลี่อิ๋นหู่เดินมาถึงข้างกายหลี่เฉิน มองดูเขาพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยัน ราวกับว่านี่คือฉากที่เขาอยากเห็นที่สุด“น้องขอตัว”เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเดินออกไปอย่างองอาจหลังจากนั้น ขุนนางที่เป็นพวกพ้องของสำนักราชเลขาต่างทยอยออกไป ราวกับกระแสน้ำที่ถาโถมพัดผ่านแต่หลี่เฉินหาได้เอ่ยปากห้ามพวกเขาแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่ มองดูเงาหลังของพวกเขาจากไปเงียบๆ เพียงพริบตาเดียว พระที่นั่งไท่เหอที่เคยเต็มไปด้วยขุนนาง ก็บรรยากาศเงียบเหงาลงทันทีเมื่อสำนักราชเลขาถอนตัวไปแล้ว ผู้ที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นฝ่ายของตำหนักบูรพาบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 934

    องค์รัชทายาทฆ่าคนมาแล้วมากมายมีตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่พิสูจน์ว่า ไม่มีใครที่องค์รัชทายาทไม่กล้าฆ่ามหาบัณฑิตจากสำนักราชเลขา? เขาก็เคยฆ่ามาแล้วแม้แต่ทูตจากแคว้นเหลียว เขายังสังหารต่อหน้าเย่ลู่เสินเสวียนได้เลยชื่อเสียงแห่งความโหดเหี้ยมขององค์รัชทายาท สร้างขึ้นมาจากเลือดของคนเหล่านั้นดังนั้นเมื่อเขากล่าวว่า จะฆ่าจ้าวเสวียนจี ไม่มีขุนนางคนใดในท้องพระโรงที่คิดว่าเขาไม่กล้าทำยกเว้นเพียง จ้าวเสวียนจีเพียงผู้เดียวเขาเงยหน้ามองหลี่เฉิน สีหน้าเรียบเฉย ก่อนกล่าวว่า "หากองค์รัชทายาทเห็นว่าหม่อมฉันสมควรถูกสังหาร หม่อมฉันก็ยินดีมอบศีรษะนี้ให้พระองค์ได้ลงมือ"มีบางปัญหา หากแก้ไม่ได้ ก็ตัดรากถอนโคนมันเสียแต่บางปัญหา หากแก้ไขได้ ก็ควรแก้ไขที่ตัวปัญหา การกำจัดคนที่สร้างปัญหาออกไป อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมจ้าวเสวียนจีเข้าใจเรื่องนี้ดี และหลี่เฉินก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจ้าวเสวียนจีจึงไม่รู้สึกหวาดหวั่นเพราะหากหลี่เฉินเสียสติถึงขั้นสังหารเขาต่อหน้าขุนนางทั้งหมด วันพรุ่งนี้ ราชสำนักต้าฉินก็ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆและนี่คือราคาที่หลี่เฉินไม่มีทางยอมจ่ายและเขาก็ไม่ยอมจ่ายจริงๆ“

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 933

    “ข้าเป็นองค์รัชทายาท ส่วนเจ้าเป็นเพียงองค์ชายต่ำศักดิ์ เจ้ามากราดเกรี้ยวต่อราชสำนักเยี่ยงนี้ แล้วขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษเล่า? ความอาวุโสลำดับชั้นเล่า?”“ข้ามีพระราชโองการจากเสด็จพ่อ ประทานอำนาจสำเร็จราชการให้ข้าดูแลกิจการทั้งปวงของราชสำนัก หากเจ้าขัดข้า ก็เท่ากับขัดขืนเสด็จพ่อ มีสิ่งใดแตกต่างจากการก่อกบฏ?”สองประโยคของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะกล่าวสิ่งใด แต่ด้วยฐานะของหลี่เฉินและพระราชโองการที่พระบิดามอบให้นั้น ก็เหมือนกับชุดเกราะที่ทำให้หลี่เฉินอยู่ในสถานะไร้เทียมทานนี่คืออำนาจทางกฎหมายที่ไม่มีใครข้ามผ่านไปได้และในแผ่นดินนี้ มีเพียงต้าสิงฮ่องเต้เท่านั้น ที่สามารถเพิกถอนอำนาจนี้ได้แต่พระราชโองการนี้ เป็นสิ่งที่ต้าสิงฮ่องเต้ทรงมอบให้หลี่เฉินด้วยพระองค์เอง พระองค์จะทรงเพิกถอนมันได้หรือ?อย่างน้อย... ตอนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกอึดอัดจนแทบกระอักเลือดในเวลานี้ จ้าวเสวียนจีจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“องค์รัชทายาท หน้าที่ของขุนนาง คือการช่วยเหลือฝ่าบาทบริหารราชกิจ แต่ในยามที่ผู้ครองอำนาจขาดวิจารณญาณ พวกเราต้องกล้าที่จะทูลทัดทาน กล้าท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 932

    “ผู้อาวุโสหมายความว่า ให้ข้าสละตำแหน่ง แล้วให้จ้าวอ๋องขึ้นมาแทนหรือ?”เสียงของหลี่เฉินหนักแน่น ก้องกังวานไปทั่วพระที่นั่งไท่เหอจ้าวเสวียนจีหาได้หวั่นไหวไม่ สีหน้าสงบนิ่ง ทว่าคำพูดกลับเฉียบคมและหนักแน่น “องค์รัชทายาททรงตรากตรำเพื่อราชสำนักมาเนิ่นนาน ถึงเวลาสมควรพักผ่อนเสียบ้าง ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์พี่น้องเหนือสิ่งอื่นใด ให้จ้าวอ๋องช่วยแบ่งเบาภาระพระองค์ ถือเป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานแน่นอน”“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”หลี่อิ๋นหู่ตื่นเต้นจนตัวสั่น เขาแทบจะมองเห็นภาพตนเองยืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกร และยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่เขาได้นั่งบนบัลลังก์ด้วยตนเองเริ่มแจ่มชัดขึ้นทุกทีแต่ละภาพที่แล่นเข้ามาในหัว ล้วนทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่านเขาหันไปมองหลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหมายลึกซึ้ง “องค์รัชทายาท ข้าน้อยแม้ความสามารถด้อยกว่า แต่ก็เต็มใจแบ่งเบาภาระของพระองค์ ขอองค์รัชทายาทได้โปรดเห็นแก่ความหวังดีของข้าด้วย”เสียงของหลี่เฉินเย็นชา ทว่าเปี่ยมด้วยอำนาจ เขาแม้แต่จะปรายตามองหลี่อิ๋นหู่ยังไม่คิดจะทำ “ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด ถอยไปซะ!”สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างทันทีถูกตว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 931

    เมื่อสวีฉังชิงก้าวออกมา บรรยากาศในพระที่นั่งไท่เหอก็พลันคึกคักขึ้นทันทีเหล่าขุนนางจากสำนักราชเลขาต่างออกมาตอบโต้โจมตีสวีฉังชิง แต่ฝ่ายตำหนักบูรพาเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้เช่นกันด้วยการนำของสวีฉังชิง ขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาก็เริ่มลุกขึ้นมาโต้กลับ แม้ว่าจำนวนจะน้อยกว่า อายุโดยรวมจะอ่อนกว่า อีกทั้งตำแหน่งก็ไม่สูงเท่ากับฝ่ายสำนักราชเลขา แต่พวกเขาก็หาได้เกรงกลัวไม่ปะทะกันไปมา เพียงไม่กี่คำก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธจนแทบกระอักเลือดท้ายที่สุด ด้วยการส่งสัญญาณของซูเจิ้นถิง กองทัพก็ลงมาร่วมวงด้วยบรรดาเหล่านายทหารผู้หยาบกระด้างเหล่านี้ โดยปกติแล้วไม่มีสิทธิ์และโอกาสมากนักในการแสดงความคิดเห็นในพระราชสำนัก แต่เมื่อมีโอกาสเข้ามาถึง พวกเขาก็ไม่รีรอการปะทะคารมระหว่างบัณฑิต แม้จะแหลมคม แต่ก็มักเต็มไปด้วยถ้อยคำสูงส่งและซับซ้อน ทว่าเมื่อฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คำพูดที่ออกมากลับเป็นภาษาชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่กระแทกใจพระที่นั่งไท่เหอวุ่นวายจนแทบกลายเป็นตลาดสดจ้าวเสวียนจีที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยไม่กล่าวอันใดมาตลอด เหลือบมองสวีฉังชิงท่ามกลางฝูงชน พลางถอนหายใจอย่างเงียบงันก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยให

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 930

    คำกล่าวของฟู่อวี้จือราวกับเป็นเข็มกระตุ้นหัวใจให้กับบรรยากาศอันตึงเครียดในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางทุกคนต่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองฟู่อวี้จือ“เงินเดือนขุนนาง ค่าใช้จ่ายของราชสำนัก ค่าจ้างทหาร ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติ ล้วนมีระเบียบและกฎเกณฑ์ คลังหลวงเก็บภาษีได้ในแต่ละปี แม้ไม่เพียงพอสำหรับทุกค่าใช้จ่าย แต่ก็สามารถจ่ายได้บางส่วน องค์รัชทายาทจะมาใช้เล่ห์กลปั่นหัวผู้คนและบิดเบือนความจริงได้อย่างไร?”คำพูดเพิ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางคัน“ใต้เท้าฟู่ คำกล่าวนี้ผิดถนัดแล้ว”ประโยคเปิดหัวคล้ายกัน แต่เปลี่ยนผู้พูดไปเป็นสวีฉังชิงเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องใช้เงินจากคลังหลวง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือคลังหลวงขาดแคลนมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงเมตตาต่อราษฎร จึงยกเว้นภาษีในหลายพื้นที่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงแต่รายได้จากภาษีลดลง แต่คลังหลวงยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ รายรับกับรายจ่ายที่สวนทางกันเช่นนี้ ใต้เท้าฟู่คิดว่าช่องว่างมันมากเพียงใดกัน?”“ปีที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะองค์รัชท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status