ขบวนเสด็จของฮองเฮา หน้าหลังมีทหารองค์รักษ์อาวุธครบมือ 28 นาย โดย 28 นายนี้ต่างแยกกันเดินคุ้มกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังของขบวนเสด็จ หากมีการปะทะกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ไปจนถึงพ่อค้าผู้ต่ำต้อย ก็สามารถฆ่าก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลังได้ในกลุ่มทหารองค์รักษ์อาวุธครบมือนั้น มีขันทีสิบหกคนถือไม้เท้า กระบอง ขวานทองคำ และอุปกรณ์เต็มพิธีล้อมรอบเกี้ยวหงส์ ใกล้ๆ กับเกี้ยวหงส์นั้นมีนางกำนัลแปดนาง ถือพัดทรงกลม ร่มทรงกลมปักสีแดง ร่มทรงกลมปักสีเขียว โคมไฟสีแดง และอื่นๆ อยู่ข้างๆความสง่างามและความหรูหราของเกี้ยวหงส์นั้น เหมือนกับตำหนักน้อยๆ ที่เคลื่อนที่ได้ โดยตัวเกี้ยวทำมาจากทองคำทั้งหมด ฮองเฮาประทับอยู่ในนั้น สวมมงกุฎหงส์สี่ตัว ติดปิ่นมุกฟีนิกซ์สี่อันข้างขมับ และสวมเสื้อคลุมหงส์หนึ่งร้อยตัว เสื้อผ้าสีแดงสด ซึ่งเป็นชุดพิธีการที่ทอลายทองปักลายหงส์“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีๆ”นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เฉินได้เห็นฮองเฮาแห่งราชวงศ์ฉินสวมชุดพิธีการ และเตรียมขบวนเสด็จฮองเฮาอย่างเต็มพิธี ในใจก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ทว่าดวงตากลับร้อนผ่าวดุจไฟเพียงแต่ตอนนี้ ไม่ใช่เขาที่เป็นฝ่ายผิดพลาด“ลูกถว
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนต่างตื่นตะลึงไม่มีใครคิดว่าองค์รัชทายาทจะพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคดังกล่าวทั้งเรียบง่ายและแฝงไปด้วยจิตสังหาร จนทำให้ทุกคนสัมผัสได้ง่ายๆ ว่านี่ไม่ใช่การล้อเล่นหรือแค่ข่มขู่แต่อย่างใด แต่เป็นความตั้งใจอย่างแท้จริงความแข็งกร้าวของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานรับมือไม่ทันนางคาดหวังว่าหลี่เฉินจะอธิบาย หรือคิดว่าหลี่เฉินจะตอบปฏิเสธ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า หลี่เฉินไม่เพียงแต่ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ยังพูดสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นออกมาด้วยจ้าวชิงหลานลุกจากเกี้ยวหงส์ กล่าวอย่างโมโหว่า “องค์รัชทายาท! เจ้าพูดอันใดออกมา!?”“เจ้าอยากจะบั่นคอองค์ชายเก้า!?”“เจ้าคิดทำเรื่องผิดมหันต์เช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะสั่งกักบริเวณเจ้า รอจนกว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะฟื้นขึ้นมา แล้วกราบทูลเสด็จพ่อของเจ้า เพื่อริบอำนาจผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของเจ้ากลับคืนมาหรือ!?”หลี่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หากเรื่องนี้สามารถทำได้ พวกท่านคงทำไปตั้งนานแล้ว พวกท่านเองก็รู้ดี ไม่ใช่ว่าพวกท่านไม่เคยคิด แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก ดังนั้นจะยกเรื่องนี้มาข่มขู่ข้าทำไม?”จากนั
“หลังจากลงโทษเสร็จ ฮองเฮาก็สามารถพาเขาไปได้”หลี่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ก่อนการลงโทษจะสิ้นสุด ใครก็ขวางไม่ได้”หลี่เฉินยกมือแสดงความคารวะ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยอย่างยิ่ง“ในช่วงเริ่มต้นของการสถาปนาประเทศ ไท่จู่ตระหนักถึงบาปของราชวงศ์ก่อนๆ ที่ทำให้ต้องสูญเสียใต้หล้า และสูญเสียหัวใจของประชาชน จึงมีพระบรมราโชวาท 19 ประการขึ้นมา หนึ่งในนั้นได้กล่าวไว้ว่า จักรพรรดิผู้สืบทอดของตระกูลหลี่แห่งราชวงศ์ฉิน จะต้องไม่ยอมให้วังหลังเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หากพระประยูรญาติทางด้านไทเฮาหรือฮองเฮาเข้มแข็งเกินไป และก่ออาชญากรรม เชื้อพระวงศ์ตระกูลหลี่สามารถถือพระบรมราโชวาทของไท่จู่ แล้วลงโทษองค์จักรพรรดิ สังหารผู้ทรยศ”“เป็นเวลากว่าสามร้อยปีแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิฉิน จนถึงรัชสมัยของเสด็จพ่อในปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 14 และไม่มีใครในวังหลังกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เมื่อหนึ่งร้อยยี่สิบปีก่อน ในรัชสมัยของเซวียนเหรินจง หลิวกุ้ยเฟยหยิ่งผยองเพราะได้รับความโปรดปราน ได้เข้ามาแทรกแซงการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต เสด็จลุงขององค์จักรพรรดิเซวียนเหรินจง จึงอัญเชิญพระ
หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนจะคายมันออกมาแล้ววางถ้วยไว้ข้างๆ มันเย็น“ออกไปรับโทษโบย 20 ไม้กระดาน”หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “เมื่อข้าใช้คน ที่สำคัญที่สุดคือความอดทน หากทำงานดีก็มีรางวัลให้ แต่ถ้าทำงานไม่ดี ข้าก็ให้โอกาสอีกครั้ง”“แต่นี่คือความผิดครั้งแรกของเจ้า ในอดีตเจ้าก็มีผลงานและทำงานหนักรับใช้ข้า ดังนั้น ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าในครั้งนี้ แต่ถ้าครั้งหน้ายังทำแบบนี้อีก ก็อย่าเป็นมันเลยรองผู้บัญชาการนั่นนะ”เฉินทงตกใจกลัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดอย่างเร่งรีบว่า “กระหม่อมทราบความผิดแล้ว ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา!”เมื่อเห็นหลี่เฉินไม่พูดอะไรอีก เฉินทงก็ลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง และเดินถอยหลังออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงไม้กระดานข้างนอกผ่านไปสักพัก เฉินทงก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้งอีกครั้ง“ตีเสร็จแล้วหรือ?” หลี่เฉินถามเสียงเรียบตอนนี้ใบหน้าของเฉินทงเต็มไปด้วยเหงื่อ เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท”“ไปหาจางเฮ่อจือและให้เขามอบยาให้เจ้าสองเทียบ”เมื่อหลี่เฉินส่งเฉินทงออกไปแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ถ
“เจ้าบอกว่าเงินในท้องพระคลังจะไม่ได้รับการอนุมัติหากไม่มีลายพระหัตถ์ขององค์รัชทายาท ข้าเลยบอกเจ้าว่า ภัยพิบัติของมณฑลซีซานในครั้งนี้เลวร้ายที่สุด ก่อนหน้านี้ราชสำนักไม่มีเงินจริงๆ เลยเลื่อนการซ่อมแซมเขื่อนออกไป แต่ตอนนี้พอมีเงินแล้ว ข้าจึงขอให้เจ้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับข้า เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วให้ฝ่าบาททรงอนุมัติเงินและซ่อมแซมเขื่อนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนน้อยลง”“แล้วเจ้าพูดสิ่งใดเล่า? เจ้าบอกว่าเอกสารอนุมัติของข้าขอเงินสูงเสียดฟ้า คงอยากจะเสริมเงินในกระเป๋าส่วนตัว!”“ข้ากวนจือเหวยผ่านการสอบคัดเลือกข้าราชการเคอจวี่เมื่ออายุยี่สิบสอง และเข้าสู่เส้นทางขุนนางอย่างเป็นทางการเมื่ออายุยี่สิบสาม ตอนนี้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว แม้มิกล้าพูดว่าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานอย่างใหญ่หลวง แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ไม่กล้าที่จะโลภหรือเห็นแก่ตัวในอาชีพการงานของข้า อย่างน้อยข้าก็เรียกได้ว่าเป็นขุนนางมือสะอาด ชื่อเสียงอันดีงามของข้า ถูกเจ้าทำให้แปดเปื้อน แล้วข้าจะมีหน้ามาพบฝ่าบาท และพบเพื่อนร่วมชาติได้อย่างไร!?”เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันอีกครั้ง หลี่เฉินก็ขมวดคิ้
“ทุกวันนี้ ถนนหลวงเก้าในสิบแห่งของมณฑลซีซานถูกน้ำพัดหายไป วัสดุทั้งหมดถูกซื้อและระดมจากที่อื่น จากนั้นจึงขนส่งเข้าสู่มณฑลซีซาน เมื่อเข้าสู่ซีซาน ก็แทบต้องอ้อมถนนบนภูเขา และถนนบนภูเขาก็เดินทางได้ยากลำบากนัก ดังนั้นค่าขนส่งจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”“นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขื่อนจะแตกเมื่อใด เมื่อเขื่อนแตก มันจะเป็นหายนะทางธรรมชาติ จะหนีก็หนีไม่พ้น ส่วนพวกทหารที่ต้องซ่อมแซมเขื่อน ก็ต้องขึ้นไปที่นั่นด้วยความคิดที่จะพร้อมตาย หากไม่มีรางวัลหรือเงินบำนาญ สวีฉังชิง เจ้าจะแบกหินขึ้นไปแทนหรือไม่?”สวีฉังชิงรับผิดชอบกรมครัวเรือนซึ่งเป็นกระเป๋าเงินของราชสำนัก ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา สิ่งที่กวนจือเหวยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ทำให้พูดไม่ออกไปชั่วขณะตอนนี้เอง หลี่เฉินก็ปิดเอกสารการอนุมัติเช่นกัน“อนุมัติ”หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็นสีหน้าของกวนจือเหวยดูมีความสุข เขารีบคุกเข่าลงในทันที “กระหม่อมขอเป็นตัวแทนผู้ประสบภัยแสนคนในมณฑลซีซาน ขอบพระทัยความเมตตาของฝ่าบาท!”ดูออกเลยว่า ความตื่นเต้นและความซาบซึ้งใจของกวนจือเหวยนั้น มาจากใจอย่างแท้จริงการที่ทั่วทั้งราชสำนัก ยังมีขุนนางที่อุทิศตนเพื่อประช
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป หลี่เฉินก็เรียกซานเป่าเข้ามา“ไปตรวจสอบกวนจือเหวย ดูสิว่าคนผู้นี้ใช้งานได้หรือไม่ อีกอย่างไปตรวจกรมโยธาธิการอีกสักรอบ เพื่อดูว่ากรมโยธาธิการยังมีมอดอีกกี่ตัว”ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็รับคำสั่งทันที“ฝ่าบาท หากพูดถึงมอดในกรมโยธาธิการแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ฝ่าบาทขอให้หน่วยบูรพาจับตาดูเจ้าหน้าที่ ที่มีการติดต่อกับทูตของเสียนเฉา ในรายงานมีหลินต้งเหลียง เสนาบดีกรมโยธาธิการอยู่ด้วย เขากับทูตของเสียนเฉามีการติดต่อกันสามครั้ง และทุกครั้งก็ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่”หลี่เฉินยิ้มเย็น เจตนาฆ่าพลันก่อตัวขึ้น“ฝ่าบาท หรือจะให้หน่วยบูรพาลงมือเลย?” ซานเป่ากระซิบถามหลี่เฉินพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าให้หน่วยบูรพาจับตามองเจ้าหน้าที่ที่รับสินบนมาสักระยะแล้ว แต่รู้ไหมว่าเหตุใด ข้าถึงยังไม่ลงมือ?”ซานเป่าส่ายหน้า “ความคิดของฝ่าบาท บ่าวมิกล้าคาดเดา”ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซานเป่าถึงนั่งในตำแหน่งกวางกงของหน่วยบูรพาได้อย่างมั่นคง ทั้งยังกุมอำนาจของผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรอย่างง่ายดาย สมองเช่นนี้ เฉินทงเทียบไม่ติดหรอกหลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “สำหรับชาวบ้านแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุ
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลี่เฉินก็โบกมือให้นางกำนัลรับใช้ถอยออกไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับจ้าวหรุ่ย เมื่อเห็นการกระทำของหลี่เฉิน นางก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนางหน้าแดงเล็กน้อย และพูดกับหลี่เฉินที่เดินมาหาตัวเองเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันไม่สามารถรับใช้ฝ่าบาทได้”หลี่เฉินได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยไม่ควรเป็นแบบนี้สิกลางวันสั่งสอนจ้าวหรุ่ย จากนั้นก็มอบผลประโยชน์ให้กับครอบครัวของนาง แล้วเหตุใดตอนนี้ นางถึงยังกระบิดกระบวนอยู่?ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้ว นางควรจะถวายตัวเพื่อแสดงความขอบคุณมิใช่หรือ?“ประจำเดือนของหม่อมฉันมา...”จ้าวหรุ่ยก้มหน้าลงและบอกความจริงหลี่เฉินสีหน้าอึมครึม รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อ และริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มที่น่าดึงดูดของจ้าวหรุ่ย ทันใดนั้นหลี่เฉินก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาบางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้เส้นทางที่ถูกต้อง...หลี่เฉินโน้มตัวลงไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของจ้าวหรุ่ยดวงตาของจ้าวหรุ่ยเบิกกว้างขึ้น เมื่อคิดตามคำพูดของหลี่เฉิน ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดก็ย้อมหูอันงดงามจนแดงฉาน น