“หลังจากลงโทษเสร็จ ฮองเฮาก็สามารถพาเขาไปได้”หลี่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ก่อนการลงโทษจะสิ้นสุด ใครก็ขวางไม่ได้”หลี่เฉินยกมือแสดงความคารวะ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยอย่างยิ่ง“ในช่วงเริ่มต้นของการสถาปนาประเทศ ไท่จู่ตระหนักถึงบาปของราชวงศ์ก่อนๆ ที่ทำให้ต้องสูญเสียใต้หล้า และสูญเสียหัวใจของประชาชน จึงมีพระบรมราโชวาท 19 ประการขึ้นมา หนึ่งในนั้นได้กล่าวไว้ว่า จักรพรรดิผู้สืบทอดของตระกูลหลี่แห่งราชวงศ์ฉิน จะต้องไม่ยอมให้วังหลังเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หากพระประยูรญาติทางด้านไทเฮาหรือฮองเฮาเข้มแข็งเกินไป และก่ออาชญากรรม เชื้อพระวงศ์ตระกูลหลี่สามารถถือพระบรมราโชวาทของไท่จู่ แล้วลงโทษองค์จักรพรรดิ สังหารผู้ทรยศ”“เป็นเวลากว่าสามร้อยปีแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิฉิน จนถึงรัชสมัยของเสด็จพ่อในปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 14 และไม่มีใครในวังหลังกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เมื่อหนึ่งร้อยยี่สิบปีก่อน ในรัชสมัยของเซวียนเหรินจง หลิวกุ้ยเฟยหยิ่งผยองเพราะได้รับความโปรดปราน ได้เข้ามาแทรกแซงการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต เสด็จลุงขององค์จักรพรรดิเซวียนเหรินจง จึงอัญเชิญพระ
หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนจะคายมันออกมาแล้ววางถ้วยไว้ข้างๆ มันเย็น“ออกไปรับโทษโบย 20 ไม้กระดาน”หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “เมื่อข้าใช้คน ที่สำคัญที่สุดคือความอดทน หากทำงานดีก็มีรางวัลให้ แต่ถ้าทำงานไม่ดี ข้าก็ให้โอกาสอีกครั้ง”“แต่นี่คือความผิดครั้งแรกของเจ้า ในอดีตเจ้าก็มีผลงานและทำงานหนักรับใช้ข้า ดังนั้น ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าในครั้งนี้ แต่ถ้าครั้งหน้ายังทำแบบนี้อีก ก็อย่าเป็นมันเลยรองผู้บัญชาการนั่นนะ”เฉินทงตกใจกลัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดอย่างเร่งรีบว่า “กระหม่อมทราบความผิดแล้ว ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา!”เมื่อเห็นหลี่เฉินไม่พูดอะไรอีก เฉินทงก็ลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง และเดินถอยหลังออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงไม้กระดานข้างนอกผ่านไปสักพัก เฉินทงก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้งอีกครั้ง“ตีเสร็จแล้วหรือ?” หลี่เฉินถามเสียงเรียบตอนนี้ใบหน้าของเฉินทงเต็มไปด้วยเหงื่อ เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท”“ไปหาจางเฮ่อจือและให้เขามอบยาให้เจ้าสองเทียบ”เมื่อหลี่เฉินส่งเฉินทงออกไปแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ถ
“เจ้าบอกว่าเงินในท้องพระคลังจะไม่ได้รับการอนุมัติหากไม่มีลายพระหัตถ์ขององค์รัชทายาท ข้าเลยบอกเจ้าว่า ภัยพิบัติของมณฑลซีซานในครั้งนี้เลวร้ายที่สุด ก่อนหน้านี้ราชสำนักไม่มีเงินจริงๆ เลยเลื่อนการซ่อมแซมเขื่อนออกไป แต่ตอนนี้พอมีเงินแล้ว ข้าจึงขอให้เจ้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับข้า เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วให้ฝ่าบาททรงอนุมัติเงินและซ่อมแซมเขื่อนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนน้อยลง”“แล้วเจ้าพูดสิ่งใดเล่า? เจ้าบอกว่าเอกสารอนุมัติของข้าขอเงินสูงเสียดฟ้า คงอยากจะเสริมเงินในกระเป๋าส่วนตัว!”“ข้ากวนจือเหวยผ่านการสอบคัดเลือกข้าราชการเคอจวี่เมื่ออายุยี่สิบสอง และเข้าสู่เส้นทางขุนนางอย่างเป็นทางการเมื่ออายุยี่สิบสาม ตอนนี้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว แม้มิกล้าพูดว่าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานอย่างใหญ่หลวง แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ไม่กล้าที่จะโลภหรือเห็นแก่ตัวในอาชีพการงานของข้า อย่างน้อยข้าก็เรียกได้ว่าเป็นขุนนางมือสะอาด ชื่อเสียงอันดีงามของข้า ถูกเจ้าทำให้แปดเปื้อน แล้วข้าจะมีหน้ามาพบฝ่าบาท และพบเพื่อนร่วมชาติได้อย่างไร!?”เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันอีกครั้ง หลี่เฉินก็ขมวดคิ้
“ทุกวันนี้ ถนนหลวงเก้าในสิบแห่งของมณฑลซีซานถูกน้ำพัดหายไป วัสดุทั้งหมดถูกซื้อและระดมจากที่อื่น จากนั้นจึงขนส่งเข้าสู่มณฑลซีซาน เมื่อเข้าสู่ซีซาน ก็แทบต้องอ้อมถนนบนภูเขา และถนนบนภูเขาก็เดินทางได้ยากลำบากนัก ดังนั้นค่าขนส่งจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”“นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขื่อนจะแตกเมื่อใด เมื่อเขื่อนแตก มันจะเป็นหายนะทางธรรมชาติ จะหนีก็หนีไม่พ้น ส่วนพวกทหารที่ต้องซ่อมแซมเขื่อน ก็ต้องขึ้นไปที่นั่นด้วยความคิดที่จะพร้อมตาย หากไม่มีรางวัลหรือเงินบำนาญ สวีฉังชิง เจ้าจะแบกหินขึ้นไปแทนหรือไม่?”สวีฉังชิงรับผิดชอบกรมครัวเรือนซึ่งเป็นกระเป๋าเงินของราชสำนัก ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา สิ่งที่กวนจือเหวยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ทำให้พูดไม่ออกไปชั่วขณะตอนนี้เอง หลี่เฉินก็ปิดเอกสารการอนุมัติเช่นกัน“อนุมัติ”หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็นสีหน้าของกวนจือเหวยดูมีความสุข เขารีบคุกเข่าลงในทันที “กระหม่อมขอเป็นตัวแทนผู้ประสบภัยแสนคนในมณฑลซีซาน ขอบพระทัยความเมตตาของฝ่าบาท!”ดูออกเลยว่า ความตื่นเต้นและความซาบซึ้งใจของกวนจือเหวยนั้น มาจากใจอย่างแท้จริงการที่ทั่วทั้งราชสำนัก ยังมีขุนนางที่อุทิศตนเพื่อประช
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป หลี่เฉินก็เรียกซานเป่าเข้ามา“ไปตรวจสอบกวนจือเหวย ดูสิว่าคนผู้นี้ใช้งานได้หรือไม่ อีกอย่างไปตรวจกรมโยธาธิการอีกสักรอบ เพื่อดูว่ากรมโยธาธิการยังมีมอดอีกกี่ตัว”ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็รับคำสั่งทันที“ฝ่าบาท หากพูดถึงมอดในกรมโยธาธิการแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ฝ่าบาทขอให้หน่วยบูรพาจับตาดูเจ้าหน้าที่ ที่มีการติดต่อกับทูตของเสียนเฉา ในรายงานมีหลินต้งเหลียง เสนาบดีกรมโยธาธิการอยู่ด้วย เขากับทูตของเสียนเฉามีการติดต่อกันสามครั้ง และทุกครั้งก็ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่”หลี่เฉินยิ้มเย็น เจตนาฆ่าพลันก่อตัวขึ้น“ฝ่าบาท หรือจะให้หน่วยบูรพาลงมือเลย?” ซานเป่ากระซิบถามหลี่เฉินพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าให้หน่วยบูรพาจับตามองเจ้าหน้าที่ที่รับสินบนมาสักระยะแล้ว แต่รู้ไหมว่าเหตุใด ข้าถึงยังไม่ลงมือ?”ซานเป่าส่ายหน้า “ความคิดของฝ่าบาท บ่าวมิกล้าคาดเดา”ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซานเป่าถึงนั่งในตำแหน่งกวางกงของหน่วยบูรพาได้อย่างมั่นคง ทั้งยังกุมอำนาจของผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรอย่างง่ายดาย สมองเช่นนี้ เฉินทงเทียบไม่ติดหรอกหลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “สำหรับชาวบ้านแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุ
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลี่เฉินก็โบกมือให้นางกำนัลรับใช้ถอยออกไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับจ้าวหรุ่ย เมื่อเห็นการกระทำของหลี่เฉิน นางก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนางหน้าแดงเล็กน้อย และพูดกับหลี่เฉินที่เดินมาหาตัวเองเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันไม่สามารถรับใช้ฝ่าบาทได้”หลี่เฉินได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยไม่ควรเป็นแบบนี้สิกลางวันสั่งสอนจ้าวหรุ่ย จากนั้นก็มอบผลประโยชน์ให้กับครอบครัวของนาง แล้วเหตุใดตอนนี้ นางถึงยังกระบิดกระบวนอยู่?ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้ว นางควรจะถวายตัวเพื่อแสดงความขอบคุณมิใช่หรือ?“ประจำเดือนของหม่อมฉันมา...”จ้าวหรุ่ยก้มหน้าลงและบอกความจริงหลี่เฉินสีหน้าอึมครึม รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อ และริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มที่น่าดึงดูดของจ้าวหรุ่ย ทันใดนั้นหลี่เฉินก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาบางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้เส้นทางที่ถูกต้อง...หลี่เฉินโน้มตัวลงไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของจ้าวหรุ่ยดวงตาของจ้าวหรุ่ยเบิกกว้างขึ้น เมื่อคิดตามคำพูดของหลี่เฉิน ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดก็ย้อมหูอันงดงามจนแดงฉาน น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิวซือฉุนแต่งกายด้วยชุดธรรมดาโดยไม่แต่งหน้าใดๆ เดินทางมาที่พระที่นั่งสีเจิ้งเพื่อเข้าเฝ้าหลี่เฉิน“หม่อมฉันหลิวซือฉุน ถวายบังคมองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี”หลิวซือฉุนยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยนางคิดว่าหลี่เฉินจะสอบถามตัวเองเกี่ยวกับความคืบหน้าของการขนย้ายเกลือในช่วงที่ผ่านมาในความเป็นจริงแล้ว ความคืบหน้าของธุรกิจนี้ไม่ค่อยราบรื่นนักตั้งแต่สมัยโบราณ นี่เป็นครั้งแรกที่เอกชนจะเข้ามาแทรกแซงธุรกิจที่ทางการผูกขาด แม้จะมีลายพระหัตถ์ขององค์รัชทายาท แต่นางก็ยังประสบปัญหามากมายในรายละเอียดต่างๆหลิวซือฉุนเข้าใจเหตุผลที่ว่าพบพญายมดีกว่าพบผีรับใช้[footnoteRef:1] ดังนั้นจึงไม่พึ่งพาลายพระหัตถ์ขององค์รัชทายาทในการจัดการสิ่งต่างๆ เมื่อพบข้อต่อบางอย่างที่ต้องเปิดออก ควรให้เงินก็ให้ ควรมอบผู้หญิงก็ให้ ตราบใดที่ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ หลิวซือฉุนก็ไม่สนใจวิธีการ [1: พบพญายมดีกว่าพบผีรับใช้ หมายถึง คนเป็นลูกน้องรับมือยากกว่าหัวหน้า] แต่ถึงอย่างนั้น หลิวซือฉุนก็ยังพบกับความยากลำบากเป็นอย่างมาก ขณะที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ก็มีคำสั่งเรียกเข้าเฝ้าของหลี่เฉินหลี่เฉินมอ
“เฉินทง”หลี่เฉินตะโกนเรียกในไม่ช้า เฉินทงก็เข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้ง และทำความเคารพหลี่เฉิน“ถวายบังคมองค์รัชทายาท ทรงพระเจริญพันปี”“เฉินทงเป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ในขณะที่เจ้ามองหาสิ่งนี้ หากต้องการความช่วยเหลือหรือผู้ช่วย ก็สามารถติดต่อเฉินทงได้โดยตรง”เมื่อพูดกับหลิวซือฉุนเสร็จ หลี่เฉินก็หันมาอธิบายกับเฉินทงว่า “สิ่งนี้สำคัญมาก เจ้ากับองครักษ์เสื้อแพร จะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”เฉินทงกำหมัดคารวะ แล้วพูดว่า “กระหม่อมรับพระราชดำรัสสั่ง!”มันเทศแดงปลูกง่าย ให้ผลผลิตสูง ซึ่งส่วนใหญ่สามารถเป็นอาหารหลักแทนข้าวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติติดต่อกันหลายปี และความอดอยากทั่วทั้งประเทศเช่นนี้ สิ่งนี้มีรสชาติอร่อยกว่ารากหญ้าหรือเปลือกไม้อย่างแน่นอนเมื่อแพร่หลายแล้ว ปัญหาการขาดแคลนอาหารที่รบกวนจักรวรรดิต้าฉินมานานหลายร้อยปี ก็สามารถแก้ไขได้ในตอนแรกหลี่เฉินแค่อยากจะลองดูเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าหลิวซือฉุนจะนำความหวังอันริบหรี่มาสู่เขาได้จริงๆเมื่อก้อนหินขนาดใหญ่ในใจร่วงหายไป หลี่เฉินก็อารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหลี่เฉินอารมณ์ดี