แชร์

บทที่ 100

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
“สมเหตุสมผล!?”

หลี่เฉินหัวเราะอย่างโกรธๆ

“เจ้าคุ้นเคยกับการกินของดีๆ และสวมเสื้อผ้าดีๆ ถ้าไม่มีข้าวกินแล้วทำไมถึงไม่กินเนื้อล่ะ ข้าถามเจ้า เจ้ายังจำที่มาของประโยคนี้ได้หรือไม่?”

องค์ชายเก้าตอบแทบจะทันทีว่า “จำได้ เมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อจักรพรรดิจิ้นฮุ่ยได้รับรายงานว่ามีการอดอยากในประเทศและประชาชนไม่มีข้าวกิน พระองค์ตรัสถามว่า ถ้าไม่มีข้าวกินแล้วทำไมถึงไม่กินเนื้อล่ะ”

“หมายความว่า...คนผู้นี้ไม่รู้จักความทุกข์ทรมานของโลกและขาดความรู้”

“นับว่าเจ้าไม่ได้เรียนอย่างไร้ประโยชน์”

หลี่เฉินตะคอกและพูดว่า “เนื่องจากกระท่อมที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ประสบภัย เป็นเพียงกระท่อมธรรมดาสำหรับที่พักพิงจากความหนาวเย็น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับวัสดุและฝีมือการผลิต ตราบใดที่สามารถป้องกันลมและฝนได้ราคาเท่าไหร่?”

“เจ้าบอกว่าราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นซึ่งก็ใช่ แต่แม้ว่าเจ้าจะรวมค่าใช้จ่ายนี้ไว้ มันก็จะไม่มากถึง 600,000 ตำลึง”

พูดจบ หลี่เฉินก็หยิบพู่กันแก้ตัวเลขบนเอกสารเป็นหนึ่งแสนตำลึง ก่อนจะส่งคืนให้กับองค์ชายเก้า

“ผู้ประสบภัยสามารถทำงานของตัวเองในการขนส่งอาหารและสร้างเพิงได้ ด้วยวิธีนี้ คนงานก็จะสามารถประหยัดเงิน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (10)
goodnovel comment avatar
Nupong Panupong
มึงรออะไรควยกูเสียเงินไปมากแล้วนะ ไม่ใช่เรื่องเดียวหลายเรื่องแล้วนะ กูจะเลิกอ่านละสัตว์
goodnovel comment avatar
Nonnapas Nonnapas
เสียตังค์ไปก้ออ่านไม่จบเห็นแก่ได้จริงๆ
goodnovel comment avatar
supattra chantanee
โหลดเร็วๆๆแน่เด้อข่อยท่ายุแม๊ะ555555ปัลรีๆๆๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 101

    สิบไม้กระดาน จะตีครบหรือไม่มันไม่สำคัญเพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่สามารถตีองค์ชายเก้าจนตายได้แต่การตัดสินใจจะตีหรือไม่นั้น มันเป็นสิ่งที่ตัวของเขาเองเป็นคนตัดสินใจซึ่งใครก็ตามที่แทรกแซงการตัดสินใจนี้ ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออำนาจของเขาเหตุใดคำพูดขององค์จักรพรรดิจึงถือว่าเป็นประกาศิต เพราะเมื่อพูดออกไปแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ และไม่มีใครสามารถขัดขืนได้ แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ เพื่อคงไว้ซึ่งความสง่างามของจักรพรรดิการสร้างอำนาจเป็นเรื่องยาก แต่ใช้เวลาทำลายแค่ครั้งเดียวหากครั้งนี้ไม่ตีครบสิบที แล้วคนในวังจะมองเช่นไร ฮองเฮาสามารถรักษาหน้าตัวเองได้อย่างมั่นคง แต่ตัวเขาที่เป็นองค์รัชทายาท ไม่อาจไร้ประโยชน์เหมือนเมื่อก่อนได้หลี่เฉินจะไม่ยอมให้อำนาจที่เขาทำงานมาอย่างหนัก ถูกทำลายอย่างง่ายดายดังนั้นเมื่อหลี่เฉินออกจากตำหนักบูรพาและไล่ตามด้วยตัวเอง เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เฉินทงตระหนักดีว่าเขาได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นโดยไม่กล้าแม้แต่จะบ่น แล้วเดินตามหลังหลี่เฉินไปตามถนนเล็กๆ องค์ชายเก้าเพิ่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 102

    ขบวนเสด็จของฮองเฮา หน้าหลังมีทหารองค์รักษ์อาวุธครบมือ 28 นาย โดย 28 นายนี้ต่างแยกกันเดินคุ้มกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังของขบวนเสด็จ หากมีการปะทะกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ไปจนถึงพ่อค้าผู้ต่ำต้อย ก็สามารถฆ่าก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลังได้ในกลุ่มทหารองค์รักษ์อาวุธครบมือนั้น มีขันทีสิบหกคนถือไม้เท้า กระบอง ขวานทองคำ และอุปกรณ์เต็มพิธีล้อมรอบเกี้ยวหงส์ ใกล้ๆ กับเกี้ยวหงส์นั้นมีนางกำนัลแปดนาง ถือพัดทรงกลม ร่มทรงกลมปักสีแดง ร่มทรงกลมปักสีเขียว โคมไฟสีแดง และอื่นๆ อยู่ข้างๆความสง่างามและความหรูหราของเกี้ยวหงส์นั้น เหมือนกับตำหนักน้อยๆ ที่เคลื่อนที่ได้ โดยตัวเกี้ยวทำมาจากทองคำทั้งหมด ฮองเฮาประทับอยู่ในนั้น สวมมงกุฎหงส์สี่ตัว ติดปิ่นมุกฟีนิกซ์สี่อันข้างขมับ และสวมเสื้อคลุมหงส์หนึ่งร้อยตัว เสื้อผ้าสีแดงสด ซึ่งเป็นชุดพิธีการที่ทอลายทองปักลายหงส์“ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีๆ”นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เฉินได้เห็นฮองเฮาแห่งราชวงศ์ฉินสวมชุดพิธีการ และเตรียมขบวนเสด็จฮองเฮาอย่างเต็มพิธี ในใจก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ทว่าดวงตากลับร้อนผ่าวดุจไฟเพียงแต่ตอนนี้ ไม่ใช่เขาที่เป็นฝ่ายผิดพลาด“ลูกถว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 103

    ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนต่างตื่นตะลึงไม่มีใครคิดว่าองค์รัชทายาทจะพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคดังกล่าวทั้งเรียบง่ายและแฝงไปด้วยจิตสังหาร จนทำให้ทุกคนสัมผัสได้ง่ายๆ ว่านี่ไม่ใช่การล้อเล่นหรือแค่ข่มขู่แต่อย่างใด แต่เป็นความตั้งใจอย่างแท้จริงความแข็งกร้าวของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานรับมือไม่ทันนางคาดหวังว่าหลี่เฉินจะอธิบาย หรือคิดว่าหลี่เฉินจะตอบปฏิเสธ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า หลี่เฉินไม่เพียงแต่ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ยังพูดสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นออกมาด้วยจ้าวชิงหลานลุกจากเกี้ยวหงส์ กล่าวอย่างโมโหว่า “องค์รัชทายาท! เจ้าพูดอันใดออกมา!?”“เจ้าอยากจะบั่นคอองค์ชายเก้า!?”“เจ้าคิดทำเรื่องผิดมหันต์เช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะสั่งกักบริเวณเจ้า รอจนกว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะฟื้นขึ้นมา แล้วกราบทูลเสด็จพ่อของเจ้า เพื่อริบอำนาจผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของเจ้ากลับคืนมาหรือ!?”หลี่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หากเรื่องนี้สามารถทำได้ พวกท่านคงทำไปตั้งนานแล้ว พวกท่านเองก็รู้ดี ไม่ใช่ว่าพวกท่านไม่เคยคิด แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก ดังนั้นจะยกเรื่องนี้มาข่มขู่ข้าทำไม?”จากนั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 104

    “หลังจากลงโทษเสร็จ ฮองเฮาก็สามารถพาเขาไปได้”หลี่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ก่อนการลงโทษจะสิ้นสุด ใครก็ขวางไม่ได้”หลี่เฉินยกมือแสดงความคารวะ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยอย่างยิ่ง“ในช่วงเริ่มต้นของการสถาปนาประเทศ ไท่จู่ตระหนักถึงบาปของราชวงศ์ก่อนๆ ที่ทำให้ต้องสูญเสียใต้หล้า และสูญเสียหัวใจของประชาชน จึงมีพระบรมราโชวาท 19 ประการขึ้นมา หนึ่งในนั้นได้กล่าวไว้ว่า จักรพรรดิผู้สืบทอดของตระกูลหลี่แห่งราชวงศ์ฉิน จะต้องไม่ยอมให้วังหลังเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หากพระประยูรญาติทางด้านไทเฮาหรือฮองเฮาเข้มแข็งเกินไป และก่ออาชญากรรม เชื้อพระวงศ์ตระกูลหลี่สามารถถือพระบรมราโชวาทของไท่จู่ แล้วลงโทษองค์จักรพรรดิ สังหารผู้ทรยศ”“เป็นเวลากว่าสามร้อยปีแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิฉิน จนถึงรัชสมัยของเสด็จพ่อในปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 14 และไม่มีใครในวังหลังกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เมื่อหนึ่งร้อยยี่สิบปีก่อน ในรัชสมัยของเซวียนเหรินจง หลิวกุ้ยเฟยหยิ่งผยองเพราะได้รับความโปรดปราน ได้เข้ามาแทรกแซงการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต เสด็จลุงขององค์จักรพรรดิเซวียนเหรินจง จึงอัญเชิญพระ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 105

    หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนจะคายมันออกมาแล้ววางถ้วยไว้ข้างๆ มันเย็น“ออกไปรับโทษโบย 20 ไม้กระดาน”หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “เมื่อข้าใช้คน ที่สำคัญที่สุดคือความอดทน หากทำงานดีก็มีรางวัลให้ แต่ถ้าทำงานไม่ดี ข้าก็ให้โอกาสอีกครั้ง”“แต่นี่คือความผิดครั้งแรกของเจ้า ในอดีตเจ้าก็มีผลงานและทำงานหนักรับใช้ข้า ดังนั้น ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าในครั้งนี้ แต่ถ้าครั้งหน้ายังทำแบบนี้อีก ก็อย่าเป็นมันเลยรองผู้บัญชาการนั่นนะ”เฉินทงตกใจกลัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดอย่างเร่งรีบว่า “กระหม่อมทราบความผิดแล้ว ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา!”เมื่อเห็นหลี่เฉินไม่พูดอะไรอีก เฉินทงก็ลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง และเดินถอยหลังออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงไม้กระดานข้างนอกผ่านไปสักพัก เฉินทงก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้งอีกครั้ง“ตีเสร็จแล้วหรือ?” หลี่เฉินถามเสียงเรียบตอนนี้ใบหน้าของเฉินทงเต็มไปด้วยเหงื่อ เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท”“ไปหาจางเฮ่อจือและให้เขามอบยาให้เจ้าสองเทียบ”เมื่อหลี่เฉินส่งเฉินทงออกไปแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ถ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 106

    “เจ้าบอกว่าเงินในท้องพระคลังจะไม่ได้รับการอนุมัติหากไม่มีลายพระหัตถ์ขององค์รัชทายาท ข้าเลยบอกเจ้าว่า ภัยพิบัติของมณฑลซีซานในครั้งนี้เลวร้ายที่สุด ก่อนหน้านี้ราชสำนักไม่มีเงินจริงๆ เลยเลื่อนการซ่อมแซมเขื่อนออกไป แต่ตอนนี้พอมีเงินแล้ว ข้าจึงขอให้เจ้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับข้า เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วให้ฝ่าบาททรงอนุมัติเงินและซ่อมแซมเขื่อนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนน้อยลง”“แล้วเจ้าพูดสิ่งใดเล่า? เจ้าบอกว่าเอกสารอนุมัติของข้าขอเงินสูงเสียดฟ้า คงอยากจะเสริมเงินในกระเป๋าส่วนตัว!”“ข้ากวนจือเหวยผ่านการสอบคัดเลือกข้าราชการเคอจวี่เมื่ออายุยี่สิบสอง และเข้าสู่เส้นทางขุนนางอย่างเป็นทางการเมื่ออายุยี่สิบสาม ตอนนี้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว แม้มิกล้าพูดว่าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานอย่างใหญ่หลวง แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ไม่กล้าที่จะโลภหรือเห็นแก่ตัวในอาชีพการงานของข้า อย่างน้อยข้าก็เรียกได้ว่าเป็นขุนนางมือสะอาด ชื่อเสียงอันดีงามของข้า ถูกเจ้าทำให้แปดเปื้อน แล้วข้าจะมีหน้ามาพบฝ่าบาท และพบเพื่อนร่วมชาติได้อย่างไร!?”เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันอีกครั้ง หลี่เฉินก็ขมวดคิ้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 107

    “ทุกวันนี้ ถนนหลวงเก้าในสิบแห่งของมณฑลซีซานถูกน้ำพัดหายไป วัสดุทั้งหมดถูกซื้อและระดมจากที่อื่น จากนั้นจึงขนส่งเข้าสู่มณฑลซีซาน เมื่อเข้าสู่ซีซาน ก็แทบต้องอ้อมถนนบนภูเขา และถนนบนภูเขาก็เดินทางได้ยากลำบากนัก ดังนั้นค่าขนส่งจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”“นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขื่อนจะแตกเมื่อใด เมื่อเขื่อนแตก มันจะเป็นหายนะทางธรรมชาติ จะหนีก็หนีไม่พ้น ส่วนพวกทหารที่ต้องซ่อมแซมเขื่อน ก็ต้องขึ้นไปที่นั่นด้วยความคิดที่จะพร้อมตาย หากไม่มีรางวัลหรือเงินบำนาญ สวีฉังชิง เจ้าจะแบกหินขึ้นไปแทนหรือไม่?”สวีฉังชิงรับผิดชอบกรมครัวเรือนซึ่งเป็นกระเป๋าเงินของราชสำนัก ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา สิ่งที่กวนจือเหวยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ทำให้พูดไม่ออกไปชั่วขณะตอนนี้เอง หลี่เฉินก็ปิดเอกสารการอนุมัติเช่นกัน“อนุมัติ”หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็นสีหน้าของกวนจือเหวยดูมีความสุข เขารีบคุกเข่าลงในทันที “กระหม่อมขอเป็นตัวแทนผู้ประสบภัยแสนคนในมณฑลซีซาน ขอบพระทัยความเมตตาของฝ่าบาท!”ดูออกเลยว่า ความตื่นเต้นและความซาบซึ้งใจของกวนจือเหวยนั้น มาจากใจอย่างแท้จริงการที่ทั่วทั้งราชสำนัก ยังมีขุนนางที่อุทิศตนเพื่อประช

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 108

    หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป หลี่เฉินก็เรียกซานเป่าเข้ามา“ไปตรวจสอบกวนจือเหวย ดูสิว่าคนผู้นี้ใช้งานได้หรือไม่ อีกอย่างไปตรวจกรมโยธาธิการอีกสักรอบ เพื่อดูว่ากรมโยธาธิการยังมีมอดอีกกี่ตัว”ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็รับคำสั่งทันที“ฝ่าบาท หากพูดถึงมอดในกรมโยธาธิการแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ฝ่าบาทขอให้หน่วยบูรพาจับตาดูเจ้าหน้าที่ ที่มีการติดต่อกับทูตของเสียนเฉา ในรายงานมีหลินต้งเหลียง เสนาบดีกรมโยธาธิการอยู่ด้วย เขากับทูตของเสียนเฉามีการติดต่อกันสามครั้ง และทุกครั้งก็ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่”หลี่เฉินยิ้มเย็น เจตนาฆ่าพลันก่อตัวขึ้น“ฝ่าบาท หรือจะให้หน่วยบูรพาลงมือเลย?” ซานเป่ากระซิบถามหลี่เฉินพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าให้หน่วยบูรพาจับตามองเจ้าหน้าที่ที่รับสินบนมาสักระยะแล้ว แต่รู้ไหมว่าเหตุใด ข้าถึงยังไม่ลงมือ?”ซานเป่าส่ายหน้า “ความคิดของฝ่าบาท บ่าวมิกล้าคาดเดา”ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซานเป่าถึงนั่งในตำแหน่งกวางกงของหน่วยบูรพาได้อย่างมั่นคง ทั้งยังกุมอำนาจของผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรอย่างง่ายดาย สมองเช่นนี้ เฉินทงเทียบไม่ติดหรอกหลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “สำหรับชาวบ้านแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุ

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 974

    หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 973

    หลี่เฉินไม่ได้ยืนยันเรียกเขาว่าเสด็จปู่ใหญ่ และก็ไม่ได้เรียกตำแหน่งของเขา แต่เลือกใช้คำว่าผู้อาวุโสหลี่เมื่อปัญหาเรื่องสรรพนามถูกแก้ไขอย่างลงตัว หลี่ชางหลานจึงรับถ้วยชาด้วยสองมือ แล้วยกขึ้นจิบเบาๆหลังจากวางถ้วยชาลง เขากล่าวว่า “ชาดีจริงๆ”หลี่เฉินยิ้มพลางกล่าว “หากผู้อาวุโสหลี่ชอบ ข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้ท่านนำกลับไป”หลี่ชางหลานโบกมือ “สุภาพชนไม่แย่งของรักของผู้อื่น ชาดีที่องค์ชายสะสมไว้ ข้าไม่ควรนำไป”“ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก ก่อนหน้านี้ตอนข้าพระราชทานตำแหน่งท่านอ๋องให้หลี่อิ๋นหู่ เขามอบชานี้มาเป็นของขวัญขอบคุณ”เพียงประโยคเดียว ทำให้มือของหลี่ชางหลานที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มค้างอยู่กลางอากาศเมืองหลวงไม่มีความลับ โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ที่หลี่อิ๋นหู่ขึ้นไปเดินบนภูเขาจิ่งซานเพื่อขอพร แต่กลับเป็นต้นเหตุทำให้ราษฎรหลายพันคนต้องเสียชีวิตเรื่องนี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงปั่นป่วนไปหมดแม้ว่าหลี่ชางหลานจะถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งรีบ แต่เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์รัชทายาทและจ้าวอ๋องได้ขาดสะบั้นลงโดยสิ้นเชิงบัดนี้เมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิ๋นหู่จากปากของหลี่เฉิน เขารู้สึกเหมือนมีดเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 972

    "เมื่อครั้งกระหม่อมกวาดล้างหมู่บ้านเหมียว ก็เป็นเพียงฐานที่มั่นหลักของตระกูลโจวเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหญิงสาวจากตระกูลโจวแต่งงานออกไปมากมายจนยากจะนับได้ บุตรหลานของพวกนางหลายคนต่างก็มีอำนาจในมือ หากโจวสิงเจี่ยเปล่งวาจาเรียกหา พวกมันสามารถรวมกำลังคนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูหมู่บ้านตระกูลโจวขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน"ซานเป่าอธิบายอย่างละเอียด แต่สีหน้าของหลี่เฉินกลับไร้ความรู้สึกผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินกล่าวว่า "ปัญหาของเหมียวเจียงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจลงมือโดยพลการได้ในตอนนี้ แต่โจวสิงเจี่ยและหลี่อิ๋นหู่ร่วมมือกันสังหารราษฎรไปนับพัน รวมถึงหลี่อิ๋นหู่ยังฆ่าองค์ชายเก้า เรื่องเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้"น้ำเสียงของหลี่เฉินเรียบเฉย "ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ประกาศจับตัวหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ย หน่วยบูรพาต้องไล่ล่าพวกมันอย่างเต็มกำลัง ผู้ใดพบร่องรอยและรายงานเข้ามาจะได้รับรางวัลใหญ่"ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม "แต่ว่าตำแหน่งของจ้าวอ๋อง"การที่ราชสำนักประกาศจับท่านอ๋อง เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์หลี่เฉินกล่าวเรี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 971

    ซานเป่ากัดฟันแน่น จำต้องล้มเลิกการไล่ตามหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ยเขากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าฝูงแมลงที่หนาแน่นจนมองแทบไม่เห็นพื้นกำลังเริ่มถอยกลับ ทิ้งไว้เพียงซากศพจำนวนมากนับพันในคลื่นแมลงครั้งนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่โชคดีหรือมีฝีมือพอจะรอดพ้นจากหายนะได้ ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงต้าหลี่ซื่อชิง หวังฟู่ย่ง ต่างก็กลายเป็นวิญญาณใต้ฝูงแมลงไปทั้งหมดเมื่อฝูงแมลงสลายไป สิ่งที่เผยออกมาก็คือซากศพที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ซากศพเหล่านี้ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่เนื้อหนังทั้งหมดถูกแมลงกัดแทะจนขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดีที่โชคร้ายที่สุดคงเป็นหวังฟู่ย่ง ศพของเขาตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น แม้แต่เศษเนื้อขนาดฝ่ามือก็ไม่เหลือกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นของแมลงลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ผสานกับภาพของซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว เป็นภาพที่สร้างแรงกระแทกให้จิตใจอย่างรุนแรง ใบหน้าของซานเป่าดำทะมึนจนแทบจะบีบหยดน้ำออกมาได้เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้ว…พระที่นั่งสีเจิ้งหลี่เฉินมองดูซากศพของแมลงสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า กับซานเป่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ใบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 970

    ผู้ที่ซุ่มโจมตีมีความชำนาญอย่างยิ่ง ขณะที่เขาจู่โจมออกมาอย่างกะทันหัน ซานเป่าทำได้เพียงบิดร่างหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แต่ก็ยังไม่อาจหนีจากฝ่ามือที่พุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้น ท่ามกลางเสียงอุทานของซานเป่า ร่างทั้งสองแยกออกจากกัน ซานเป่าถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบก้าว เมื่อตกลงสู่พื้นยังต้องถอยหลังอีกสามก้าว แต่ละก้าวหนักแน่นราวขุนเขาถล่ม พื้นดินที่เหยียบย่ำแตกร้าวสะเทือนทันทีที่ซานเป่าตั้งหลักได้ ฝูงแมลงสีดำรอบตัวก็คล้ายได้รับคำสั่ง พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งซานเป่าครางเสียงต่ำ พลังภายในพลุ่งพล่านออกจากร่าง ส่งแรงสั่นสะเทือนกระจายออกไป แมลงที่ไต่ขึ้นบนตัวเขาถูกสังหารจนหมดสิ้น ร่วงหล่นลงบนพื้นแต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายใจ โลหิตของแมลงที่ถูกฆ่าล่อให้แมลงจำนวนมากยิ่งกว่าถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซานเป่ารู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อ เขากลืนลมหายใจลงคอ พลังลมปราณรวมศูนย์ในปาก ก่อนจะเปล่งเสียงร้องกึกก้องเสียงคำรามแหลมสูงดั่งระเบิดเสียง สร้างคลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังกระจายออกไปทุกทิศทาง แมลงทุกตัวที่อยู่ในรัศมีของคลื่นพลังสั่นสะ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 969

    เมื่อฝูงแมลงสีดำเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น ก็สร้างความหวาดกลัวอย่างรุนแรงในทันทีเพราะผู้คนพบว่า แมลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่กลัวมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมองมนุษย์เป็นเป้าหมายโจมตีโดยตรงทันทีที่พวกมันไต่ขึ้นบนร่างของผู้ใด ร่างนั้นจะรู้สึกคันอย่างรุนแรงเกินจะทนไหว และเมื่อพยายามใช้มือเกา ก็จะพบว่าแมลงเหล่านี้สามารถปล่อยของเหลวชนิดหนึ่งออกมา ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงอย่างมาก เพียงเกาเบาๆ ผิวก็ปริแตกกลายเป็นบาดแผลเลือดไหลและเมื่อได้กลิ่นเลือด แมลงพวกนี้ก็ยิ่งคลุ้มคลั่งพวกมันจะแทรกตัวเข้าไปในบาดแผลที่เปิดออก ยิ่งมีมันมากเท่าใด ความคันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนเจ้าของร่างทนไม่ไหวและเผลอเกาจนแผลขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ ชาวบ้านจำนวนมากล้มลงกลางฝูงแมลงสีดำ แมลงเหล่านี้เลื้อยปกคลุมทั่วร่างผู้เคราะห์ร้าย ภายในพริบตาเดียว ทุกเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็เงียบหายไป ผู้ที่ล้มลงไปจะถูกแมลงปกคลุมจนมิดร่าง และเพียงไม่กี่อึดใจ ก็ไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิตภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ซานเป่ากัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด"เจียวเจียว หนีไปเร็ว!"ซานเป่าฟาดฝ่ามือออกไป ปลดปล่อยพลังทำลายล้างเปิดเส้นทางออกจากวงล้อมของฝูงแมลง แมลงนับไม่ถ้วนถูก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 968

    “สิ่งใดเล่ายากจะปิดปากที่สุด ก็คือเสียงของปวงประชาที่เล่าขานไปทั่วแผ่นดิน!”“องค์รัชทายาทต้องการกำจัดข้า แต่กลับไม่ต้องการให้ถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่น้องร่วมสายโลหิต จึงต้องใช้เล่ห์กลมากมาย เขาคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? คิดว่าผู้อื่นล้วนตาบอดกระนั้นหรือ!?”หลี่อิ๋นหู่ที่อยู่ในสภาพคล้ายคนเสียสติ กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ซานเป่าเพียงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จ้าวอ๋อง อย่าได้ทำตัวไร้สาระต่อหน้าฝูงชนไปมากกว่านี้เลย มีประโยชน์อันใด? หากพูดถึงเรื่องฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือดแล้ว จะมีผู้ใดเลือดเย็นและเหี้ยมโหดไปมากกว่าท่านที่ลงมือสังหารน้องชายแท้ๆ ของตนเองอีกหรือ?”สิ้นคำ ซานเป่าดูเหมือนไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เขาก้าวเท้าเดินตรงไปหาหลี่อิ๋นหู่ยิ่งเดินยิ่งเร่งฝีเท้า เพียงก้าวไม่กี่ครั้ง ก็เข้ามาอยู่ในระยะไม่ถึงสองจั้งจากหลี่อิ๋นหู่หวังฟู่ย่งเห็นซานเป่าเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของตนเอง และคิดจะลงมือจับกุมหลี่อิ๋นหู่ให้ได้ จึงหวาดกลัวจนแทบวิญญาณหลุดจากร่างภายในดวงตาของซานเป่าเต็มไปด้วยประกายคมกล้า เขารู้ดีว่าระยะห่างนี้เพียงพอให้ตนเองจัดการทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ“อย่าหวังเลย!”หลี่อิ๋นหู่ตะโกนลั่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 967

    สำหรับหลี่อิ๋นหู่ในยามนี้ เรื่องของแผนการในอนาคตหรือการรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในมือ ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าเขารู้ดีว่าหากตนถูกจับตัวไปโดยไม่มีทางขัดขืน สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคือหายนะอันมิอาจหลีกเลี่ยงถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่การแย่งชิงแผ่นดินกับองค์รัชทายาทเลย แม้แต่การมีชีวิตรอดไปจนเห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาดังนั้นหลี่อิ๋นหู่จึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและขั้นตอนแรก คือการทำให้หวังฟู่ย่งไม่สามารถเดินทางไปยังตำหนักบูรพาได้หวังฟู่ย่งมีสีหน้าลำบากใจ เขาพูดเสียงเบา “จ้าวอ๋อง ข้าน้อยเองก็ไม่อยากไป แต่หากข้าขัดขืนคำสั่งของตำหนักบูรพาตรงๆ เกรงว่าเหล่าหน่วยบูรพาจะมีข้ออ้างในการสังหารข้า ณ ที่นี้ทันที ถึงตอนนั้นเราทั้งสองคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากกว่าเดิม”“เช่นนั้นแล้ว จ้าวอ๋องโปรดเดินทางไปกับข้าก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์เป็นขั้นๆ หากแย่ที่สุด อย่างน้อยเราก็สามารถถ่วงเวลาให้ผู้อาวุโสได้เตรียมการรองรับไว้ ผู้อาวุโสไม่มีทางนั่งมองให้จ้าวอ๋องถูกตำหนักบูรพากลืนกินไปแน่”“เจ้าหุบป

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 966

    เพียงแค่เป็นบุคคลสำคัญผู้มีอำนาจ ย่อมต้องมีอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคนที่มีสถานะพิเศษอยู่เคียงข้างเช่น ซานเป่าผู้ติดตามข้างกายฮ่องเต้องค์ก่อน หรือวั่นเจียวเจียวที่อยู่เคียงข้างหลี่เฉินในตอนนี้วั่นเจียวเจียว แม้จะมีตำแหน่งเป็นข้าราชสำนักสตรี แต่เมื่อครั้งที่ได้รับเลือกให้ติดตามหลี่เฉิน นางก็ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักต้าฉินกล่าวคือ วั่นเจียวเจียวไม่มีตำแหน่ง ไม่มีฐานะขุนนางในระบบหากจะกล่าวให้ถูกต้อง วั่นเจียวเจียวขึ้นตรงต่อตำหนักบูรพา ได้รับเงินเดือนจากตำหนักบูรพา และหน้าที่ของนางโดยแท้จริงก็คือการรับใช้ข้างกายองค์รัชทายาทแต่เพราะนางอยู่ใกล้ชิดองค์รัชทายาท วันหนึ่งสิบสองชั่วยาม นอกจากเวลานอนแล้ว นางแทบไม่ห่างจากพระองค์เลย ดังนั้น แม้จะไม่มีตำแหน่งเป็นทางการ แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากไม่มีผู้ใดอยากขัดใจคนที่ติดตามองค์รัชทายาทตลอดเวลา เผลอๆ ในช่วงเวลาสำคัญ นางอาจกล่าวเพียงประโยคเดียวก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตผู้คนได้ยิ่งไปกว่านั้น หากวั่นเจียวเจียวปรากฏตัวอยู่ที่ใด ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนขององค์รัชทายาท คำพูดของนาง ย่อมศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใดวั่นเจียวเจียวม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status