และพวกเราก็ออกเรือมาช่วงแปดโมง มาถึงนี่ก็เก้าโมงเช้าพอดี กว่าจะจัดเตรียมอะไรกว่าจะได้ถ่ายก็ปาเข้าไปบ่ายแก่แล้วฉันทิ้งตัวลงนั่งบนขอนไม้พร้อมกับทอดสายตามองไปยังท้องทะเลสีครามเบื้องหน้าที่มีแสงแดดกระทบส่องอยู่เสียงคลื่นพัดเข้าฝั่งทำให้ฉันรู้สึกสบายผ่อนคลายยังไงไม่รู้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโลกโซเชียลดู เมื่อคืนคุณจอมพลไปหาฉันที่บ้านและเขาก็บอกฉันว่า นามิโทรมาลางานให้ฉัน โดยที่เธอบอกคุณจอมพลว่าอยากให้ฉันไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาพักผ่อนซะบ้าง ซึ่งคุณจอมพลก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากมาแต่เขาเองก็ปฏิเสธนามิแทนฉันไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนามิจะหาว่าเขาไม่ให้ฉันลางานและเป็นเจ้านายที่เคี้ยวเอาเปรียบลูกน้องอะไรทำนองนี่"ตลาดหุ้นเหรอ?"ฉันพึมพำขึ้นมาเมื่ออ่านข้อความจากไลน์ของคุณจอมพลที่ส่งมาให้ฉันเมื่อตอนช่วงสายๆของวันนี้แต่ฉันไม่ได้เปิดอ่านข้อความของเขา ซึ่งมันเป็นแบบนี้ประจำ ฉันมักจะไม่ค่อยอ่านข้อความจากคนอื่น นอกจากของคนคนเดียวเท่านั้น ที่ฉันแทบจะเปิดดูทันทีทุกครั้งที่มีเสียงการแจ้งเตือนเข้ามา แต่ฉันก็ต้องผิดหวังทุกครั้งไป เพราะขุนศึกไม่ส่งข้อความหาฉันอีกเลย ตั้งแต่เขากลับจากงานประกาศหมั้นของเขาและนามิ"คุณห
เอริ ฐิติมน......ชายหาดต่างจังหวัด18:45น.พรึบ"มืดแล้วหรือเนี่ย......ไม่รู้ตัวเลยแหะ"ฉันพึมพำขึ้นในขณะที่สายตามองไปยังเบื้องหน้าและบรรยากาศรอบๆของตัวเองในตอนนี้ที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้วโดยที่ฉันนั่งมองพระอาทิตย์ที่คอยๆจมหายไปในท้องทะเลอย่างช้าๆโดยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวสมองฉันมันเต็มไปด้วยความสงสัยปัญหาหลายๆเรื่องมันรุมเร้าฉัน ไหนจะเรื่องบริษัทหุ้นของคุณหญิงนฤมิตร และไหนจะเรื่องการทุจริตเงินในบริษัทของขุนศึกอีก ไม่รู้ว่าขุนศึกอ่านเมลของฉันแล้วหรือยัง อีกสองวันก็จะถึงวันประชุมบอร์ดผู้บริหารประจำเดือนแล้วด้วยถ้ามีการสรุปยอดเงินล่ะก็ มีหรือที่บอร์ดผู้บริหารจะไม่สงสัยว่าเงินมันหายไปไหนน่ะและทีนี้ก็จะต้องเกิดเรื่องตรวจสอบเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ฉันกลัวว่าขุนศึกจะหาวิธีรับมือและแก้ไม่ได้จนเขาต้องโดนตรวจสอบ ว่าเขาเป็นคนทุจริตเงินส่วนที่หายไปหรือเปล่า และเรื่องก็จะใหญ่โตเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานะท่านประธานและยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดอีก แต่ตำแหน่งไม่ได้การันตรีว่าเขาจะไม่หลุดจากเก้าอี้ท่านประธาน เพราะถ้าผู้ถือหุ้นอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือขอถอนหุ้นออกหมดล่ะ
"มาเป็นเมียพี่พร้อมๆกันทั้งสามคนดีกว่าจ๊ะคนสวย"ชายหนุ่มในสามว่าพร้อมกับสูดดมผ้าคลุมไหล่ที่ฉันทำหล่นสูดดมไปด้วยอย่างโรคจิต น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของฉัน ฉันพยายามตะเกียกตะกายหนีพวกมันแต่ก็ไม่เป็นผล"กรี๊ดดดว๊าย"ชายหนึ่งในสามคนจับขาของฉันข้างที่เจ็บจับกระชากดึงเข้าไปหาตัวมันอย่างไว"อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ....ปล่อยฉันไปเถอะ""พวกคุณอยากได้อะไร....เงินไหม...""ฉันมีเงินนะคะ"ฉันพยายามขอร้องอ้อนวอนพร้อมกับยกมือไหว้พวกมัน พวกมันก็หันไปมองหน้ากันก่อนจะหันมาหัวเราะยิ้มโชว์ฟันเหลืองอ๋อยให้ฉันดู"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ""อิหนูเงินพวกพี่ก็อยากได้.....แต่อยากได้อิหนูเป็นเมียด้วย""สวยๆขาวๆอวบๆนมใหญ่ๆแบบนี้มันน่าจับฟัดซะให้เข็ด"พวกมันมองฉันด้วยสายตาหื่นกามมองร่างกายของฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัวทำให้ฉันต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณพรึบ"ไม่นะปล่อยฉันไปเถอะฉันขอร้องฮืฮๆๆๆ"ฉันร้องออกมาเมื่อพวกมันทั้งสามคนเริ่มถอดเสื้อผ้าออกกันหมดแล้ว อีกคนก็คว้าข้อขาฉันไว้ทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ฉันหนี นาทีนี้สติฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว น้ำตามากมายเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของฉัน ความหวาดกลัว
โรงแรม Wห้องพักเอริ23:30น.เอริ ฐิติมน....."อื้ออออ"ฉันครางออกมาด้วยความกระหายน้ำรู้สึกแสบคอจนไม่สามารถที่จะกลืนน้ำลายลงคอได้ และฉันก็รู้สึกอึดอัดด้วยเหมือนร่างกายของฉันจะถูกใครสักคนโอบรัดไว้แน่นแบบไม่ยอมให้ฉันขยับร่างกายได้ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกร้อนแต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก และกลิ่นน้ำหอมพร้อมกลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ฉันรู้ได้ทันที ว่าคนที่โอบกอดร่างฉันอยู่ในขณะนี้คือใคร"ขุน"ฉันเอ่ยเรียกชื่อขุนศึกไปตามใจคิดน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปแหบพร่าและแผ่วเบาจนแทบจะไม่มีเสียงเล็กลอดออกไปเพราะรู้สึกฉันกระหายน้ำมากในตอนนี้"หืม"เสียงครางในลำคอของขุนศึกเอ่ยขานรับฉันมา ทำให้ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของขุนศึก ที่เขาหลับตาพริ้มหลับอยู่ข้างๆฉันโดยที่ร่างของฉันนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยเราสองคนหันหน้าเขาหากัน"น้ำ"ฉันพยายามเอ่ยเปล่งเสียงเพื่อบอกขุนศึกไปอีกครั้งถึงแม้ว่าเสียงที่ฉันเอ่ยออกไปจะไม่มีเสียงเลยก็ตามแต่ขุนศึกกลับลืมตาตื่นขึ้นมาทำให้เราสองคนสบสายตากันเข้าอย่างจัง นัยน์ตาสีดำที่จ้องมองฉันมันเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เราคบกัน ภาพความทรงจำดีๆในช่วงที่เรามีความสุขด้ว
"ริไม่ต้องกลัวนะ....ขุนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครมาทำอะไรริได้หรอก"ขุนศึกหันกลับมามองหน้าฉันและเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างอบอุ่นหัวใจฉัน ฉันก็มองเขาด้วยแววตาสั่นไหว น้ำตาฉันมันกำลังจะไหล ยิ่งเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของขุนศึกด้วยแล้ว ทำให้ฉันอยากจะโผเข้าสวมกอดเขา อ้อมกอดที่มันเคยเป็นของฉัน"ริตัวร้อนมาเลยนะ"ขุนศึกว่าพร้อมกับยื่นมืออีกข้างของเขาที่ไม่โดนฉันกุมไว้มาวางแนบไว้บนหน้าผากฉันพร้อมกับแนบมาที่แก้มของฉันอย่างนุ่มนวลเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายฉัน ฉันก็ว่าแล้วเพราะฉันรู้สึกหนาวๆสั่นๆยังไงไม่รู้ สงสัยจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนจับไข้แน่"ขุนจะไปไหน"ฉันร้องเสียงตกใจเมื่อขุนศึกยันตัวลุกขึ้นเหมือนเขาจะลุกเดินออกไปจากเตียงของฉัน ขุนศึกก็ยิ้มบางๆให้ฉันอย่างอ่อนโยน"ขุนจะไปเปลี่ยนน้ำมาเช็คตัวให้ริไง"ขุนศึกว่าพร้อมกับหันไปมองยังหัวเตียงด้านข้าง ฉันจึงหันไปมองบ้างก็พบว่ามีกะละมังใบเล็กพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กวางอยู่ ทำให้ฉันเข้าใจว่าเขาน่าจะคอยเช็คตัวให้ฉันตลอดเวลาที่ฉันไม่ได้สติแน่ "ไม่ต้องกลัวนะครับ.....ขุนไปแปปเดียว"ขุนศึกว่าเสียงอ่อนต่อหลังจากที่ฉันไม่ยอมปล่อยมือจากเขา แววตาที่จริงใจของขุนศึกทำให
"พี่เอริคะ"เสียงหวานใสของนามิเอ่ยขึ้นทำให้ฉันที่กำลังนั่งมองวิวของท้องทะเลยามเย็นต้องหันไปมองหน้าเธอที่เดินมาจากทางด้านหน้าของเรือสปีดโบ๊ทและมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆฉัน ที่นั่งอยู่ด้านหลังของเรือด้วยท่าทางอ่อนเพลียเพราะฉันยังไม่หายจากพิษไข้น่ะ "คะ?"ฉันเอ่ยขานรับนามิที่เดินยิ้มหวานให้ฉันก่อนจะใช้มือขยับผ้าคลุมไหล่ของตัวเองให้แน่นขึ้นเพราะลมทะเลยามเย็นแบบนี้ค่อนข้างทำให้คนไม่สบายอย่างฉันหนาวเหน็บจนเย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้เราทั้งหมดกำลังนั่งเรือเพื่อกลับฝั่งและเดินทางกลับบ้านในวันนี้"นามิต้องขอโทษด้วยนะคะที่ชวนพี่เอริมาและทำให้พี่เอริไม่สบายแบบนี้น่ะคะ"นามิว่าพลางทำสีหน้าและน้ำเสียงเศร้าสลดลงอย่างคนที่กำลังสำนึกผิด"อย่าโทษตัวเองเลยค่ะมันไม่ใช่ความผิดของคุณนานิหรอกนะคะ.....เป็นเพราะดิฉันเองที่ร่างกายอ่อนแอเอง"ฉันเอ่ยบอกนามิไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบเพราะยังคงรู้สึกแสบคอและเจ็บคออยู่สงสัยจะเป็นเพราะฉันแหกปากร้องสุดเสียงเมื่อวานผสมกับพิษไข้ด้วยล่ะมั้ง เลยทำให้เจ็บและแสบคอมาขนาดนี้"สำออยล่ะสิไม่ว่า""คะ....เมื่อกี้คุณนามิว่าอะไรนะคะ?"ฉันเอ่ยถามนามิไปอย่างสงสัยที่เห็นว่
มันไม่มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นกับหัวใจของฉันเลยเวลาที่โดนคุณจอมพลสัมผัส ซึ่งมันผิดกับขุนศึกเวลาที่เขาสัมผัสฉัน ฉันรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกดี "อ้าวคุณจอมพลมารับพี่เอริเองเลยเหรอคะ?"เสียงหวานใสของนามิที่เดินมาจากทางด้านหลังฉันเอ่ยขึ้น ฉันกับคุณจอมพลจึงหันไปมองหน้าเธอ "ครับ....ผมมารอรับเอริกลับบ้านนะครับ....แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สบาย"คุณจอมพลบอกนามิและหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาเป็นห่วง ฉันเองก็ละสายตาของขุนศึกที่เขามองมาที่ฉันด้วยสายตานิ่งเฉยโดยที่ข้างกายเขามีนามิกอดแขนแนบชิดอยู่อย่างไม่ห่าง "ตัวร้อนๆมีไข้นะเราอ่ะ"คุณจอมพลเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ฉันก็ยิ้มบางๆให้เขา คุณจอมพลเมื่อเขาบอกฉันเสร็จเขาก็ยกมืออกไปจากหน้าผากของฉันและหันไปมองนามิกับขุนศึกต่อ "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ....จะพาเอริไปหาหมอน่ะ" "อ้อค่ะแล้วเจอกันที่ทำงานค่ะคุณจอมพลพี่เอริ....เราล่ะคะจะกลับกันเลยหรือจะไปเที่ยวที่ไหนต่อดีคะพี่ขุนศึก"นามิพยักหน้ารับคำคุณจอมพลและเอ่ยลาฉันก่อนจะหันไปถามขุนศึกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ขุนศึกก็ละสายตาจากฉันและก้มลงไปมองหน้านามิก่อนที่เขาจะตอบนามิไปด้วยน้ำเสียงละมุน "พี่เเล้วแต่นามิเลยครับ...พี่ตามใ
"ได้ค่ะ.....ถ้าริมีไข้สูงปวดหัวรุนแรงจนทนไม่ไหวริจะโทรหาพี่จอมทันทีเลยค่ะ"ฉันว่าเสียงใสพร้อมยิ้มจนตาหยีและชูสมาร์ทโฟนเครื่องหรูให้คุณจอมพลดูว่ามันจะอยู่ติดตัวฉันแน่นอน "เห้อ"คุณจอมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งที่สายตาเขาประสานเข้ากับสมาร์ทโฟนในมือฉันพลางทำหน้าเอือมระอากับความดื้นด้านของฉัน"งั้นพี่ไปแหละ......เดี๋ยวพรุ่งนี้ก่อนไปทำงานพี่จะแวะมาหาเธอ""รับทราบค่ะท่านรอง^_^"ฉันว่าพร้อมยิ้มแย้มแจ่มใสให้คุณจอมพลไป เขาก็ยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะหันหลังและเดินไปยังประตูห้องนอน"อยู่ได้แน่นะ"ก่อนที่เขาจะเปิดประตูห้องนอนฉันออกไปเขายังคงหันกลับมาเอ่ยถามฉันย้ำอีกครั้ง เผื่อว่าคำตอบของฉันจะฟลุกสำหรับเขา"ได้แน่นอนค่ะ^_^"ฉันตอบคุณจอมพลไปเสียงหนักแน่นพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา เขาก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ฉันอีกก่อนจะใช้มือหมุนลูกบิดพร้อมลงกลอนให้ฉันเสร็จสรรพและออกไปจากห้องฉัน ฉันที่เห็นคุณจอมพลไปแล้วก็ค่อยๆเอนตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มนิ่มของฉัน ที่ไม่ว่าจะนอนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังคงความสบายให้ฉันอยู่เสมอนี่แหละน้าที่เขาบอกว่า ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบนที่นอนอีกแล้วขอบตาของฉันร้อนผ่าวจากพิษไข้ผสมกับยาที่คุณหมอที
"แค่ใช้การตรวจเลือดของคุณแม่ครับ.....ทางโรงพยาบาลของเรามีห้องแล็บที่ทันสมัยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำตรวจก็ทราบผลได้เหมือนกันครับ"คุณหมออธิบายมาพร้อมกับยิ้มแย้มให้เราทั้งคู่คุณหมอแนะนำดีมากเลยนะ ขุนศึกหันมามองหน้าฉันฉันก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัย ว่าเขาจะมองหน้าฉันแล้วทำสายตาละห้อยทำไมกันนะ "ริยอมไหม....จะเจ็บหรือเปล่า?"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแววตาห่วงใจ น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมันฟังดูอบอุ่นจัง และไหนจะสายตาที่มองฉันด้วยความเห็นใจอีกฉันจึงยิ้มให้ขุนศึกไป"ไม่เจ็บหรอก....เพื่อลูกริทำได้ทุกอย่าง""ริเชื่อนะว่าลูกของเราจะต้องเกิดมาครบสามสิบสองแน่นอน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างให้กำลังใจขุนศึกและตัวเองขุนศึกก็ยิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉัน"ฉันพร้อมที่จะเจาะเลือดเลยค่ะคุณหมอ"ฉันละสายตาจากขุนศึกหันไปบอกคุณหมอที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉัน คุณหมอก็ยิ้มอย่างสุภาพให้ฉัน"โอเคครับ....งั้นเดี๋ยวหลังจากคุณฐิติมนออกจากห้องตรวจผมจะให้พยาบาลพาคุณฐิติมนไปย้งห้อวเจาะเลือดนะครับ""ได้ค่ะ....""งั้นขอเชิญที่เตียงครับ....หมอจะขอดูทารกในครรภ์เสียหน่อย"คุณหมอเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉ
"ผลเลือดของคุณพ่อกับคุณแม่ผ่านนะครับ.....เท่าที่ผมดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง""สามารถให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต่อไปได้ครับ""จะมีก็แต่เลือดของคุณแม่ที่ค่อนข้างจางนิดหน่อยแต่ไม่มากครับเอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงเลือดไปให้นะครับ""ทานก่อนนอน.....ห้ามทานพร้อมนมนะครับเดี๋ยวประสิทธิภาพของยาจะไม่ได้ผล"คุณหมอจุณภพเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมตรงหน้าของเขาที่เป็นผลเลือดของฉันกับขุนศึกเมื่อได้ยินหมอพูดแบบนั้นว่าเลือดของเราทั้งคู้ผ่านฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึก ขุนศึกก็ห้นมามองหน้าฉันก่อนที่เราสองคนจะยิ้มออกมาให้กันด้วยสายตาที่ดีใจมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแต่ผลเลือดของฉันจางนิดหน่อย คงไม่เป็นอะไร คุณหมอก็บอกเองหนิฉันพยักหน้าให้คุณหมอที่เขาอธิบายการกินยาบำรุงเลือดให้ฉันฟัง "ตอนนี้คุณฐิติมนก็ตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่สิบเอ็ดของการตั้งครรภ์แล้วนะครับ""ถ้านับเป็นเดือนก็จะสามเดือนแล้วครับ""ผมอยากจะสอบถามว่าคุณฐิติมนกับคุณขุนณรงค์สนใจอยากจะตรวจคัดกรองดาวซินโดรมไหมครับ""ลูกฉันมีความเสี่ยงเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณหมอไปด้วยน้ำเสี่ยงสั่นๆอย่างเป็นกังวลขุนศึกที่ได้ยินนำ้เสียงของฉันไม่สู
ฉันทำเป็นไม่ยืนมองรถแต่กลับรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในโรงพยาบาลแทน ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยยืนทักทายอยู่ตรงประตูเปิดอัตโนมัติด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาลฉันก็โค้งตัวให้เขาพร้อมกับยิ้มทักทายให้เขาก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับมาที่ที่ฉันลงรถนั่นคือที่หน้าโรงพยาบาลฉันก็มองหารถเก๋งคันนั้นที่เลขทะเบียนฉันจำได้ขึ้นใจ ก็พบว่ามันขึ้นไปที่ชั้นจอดรถด้านบน ซึ่งโรงพยาบาลนี้มีทั้งหมดห้าชั้นสี่ตึก ถ้าเป็นคนที่ฉันคิดว่าใช่ รถเก๋งสี่ประตูคันนี้จะต้องไปจอดที่ชั้นสองแน่นอนเมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็รีบเดินเข้าโรงพยาบาลตรงดิ่งไปที่ลิฟต์และขึ้นไปยังชั้นสองของโรงพยาบาลทันทีเดินไปดักหน้าประตูทางเข้า โชคดีที่เขาทำทางออกแค่ทางเดียว มันจึงง่ายสำหรับที่จะแอบจับผิดใครสักคนฉันยืนมองจนสายตาไปเจอเข้ากับรถยนต์เจ้าปัญหาและก็พบกับผู้ชายที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมสวมใส่กางเกงยีนส์เปิดประตูลงมาจากรถคันที่มาส่งฉันฉันจึงหลบมุมทางเข้าทันทีเพื่อรอเขาคนนั้นให้เดินเข้ามาและฉันก็รอไม่นาน ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาที่ประตู ฉันจึงก้าวขาออกไปขวางทางเขาได้จังหวะทำให้เขาที่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเร่งรีบเกือบชนฉันจนเขาต้องหยุ
วันเดียวกัน....."วันนี้ฉันขอลางานครึ่งวันนะคะ"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปหลังจากที่ฉันวางหนังสือการลาของฉันลงตรงหน้าของเขาแล้วคุณเควินก็มองหน้าฉันสักพักก่อนจะเปิดซองเอกสารของฉันดูที่ข้างในเป็นจดหมายลางานอย่างกระทันหันเพราะฉันลืมไปว่าวันนี้มีนัดกับคุณหมอเพื่อตรวจดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ของฉันว่าเป็นไปตามเกณท์ไหมและมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่ารวมถึงฟังผลเลือดที่ตรวจเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วย"ลางานปุ๊บปั๊บแบบนี้มันผิดกฎของบริษัทนะครับ"คุณเควินเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบตาฉันด้วยแววตามีเลศนัยเมื่อคืนฉันก็ไปดินเนอร์กับเขากลับเกือบห้าทุ่มแหนะ ก็เขาน่ะสิ ชวนฉันคุยเรื่องงาน พอเป็นเรื่องงานเลยยาวเลยทีนี้เขาคงจะรู้ว่า ฉันยินดีที่จะคุยกับเขาแค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่ยินดีที่จะคุยเรื่องส่วนตัว เขาจึงคุยกับฉันแค่เรื่องงานไม่มีเรื่องอื่นมาสอดแทรกเลยสักนิด ซึ่งฉันก็ว่ามันดี สบายใจดีน่ะซึ่งมันก็ดี มันไม่ทำให้ฉันอึดอัดดีน่ะ ว่าจริงๆคุณเควินก็ดีนะ พูดรอบเดียวเข้าใจและรู้เรื่อง เขาทั้งหล่อทั้งเก่งและฉลาดมากผู้หญิงคนไหนที่ได้ใจของคุณเควินไปครอง เธอคนนั้นต้องโชคดีมากแน่ๆฉันมั่นใจ"ฉันรู้ค่ะ.....แต่มันจำเป็นจริงๆให้ฉันทำง
"เพื่อทำการฟอกเงินที่ถูกโกงมาจากประเทศทางเอเชียใต้ทั้งหมด""แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?"นันฤดีเอ่ยออกมาเสียงแข็งแววตาสั่นไหว สีหน้าไม่พอใจที่นามิการู้มากอย่างนี้ "ฉันยังรู้มากกว่านี้อีกว่าไอ้บริษัทเทรดหุ้นที่เธอเสนอให้คุณหญิงนฤมิตรมันเป็นแค่ฉากบังหน้า.....เธอต้องการจะหลอกเอาเงินพวกคนโง่ที่โลภมากอยู่แล้ว""เธอรอรับเงินส่วนแบ่งอย่างสบายปล่อยให้ยัยคุณหญิงฟน้าโง่นั้นออกหน้าอยู่คนเดียวและพอโดนจับก็โดนจับคนเดียว""ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ขุนศึกมันได้รับประกันตัวไปแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี.....แต่มันยังไม่ชนะเพราะพวกมันไม่มีหลักฐาน""ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจและขอให้ตำรวจกันฉันไว้เป็นพยานมีหวังไอ้ขุนศึกมันชนะแน่และทีนี้ตำรวจก็จะพุ่งเป้ามาที่เธอแทน""คนที่ผิดจริงๆก็คือเธอ"นามิการ่ายยาวออกมาโดยเรื่องที่เธอพูดมามันคือเรื่องจริงทั้งหมด นันฤดีได้แต่คิดในใจว่านามิการู้เรื่องนี้ได้ยังไง ทั้งที่เธอไม่ได้บอก เธอบอกแค่ให้สองคนแม่ลูกนี้ไปพาคุณหญิงมาให้เธอรู้จัก เพื่อแลกกับเงินหนึ่งก้อนโตและไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรทุกอย่างให้นามิกาหรือคุณหญิงนวลปรางรู้เลยด้วยซ้ำ"แกจะเอาเท่าไหร่ว่ามา?"นันฤดีกดเสียงต่
วันต่อมาบริษัทของแก้มหวาน"คุณจะมาปล่อยเราสองคนแม่ลูกทิ้งกลางทางแบบนี้ไม่ได้นะคะ"เสียงแหลมที่โวยวายออกมาอย่างไม่พอใจดังขึ้นทำให้ผู้หญิงที่สวยสง่าและวางตัวดีที่นั่งประจำตำแหน่งของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองสองคนแม่ลูกที่เอาแต่พูดเสียงแว้ดๆจนน่ารำคาญอยู่ได้อย่างไม่พอใจและเบื่อหน่าย"ก็พวกคุณทำงานพลาดเอง......ไปไม่ถึงวันแต่ง.....""แล้วฉันผิดคำพูดตรงไหน.....เธอทำตามที่เราตกลงกันไว้ไม่ได้เองนะ"นันฤดีเอ่ยออกไปพลางทำสีหน้าที่เหนือชั้นกว่า ทำให้สองคนแม่ลูกอย่างคุณหญิงนวลปรางและนามิกาหันมองหน้ากันแทบจะทันทีที่เธอสองคนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงอย่างนันฤดีที่เธอวางมาดราวกับเธอเป็นคนที่สูงส่งที่มาหลอกให้เธอสองคนแม่ลูกเข้าไปทำความสนิทและทำยังไงก็ได้ให้ขุนณรงค์หลงรักและแต่งงานกับนามิกาให้ได้และถ้าขุนณรงค์แต่งงานกับนามิกาแล้ว ก็ให้นามิกายกเลิกงานแต่งงานและบอกเลิกขุนณรงค์ซะแต่สองคนแม่ลูกก็ทำไม่สำเร็จเพราะครอบครัวของขุนณรงค์มามีปัญหาถูกจับเสียก่อนและแถมขุนณรงค์ยังเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานกับนามิกาอีกทำให้นันฤดีไม่พอใจสองคนแม่ลูกที่ทำงานไม่ได้เรื่องนี้อย่างมา
แต่จะให้ฉันคาดคั้นอะไรเขาได้ในเมื่อเราสองคนมีสถานะแค่พ่อกับแม่ของลูกแค่นั้นไม่ใช่สามีภรรยากัน"คุณเอริใช่ไหมครับ?"เสียงทุ้มที่ฟังดูสุภาพเอ่ยขึ้นทันทีที่มีผู้ชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสูทสีดำลงมาจากรถตู้หรูคันสีดำเงาวับแถมป้ายแดงที่เพิ่งจะแล่นเข้ามาจอดลงตรงหน้าของฉันกับขุนศึก"อ้อใช่ค่ะ"ฉันตอบเขาไปพลางทำสีหน้างงๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเขาเองก็มองหน้าฉันกลับด้วยแววตาสงสัยไม่ต่างจากฉันเช่นกัน"คุณเควินให้ผมมารับคุณเอริครับ""อ้อค่ะ"ฉันพยักหน้าเข้าใจทันที ที่แท้ก็คุณเควินส่งคนมารับฉันนี่เอง ฉันจึงหันกลับมามองหน้าขุนศึกอีกครั้ง"งั้นเราไปก่อนนะ......ไว้เจอกัน"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปพร้อมกับยกมือลาเขาตามประสาเพื่อนที่นัดเจอกันพอจะกลับบ้านก็ยกมือโบกลากัน"เค"ขุนศึกตอบรับรู้ก่อนจะยกมือตอบกลับฉัน ฉันยิ้มน้อยๆให้ขุนศึกก่อนจะเดินไปยังรถตู้สุดหรูที่จอดรอรับฉันอยู่โดยมีคนบริการเปิดปิดกระตูให้ประหนึ่งว่าฉันเป็นเซเลบคนรวยคนหนึ่งเลยล่ะฉันมองไปยังด้านหลังของรถอย่างชะเง้อกลับไปเมื่อรถแล่นมาถึงทางเลี้ยวที่จะออกจากคอนโดแล้วก็พบว่าขุนศึกยังคงยืนมองอยู่แบบนั้น แววตาที่เศร้าสร้อยของเขา มันทำให้ฉัน
"จะไปไหนเหรอเอริ?"เสียงอบอุ่นเอ่ยถามฉันขึ้นอย่างเป็นห่วงจากทางด้านหลังของฉันที่ฉันกำลังมุ่งหน้าออกจากห้องนี้ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงและหันไปมองยังต้นเสียงที่เอ่ยถามฉันทันที"จะไปทานข้าวนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยตอบป้าบัวไปพร้อมกับยิ้มให้ท่านไปด้วย"กับคุณเควินน่ะเหรอ?""ใช่ค่ะ""จ้างั้นไปเถอะป้าไม่กวนแล้ว""ค่ะป้า....ว่าแต่หมอทำกายภาพบำบัดของคุณหญิงคนนี้โอเคไหมคะ?""คุณหญิงมีอาการดีขึ้นไหมคะ?""ก็ดีขึ้นนะ....เริ่มขยับนิ้วเองได้เริ่มอ้าปากทำเสียงได้บ้างแล้ว""คุณหมอแกรับประกันว่าไม่เกินปีคุณหญิงต้องกลับมาพูดได้และเดินได้แน่นอนค่ะ"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างมั่นใจป้าบัวก็ยิ้มให้ฉันพร้อมกับพยักหน้ารับรู้"ป้าก็ขอให้เป็นแบบที่เอริพูดนะ....สงสารคุณหญิงท่านน่ะ....ไหนจะเรื่องคดีไหนจะต้องมาล้มป่วยแบบนี้แถมเดินไม่ได้อีกตั้งหาก"ป้าบัวเอ่ยออกมาเสียงเศร้า แววตาสั่นไหวอย่างสงสารและเห็นใจคุณหญิงจากใจจริง"ค่ะ....ริจะพยายามเท่าที่ริช่วยได้นะคะป้า....""จ้าขอบใจริมากนะที่ไม่ทิ้งคุณขุนศึกและคุณหญิง""ค่ะ.....ว่าแต่นี่ขุนไปไหนเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปพลางชะโงกหน้ามองไปรอบๆห้องเพื่อหาขุนศึกที่ฉันไม่เจอหน้าเ
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ.....คุณเอริ?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาจากทางด้านหลังฉัน ฉันจึงละสายตาจากไรเดอร์ตรงหน้าหันกลับไปมองที่ด้านหลังของฉันก็พบกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาอยู่ในชุดสูทสีดำกำลังฉีกยิ้มให้ฉันอยู่แววตาสงสัยจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับเดินตรงดิ่งมาหาฉัน"เปล่าค่ะ....พอดีริสั่งของแล้วไรเดอร์เขาเหมือนจะไม่รับเงินจากริ"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปเขาก็ขมวดคิ้วงุนงงและสงสัยก่อนจะหันไปมองที่ไรเดอร์คนนั้นสลับกับมองหน้าฉัน"ทำไมเขาถึงจะไม่รับเงินจากคุณเอริล่ะครับ""ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"ฉันตอบคุณเควินไปพลางหันกลับมามองที่ไรเดอร์พรึบ"ไม่ต้องทอนนะครับ.....รับไว้เถอะครับ"คุณเควินเอ่ยเสียงละมุนพร้อมกับยื่นธนบัตรหนึ่งพันบาทให้ไรเดอร์ไปเขาก็ทำท่ายึกยักๆเหมือนจะลังเลว่าเขาจะรับดีไหม"เอาไปเถอะครับ......ค่าอาหารของคุณเอริ"คุณเควินว่าพร้อมกับยัดเงินแบงค์พันใส่กระเป๋าเสื้อด้านหน้าของไรเดอร์คนนั้นไปโดยที่ไรเดอร์ไม่ทันตั้งตัว"ผมหวังว่าคุณเอริจะไม่ลืมดินเนอร์ของเราคืนนี้นะครับ....ผมให้คนเอาเสื้อผ้าไปให้คุณเอริแล้วที่ห้อง"คุณเควินเอ่ยขึ้นมาขัดในขณะที่ไรเดอร์กำลังจะเอาเงินคืนคุณเควินแต่เขากลับทำเ