เอี๊ยด!
เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว “แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า” เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย “เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!” “ครับ?” “ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย” ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ “อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง” เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ “พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม “เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่” “ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอก เป็นอย่างที่เขาคิด แม่กำลังเข้าใจผิดว่าคนที่เขาดูแลอยู่คือพิมพิลาไม่ใช่รฐา ถ้าเป็นแบบนี้แผนที่เขาวางเอาไว้ก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ ชายหนุ่มคุยธุระกับมารดาต่ออีกนิดหน่อย ก่อนขอตัวลาแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังห้างที่ใกล้ที่สุด ระหว่างทาง สิธาได้โทรถามทางรฐาถึงเหตุการณ์ในวันนี้ และจากที่เขาได้ฟังน้ำเสียงของรฐา ก็ทำให้โล่งใจได้นิดหน่อยว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไร [ถ้าแม่คุณตามมาหาฉันถึงที่บ้านอีก คราวนี้ฉันจะหนีจริงๆ นะคะ] ประโยคทิ้งท้ายที่เธอเอ่ยแอบทำเขากังวลอยู่เหมือนกัน ทว่ามันคงไม่มีวันเป็นเช่นนั้น เพราะเขาได้ให้คนคอยดูแลคุ้มกันเธออยู่ตลอดไม่เคยลอดสายตาไปได้อยู่แล้ว ต่อให้เธอหนีเขาไปอีกซีกโลกหนึ่งยังไงเขาก็หาเธอพบได้ง่ายๆ อยู่ดี เมื่อเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า สิธาก็มุ่งหน้าไปยังร้านขายของแม่และเด็ก ตลอดเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาเขามักจะเข้ามาซื้อของให้ลูกที่นี่เป็นประจำ เพียงแต่พอซื้อแล้วกลับไม่กล้านำไปให้เพราะกลัวคุณหญิงจรินทร์รู้ เลยได้แต่ส่งต่อให้กับลูกชายของอภิชาติที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันพอดี สิธาก้มๆ เงยๆ ตรงโต๊ะทานข้าวเด็กอยู่พักใหญ่ ก่อนเงยหน้าขึ้นบอกพนักงานว่าเอาชิ้นนี้ สิธาศึกษาเรื่องเด็กมาเยอะพอสมควร อีกเดือนหนึ่งลูกชายก็น่าจะเริ่มทานข้าวได้ เขาจึงคิดว่าเขาควรซื้อของใช้ส่งไปให้รฐาบ้าง เพราะดูจากคำพูดเธอในวันนั้น ในสายตาเธอเขาดูเป็นพ่อที่แย่มากเกินไปหน่อย พอจ่ายเงินรับของเรียบร้อยก็เตรียมกลับ ทว่าจู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าซื้อมาแต่ของลูกไม่มีของแม่ สิธาจึงแวะเข้าช้อปแบรนด์เนมของผู้หญิงแล้วสั่งให้เลือกชุดที่ดูน่ารักแต่ไม่ดูเด็กจนเกินไปให้กับรฐา เขาจึงได้ชุดเดรสปาดไหล่สีครีมมาหนึ่งชุด เป็นอันพึงพอใจ ด้านรฐากับพิมพิลาที่พึ่งย้ายเข้าบ้านใหม่ กว่าทั้งคู่จะจัดของเข้าที่ได้ ใช้เวลาไปนานกว่าสามชั่วโมง “แบบนี้ฉันก็ไม่ได้นอนกับเธอแล้วดิ” พิมพิลายู่หน้าจากนั้นก็เดินเข้าไปอ้อนรฐา จึงโดนอีกฝ่ายใช้นิ้วดันหน้าให้ออกไปห่างๆ ด้วยความขนลุก “เลิกแกล้งฉันแล้วรีบไปอาบน้ำได้แล้ว” “อาบทำไมอ่ะ เรามีธุระให้ต้องออกนอกบ้านอีกเหรอ” กล่าวพร้อมทิ้งตัวลงพื้นด้วยท่าทางอิดโรย “ถ้าไม่ออกแล้วจะเอาอะไรกิน ตู้เย็นโล่งขนาดนี้” ว่าพร้อมดึงพิมพิลาให้ลุกขึ้นมายืนอีกรอบ “ไปเลยเร็วๆ เดี๋ยววายุก็ตื่นแล้ว” ใช้มือดันหลังพิมพิลาก่อนจะหมุนตัวเดินไปมองลอดผ่านกระจกดูเด็กน้อยในห้องเด็กที่เธอเป็นคนออกแบบมาเพื่อลูกของเธอเป็นพิเศษ แค่ได้เห็นหน้าจิ้มลิ้มแบบนี้ทุกวันเธอก็มีกำลังใจใช้ชีวิตต่อแล้ว ซุปเปอร์มาร์เก็ต… สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่ “ดูภาพหรือยังครับ ผมว่ามีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่พอดีซุปเปอร์มาร์เก็ต…สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่“ดูภาพหรือยัง มีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่เมื่อหญิงสาวทั้งคู่เดินผ่านไป ขณะที่วีระกำลังจะเดินตามก็มีมือปริศนาเขามากระชากฉุดรั้งเขาเอาไว้โดยใช้แขนกันแล้วดันตัวเขาให้ติดกำแพงด้วยความรวดเร็ว“มึงเป็นใคร” ชายชุดสูทท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดตะคอกถามก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปเปิดดูโดยไม่ลดแรงกดให้เบาลงเลยแม้แต้น้อยก่อนหน้านี้ปรมินทร์โดนสายสืบของคุณหญิงจรินทร์แกะลอยตามจนเกือบโดนไล่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ขืนเขาทำพลาดอีกมีหวังตกงานจริงๆ แน่“จะ…ใจเย็นๆ แค่มาซื้อของเฉยๆ ครับ” วีระสั่นกลัว ไม่คิดไม่ฝันว่าแก่จนจะเข้าเลขห้าแล้วยังต้องมาโดนคนหนุ่มรัดคอจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้อีกปรมินทร์เอี้ยวตัวดูสองสาวกับเด็ก เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเลือกของสดอยู่ไม่ไกล เขาถึงหันกลับมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนต่อ“ถ่ายรูปไปทำไม” ถามพลางใช้โทรศัพท์สแกนหน้าอีกฝ่ายแล้วถือวิสาสะเลื่อ
มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายจับโทรศัพท์สิธาต่อสายหารฐาเป็นรอบที่สาม ทว่าเธอไม่เคยรับเลยสักสาย ครั้นจะโผล่เข้าไปหาเธอเองแบบรอบที่แล้วก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ[ฮัลโหลค่ะ]เป็นสายที่สี่เธอถึงรับ[บ้านใหม่คุณอยู่ตรงไหน] สิธาถามทั้งๆ ที่รถจอดอยู่หน้าซอยมาครึ่งชั่วโมงได้[ถามทำไมคะ ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ]ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาจึงยากปฏิเสธ[ผมเข้าไปนะครับ][เปิดรั้วเอารถเข้ามาจอดในบ้านเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เดินไปต้อนรับแบบนั้นหรอกค่ะ]ถึงรฐาจะกล่าวแบบนั้น ทว่าหลังตัดสาย พอขับเข้ามาถึงหน้าบ้านได้ก็เห็นพิมพิลายืนเปิดประตูโบกมือต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้วรฐาไม่ใช่ลูกจ้างแต่เธอใช่ พิมพิลาไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายลงจากรถมาเปิดรั้วเองได้จริงๆ“สวัสดีค่ะท่านรอง” คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนจึงไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่“ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ทำตัวปกติเถอะครับ” สิธายิ้มอ่อนก่อนเดินไปผลักประตูเข้าบ้าน โดยไม่รอให้เธอเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อย“เดินเข้าเป็นบ้านตัวเองเลยแฮะ” พิมพิลาพึมพำเบาๆ รีบก้าวขาเดินตามเขาเข้าไปด้านในรฐาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้เข
“สรุปว่าข่าวลือเรื่องการดูตัวของคุณสิธาเป็นความจริงไหมคะ” เสียงนักข่าวสาวเอ่ยถามพร้อมกับยื่นไมค์เบียดกับนักข่าวคนอื่นๆ ทันทีที่คุณหญิงจรินทร์ปรากฎตัว“ผู้หญิงคนนั้นใช่คนจากตระกูลโรจนเมธีไหมครับ”“เป็นคุณนิรดาใช่มั้ยคะ”“ใช่หรือเปล่าคะ”คำถามแรกยังไม่ได้ตอบก็โดนถามอีกหลายคำถาม หญิงมากวัยอย่างจรินทร์จึงต้องยกมือขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าให้ช้าลงกว่านี้ เธอตามไม่ทัน“ค่ะ เป็นความจริงที่ว่าลูกชายดิฉันได้ไปดูตัวมา แต่เรื่องตระกูล ดิฉันขอยังไม่ตอบนะคะ” กล่าวจบก็เตรียมขยับตัวเดินหนี ทว่านักข่าวชายคนหนึ่งกลับแทรกตัวเข้ามาตรงหน้าพร้อมถามคำถามอื่น“งั้นพอจะบอกได้ไหมครับ ว่าห้างใหม่ที่กำลังสร้างเป็นของคุณสิธาหรือของคุณจรินทร์ครับ”“ของลูกชายฉันน่ะค่ะ เขาเตรียมสร้างไว้ให้ลูกเขาในอนาคต” ว่าจบก็ฉีกยิ้มสวยๆ โชว์กล้อง “หวังว่าพวกคุณจะเอ็นดูว่าที่ผู้นำตระกูลพิชญเดชาคนใหม่กันนะค…”ติ๊ด!กดปิดหน้าจอเสร็จก็โยนรีโมททิ้งบนโซฟา จากนั้นรฐาจึงทำการดูดฝุ่นบนพื้นต่อโดยยังคงนึกถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ไปด้วย‘ลูกของเขาในอนาคตอย่างนั้นเหรอ’“แง…” ก่อนจะคิดไปไกลกว่านั้น เสียงร้องไห้จากเด็กน้อยวัยเพียง5เดือนในเป้ตรงอ
ย้อนไปก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง…“เฮ้” เสียงทักทายจากทางประตูฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน เรียกให้หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็คเอกสาร ต้องเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับอีกฝ่าย“ในที่สุดก็ได้มา” เดินมาหาพร้อมหมุนตัวหนึ่งรอบโชว์ป้ายพนักงานอันใหม่ให้กับคนตรงหน้าดูด้านรฐาที่กำลังเครียดกับงานที่ได้รับ จึงทำแค่ลอบมองนิดหน่อยก่อนจะละสายตากลับไปสนใจเอกสารของตนเช่นเดิม“แกก็ช่วยดีใจกับฉันหน่อยไม่ได้หรือยังไง” พิมพิลายู่หน้าลง เธอคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ารฐาคงไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้คาดคิดเลยสักนิดว่าเพื่อนตัวเองจะไม่ใยดีกันเลยแม้แต่น้อยคนสวยงอน!!“เลิกทำหน้าแบบนั้นใส่ฉันเลยนะ” รฐาเอ่ยแกมดุ เธอไม่ได้ไม่สนใจ ทว่างานที่กองอยู่ตรงหน้ามันเยอะเกินไปต่างหาก ขืนเธอมัวเอาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดไปทำอย่างอื่น คืนนี้ก็คงไม่ได้นอนแน่ๆ“ว่าแต่ แกได้เข้าไปทักทายท่านรองหรือยัง” เลื่อนเก้าอี้ตัวที่ว่างมานั่งข้างๆ รฐา“ยังเลย ฉันว่าจะเข้าไปพร้อมแกนั่นแหละ”“ดีเลย งั้นก็ไปกันตอนนี้เลยสิ ช่วงบ่ายฉันไม่ว่าง”“เอางั้นเหรอ งั้นก็รีบไปเถอะ! งานรอฉันเพียบเลย” ท่าทางเชื่องช้าและสีหน้าที่ดูอิดโรยของรฐาท
“ว้ายยย!”หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เหตุเพราะอยู่ดีๆ ก็มีมือปริศนาดึงเธอเข้าไปด้านในจนเธอเสียหลักล้มทับเข้ากับร่างของใครบางคน“ช่วยฉันด้วย” เสียงแหบพร่าดังขึ้นข้างหู ทำให้รฐาต้องรีบยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับภาพที่เห็นก่อนหน้านี้คนที่นอนเอกเขนกอยู่ตรงหน้ามีสภาพเป็นเช่นไรเธอไม่ทราบ ทว่าตอนนี้แม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นเขาก็ไม่ได้ใส่ และเธอเห็นทั้งหมดนั่นเต็มๆ ตา“ช่วยฉันที ร้อน หายใจไม่ออก”ชายหนุ่มยังคงร้องขอการช่วยเหลือจากเธอ ทว่ารฐากลับรู้สึกกลัวจนต้องขยับตัวถอยหนีรฐาไม่เคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้นจะวิ่งหนีขาไม่รักดีก็ดันมาอ่อนแรงเสียอย่างนั้น ทำให้เธอทำได้แค่พยายามตั้งสติเข้าไว้ คนตรงหน้าอาจไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เขาอาจเป็นโจร เป็นโรคจิต เป็นคนไม่ดีที่แฝงตัวอยู่ในห้องของท่านรอง“คะ…คุณเป็นใครคะ” เอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมใช้มือควานหาสิ่งของที่พอจะเป็นอาวุธได้มาถือไว้ในมือ“สิธา” ชายหนุ่มค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นพลางเอ่ยตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบาเขากำลังทรมาน ยิ่งเขาพูดยิ่งรู้สึกอึดอัด อีกทั้งอาการหวาบหวามแปลกๆ ที่กำลังรู้สึกอยู่มันทำให้เขาคุมสติตัวเอ
“ฉันโดนมอมยา” สิธาไม่ได้คิดติดใจอะไร กลับอยากให้เธอรีบๆ ช่วยเขามากกว่า“ทำยังไงก็ได้ให้ฉันหายจากอาการบ้าๆ นี่” กล่าวพร้อมสะบัดผ้าที่คลุมออกเขาไม่อายอะไรแล้ว ตอนนี้ร้อนจะตายชัก อึดอัดโว้ยยย!“คะ?” อาการบ้าๆ ที่เขาพูดถึงมันคืออาการแบบไหนกันจากการสังเกตดูก็มีแค่เหมือนจะร้อน หายใจติดขัด ดูมึนๆ เมาๆ แถมยังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่น่าดูเดี๋ยวนะ!หรือว่ายาที่ว่า…“ยาปลุกเซ็กส์” โพล่งออกมาเสียงดัง ก่อนลุกลี้ลุกลนทำตัวไม่ถูกต่อให้คนตรงหน้าจะเป็นถึงทายาทตระกูลดังรวยล้นฟ้า ทว่าเขาก็ยังคงเป็นชายอกสามศอกที่มีอวัยวะเพศตรงข้ามกับเธอ แล้วยิ่งโดนยาแบบนี้เข้าไปก็ยิ่งอันตรายอันตรายเกินไปที่จะอยู่ในห้องแคบๆ ด้วยกันสองต่อสอง“ฉันไม่มีแรงทำอะไรเธอหรอก เลิกคิดเรื่องบ้าๆ ได้แล้ว”เหมือนเขาเดาใจเธอออกเลยรีบชิงพูดขึ้นมา รฐาที่ได้ฟังก็พอเข้าใจได้ เพราะสภาพของเขาในตอนนี้แค่ลุกยืนเองก็ยังลำบาก“จะให้ฉันช่วยเช็ดตัวหรือเอาน้ำราดดีคะ” ถามพลางกวาดตามองทั่วๆ ก็พบว่ามีห้องน้ำอยู่ทางฝั่งขวาของห้อง“อะไรก็ได้ที่เธอสะดวก ว่าแต่…มันจะดีขึ้นใช่มั้ย”ดีขึ้นมั้ย “ก็คงช่วยคุณได้ในระดับนึงละมั้งคะ?”รฐาไม่รอให้เขาถามอะไรต่อ
“เฮ้ย! เธอกินน้ำในตู้เย็นเหรอ”“ค่ะ” รฐาหน้าเหวอ สายตาคมจ้องเธอปานว่าทำผิดมหันต์“กินไม่ได้หรอกเหรอคะ” พูดเสียงอ่อนก่อนจะวางขวดน้ำที่ถือไว้บนหลังตู้เย็น“ถอยไป” เอ่ยเสียงเข้มพร้อมสาวเท้าเข้ามา รฐาจึงรีบไถลตัวหลบออกมาทางขวา มองดูเขาก้มลงเปิดตู้เย็นหยิบขวดนู้นที นี้ที เสมือนตรวจหาอะไรบางอย่าง ไม่นานสิธาก็เริ่มถอนหายใจก่อนจะเอี้ยวตัวมามองเธอ“เธอซวยแล้วล่ะ”“…” ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง“ขวดที่เธอกินไปเมื่อกี้มียาปลุกเซ็กส์”ฟึ่บ!รฐาแทบจะเป็นลมล้มพับทันทีที่ได้ยิน สิธาที่มองดูท่าไม่ดีรีบเข้าไปช่วยพยุง แล้วจึงพาไปนั่งตรงโซฟาปลายเตียง“ขอโทษที ฉันน่าจะบอกเธอเอาไว้ก่อน” ช่วยรฐาเสร็จก็ไปรุดนั่งลงบนโซฟาตัวใกล้ๆ“ก่อนหน้านี้คุณกินน้ำไปเยอะไหมคะ”“ครึ่งขวดได้มั้ง”ยิ่งถามยิ่งท้อในใจ ขนาดเขากินไปครึ่งขวดยังเป็นถึงขนาดนั้น แล้วเธอที่กินไปหมดนั่นล่ะจะขนาดไหนหลังจากที่ได้ตกลงกันว่า ถ้าเธอมีอาการมากจนทรมานเดินไม่ไหว เขาจะพาเธอเข้าห้องน้ำพร้อมขังเธอเอาไว้ ตอนนี้ก็ผ่านมานานเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว“ที่คุณบอกว่าร้อน มันร้อนแบบนี้หรอกเหรอคะ” ยกมือขึ้นพัดใส่ตัว สิธาที่มองเห็นภาพนั้นจึงต้องผินหน้ามองไปทางอื่นเ
“ถ้าคุณยังทำแบบนี้ ผมจะหยุดตัวเองไม่ได้แล้วนะ” สายตาของเขาพราวระยับยามมองไปที่เรือนร่างอันเย้ายวนของอีกฝ่ายหยุดทำไม เธอกำลังรู้สึกดี นี่มันในฝันจะทำอะไรก็ได้นี่ จริงมั้ย?“เอาเลยค่ะพี่ หนูพร้อม” มีความรู้สึกอายอยู่หน่อยๆ แต่เป็นเพราะคนตรงหน้าไม่ใช่คนจริงๆ เธอจึงไม่ได้คิดมากอะไร“ถามจริง นี่มีสติอยู่ป่ะ หรือว่าไม่มีวะ” เขาเริ่มงง เธอลืมตาทว่าพูดจาแปลกๆ ไม่เหมือนตอนแรกที่จะเอาแฟ้มฟาดกันเลยสักนิด“อย่าพึ่งซน สรุปฉันทำมากกว่านี้ได้แน่ใช่ไหม” ส่งเสียงดุพร้อมปัดมืออันซุกซนออกจากแผงอก อีกฝ่ายยิ้มกริ่มไม่ตอบเขาจึงคิดทึกทักเอาเองว่าเธอตกลง“แล้วอย่ามาโทษฉันล่ะ เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ จำเอาไว้” สิ้นเสียงสุดท้าย สิธาก็รีบจัดการถอดชุดคลุมออกแล้วจึงโดดขึ้นมาคร่อมรฐา โน้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ พอได้การตอบรับจากหญิงสาว เขาก็เปลี่ยนจากเบาเป็นดูดดื่ม“อื้อ” มือหนาจับหมับที่หน้าอกก่อนจะบดขยี้มันอย่างมันส์มือ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่หลงเหลืออยู่ ถึงทำให้เขามีแรงอยากมากขนาดนี้รฐาครางในลำคอเบาๆ สัมผัสจากเขาช่างร้อนแรงจนเธอตามไม่ทัน รับรู้แค่ว่าเขาเริ่มจะใช้มือขวาแตะลงตรงกลางกาย เธอเลยต้องเกร็งปลายเ
มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายจับโทรศัพท์สิธาต่อสายหารฐาเป็นรอบที่สาม ทว่าเธอไม่เคยรับเลยสักสาย ครั้นจะโผล่เข้าไปหาเธอเองแบบรอบที่แล้วก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ[ฮัลโหลค่ะ]เป็นสายที่สี่เธอถึงรับ[บ้านใหม่คุณอยู่ตรงไหน] สิธาถามทั้งๆ ที่รถจอดอยู่หน้าซอยมาครึ่งชั่วโมงได้[ถามทำไมคะ ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ]ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาจึงยากปฏิเสธ[ผมเข้าไปนะครับ][เปิดรั้วเอารถเข้ามาจอดในบ้านเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เดินไปต้อนรับแบบนั้นหรอกค่ะ]ถึงรฐาจะกล่าวแบบนั้น ทว่าหลังตัดสาย พอขับเข้ามาถึงหน้าบ้านได้ก็เห็นพิมพิลายืนเปิดประตูโบกมือต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้วรฐาไม่ใช่ลูกจ้างแต่เธอใช่ พิมพิลาไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายลงจากรถมาเปิดรั้วเองได้จริงๆ“สวัสดีค่ะท่านรอง” คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนจึงไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่“ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ทำตัวปกติเถอะครับ” สิธายิ้มอ่อนก่อนเดินไปผลักประตูเข้าบ้าน โดยไม่รอให้เธอเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อย“เดินเข้าเป็นบ้านตัวเองเลยแฮะ” พิมพิลาพึมพำเบาๆ รีบก้าวขาเดินตามเขาเข้าไปด้านในรฐาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้เข
ซุปเปอร์มาร์เก็ต…สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่“ดูภาพหรือยัง มีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่เมื่อหญิงสาวทั้งคู่เดินผ่านไป ขณะที่วีระกำลังจะเดินตามก็มีมือปริศนาเขามากระชากฉุดรั้งเขาเอาไว้โดยใช้แขนกันแล้วดันตัวเขาให้ติดกำแพงด้วยความรวดเร็ว“มึงเป็นใคร” ชายชุดสูทท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดตะคอกถามก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปเปิดดูโดยไม่ลดแรงกดให้เบาลงเลยแม้แต้น้อยก่อนหน้านี้ปรมินทร์โดนสายสืบของคุณหญิงจรินทร์แกะลอยตามจนเกือบโดนไล่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ขืนเขาทำพลาดอีกมีหวังตกงานจริงๆ แน่“จะ…ใจเย็นๆ แค่มาซื้อของเฉยๆ ครับ” วีระสั่นกลัว ไม่คิดไม่ฝันว่าแก่จนจะเข้าเลขห้าแล้วยังต้องมาโดนคนหนุ่มรัดคอจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้อีกปรมินทร์เอี้ยวตัวดูสองสาวกับเด็ก เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเลือกของสดอยู่ไม่ไกล เขาถึงหันกลับมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนต่อ“ถ่ายรูปไปทำไม” ถามพลางใช้โทรศัพท์สแกนหน้าอีกฝ่ายแล้วถือวิสาสะเลื่อ
เอี๊ยด!เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว“แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย“เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!”“ครับ?”“ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย”ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ“อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง”เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ“พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม“เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่”“ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอกเ
เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมายังหน้าคอนโด สารถีหนุ่มก็รีบเคลื่อนรถเข้าไปรับเขาในทันที“คุยเรียบร้อยดีไหมครับ”ถามพลางมองกระจกหลังดูสีหน้าผู้เป็นนายไปด้วย“อืม”ชัดเจนว่าไม่ค่อยดีนักอภิชาติจึงชวนคุยเรื่องอื่นพลางขับรถออกจากเขตคอนโด “บ้านคุณรฐาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”“เช็คดีแล้วหรือยัง”“ครับ เช็คสามรอบแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ให้ทางคุณรฐาเซ็นรับก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย”“ดี จัดการให้เรียบร้อยด้วย”“ครับ”หลังจบการสนทนาสิธาก็เอนหลังพิงพนักพลางหันหน้ามองออกไปนอกกระจกวันนี้เขาทำพลาดอีกแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหงุดหงิดใส่รฐาด้วย“นายได้ดูหน้าลูกจริงๆ หรือยังครับ”คำถามนี้ทำเขาชะงักก่อนเสมองไปทางอภิชาติ “ยัง”“อ้าว”“ในรูปกับตัวจริงมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไว้ฉันค่อยดูตอนทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังไม่สาย”อดทนมาได้ตั้งห้าเดือน เขาจะทนต่ออีกสักสองสามเดือนไม่ได้เชียวรึ“แต่ผมว่…” กำลังจะเอ่ยก็โดนขัด“ขับรถไป ฉันจะนอน” กล่าวจบก็รีบปิดเปลือกตาลงหนีการพูดคุยทันที ทำให้สารถีได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปสนใจถนนหนทางเช่นเดิมแควก!!เสียงแกะเทปดังไปทั่วห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังช่วยกันแพ็คของอย่างขมักเขม้น
“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้จริงๆ เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผม” สิธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสบตากับรฐาด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังอะไรดลใจให้เขามีความคิดแบบนี้กันนะหรือว่า?“คุณป่วยเป็นโรคอันตรายเหรอคะ”“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”“ก็เปล่าหรอกค่ะ แต่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแบบคุณจะมีลูกแค่คนเดียวไปทำไมคะ” เป็นเธอคงคิดมีเพิ่มไว้ช่วยกันดูแลกิจการ “มีไว้แบ่งมรดกสักสองสามคนน่าจะกำลังดี”ประโยคนี้รฐาพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวแล้วจึงขยับตัวหลบไม่รู้ว่าพิมพิลาไปขยันมาจากไหนถึงได้ไล่เก็บของเช็ดพื้นอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุด“งั้นคุณก็มาทำเพิ่มให้ผมสิครับ”“…” รฐาหันขวับทันควัน“เคร้ง!!” เสียงพิมพิลาทำช้อนล่วง“สักสองสามคนเป็นไง”ยิ่งประโยคหลังรฐาก็ยิ่งไม่รู้จะตอบอะไรพลางหันไปมองพิมพิลาที่กำลังมือสั่นเก็บของผิดๆ ถูกๆ“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเครียดจริงจังขนาดนั้นก็ได้” สงสัยเขาคงไม่เหมาะกับการเล่นมุก“เหรอคะ” เรียกสติตัวเองกลับมาแล้วจึงปรับสีหน้าใหม่ให้ดูเป็นปกติ“ว่าแต่ วันนี้ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างคะ”“ก็งั้นๆ ผมไม่ได้อยากแต่งงาน”‘ไม่อยากแต่งแล้วไปทำไม’
“คุณสิธา!!”ด้วยความตกใจ รฐารีบก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนใช้มือทั้งสองข้างสางผมให้ดูเรียบร้อย ปัดเนื้อปัดตัว แล้วจึงค่อยๆ แง้มเปิดประตูเห็นหญิงสาวมีสีหน้างุนงงพร้อมปั้นยิ้มแหยๆ ให้เขา สิธาจึงรีบเอ่ยคำทักทาย“สวัสดีครับ”“คะ อะ…อ่อ สวัสดีค่ะ” รฐาพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเขาผู้โผล่มาโดยที่เธอก็ไม่เคยบอกที่อยู่ กับข้าวของในมือที่เขานำมันมาด้วย“อ่อ…ผมได้ยินเพื่อนคุณพูดว่าวันนี้จะชวนกันกินชาบู ผมก็เลยว่าจะเข้ามาขอแจมน่ะครับ” ชายในชุดสูทราคาแพงยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อโชว์ให้ดูว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า “เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ” ดูจากข้าวของในถุงน่าจะหนักพอสมควร รฐาเลยค้อมตัวผายมือให้เขาเข้ามาด้านในด้านพิมพิลาที่กำลังนั่งเอกเขนกไถมือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผู้มาใหม่เธอก็ถึงกับเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งพลางเด้งตัวลุกขึ้นมายืนทำท่าทางสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านาย“สวัสดีค่ะคุณสิธา” ก้มหัวให้พร้อมปรับสีหน้าให้เหมือนตอนอยู่บริษัท แม้ว่าสภาพเธอในตอนนี้จะน่าอาย ทว่าเธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ“ชุดนอนลายเสือดาวเหมาะกับคุณดีนะครับ” สิธาแกล้งแซวเล่นๆ ทำให้อีกฝ่ายเผลอนิ่วหน้าใส่ หากแต่เขาไม่ได
หลังลาออกจากบริษัท รฐาก็ได้เริ่มคิดทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง นั่นก็คือการเปิดรับทำอาหารตามออเดอร์ช่วงแรกๆ รฐารับส่งแค่ภายในคอนโดเท่านั้น พอเริ่มมีฐานลูกค้ามากขึ้นเธอก็เปิดร้านอาหารในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขายผลลัพธ์จากการขายอาหารในช่วงแรกถือว่าดีมาก เป็นช่วงที่รฐาสนุกสุดๆ ที่ได้ทำ ทว่าไม่นานท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจนเทอะทะทำอะไรไม่สะดวก อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านต่อได้จึงได้หยุดไปแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขยันอย่างรฐาคิดล้มเลิกในการหาเงินด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนิยายและมีจินตนาการสูงพอสมควร รฐาจึงได้ริเริ่มการเป็นนักเขียนเขียนไปเขียนมารฐาก็มีผู้ติดตามมากกว่าสามพันคน จากรายได้หลักหน่วยก็กลายเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเมื่อใกล้คลอดรฐาได้นำเงินทั้งหมดที่เธอเก็บรวบรวมจากการทำงานและจากสิธา นำมันไปซื้อบ้านโครงการแถบชานเมืองไว้หนึ่งหลัง อีกทั้งยังซื้อคอนโดเล็กๆ ตรงข้ามกับที่เคยอยู่เพื่อปล่อยเช่าอีกหนึ่งหลังปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี รฐากับลูกชายจึงต้องอาศัยอยู่คอนโดเดิมกับพิมพิลาไปก่อน และเธอเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะพาพิมพิลาไปอยู่บ้านใหม่ด้
“แกอยากให้ฉันพูดไหมฟ้าใสว่าแกกำลังปิดบังอะไรพี่วรรณอยู่” พิมพิลาเอ่ยเสียงกระเซ้า ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็หันไปจ้องจีรณากันอย่างพร้อมเพียง“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คนเขากำลังอยากรู้ว่าอีนี่มันได้กับพี่ทศหรือยัง” ว่าพร้อมชี้ไปที่รฐาจึงโดนทศกัณฐ์ที่อยู่ใกล้ใช้มือปัดแขนนางทิ้งทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอรวรรณเธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีก เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนพอสำหรับเธอแล้ว“อย่าพึ่งไป รอก่อน เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจ” เห็นอรวรรณเตรียมจะเดินหนีทศกัณฐ์จึงคว้าแขนจับมือของเธอเอาไว้“จริงสิ วันนั้นฟ้าใสเข้าไปทำอะไรในห้องคุณสิธาเหรอ” อยู่ๆ รฐาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม“วันไหนล่ะ ก็พยายามเข้าไปหาอยู่ทุกวันนั่นแหละ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเอาฉันไปทำเลขาแทนเธอ”“ช่างกล้าพูดเนาะ” หันไปทางอรวรรณ “พี่เคยได้รับจดหมายหรือช่อดอกไม้บ้างไหม”อรวรรณทำหน้างง “ไม่นะพิม ทำไมเหรอ”“ก็จะทำไมล่ะ มีคนแถวนี้แอบเอาไปน่ะซี้ โคตรแย่เลยเนอะ” แม้พิมพิลาจะไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใคร ทว่าสายตาของเธอที่จดจ้องไปยังจีรณาก็สามารถเป็นคำตอบสำหรับความสงสัยนี้ได้ในตอนแรกเธอเองก็คิดแบบคนอื่นอยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ รฐากับทศกัณฐ์ทำตัวสนิทสนมกัน แต่ด้วย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิมพิลาเอ่ยดักคอขึ้นก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สิธาต้องขมวดคิ้ว“คุณจะรับเด็กไว้เหรอคะ”“ก็ถ้าเป็นลูกผมจริงๆ ก็ต้องรับสิครับ” ตอบเสียงเรียบแล้วจึงก้มลงไปเขียนต่อ“ข้อสอง จนกว่าจะรู้ผล ผมยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับรฐาเดือนละสามแสนบาทตลอดจนกว่าจะคลอด และถ้าผลออกมาว่าใช่ ผมจะจ่ายค่าอยู่ค่ากินให้จนกว่าลูกผมจะอายุครบ20ปี ซึ่งต่อเดือนคุณน่าจะได้ไปเป็นล้าน”“ทำไมต้อง20ปีเหรอคะ” เป็นรฐาที่ถาม“แค่เกริ่นไว้คร่าวๆ น่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” แต่ที่แน่นอนคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาลำบากเป็นอันขาดถ้าผลออกมาว่าใช่นะ“อันที่จริงคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณในอนาคต” เป็นเรื่องดีที่เขารับผิดชอบ หากทว่ารฐานั้นกลัวซะมากกว่าดีใจ “ฉันยังอยากใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติสุขอยู่นะคะ”“ฮึ” สิธาสบถในลำคอก่อนจะเงยหน้าสบตากับรฐา “งั้นคุณจะทำยังไง เอาเด็กออกเหรอ?”“ไม่มีทางค่ะ”“เพราะงั้นผมถึงต้องดูแลรับผิดชอบไง ขืนปล่อยให้คุณอดอยากทำงานหนักเดี๋ยวลูกผมก็ออกมาไม่ปกติกันพอดี”ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ต่อไปนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทายาท