หลังลาออกจากบริษัท รฐาก็ได้เริ่มคิดทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง นั่นก็คือการเปิดรับทำอาหารตามออเดอร์
ช่วงแรกๆ รฐารับส่งแค่ภายในคอนโดเท่านั้น พอเริ่มมีฐานลูกค้ามากขึ้นเธอก็เปิดร้านอาหารในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขาย ผลลัพธ์จากการขายอาหารในช่วงแรกถือว่าดีมาก เป็นช่วงที่รฐาสนุกสุดๆ ที่ได้ทำ ทว่าไม่นานท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจนเทอะทะทำอะไรไม่สะดวก อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านต่อได้จึงได้หยุดไป แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขยันอย่างรฐาคิดล้มเลิกในการหาเงิน ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนิยายและมีจินตนาการสูงพอสมควร รฐาจึงได้ริเริ่มการเป็นนักเขียน เขียนไปเขียนมารฐาก็มีผู้ติดตามมากกว่าสามพันคน จากรายได้หลักหน่วยก็กลายเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน เมื่อใกล้คลอดรฐาได้นำเงินทั้งหมดที่เธอเก็บรวบรวมจากการทำงานและจากสิธา นำมันไปซื้อบ้านโครงการแถบชานเมืองไว้หนึ่งหลัง อีกทั้งยังซื้อคอนโดเล็กๆ ตรงข้ามกับที่เคยอยู่เพื่อปล่อยเช่าอีกหนึ่งหลัง ปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี รฐากับลูกชายจึงต้องอาศัยอยู่คอนโดเดิมกับพิมพิลาไปก่อน และเธอเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะพาพิมพิลาไปอยู่บ้านใหม่ด้วยเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พิมพิลาคอยดูแลรฐาตลอดไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งพิมพิลายังชอบพูดขอโทษเธอทุกครั้งที่ไปเจอกับสิธาในบริษัท ปัจจุบันพิมพิลาได้ถูกย้ายกลับไปเป็นเลขาของสิธา ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าจะได้ถามไถ่เรื่องของรฐากับลูกได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครสงสัย และหลังจากที่รฐาคลอดลูก สิธาก็เร่งให้เธอตรวจDNAของเด็กทันที ผลปรากฏว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ สิธาจึงได้โอนเงินเพิ่มจากที่เคยให้แค่เดือนละสามแสนก็กลายเป็นเดือนละล้านบ้าง สองสามล้านบ้าง โดยที่เขานั้นไม่เคยมาหาหรือมาดูหน้าเด็กเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาคงยังไม่พร้อมจะเห็นหน้าเด็กที่เป็นตัวถ่วงชีวิตของเขาละมั้ง รฐาคิดแบบนั้น ในตอนแรกเธอคาดหวังอยู่หน่อยๆ ว่าเขาจะต้องแอบมาหาลูกบ้าง เพราะยังไงเด็กคนนี้ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ทว่าพอเวลาผ่านไปกว่าห้าเดือน สิธาก็ยังคงทำแค่ส่งเงินจำนวนมากมาให้ลูกเพียงอย่างเดียว ไม่เคยทักมาดูหน้าหรือขอเจอลูกเลยสักครั้ง สำหรับเขาเงินคงจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำให้ได้ดีที่สุดในฐานะพ่อ กลับสู่ปัจจุบัน… “โอ้ยยอิ่ม ไม่ได้กินชาบูมานานแล้วนะเนี่ย กินสะแน่นเลย” พิมพิลาเอ่ยพร้อมใช้มือตบพุงปุๆ แล้วจึงหันไปขมวดคิ้วใส่รฐาที่เอาแต่ขำพรืดกับท่าทีของเธอ “อาทิตย์เดียวนี่นานแล้วเหรอ” ยังคงขำไปพูดไปจึงโดนอีกฝ่ายส่งสายตาค้อนให้ไปหนึ่งที ครืดๆ เสียงสั่นของโทรศัพท์เรียกให้หญิงสาวทั้งสองหันไปสนใจ รฐาไม่ได้กดรับ เธอเพียงแค่มองมันก่อนจะหันเตรียมเก็บถ้วยเก็บจาน “ใครโทรมาอ่ะ ทำไมไม่รับ” ถามพลางชะเง้อมองและเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เปลี่ยนสีหน้าจากสงสัยเป็นราบเรียบ “คงจะโทรมาบอกว่าโอนเงินแล้วเหมือนเดิมนั่นแหละ” เพราะเขามักจะทำแบบนี้ตลอด หลังๆ มารฐาเลยไม่เคยรับสาย เธอค่อยพิมพ์แชตบอกเขาทีหลังเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับสายในทันที “ตรงเวลาเป๊ะๆ” พิมพิลายกแขนขวาขึ้นมาดู ทุกครั้งที่สิธาโอนเงิน เขาจะส่งให้ทุกวันที่15ตอน 21:00น. ไม่ขาดไม่เกิน เห็นทีที่เกินน่าจะเป็นจำนวนเงิน สายแรกตัดไป รฐาลอบถอนลมหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบถ้วยชามมาเทเศษอาหารใส่ถุงขยะ จากนั้นก็ซ้อนมันพร้อมยกไปไว้ที่ซิงค์ล้างจาน ซึ่งมีพิมพิลายกหม้อไฟฟ้าเดินตามมาติดๆ ทั้งคู่ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดจนพื้นที่ห้องนั้งเล่นกลับมาเป็นสภาพเดิม และไม่นานเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครืด ครืด รฐาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ปกติสิธามักจะโทรหาเธอแค่สายเดียววันนี้มีเรื่องอะไรเขาถึงได้โทรหาเธอซ้ำถึงสองสาย “ไม่ลองรับดูหน่อยเหรอ” พิมพิลาว่าพลางเดินไปรุดตัวนั่งบนโซฟา “เขาอาจมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอก็ได้นะ” รฐาส่ายหัว “ไม่มีหรอก ฉันกับเขานอกจากเรื่องเงินกับลูกก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องคุยกันอีก” แค่มีพันธะสัญญาด้วยกันใช่ว่าจะต้องคุยกันอย่างสนิทสนม เธอกับเขาก็แค่คนที่ไม่รู้จักแต่เหมือนรู้จักกันมันก็เท่านั้นแหละ “เวลาเขามาบริษัททีฉันนี่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลย” พิมพิลาว่าพร้อมทำท่าทางขนลุก บรรยากาศการทำงานระหว่างเธอกับคุณสิธาค่อนข้างน่าอึดอัด เขาทำตัวห่างเหินกับเธอมากกว่าตอนแรกที่เธอเป็นเลขาให้เขาซะอีก “เขาถามถึงลูกบ้างไหม” รฐาถามแม้จะรู้อยู่แก่ใจ “ไม่ได้ถามแต่น่าจะมั่นใจแหละว่าเธอเลี้ยงลูกได้ดี” คำตอบจากพิมพิลาทำเอารฐาคลี่ยิ้มบางๆ “ก็แหงสิ นี่มันลูกฉันนะ ต่อให้เขาจะไม่ส่งเงินมาเลยสักบาท ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะเลี้ยงวายุได้เป็นอย่างดี…” ปิ๊งป่อง… เสียงกดกริ่งดังมาจากทางหน้าห้องทำให้สองสาวต้องรีบหยุดการสนทนา เป็นรฐาที่ออกตัวเดินไปส่องตาแมวดูว่าใครมา แล้วพอเห็นหน้าค่าตาผู้มาใหม่ หัวใจของรฐาก็ต้องกระตุกวูบพร้อมกับเบิกตากว้าง “คุณสิธา!!”“คุณสิธา!!”ด้วยความตกใจ รฐารีบก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนใช้มือทั้งสองข้างสางผมให้ดูเรียบร้อย ปัดเนื้อปัดตัว แล้วจึงค่อยๆ แง้มเปิดประตูเห็นหญิงสาวมีสีหน้างุนงงพร้อมปั้นยิ้มแหยๆ ให้เขา สิธาจึงรีบเอ่ยคำทักทาย“สวัสดีครับ”“คะ อะ…อ่อ สวัสดีค่ะ” รฐาพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเขาผู้โผล่มาโดยที่เธอก็ไม่เคยบอกที่อยู่ กับข้าวของในมือที่เขานำมันมาด้วย“อ่อ…ผมได้ยินเพื่อนคุณพูดว่าวันนี้จะชวนกันกินชาบู ผมก็เลยว่าจะเข้ามาขอแจมน่ะครับ” ชายในชุดสูทราคาแพงยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อโชว์ให้ดูว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า “เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ” ดูจากข้าวของในถุงน่าจะหนักพอสมควร รฐาเลยค้อมตัวผายมือให้เขาเข้ามาด้านในด้านพิมพิลาที่กำลังนั่งเอกเขนกไถมือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผู้มาใหม่เธอก็ถึงกับเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งพลางเด้งตัวลุกขึ้นมายืนทำท่าทางสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านาย“สวัสดีค่ะคุณสิธา” ก้มหัวให้พร้อมปรับสีหน้าให้เหมือนตอนอยู่บริษัท แม้ว่าสภาพเธอในตอนนี้จะน่าอาย ทว่าเธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ“ชุดนอนลายเสือดาวเหมาะกับคุณดีนะครับ” สิธาแกล้งแซวเล่นๆ ทำให้อีกฝ่ายเผลอนิ่วหน้าใส่ หากแต่เขาไม่ได
“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้จริงๆ เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผม” สิธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสบตากับรฐาด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังอะไรดลใจให้เขามีความคิดแบบนี้กันนะหรือว่า?“คุณป่วยเป็นโรคอันตรายเหรอคะ”“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”“ก็เปล่าหรอกค่ะ แต่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแบบคุณจะมีลูกแค่คนเดียวไปทำไมคะ” เป็นเธอคงคิดมีเพิ่มไว้ช่วยกันดูแลกิจการ “มีไว้แบ่งมรดกสักสองสามคนน่าจะกำลังดี”ประโยคนี้รฐาพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวแล้วจึงขยับตัวหลบไม่รู้ว่าพิมพิลาไปขยันมาจากไหนถึงได้ไล่เก็บของเช็ดพื้นอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุด“งั้นคุณก็มาทำเพิ่มให้ผมสิครับ”“…” รฐาหันขวับทันควัน“เคร้ง!!” เสียงพิมพิลาทำช้อนล่วง“สักสองสามคนเป็นไง”ยิ่งประโยคหลังรฐาก็ยิ่งไม่รู้จะตอบอะไรพลางหันไปมองพิมพิลาที่กำลังมือสั่นเก็บของผิดๆ ถูกๆ“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเครียดจริงจังขนาดนั้นก็ได้” สงสัยเขาคงไม่เหมาะกับการเล่นมุก“เหรอคะ” เรียกสติตัวเองกลับมาแล้วจึงปรับสีหน้าใหม่ให้ดูเป็นปกติ“ว่าแต่ วันนี้ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างคะ”“ก็งั้นๆ ผมไม่ได้อยากแต่งงาน”‘ไม่อยากแต่งแล้วไปทำไม’
เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมายังหน้าคอนโด สารถีหนุ่มก็รีบเคลื่อนรถเข้าไปรับเขาในทันที“คุยเรียบร้อยดีไหมครับ”ถามพลางมองกระจกหลังดูสีหน้าผู้เป็นนายไปด้วย“อืม”ชัดเจนว่าไม่ค่อยดีนักอภิชาติจึงชวนคุยเรื่องอื่นพลางขับรถออกจากเขตคอนโด “บ้านคุณรฐาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”“เช็คดีแล้วหรือยัง”“ครับ เช็คสามรอบแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ให้ทางคุณรฐาเซ็นรับก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย”“ดี จัดการให้เรียบร้อยด้วย”“ครับ”หลังจบการสนทนาสิธาก็เอนหลังพิงพนักพลางหันหน้ามองออกไปนอกกระจกวันนี้เขาทำพลาดอีกแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหงุดหงิดใส่รฐาด้วย“นายได้ดูหน้าลูกจริงๆ หรือยังครับ”คำถามนี้ทำเขาชะงักก่อนเสมองไปทางอภิชาติ “ยัง”“อ้าว”“ในรูปกับตัวจริงมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไว้ฉันค่อยดูตอนทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังไม่สาย”อดทนมาได้ตั้งห้าเดือน เขาจะทนต่ออีกสักสองสามเดือนไม่ได้เชียวรึ“แต่ผมว่…” กำลังจะเอ่ยก็โดนขัด“ขับรถไป ฉันจะนอน” กล่าวจบก็รีบปิดเปลือกตาลงหนีการพูดคุยทันที ทำให้สารถีได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปสนใจถนนหนทางเช่นเดิมแควก!!เสียงแกะเทปดังไปทั่วห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังช่วยกันแพ็คของอย่างขมักเขม้น
เอี๊ยด!เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว“แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย“เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!”“ครับ?”“ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย”ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ“อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง”เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ“พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม“เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่”“ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอกเ
ซุปเปอร์มาร์เก็ต…สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่“ดูภาพหรือยัง มีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่เมื่อหญิงสาวทั้งคู่เดินผ่านไป ขณะที่วีระกำลังจะเดินตามก็มีมือปริศนาเขามากระชากฉุดรั้งเขาเอาไว้โดยใช้แขนกันแล้วดันตัวเขาให้ติดกำแพงด้วยความรวดเร็ว“มึงเป็นใคร” ชายชุดสูทท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดตะคอกถามก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปเปิดดูโดยไม่ลดแรงกดให้เบาลงเลยแม้แต้น้อยก่อนหน้านี้ปรมินทร์โดนสายสืบของคุณหญิงจรินทร์แกะลอยตามจนเกือบโดนไล่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ขืนเขาทำพลาดอีกมีหวังตกงานจริงๆ แน่“จะ…ใจเย็นๆ แค่มาซื้อของเฉยๆ ครับ” วีระสั่นกลัว ไม่คิดไม่ฝันว่าแก่จนจะเข้าเลขห้าแล้วยังต้องมาโดนคนหนุ่มรัดคอจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้อีกปรมินทร์เอี้ยวตัวดูสองสาวกับเด็ก เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเลือกของสดอยู่ไม่ไกล เขาถึงหันกลับมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนต่อ“ถ่ายรูปไปทำไม” ถามพลางใช้โทรศัพท์สแกนหน้าอีกฝ่ายแล้วถือวิสาสะเลื่อ
มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายจับโทรศัพท์สิธาต่อสายหารฐาเป็นรอบที่สาม ทว่าเธอไม่เคยรับเลยสักสาย ครั้นจะโผล่เข้าไปหาเธอเองแบบรอบที่แล้วก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ[ฮัลโหลค่ะ]เป็นสายที่สี่เธอถึงรับ[บ้านใหม่คุณอยู่ตรงไหน] สิธาถามทั้งๆ ที่รถจอดอยู่หน้าซอยมาครึ่งชั่วโมงได้[ถามทำไมคะ ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ]ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาจึงยากปฏิเสธ[ผมเข้าไปนะครับ][เปิดรั้วเอารถเข้ามาจอดในบ้านเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เดินไปต้อนรับแบบนั้นหรอกค่ะ]ถึงรฐาจะกล่าวแบบนั้น ทว่าหลังตัดสาย พอขับเข้ามาถึงหน้าบ้านได้ก็เห็นพิมพิลายืนเปิดประตูโบกมือต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้วรฐาไม่ใช่ลูกจ้างแต่เธอใช่ พิมพิลาไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายลงจากรถมาเปิดรั้วเองได้จริงๆ“สวัสดีค่ะท่านรอง” คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนจึงไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่“ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ทำตัวปกติเถอะครับ” สิธายิ้มอ่อนก่อนเดินไปผลักประตูเข้าบ้าน โดยไม่รอให้เธอเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อย“เดินเข้าเป็นบ้านตัวเองเลยแฮะ” พิมพิลาพึมพำเบาๆ รีบก้าวขาเดินตามเขาเข้าไปด้านในรฐาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้เข
“สรุปว่าข่าวลือเรื่องการดูตัวของคุณสิธาเป็นความจริงไหมคะ” เสียงนักข่าวสาวเอ่ยถามพร้อมกับยื่นไมค์เบียดกับนักข่าวคนอื่นๆ ทันทีที่คุณหญิงจรินทร์ปรากฎตัว“ผู้หญิงคนนั้นใช่คนจากตระกูลโรจนเมธีไหมครับ”“เป็นคุณนิรดาใช่มั้ยคะ”“ใช่หรือเปล่าคะ”คำถามแรกยังไม่ได้ตอบก็โดนถามอีกหลายคำถาม หญิงมากวัยอย่างจรินทร์จึงต้องยกมือขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าให้ช้าลงกว่านี้ เธอตามไม่ทัน“ค่ะ เป็นความจริงที่ว่าลูกชายดิฉันได้ไปดูตัวมา แต่เรื่องตระกูล ดิฉันขอยังไม่ตอบนะคะ” กล่าวจบก็เตรียมขยับตัวเดินหนี ทว่านักข่าวชายคนหนึ่งกลับแทรกตัวเข้ามาตรงหน้าพร้อมถามคำถามอื่น“งั้นพอจะบอกได้ไหมครับ ว่าห้างใหม่ที่กำลังสร้างเป็นของคุณสิธาหรือของคุณจรินทร์ครับ”“ของลูกชายฉันน่ะค่ะ เขาเตรียมสร้างไว้ให้ลูกเขาในอนาคต” ว่าจบก็ฉีกยิ้มสวยๆ โชว์กล้อง “หวังว่าพวกคุณจะเอ็นดูว่าที่ผู้นำตระกูลพิชญเดชาคนใหม่กันนะค…”ติ๊ด!กดปิดหน้าจอเสร็จก็โยนรีโมททิ้งบนโซฟา จากนั้นรฐาจึงทำการดูดฝุ่นบนพื้นต่อโดยยังคงนึกถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ไปด้วย‘ลูกของเขาในอนาคตอย่างนั้นเหรอ’“แง…” ก่อนจะคิดไปไกลกว่านั้น เสียงร้องไห้จากเด็กน้อยวัยเพียง5เดือนในเป้ตรงอ
ย้อนไปก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง…“เฮ้” เสียงทักทายจากทางประตูฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน เรียกให้หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็คเอกสาร ต้องเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับอีกฝ่าย“ในที่สุดก็ได้มา” เดินมาหาพร้อมหมุนตัวหนึ่งรอบโชว์ป้ายพนักงานอันใหม่ให้กับคนตรงหน้าดูด้านรฐาที่กำลังเครียดกับงานที่ได้รับ จึงทำแค่ลอบมองนิดหน่อยก่อนจะละสายตากลับไปสนใจเอกสารของตนเช่นเดิม“แกก็ช่วยดีใจกับฉันหน่อยไม่ได้หรือยังไง” พิมพิลายู่หน้าลง เธอคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ารฐาคงไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้คาดคิดเลยสักนิดว่าเพื่อนตัวเองจะไม่ใยดีกันเลยแม้แต่น้อยคนสวยงอน!!“เลิกทำหน้าแบบนั้นใส่ฉันเลยนะ” รฐาเอ่ยแกมดุ เธอไม่ได้ไม่สนใจ ทว่างานที่กองอยู่ตรงหน้ามันเยอะเกินไปต่างหาก ขืนเธอมัวเอาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดไปทำอย่างอื่น คืนนี้ก็คงไม่ได้นอนแน่ๆ“ว่าแต่ แกได้เข้าไปทักทายท่านรองหรือยัง” เลื่อนเก้าอี้ตัวที่ว่างมานั่งข้างๆ รฐา“ยังเลย ฉันว่าจะเข้าไปพร้อมแกนั่นแหละ”“ดีเลย งั้นก็ไปกันตอนนี้เลยสิ ช่วงบ่ายฉันไม่ว่าง”“เอางั้นเหรอ งั้นก็รีบไปเถอะ! งานรอฉันเพียบเลย” ท่าทางเชื่องช้าและสีหน้าที่ดูอิดโรยของรฐาท
มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายจับโทรศัพท์สิธาต่อสายหารฐาเป็นรอบที่สาม ทว่าเธอไม่เคยรับเลยสักสาย ครั้นจะโผล่เข้าไปหาเธอเองแบบรอบที่แล้วก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ[ฮัลโหลค่ะ]เป็นสายที่สี่เธอถึงรับ[บ้านใหม่คุณอยู่ตรงไหน] สิธาถามทั้งๆ ที่รถจอดอยู่หน้าซอยมาครึ่งชั่วโมงได้[ถามทำไมคะ ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ]ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาจึงยากปฏิเสธ[ผมเข้าไปนะครับ][เปิดรั้วเอารถเข้ามาจอดในบ้านเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เดินไปต้อนรับแบบนั้นหรอกค่ะ]ถึงรฐาจะกล่าวแบบนั้น ทว่าหลังตัดสาย พอขับเข้ามาถึงหน้าบ้านได้ก็เห็นพิมพิลายืนเปิดประตูโบกมือต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้วรฐาไม่ใช่ลูกจ้างแต่เธอใช่ พิมพิลาไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายลงจากรถมาเปิดรั้วเองได้จริงๆ“สวัสดีค่ะท่านรอง” คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนจึงไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่“ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ทำตัวปกติเถอะครับ” สิธายิ้มอ่อนก่อนเดินไปผลักประตูเข้าบ้าน โดยไม่รอให้เธอเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อย“เดินเข้าเป็นบ้านตัวเองเลยแฮะ” พิมพิลาพึมพำเบาๆ รีบก้าวขาเดินตามเขาเข้าไปด้านในรฐาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้เข
ซุปเปอร์มาร์เก็ต…สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่“ดูภาพหรือยัง มีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่เมื่อหญิงสาวทั้งคู่เดินผ่านไป ขณะที่วีระกำลังจะเดินตามก็มีมือปริศนาเขามากระชากฉุดรั้งเขาเอาไว้โดยใช้แขนกันแล้วดันตัวเขาให้ติดกำแพงด้วยความรวดเร็ว“มึงเป็นใคร” ชายชุดสูทท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดตะคอกถามก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปเปิดดูโดยไม่ลดแรงกดให้เบาลงเลยแม้แต้น้อยก่อนหน้านี้ปรมินทร์โดนสายสืบของคุณหญิงจรินทร์แกะลอยตามจนเกือบโดนไล่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ขืนเขาทำพลาดอีกมีหวังตกงานจริงๆ แน่“จะ…ใจเย็นๆ แค่มาซื้อของเฉยๆ ครับ” วีระสั่นกลัว ไม่คิดไม่ฝันว่าแก่จนจะเข้าเลขห้าแล้วยังต้องมาโดนคนหนุ่มรัดคอจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้อีกปรมินทร์เอี้ยวตัวดูสองสาวกับเด็ก เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเลือกของสดอยู่ไม่ไกล เขาถึงหันกลับมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนต่อ“ถ่ายรูปไปทำไม” ถามพลางใช้โทรศัพท์สแกนหน้าอีกฝ่ายแล้วถือวิสาสะเลื่อ
เอี๊ยด!เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว“แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย“เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!”“ครับ?”“ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย”ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ“อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง”เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ“พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม“เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่”“ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอกเ
เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมายังหน้าคอนโด สารถีหนุ่มก็รีบเคลื่อนรถเข้าไปรับเขาในทันที“คุยเรียบร้อยดีไหมครับ”ถามพลางมองกระจกหลังดูสีหน้าผู้เป็นนายไปด้วย“อืม”ชัดเจนว่าไม่ค่อยดีนักอภิชาติจึงชวนคุยเรื่องอื่นพลางขับรถออกจากเขตคอนโด “บ้านคุณรฐาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”“เช็คดีแล้วหรือยัง”“ครับ เช็คสามรอบแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ให้ทางคุณรฐาเซ็นรับก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย”“ดี จัดการให้เรียบร้อยด้วย”“ครับ”หลังจบการสนทนาสิธาก็เอนหลังพิงพนักพลางหันหน้ามองออกไปนอกกระจกวันนี้เขาทำพลาดอีกแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหงุดหงิดใส่รฐาด้วย“นายได้ดูหน้าลูกจริงๆ หรือยังครับ”คำถามนี้ทำเขาชะงักก่อนเสมองไปทางอภิชาติ “ยัง”“อ้าว”“ในรูปกับตัวจริงมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไว้ฉันค่อยดูตอนทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังไม่สาย”อดทนมาได้ตั้งห้าเดือน เขาจะทนต่ออีกสักสองสามเดือนไม่ได้เชียวรึ“แต่ผมว่…” กำลังจะเอ่ยก็โดนขัด“ขับรถไป ฉันจะนอน” กล่าวจบก็รีบปิดเปลือกตาลงหนีการพูดคุยทันที ทำให้สารถีได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปสนใจถนนหนทางเช่นเดิมแควก!!เสียงแกะเทปดังไปทั่วห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังช่วยกันแพ็คของอย่างขมักเขม้น
“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้จริงๆ เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผม” สิธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสบตากับรฐาด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังอะไรดลใจให้เขามีความคิดแบบนี้กันนะหรือว่า?“คุณป่วยเป็นโรคอันตรายเหรอคะ”“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”“ก็เปล่าหรอกค่ะ แต่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแบบคุณจะมีลูกแค่คนเดียวไปทำไมคะ” เป็นเธอคงคิดมีเพิ่มไว้ช่วยกันดูแลกิจการ “มีไว้แบ่งมรดกสักสองสามคนน่าจะกำลังดี”ประโยคนี้รฐาพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวแล้วจึงขยับตัวหลบไม่รู้ว่าพิมพิลาไปขยันมาจากไหนถึงได้ไล่เก็บของเช็ดพื้นอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุด“งั้นคุณก็มาทำเพิ่มให้ผมสิครับ”“…” รฐาหันขวับทันควัน“เคร้ง!!” เสียงพิมพิลาทำช้อนล่วง“สักสองสามคนเป็นไง”ยิ่งประโยคหลังรฐาก็ยิ่งไม่รู้จะตอบอะไรพลางหันไปมองพิมพิลาที่กำลังมือสั่นเก็บของผิดๆ ถูกๆ“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเครียดจริงจังขนาดนั้นก็ได้” สงสัยเขาคงไม่เหมาะกับการเล่นมุก“เหรอคะ” เรียกสติตัวเองกลับมาแล้วจึงปรับสีหน้าใหม่ให้ดูเป็นปกติ“ว่าแต่ วันนี้ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างคะ”“ก็งั้นๆ ผมไม่ได้อยากแต่งงาน”‘ไม่อยากแต่งแล้วไปทำไม’
“คุณสิธา!!”ด้วยความตกใจ รฐารีบก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนใช้มือทั้งสองข้างสางผมให้ดูเรียบร้อย ปัดเนื้อปัดตัว แล้วจึงค่อยๆ แง้มเปิดประตูเห็นหญิงสาวมีสีหน้างุนงงพร้อมปั้นยิ้มแหยๆ ให้เขา สิธาจึงรีบเอ่ยคำทักทาย“สวัสดีครับ”“คะ อะ…อ่อ สวัสดีค่ะ” รฐาพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเขาผู้โผล่มาโดยที่เธอก็ไม่เคยบอกที่อยู่ กับข้าวของในมือที่เขานำมันมาด้วย“อ่อ…ผมได้ยินเพื่อนคุณพูดว่าวันนี้จะชวนกันกินชาบู ผมก็เลยว่าจะเข้ามาขอแจมน่ะครับ” ชายในชุดสูทราคาแพงยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อโชว์ให้ดูว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า “เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ” ดูจากข้าวของในถุงน่าจะหนักพอสมควร รฐาเลยค้อมตัวผายมือให้เขาเข้ามาด้านในด้านพิมพิลาที่กำลังนั่งเอกเขนกไถมือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผู้มาใหม่เธอก็ถึงกับเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งพลางเด้งตัวลุกขึ้นมายืนทำท่าทางสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านาย“สวัสดีค่ะคุณสิธา” ก้มหัวให้พร้อมปรับสีหน้าให้เหมือนตอนอยู่บริษัท แม้ว่าสภาพเธอในตอนนี้จะน่าอาย ทว่าเธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ“ชุดนอนลายเสือดาวเหมาะกับคุณดีนะครับ” สิธาแกล้งแซวเล่นๆ ทำให้อีกฝ่ายเผลอนิ่วหน้าใส่ หากแต่เขาไม่ได
หลังลาออกจากบริษัท รฐาก็ได้เริ่มคิดทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง นั่นก็คือการเปิดรับทำอาหารตามออเดอร์ช่วงแรกๆ รฐารับส่งแค่ภายในคอนโดเท่านั้น พอเริ่มมีฐานลูกค้ามากขึ้นเธอก็เปิดร้านอาหารในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขายผลลัพธ์จากการขายอาหารในช่วงแรกถือว่าดีมาก เป็นช่วงที่รฐาสนุกสุดๆ ที่ได้ทำ ทว่าไม่นานท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจนเทอะทะทำอะไรไม่สะดวก อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านต่อได้จึงได้หยุดไปแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขยันอย่างรฐาคิดล้มเลิกในการหาเงินด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนิยายและมีจินตนาการสูงพอสมควร รฐาจึงได้ริเริ่มการเป็นนักเขียนเขียนไปเขียนมารฐาก็มีผู้ติดตามมากกว่าสามพันคน จากรายได้หลักหน่วยก็กลายเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเมื่อใกล้คลอดรฐาได้นำเงินทั้งหมดที่เธอเก็บรวบรวมจากการทำงานและจากสิธา นำมันไปซื้อบ้านโครงการแถบชานเมืองไว้หนึ่งหลัง อีกทั้งยังซื้อคอนโดเล็กๆ ตรงข้ามกับที่เคยอยู่เพื่อปล่อยเช่าอีกหนึ่งหลังปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี รฐากับลูกชายจึงต้องอาศัยอยู่คอนโดเดิมกับพิมพิลาไปก่อน และเธอเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะพาพิมพิลาไปอยู่บ้านใหม่ด้
“แกอยากให้ฉันพูดไหมฟ้าใสว่าแกกำลังปิดบังอะไรพี่วรรณอยู่” พิมพิลาเอ่ยเสียงกระเซ้า ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็หันไปจ้องจีรณากันอย่างพร้อมเพียง“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คนเขากำลังอยากรู้ว่าอีนี่มันได้กับพี่ทศหรือยัง” ว่าพร้อมชี้ไปที่รฐาจึงโดนทศกัณฐ์ที่อยู่ใกล้ใช้มือปัดแขนนางทิ้งทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอรวรรณเธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีก เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนพอสำหรับเธอแล้ว“อย่าพึ่งไป รอก่อน เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจ” เห็นอรวรรณเตรียมจะเดินหนีทศกัณฐ์จึงคว้าแขนจับมือของเธอเอาไว้“จริงสิ วันนั้นฟ้าใสเข้าไปทำอะไรในห้องคุณสิธาเหรอ” อยู่ๆ รฐาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม“วันไหนล่ะ ก็พยายามเข้าไปหาอยู่ทุกวันนั่นแหละ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเอาฉันไปทำเลขาแทนเธอ”“ช่างกล้าพูดเนาะ” หันไปทางอรวรรณ “พี่เคยได้รับจดหมายหรือช่อดอกไม้บ้างไหม”อรวรรณทำหน้างง “ไม่นะพิม ทำไมเหรอ”“ก็จะทำไมล่ะ มีคนแถวนี้แอบเอาไปน่ะซี้ โคตรแย่เลยเนอะ” แม้พิมพิลาจะไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใคร ทว่าสายตาของเธอที่จดจ้องไปยังจีรณาก็สามารถเป็นคำตอบสำหรับความสงสัยนี้ได้ในตอนแรกเธอเองก็คิดแบบคนอื่นอยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ รฐากับทศกัณฐ์ทำตัวสนิทสนมกัน แต่ด้วย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิมพิลาเอ่ยดักคอขึ้นก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สิธาต้องขมวดคิ้ว“คุณจะรับเด็กไว้เหรอคะ”“ก็ถ้าเป็นลูกผมจริงๆ ก็ต้องรับสิครับ” ตอบเสียงเรียบแล้วจึงก้มลงไปเขียนต่อ“ข้อสอง จนกว่าจะรู้ผล ผมยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับรฐาเดือนละสามแสนบาทตลอดจนกว่าจะคลอด และถ้าผลออกมาว่าใช่ ผมจะจ่ายค่าอยู่ค่ากินให้จนกว่าลูกผมจะอายุครบ20ปี ซึ่งต่อเดือนคุณน่าจะได้ไปเป็นล้าน”“ทำไมต้อง20ปีเหรอคะ” เป็นรฐาที่ถาม“แค่เกริ่นไว้คร่าวๆ น่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” แต่ที่แน่นอนคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาลำบากเป็นอันขาดถ้าผลออกมาว่าใช่นะ“อันที่จริงคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณในอนาคต” เป็นเรื่องดีที่เขารับผิดชอบ หากทว่ารฐานั้นกลัวซะมากกว่าดีใจ “ฉันยังอยากใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติสุขอยู่นะคะ”“ฮึ” สิธาสบถในลำคอก่อนจะเงยหน้าสบตากับรฐา “งั้นคุณจะทำยังไง เอาเด็กออกเหรอ?”“ไม่มีทางค่ะ”“เพราะงั้นผมถึงต้องดูแลรับผิดชอบไง ขืนปล่อยให้คุณอดอยากทำงานหนักเดี๋ยวลูกผมก็ออกมาไม่ปกติกันพอดี”ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ต่อไปนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทายาท