“ฉันโดนมอมยา” สิธาไม่ได้คิดติดใจอะไร กลับอยากให้เธอรีบๆ ช่วยเขามากกว่า“ทำยังไงก็ได้ให้ฉันหายจากอาการบ้าๆ นี่” กล่าวพร้อมสะบัดผ้าที่คลุมออกเขาไม่อายอะไรแล้ว ตอนนี้ร้อนจะตายชัก อึดอัดโว้ยยย!“คะ?” อาการบ้าๆ ที่เขาพูดถึงมันคืออาการแบบไหนกันจากการสังเกตดูก็มีแค่เหมือนจะร้อน หายใจติดขัด ดูมึนๆ เมาๆ แถมยังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่น่าดูเดี๋ยวนะ!หรือว่ายาที่ว่า…“ยาปลุกเซ็กส์” โพล่งออกมาเสียงดัง ก่อนลุกลี้ลุกลนทำตัวไม่ถูกต่อให้คนตรงหน้าจะเป็นถึงทายาทตระกูลดังรวยล้นฟ้า ทว่าเขาก็ยังคงเป็นชายอกสามศอกที่มีอวัยวะเพศตรงข้ามกับเธอ แล้วยิ่งโดนยาแบบนี้เข้าไปก็ยิ่งอันตรายอันตรายเกินไปที่จะอยู่ในห้องแคบๆ ด้วยกันสองต่อสอง“ฉันไม่มีแรงทำอะไรเธอหรอก เลิกคิดเรื่องบ้าๆ ได้แล้ว”เหมือนเขาเดาใจเธอออกเลยรีบชิงพูดขึ้นมา รฐาที่ได้ฟังก็พอเข้าใจได้ เพราะสภาพของเขาในตอนนี้แค่ลุกยืนเองก็ยังลำบาก“จะให้ฉันช่วยเช็ดตัวหรือเอาน้ำราดดีคะ” ถามพลางกวาดตามองทั่วๆ ก็พบว่ามีห้องน้ำอยู่ทางฝั่งขวาของห้อง“อะไรก็ได้ที่เธอสะดวก ว่าแต่…มันจะดีขึ้นใช่มั้ย”ดีขึ้นมั้ย “ก็คงช่วยคุณได้ในระดับนึงละมั้งคะ?”รฐาไม่รอให้เขาถามอะไรต่อ
“เฮ้ย! เธอกินน้ำในตู้เย็นเหรอ”“ค่ะ” รฐาหน้าเหวอ สายตาคมจ้องเธอปานว่าทำผิดมหันต์“กินไม่ได้หรอกเหรอคะ” พูดเสียงอ่อนก่อนจะวางขวดน้ำที่ถือไว้บนหลังตู้เย็น“ถอยไป” เอ่ยเสียงเข้มพร้อมสาวเท้าเข้ามา รฐาจึงรีบไถลตัวหลบออกมาทางขวา มองดูเขาก้มลงเปิดตู้เย็นหยิบขวดนู้นที นี้ที เสมือนตรวจหาอะไรบางอย่าง ไม่นานสิธาก็เริ่มถอนหายใจก่อนจะเอี้ยวตัวมามองเธอ“เธอซวยแล้วล่ะ”“…” ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง“ขวดที่เธอกินไปเมื่อกี้มียาปลุกเซ็กส์”ฟึ่บ!รฐาแทบจะเป็นลมล้มพับทันทีที่ได้ยิน สิธาที่มองดูท่าไม่ดีรีบเข้าไปช่วยพยุง แล้วจึงพาไปนั่งตรงโซฟาปลายเตียง“ขอโทษที ฉันน่าจะบอกเธอเอาไว้ก่อน” ช่วยรฐาเสร็จก็ไปรุดนั่งลงบนโซฟาตัวใกล้ๆ“ก่อนหน้านี้คุณกินน้ำไปเยอะไหมคะ”“ครึ่งขวดได้มั้ง”ยิ่งถามยิ่งท้อในใจ ขนาดเขากินไปครึ่งขวดยังเป็นถึงขนาดนั้น แล้วเธอที่กินไปหมดนั่นล่ะจะขนาดไหนหลังจากที่ได้ตกลงกันว่า ถ้าเธอมีอาการมากจนทรมานเดินไม่ไหว เขาจะพาเธอเข้าห้องน้ำพร้อมขังเธอเอาไว้ ตอนนี้ก็ผ่านมานานเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว“ที่คุณบอกว่าร้อน มันร้อนแบบนี้หรอกเหรอคะ” ยกมือขึ้นพัดใส่ตัว สิธาที่มองเห็นภาพนั้นจึงต้องผินหน้ามองไปทางอื่นเ
“ถ้าคุณยังทำแบบนี้ ผมจะหยุดตัวเองไม่ได้แล้วนะ” สายตาของเขาพราวระยับยามมองไปที่เรือนร่างอันเย้ายวนของอีกฝ่ายหยุดทำไม เธอกำลังรู้สึกดี นี่มันในฝันจะทำอะไรก็ได้นี่ จริงมั้ย?“เอาเลยค่ะพี่ หนูพร้อม” มีความรู้สึกอายอยู่หน่อยๆ แต่เป็นเพราะคนตรงหน้าไม่ใช่คนจริงๆ เธอจึงไม่ได้คิดมากอะไร“ถามจริง นี่มีสติอยู่ป่ะ หรือว่าไม่มีวะ” เขาเริ่มงง เธอลืมตาทว่าพูดจาแปลกๆ ไม่เหมือนตอนแรกที่จะเอาแฟ้มฟาดกันเลยสักนิด“อย่าพึ่งซน สรุปฉันทำมากกว่านี้ได้แน่ใช่ไหม” ส่งเสียงดุพร้อมปัดมืออันซุกซนออกจากแผงอก อีกฝ่ายยิ้มกริ่มไม่ตอบเขาจึงคิดทึกทักเอาเองว่าเธอตกลง“แล้วอย่ามาโทษฉันล่ะ เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ จำเอาไว้” สิ้นเสียงสุดท้าย สิธาก็รีบจัดการถอดชุดคลุมออกแล้วจึงโดดขึ้นมาคร่อมรฐา โน้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ พอได้การตอบรับจากหญิงสาว เขาก็เปลี่ยนจากเบาเป็นดูดดื่ม“อื้อ” มือหนาจับหมับที่หน้าอกก่อนจะบดขยี้มันอย่างมันส์มือ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่หลงเหลืออยู่ ถึงทำให้เขามีแรงอยากมากขนาดนี้รฐาครางในลำคอเบาๆ สัมผัสจากเขาช่างร้อนแรงจนเธอตามไม่ทัน รับรู้แค่ว่าเขาเริ่มจะใช้มือขวาแตะลงตรงกลางกาย เธอเลยต้องเกร็งปลายเ
พอกลับถึงคอนโด รฐาก็รีบอาบน้ำชำระล้างร่างกายแล้วจึงโดดขึ้นไปนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่ปลายเตียง เปิดแชทของสิธาค้างไว้พลางนึกคิดว่าจะพิมพ์อะไรส่งไปก่อนดี คิดไปคิดมา สุดท้ายเธอก็พิมพ์แค่ที่จำเป็นไปก็พอ รฐา ฐา : ฐาขอลาสองวันนะคะ กลับไปจะไปเขียนใบลาให้ค่ะ วันนี้ไม่ไหวจริงๆพิมพ์จบก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาก่ายหน้าผากหลังจากนี้เธอจะทำอย่างไรดี ถ้ามีคนรู้เข้ามีหวังชีวิตวัยทำงานของเธอได้จบเห่แน่เผลอๆ อาจได้ติดเทรนในทวิต #เลขาหวังเลื่อนขั้น“เฮ้อ…ไม่รู้ด้วยแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วกัน” บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วจึงคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงรฐาพยายามไม่คิดมาก ทว่าในใจกลับกรีดร้องแทบบ้า นอกจากเธอจะเสียความบริสุทธิ์ให้คนที่ไม่ได้รักแล้ว เธอยังจะเสียหน้าที่การงานอีกด้วยถ้าเขาคนนั้นไม่พอใจฮือ…จะตกงานมั้ยล่ะแบบนี้ด้านสิธา เขาตื่นสายกว่าปกติ ลุกขึ้นนั่งได้ก็ควานหาโทรศัพท์ แล้วรีบเปิดดูการแจ้งเตือนต่างๆ ที่มีทั้งข้อความแชต โทร และอีเมล ทุกอย่างดูปกติดี อาจเป็นเพราะเขาชอบหายไปบ่อยๆ ในครั้งนี้จึงไม่ได้มีใครเอะใจอะไรสิธาตวัดสายตาดูเตียงอันว่างเปล่าข้างกายพลางระบายลมหายใจเล็กๆเขารู้สึกเหมือนโดน
เป็นที่รู้กันว่าอรวรรณค่อนข้างจะเจ้าระเบียบ เนี้ยบทุกตารางนิ้ว ถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากจะเสวนาด้วย เพราะนอกจากคุยไม่รู้เรื่องแล้ว อีกฝ่ายยังชอบจับผิดคนอื่นจนน่ารำคาญเรียกได้ว่า มนุษย์ป้าดีๆ นี่เอง“เรียบร้อย” รฐาวางช่อดอกไม้ลงบนเก้าอี้สีชมพูสุดหวานแหวว จากนั้นก็หมุนตัวกลับพลางยกแขนดูนาฬิกาเหลืออีก10นาทีก่อนที่พิมพิลาจะมา ถ้าเธอช้าไปมากกว่านี้ ยัยเพื่อนตัวดีคงได้รู้แน่ๆ ว่าเธอแอบไปมีอะไรกับใครไม่รอช้าผลักประตูกระจกเดินตรงดิ่งไปที่ลิฟต์ กดถ่อลงมาถึงชั้นแรกได้ก็รีบวิ่งแจ้นไปยังคลินิกด้านหน้าตึกบริษัททันทีด้านเภสัชกรหนุ่มที่เห็นรฐาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ดูจะตกใจเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามอาการด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรมาครับ”หยุดหอบหายใจสูดอ็อกซิเจนเข้าปอด “ขอยาคุมฉุกเฉินค่ะ” ว่าจบก็ยกแขนดูนาฬิกา มีเวลาเหลือตั้ง5นาทีคำขอของรฐาทำให้หมอตรงหน้าคลายความสงสัย ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็ลืมป้องกันมานี่เอง“40บาทครับ” จัดยาแล้วก็ยื่นถุงให้ “กินเม็ดแรกภายใน72ชั่วโมงนะครับ ส่วนเม็ดที่สองให้กินหลังจากเม็ดที่หนึ่งภายใน 12ชั่วโมง”รฐาพยักหน้าเข้าใจพร้อมยื่นจ่ายเงิน เสร็จสรรพก็เดินออกมานั่งที่ม้านั่งหน้าคลินิก
รฐาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนประชันหน้า “เจ๊เตรียมเสียเงินได้เลย”ห้องน้ำ…“ยังไงจ๊ะ นานไปแล้วนะชะนี ” เจ๊ออยตะโกนถามพลางเคาะประตูไปด้วยที่ตรวจครรภ์ที่เขานำมาความจริงเป็นของหลานสาว ซื้อให้หลานเพื่อประกอบการศึกษาในห้องเรียน ไม่ได้คิดจะเอามาใช้จริง หากแต่เขาสงสัยในตัวรฐาเอามากๆ เลยอยากลองให้อีกฝ่ายตรวจดูสักหน่อยชักหวั่นใจว่านางคนนี้จะท้องจริงซะแล้วสิ“แป๊บนึงเจ๊” ตะโกนตอบเสียงสั่นๆ รฐาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ยาคุมเธอก็กินนี่นาแม้จะช้าไปนิดหน่อยก็เถอะก๊อกๆ“นี่! ออกมาเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมซะก่อน ร้อนขนาดนี้จะไปหมกตัวอยู่ในนั้นทำไม”เจ๊ออยยังคงเคาะประตูเรียกให้รฐาออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็หยุดมือลง เหตุเพราะมีคนออกมาจากห้องน้ำห้องข้างๆแกร๊ก“ฉันทนฟังมานานแล้ว สรุปมันยังไงเหรอ”รฐาหน้าซีดเผือดขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้มาใหม่ “พิม”“ทำไมแกต้องตรวจครรภ์ แกไปมีอะไรกับใครตอนไหนทำไมฉันถึงไม่รู้”รฐาฟังออกถึงความไม่พอใจในน้ำเสียง แม้ไม่ได้เห็นหน้าก็คาดเดาได้ว่าคงกำลังขมวดคิ้วหน้าบึ้งรอเธออยู่แน่ๆ“คะ…คือว่า”“อย่าพึ่งพูดเลย
จีรณาพยายามเงี่ยหูฟังอย่างสุดความสามารถ ต่อให้คนทั้งสามจะกระซิบกระซาบกันสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางพ้นหูอันดีเลิศประเสริฐศรีของเธอไปได้หรอก“ท้องอย่างนั้นเหรอ” จีรณาผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะใช้มือซ้ายหยิบน้ำปั่นขึ้นมาดูดพร้อมกับใช้มือขวาพิมพ์ข้อความในกลุ่มแชต และหลังจากที่เธอพิมพ์สาระสำคัญส่งไปทุกคนในกลุ่มต่างก็แตกตื่นแน่นอนว่าเธอใส่สีตีไข่เพิ่มเผื่ออรรถรสในการเล่ายาดา:เห็นเงียบๆ ที่ไหนได้แอบแซ่บอยู่น้าาาGr gr:ใช่ป่ะ ฉันนั่งฟังยังตกใจเลยผู้ชายคนนั้นต้องเป็นใครสักคนในบริษัทเรานี่แหละ ช่วงนี้เห็นใครอยู่กับมันบ่อยๆ บ้างป่ะริริ ริสา: ก็เห็นจะมีแค่พี่ทศอ่ะที่ชอบไปยืนคุยกับมันยาดา: มีซัมติงแน่ๆ เมื่อเช้าฉันก็เห็นซื้อกาแฟให้กันด้วยนะ ปกติพี่ทศเคยทักทายใครซะที่ไหนGr gr:ไปถามกันเถอะ เผื่อจะโป๊ะแตกได้ข้อมูลออกมาบ้างริริ ริสา:พี่ทศกำลังนั่งอยู่กับพี่วรรณพอดี รีบมาด้านรฐาที่โดนกระหน่ำจากพิมพิลาและเจ๊ออย ทำให้ตอนนี้เธอต้องมายืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานของคุณสิธา พร้อมกับผลตรวจและสัญญาที่พึ่งจะเขียนขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ“ไม่ต้องกลัว ฉันจะเข้าไปเป็นเพื่อนแกเอง” พิมพิลาจับมือรฐาแน่นพร้อมยกมือที่ว่างเคา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิมพิลาเอ่ยดักคอขึ้นก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สิธาต้องขมวดคิ้ว“คุณจะรับเด็กไว้เหรอคะ”“ก็ถ้าเป็นลูกผมจริงๆ ก็ต้องรับสิครับ” ตอบเสียงเรียบแล้วจึงก้มลงไปเขียนต่อ“ข้อสอง จนกว่าจะรู้ผล ผมยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับรฐาเดือนละสามแสนบาทตลอดจนกว่าจะคลอด และถ้าผลออกมาว่าใช่ ผมจะจ่ายค่าอยู่ค่ากินให้จนกว่าลูกผมจะอายุครบ20ปี ซึ่งต่อเดือนคุณน่าจะได้ไปเป็นล้าน”“ทำไมต้อง20ปีเหรอคะ” เป็นรฐาที่ถาม“แค่เกริ่นไว้คร่าวๆ น่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” แต่ที่แน่นอนคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาลำบากเป็นอันขาดถ้าผลออกมาว่าใช่นะ“อันที่จริงคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณในอนาคต” เป็นเรื่องดีที่เขารับผิดชอบ หากทว่ารฐานั้นกลัวซะมากกว่าดีใจ “ฉันยังอยากใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติสุขอยู่นะคะ”“ฮึ” สิธาสบถในลำคอก่อนจะเงยหน้าสบตากับรฐา “งั้นคุณจะทำยังไง เอาเด็กออกเหรอ?”“ไม่มีทางค่ะ”“เพราะงั้นผมถึงต้องดูแลรับผิดชอบไง ขืนปล่อยให้คุณอดอยากทำงานหนักเดี๋ยวลูกผมก็ออกมาไม่ปกติกันพอดี”ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ต่อไปนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทายาท
มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายจับโทรศัพท์สิธาต่อสายหารฐาเป็นรอบที่สาม ทว่าเธอไม่เคยรับเลยสักสาย ครั้นจะโผล่เข้าไปหาเธอเองแบบรอบที่แล้วก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ[ฮัลโหลค่ะ]เป็นสายที่สี่เธอถึงรับ[บ้านใหม่คุณอยู่ตรงไหน] สิธาถามทั้งๆ ที่รถจอดอยู่หน้าซอยมาครึ่งชั่วโมงได้[ถามทำไมคะ ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ]ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาจึงยากปฏิเสธ[ผมเข้าไปนะครับ][เปิดรั้วเอารถเข้ามาจอดในบ้านเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เดินไปต้อนรับแบบนั้นหรอกค่ะ]ถึงรฐาจะกล่าวแบบนั้น ทว่าหลังตัดสาย พอขับเข้ามาถึงหน้าบ้านได้ก็เห็นพิมพิลายืนเปิดประตูโบกมือต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้วรฐาไม่ใช่ลูกจ้างแต่เธอใช่ พิมพิลาไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายลงจากรถมาเปิดรั้วเองได้จริงๆ“สวัสดีค่ะท่านรอง” คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนจึงไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่“ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ทำตัวปกติเถอะครับ” สิธายิ้มอ่อนก่อนเดินไปผลักประตูเข้าบ้าน โดยไม่รอให้เธอเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อย“เดินเข้าเป็นบ้านตัวเองเลยแฮะ” พิมพิลาพึมพำเบาๆ รีบก้าวขาเดินตามเขาเข้าไปด้านในรฐาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้เข
ซุปเปอร์มาร์เก็ต…สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่“ดูภาพหรือยัง มีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่เมื่อหญิงสาวทั้งคู่เดินผ่านไป ขณะที่วีระกำลังจะเดินตามก็มีมือปริศนาเขามากระชากฉุดรั้งเขาเอาไว้โดยใช้แขนกันแล้วดันตัวเขาให้ติดกำแพงด้วยความรวดเร็ว“มึงเป็นใคร” ชายชุดสูทท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดตะคอกถามก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปเปิดดูโดยไม่ลดแรงกดให้เบาลงเลยแม้แต้น้อยก่อนหน้านี้ปรมินทร์โดนสายสืบของคุณหญิงจรินทร์แกะลอยตามจนเกือบโดนไล่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ขืนเขาทำพลาดอีกมีหวังตกงานจริงๆ แน่“จะ…ใจเย็นๆ แค่มาซื้อของเฉยๆ ครับ” วีระสั่นกลัว ไม่คิดไม่ฝันว่าแก่จนจะเข้าเลขห้าแล้วยังต้องมาโดนคนหนุ่มรัดคอจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้อีกปรมินทร์เอี้ยวตัวดูสองสาวกับเด็ก เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเลือกของสดอยู่ไม่ไกล เขาถึงหันกลับมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนต่อ“ถ่ายรูปไปทำไม” ถามพลางใช้โทรศัพท์สแกนหน้าอีกฝ่ายแล้วถือวิสาสะเลื่อ
เอี๊ยด!เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว“แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย“เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!”“ครับ?”“ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย”ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ“อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง”เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ“พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม“เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่”“ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอกเ
เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมายังหน้าคอนโด สารถีหนุ่มก็รีบเคลื่อนรถเข้าไปรับเขาในทันที“คุยเรียบร้อยดีไหมครับ”ถามพลางมองกระจกหลังดูสีหน้าผู้เป็นนายไปด้วย“อืม”ชัดเจนว่าไม่ค่อยดีนักอภิชาติจึงชวนคุยเรื่องอื่นพลางขับรถออกจากเขตคอนโด “บ้านคุณรฐาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”“เช็คดีแล้วหรือยัง”“ครับ เช็คสามรอบแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ให้ทางคุณรฐาเซ็นรับก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย”“ดี จัดการให้เรียบร้อยด้วย”“ครับ”หลังจบการสนทนาสิธาก็เอนหลังพิงพนักพลางหันหน้ามองออกไปนอกกระจกวันนี้เขาทำพลาดอีกแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหงุดหงิดใส่รฐาด้วย“นายได้ดูหน้าลูกจริงๆ หรือยังครับ”คำถามนี้ทำเขาชะงักก่อนเสมองไปทางอภิชาติ “ยัง”“อ้าว”“ในรูปกับตัวจริงมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไว้ฉันค่อยดูตอนทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังไม่สาย”อดทนมาได้ตั้งห้าเดือน เขาจะทนต่ออีกสักสองสามเดือนไม่ได้เชียวรึ“แต่ผมว่…” กำลังจะเอ่ยก็โดนขัด“ขับรถไป ฉันจะนอน” กล่าวจบก็รีบปิดเปลือกตาลงหนีการพูดคุยทันที ทำให้สารถีได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปสนใจถนนหนทางเช่นเดิมแควก!!เสียงแกะเทปดังไปทั่วห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังช่วยกันแพ็คของอย่างขมักเขม้น
“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้จริงๆ เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผม” สิธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสบตากับรฐาด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังอะไรดลใจให้เขามีความคิดแบบนี้กันนะหรือว่า?“คุณป่วยเป็นโรคอันตรายเหรอคะ”“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”“ก็เปล่าหรอกค่ะ แต่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแบบคุณจะมีลูกแค่คนเดียวไปทำไมคะ” เป็นเธอคงคิดมีเพิ่มไว้ช่วยกันดูแลกิจการ “มีไว้แบ่งมรดกสักสองสามคนน่าจะกำลังดี”ประโยคนี้รฐาพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวแล้วจึงขยับตัวหลบไม่รู้ว่าพิมพิลาไปขยันมาจากไหนถึงได้ไล่เก็บของเช็ดพื้นอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุด“งั้นคุณก็มาทำเพิ่มให้ผมสิครับ”“…” รฐาหันขวับทันควัน“เคร้ง!!” เสียงพิมพิลาทำช้อนล่วง“สักสองสามคนเป็นไง”ยิ่งประโยคหลังรฐาก็ยิ่งไม่รู้จะตอบอะไรพลางหันไปมองพิมพิลาที่กำลังมือสั่นเก็บของผิดๆ ถูกๆ“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเครียดจริงจังขนาดนั้นก็ได้” สงสัยเขาคงไม่เหมาะกับการเล่นมุก“เหรอคะ” เรียกสติตัวเองกลับมาแล้วจึงปรับสีหน้าใหม่ให้ดูเป็นปกติ“ว่าแต่ วันนี้ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างคะ”“ก็งั้นๆ ผมไม่ได้อยากแต่งงาน”‘ไม่อยากแต่งแล้วไปทำไม’
“คุณสิธา!!”ด้วยความตกใจ รฐารีบก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนใช้มือทั้งสองข้างสางผมให้ดูเรียบร้อย ปัดเนื้อปัดตัว แล้วจึงค่อยๆ แง้มเปิดประตูเห็นหญิงสาวมีสีหน้างุนงงพร้อมปั้นยิ้มแหยๆ ให้เขา สิธาจึงรีบเอ่ยคำทักทาย“สวัสดีครับ”“คะ อะ…อ่อ สวัสดีค่ะ” รฐาพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเขาผู้โผล่มาโดยที่เธอก็ไม่เคยบอกที่อยู่ กับข้าวของในมือที่เขานำมันมาด้วย“อ่อ…ผมได้ยินเพื่อนคุณพูดว่าวันนี้จะชวนกันกินชาบู ผมก็เลยว่าจะเข้ามาขอแจมน่ะครับ” ชายในชุดสูทราคาแพงยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อโชว์ให้ดูว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า “เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ” ดูจากข้าวของในถุงน่าจะหนักพอสมควร รฐาเลยค้อมตัวผายมือให้เขาเข้ามาด้านในด้านพิมพิลาที่กำลังนั่งเอกเขนกไถมือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผู้มาใหม่เธอก็ถึงกับเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งพลางเด้งตัวลุกขึ้นมายืนทำท่าทางสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านาย“สวัสดีค่ะคุณสิธา” ก้มหัวให้พร้อมปรับสีหน้าให้เหมือนตอนอยู่บริษัท แม้ว่าสภาพเธอในตอนนี้จะน่าอาย ทว่าเธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ“ชุดนอนลายเสือดาวเหมาะกับคุณดีนะครับ” สิธาแกล้งแซวเล่นๆ ทำให้อีกฝ่ายเผลอนิ่วหน้าใส่ หากแต่เขาไม่ได
หลังลาออกจากบริษัท รฐาก็ได้เริ่มคิดทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง นั่นก็คือการเปิดรับทำอาหารตามออเดอร์ช่วงแรกๆ รฐารับส่งแค่ภายในคอนโดเท่านั้น พอเริ่มมีฐานลูกค้ามากขึ้นเธอก็เปิดร้านอาหารในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขายผลลัพธ์จากการขายอาหารในช่วงแรกถือว่าดีมาก เป็นช่วงที่รฐาสนุกสุดๆ ที่ได้ทำ ทว่าไม่นานท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจนเทอะทะทำอะไรไม่สะดวก อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านต่อได้จึงได้หยุดไปแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขยันอย่างรฐาคิดล้มเลิกในการหาเงินด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนิยายและมีจินตนาการสูงพอสมควร รฐาจึงได้ริเริ่มการเป็นนักเขียนเขียนไปเขียนมารฐาก็มีผู้ติดตามมากกว่าสามพันคน จากรายได้หลักหน่วยก็กลายเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเมื่อใกล้คลอดรฐาได้นำเงินทั้งหมดที่เธอเก็บรวบรวมจากการทำงานและจากสิธา นำมันไปซื้อบ้านโครงการแถบชานเมืองไว้หนึ่งหลัง อีกทั้งยังซื้อคอนโดเล็กๆ ตรงข้ามกับที่เคยอยู่เพื่อปล่อยเช่าอีกหนึ่งหลังปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี รฐากับลูกชายจึงต้องอาศัยอยู่คอนโดเดิมกับพิมพิลาไปก่อน และเธอเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะพาพิมพิลาไปอยู่บ้านใหม่ด้
“แกอยากให้ฉันพูดไหมฟ้าใสว่าแกกำลังปิดบังอะไรพี่วรรณอยู่” พิมพิลาเอ่ยเสียงกระเซ้า ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็หันไปจ้องจีรณากันอย่างพร้อมเพียง“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คนเขากำลังอยากรู้ว่าอีนี่มันได้กับพี่ทศหรือยัง” ว่าพร้อมชี้ไปที่รฐาจึงโดนทศกัณฐ์ที่อยู่ใกล้ใช้มือปัดแขนนางทิ้งทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอรวรรณเธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีก เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนพอสำหรับเธอแล้ว“อย่าพึ่งไป รอก่อน เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจ” เห็นอรวรรณเตรียมจะเดินหนีทศกัณฐ์จึงคว้าแขนจับมือของเธอเอาไว้“จริงสิ วันนั้นฟ้าใสเข้าไปทำอะไรในห้องคุณสิธาเหรอ” อยู่ๆ รฐาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม“วันไหนล่ะ ก็พยายามเข้าไปหาอยู่ทุกวันนั่นแหละ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเอาฉันไปทำเลขาแทนเธอ”“ช่างกล้าพูดเนาะ” หันไปทางอรวรรณ “พี่เคยได้รับจดหมายหรือช่อดอกไม้บ้างไหม”อรวรรณทำหน้างง “ไม่นะพิม ทำไมเหรอ”“ก็จะทำไมล่ะ มีคนแถวนี้แอบเอาไปน่ะซี้ โคตรแย่เลยเนอะ” แม้พิมพิลาจะไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใคร ทว่าสายตาของเธอที่จดจ้องไปยังจีรณาก็สามารถเป็นคำตอบสำหรับความสงสัยนี้ได้ในตอนแรกเธอเองก็คิดแบบคนอื่นอยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ รฐากับทศกัณฐ์ทำตัวสนิทสนมกัน แต่ด้วย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิมพิลาเอ่ยดักคอขึ้นก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สิธาต้องขมวดคิ้ว“คุณจะรับเด็กไว้เหรอคะ”“ก็ถ้าเป็นลูกผมจริงๆ ก็ต้องรับสิครับ” ตอบเสียงเรียบแล้วจึงก้มลงไปเขียนต่อ“ข้อสอง จนกว่าจะรู้ผล ผมยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับรฐาเดือนละสามแสนบาทตลอดจนกว่าจะคลอด และถ้าผลออกมาว่าใช่ ผมจะจ่ายค่าอยู่ค่ากินให้จนกว่าลูกผมจะอายุครบ20ปี ซึ่งต่อเดือนคุณน่าจะได้ไปเป็นล้าน”“ทำไมต้อง20ปีเหรอคะ” เป็นรฐาที่ถาม“แค่เกริ่นไว้คร่าวๆ น่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” แต่ที่แน่นอนคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาลำบากเป็นอันขาดถ้าผลออกมาว่าใช่นะ“อันที่จริงคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณในอนาคต” เป็นเรื่องดีที่เขารับผิดชอบ หากทว่ารฐานั้นกลัวซะมากกว่าดีใจ “ฉันยังอยากใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติสุขอยู่นะคะ”“ฮึ” สิธาสบถในลำคอก่อนจะเงยหน้าสบตากับรฐา “งั้นคุณจะทำยังไง เอาเด็กออกเหรอ?”“ไม่มีทางค่ะ”“เพราะงั้นผมถึงต้องดูแลรับผิดชอบไง ขืนปล่อยให้คุณอดอยากทำงานหนักเดี๋ยวลูกผมก็ออกมาไม่ปกติกันพอดี”ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ต่อไปนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทายาท