รฐาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนประชันหน้า “เจ๊เตรียมเสียเงินได้เลย”
ห้องน้ำ… “ยังไงจ๊ะ นานไปแล้วนะชะนี ” เจ๊ออยตะโกนถามพลางเคาะประตูไปด้วย ที่ตรวจครรภ์ที่เขานำมาความจริงเป็นของหลานสาว ซื้อให้หลานเพื่อประกอบการศึกษาในห้องเรียน ไม่ได้คิดจะเอามาใช้จริง หากแต่เขาสงสัยในตัวรฐาเอามากๆ เลยอยากลองให้อีกฝ่ายตรวจดูสักหน่อย ชักหวั่นใจว่านางคนนี้จะท้องจริงซะแล้วสิ “แป๊บนึงเจ๊” ตะโกนตอบเสียงสั่นๆ รฐาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ยาคุมเธอก็กินนี่นาแม้จะช้าไปนิดหน่อยก็เถอะ ก๊อกๆ “นี่! ออกมาเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมซะก่อน ร้อนขนาดนี้จะไปหมกตัวอยู่ในนั้นทำไม” เจ๊ออยยังคงเคาะประตูเรียกให้รฐาออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็หยุดมือลง เหตุเพราะมีคนออกมาจากห้องน้ำห้องข้างๆ แกร๊ก “ฉันทนฟังมานานแล้ว สรุปมันยังไงเหรอ” รฐาหน้าซีดเผือดขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้มาใหม่ “พิม” “ทำไมแกต้องตรวจครรภ์ แกไปมีอะไรกับใครตอนไหนทำไมฉันถึงไม่รู้” รฐาฟังออกถึงความไม่พอใจในน้ำเสียง แม้ไม่ได้เห็นหน้าก็คาดเดาได้ว่าคงกำลังขมวดคิ้วหน้าบึ้งรอเธออยู่แน่ๆ “คะ…คือว่า” “อย่าพึ่งพูดเลย เอาผลตรวจออกมาให้ดูก่อน” คราวนี้พิมพิลาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง แอบน้อยใจนิดๆ ที่รฐามีเรื่องปิดบัง ผ่านไปสามนาที รฐาก็เปิดประตูออกมาโดยมีคนยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำถึงสองคน “กว่าจะออกมาได้ ฉันนี่เกร็งไปหมด” “ปวดขี้เหรอเจ๊” “ขี้บ้านแกสิ ไหนเอามาดูสิ” ว่าพร้อมแบมือขอผลตรวจจากรฐา หากแต่เธอมัวกระมิดกระเมี้ยนไม่ยอมส่งให้สักที พิมพิลาจึงต้องเอื้อมไปจับแขนของรฐาเอาไว้ แล้วจึงแงะมือเอาที่ตรวจออกมาดู เท่านั้นแหละ ทั้งคู่แทบอ้าปากค้าง “ยัยฐา” เสียงตกใจของเจ๊ออย “ไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร” เสียงของพิมพิลา รฐาชวนทั้งสองลงไปนั่งที่คาเฟ่ชั้นแรก กว่าพิมพิลาจะสงบสติอารมณ์ได้ก็ผ่านไปนานกว่า5นาที แม้รฐาไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ แต่มันดันมาถึงขั้นนี้แล้ว รฐาจึงตัดสินใจเล่าให้คนทั้งคู่ฟังผ่านทางแชตกลุ่ม เธอไม่อยากเอ่ยเรื่องทั้งหมดออกมาเพราะกลัวจะมีคนนอกแอบได้ยินเข้าจึงตั้งกลุ่มแล้วพิมพ์เอาแทน ออยไงที่สวยๆ อ่ะ: บอกทีว่าไม่ใช่เรื่องจริง Pim pi: อยากจะบ้าตาย รฐา ฐา: เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากบอกและฉันก็ไม่อยากเอาเด็กออกด้วย ยิ่งเห็นพิมพิลาทำหน้าเครียดรฐาก็ยิ่งใจคอไม่ดี “ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกอะไรแกเลย” พูดจริงจากใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา รฐาไม่เคยมีเรื่องปิดบังพิมพิลาเลยสักครั้ง อีกฝ่ายก็เช่นกัน “ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ” ถ้าวันนั้นเธอเข้าไปด้วย วันนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พิมพิลากับรฐาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม รฐาโดนไล่ออกจากบ้านเพราะแม่เห็นผู้ชายดีกว่าลูก ส่วนพิมพิลาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด ทั้งคู่เจอกันในวันที่รฐาโดนไล่ออกพอดี พิมพาลาจึงชวนรฐาให้มาอยู่ด้วย และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันสองคนมาโดยตลอด “แล้วแกจะทำยังไงต่อไป” จับมือรฐามากุมไว้พร้อมถามด้วยความเป็นห่วง “ฉันเองก็ไม่รู้” “แต่ฉันว่าหล่อนต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน” เป็นเจ๊ออยที่โพล่งออกมาท่ามกลางความสับสน “มัวถามกันอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก” “มันก็จริง ฉันเห็นด้วยกับเจ๊ออยนะ” แต่เธอไม่เห็นด้วย “ฉันว่าเราอย่าไปรบกวนเขาเลยดีกว่า” “ได้ไงล่ะ! นั่นคนทำเชียวนะฐา เด็กคนนึงกว่าจะโตใช้เงินเยอะมากนะ ลำพังเงินเดือนแกคนเดียวมันจะไปพอยาไส้อะไร” มันก็ถูกอย่างที่พิมพิลาบอก แต่นั่นมันก่อนที่เธอจะได้เงินเดือนสามเท่าน่ะสิ ในตอนนี้เพียงแค่ทำงานให้ได้จนกว่าจะคลอด เธอคงมีเงินเก็บมากมายเป็นกอบเป็นกำ มากพอที่จะสร้างธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเองได้ “ฉันมีเงินอยู่” “มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกที่น่าเป็นห่วง แกอย่าลืมสิว่าเขาเป็นใคร ถ้าวันนึงเขาอยากได้ลูกแกขึ้นมา มีหรือจะทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น แกควรไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ถ้าเขาไม่รับก็แค่ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต” เคร้ง! ในขณะที่ทั้งสามกำลังซีเรียสกับเรื่องของรฐา อยู่ดีๆ ผู้หญิงกับพนักงานที่อยู่โต๊ะข้างๆ ก็ทำน้ำหก ทั้งสามจึงหยุดมองเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกันต่อทำให้ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบเงี่ยหูฟังอยู่ใกล้ๆ "เกือบรู้ตัวแล้วมั้ยล่ะ ยัยพนักงานซื่อบื้อเอ้ย!"จีรณาพยายามเงี่ยหูฟังอย่างสุดความสามารถ ต่อให้คนทั้งสามจะกระซิบกระซาบกันสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางพ้นหูอันดีเลิศประเสริฐศรีของเธอไปได้หรอก“ท้องอย่างนั้นเหรอ” จีรณาผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะใช้มือซ้ายหยิบน้ำปั่นขึ้นมาดูดพร้อมกับใช้มือขวาพิมพ์ข้อความในกลุ่มแชต และหลังจากที่เธอพิมพ์สาระสำคัญส่งไปทุกคนในกลุ่มต่างก็แตกตื่นแน่นอนว่าเธอใส่สีตีไข่เพิ่มเผื่ออรรถรสในการเล่ายาดา:เห็นเงียบๆ ที่ไหนได้แอบแซ่บอยู่น้าาาGr gr:ใช่ป่ะ ฉันนั่งฟังยังตกใจเลยผู้ชายคนนั้นต้องเป็นใครสักคนในบริษัทเรานี่แหละ ช่วงนี้เห็นใครอยู่กับมันบ่อยๆ บ้างป่ะริริ ริสา: ก็เห็นจะมีแค่พี่ทศอ่ะที่ชอบไปยืนคุยกับมันยาดา: มีซัมติงแน่ๆ เมื่อเช้าฉันก็เห็นซื้อกาแฟให้กันด้วยนะ ปกติพี่ทศเคยทักทายใครซะที่ไหนGr gr:ไปถามกันเถอะ เผื่อจะโป๊ะแตกได้ข้อมูลออกมาบ้างริริ ริสา:พี่ทศกำลังนั่งอยู่กับพี่วรรณพอดี รีบมาด้านรฐาที่โดนกระหน่ำจากพิมพิลาและเจ๊ออย ทำให้ตอนนี้เธอต้องมายืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานของคุณสิธา พร้อมกับผลตรวจและสัญญาที่พึ่งจะเขียนขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ“ไม่ต้องกลัว ฉันจะเข้าไปเป็นเพื่อนแกเอง” พิมพิลาจับมือรฐาแน่นพร้อมยกมือที่ว่างเคา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิมพิลาเอ่ยดักคอขึ้นก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สิธาต้องขมวดคิ้ว“คุณจะรับเด็กไว้เหรอคะ”“ก็ถ้าเป็นลูกผมจริงๆ ก็ต้องรับสิครับ” ตอบเสียงเรียบแล้วจึงก้มลงไปเขียนต่อ“ข้อสอง จนกว่าจะรู้ผล ผมยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับรฐาเดือนละสามแสนบาทตลอดจนกว่าจะคลอด และถ้าผลออกมาว่าใช่ ผมจะจ่ายค่าอยู่ค่ากินให้จนกว่าลูกผมจะอายุครบ20ปี ซึ่งต่อเดือนคุณน่าจะได้ไปเป็นล้าน”“ทำไมต้อง20ปีเหรอคะ” เป็นรฐาที่ถาม“แค่เกริ่นไว้คร่าวๆ น่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” แต่ที่แน่นอนคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาลำบากเป็นอันขาดถ้าผลออกมาว่าใช่นะ“อันที่จริงคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณในอนาคต” เป็นเรื่องดีที่เขารับผิดชอบ หากทว่ารฐานั้นกลัวซะมากกว่าดีใจ “ฉันยังอยากใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติสุขอยู่นะคะ”“ฮึ” สิธาสบถในลำคอก่อนจะเงยหน้าสบตากับรฐา “งั้นคุณจะทำยังไง เอาเด็กออกเหรอ?”“ไม่มีทางค่ะ”“เพราะงั้นผมถึงต้องดูแลรับผิดชอบไง ขืนปล่อยให้คุณอดอยากทำงานหนักเดี๋ยวลูกผมก็ออกมาไม่ปกติกันพอดี”ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ต่อไปนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทายาท
“แกอยากให้ฉันพูดไหมฟ้าใสว่าแกกำลังปิดบังอะไรพี่วรรณอยู่” พิมพิลาเอ่ยเสียงกระเซ้า ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็หันไปจ้องจีรณากันอย่างพร้อมเพียง“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คนเขากำลังอยากรู้ว่าอีนี่มันได้กับพี่ทศหรือยัง” ว่าพร้อมชี้ไปที่รฐาจึงโดนทศกัณฐ์ที่อยู่ใกล้ใช้มือปัดแขนนางทิ้งทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอรวรรณเธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีก เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนพอสำหรับเธอแล้ว“อย่าพึ่งไป รอก่อน เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจ” เห็นอรวรรณเตรียมจะเดินหนีทศกัณฐ์จึงคว้าแขนจับมือของเธอเอาไว้“จริงสิ วันนั้นฟ้าใสเข้าไปทำอะไรในห้องคุณสิธาเหรอ” อยู่ๆ รฐาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม“วันไหนล่ะ ก็พยายามเข้าไปหาอยู่ทุกวันนั่นแหละ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเอาฉันไปทำเลขาแทนเธอ”“ช่างกล้าพูดเนาะ” หันไปทางอรวรรณ “พี่เคยได้รับจดหมายหรือช่อดอกไม้บ้างไหม”อรวรรณทำหน้างง “ไม่นะพิม ทำไมเหรอ”“ก็จะทำไมล่ะ มีคนแถวนี้แอบเอาไปน่ะซี้ โคตรแย่เลยเนอะ” แม้พิมพิลาจะไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใคร ทว่าสายตาของเธอที่จดจ้องไปยังจีรณาก็สามารถเป็นคำตอบสำหรับความสงสัยนี้ได้ในตอนแรกเธอเองก็คิดแบบคนอื่นอยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ รฐากับทศกัณฐ์ทำตัวสนิทสนมกัน แต่ด้วย
หลังลาออกจากบริษัท รฐาก็ได้เริ่มคิดทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง นั่นก็คือการเปิดรับทำอาหารตามออเดอร์ช่วงแรกๆ รฐารับส่งแค่ภายในคอนโดเท่านั้น พอเริ่มมีฐานลูกค้ามากขึ้นเธอก็เปิดร้านอาหารในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขายผลลัพธ์จากการขายอาหารในช่วงแรกถือว่าดีมาก เป็นช่วงที่รฐาสนุกสุดๆ ที่ได้ทำ ทว่าไม่นานท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจนเทอะทะทำอะไรไม่สะดวก อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านต่อได้จึงได้หยุดไปแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขยันอย่างรฐาคิดล้มเลิกในการหาเงินด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนิยายและมีจินตนาการสูงพอสมควร รฐาจึงได้ริเริ่มการเป็นนักเขียนเขียนไปเขียนมารฐาก็มีผู้ติดตามมากกว่าสามพันคน จากรายได้หลักหน่วยก็กลายเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเมื่อใกล้คลอดรฐาได้นำเงินทั้งหมดที่เธอเก็บรวบรวมจากการทำงานและจากสิธา นำมันไปซื้อบ้านโครงการแถบชานเมืองไว้หนึ่งหลัง อีกทั้งยังซื้อคอนโดเล็กๆ ตรงข้ามกับที่เคยอยู่เพื่อปล่อยเช่าอีกหนึ่งหลังปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี รฐากับลูกชายจึงต้องอาศัยอยู่คอนโดเดิมกับพิมพิลาไปก่อน และเธอเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะพาพิมพิลาไปอยู่บ้านใหม่ด้
“คุณสิธา!!”ด้วยความตกใจ รฐารีบก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนใช้มือทั้งสองข้างสางผมให้ดูเรียบร้อย ปัดเนื้อปัดตัว แล้วจึงค่อยๆ แง้มเปิดประตูเห็นหญิงสาวมีสีหน้างุนงงพร้อมปั้นยิ้มแหยๆ ให้เขา สิธาจึงรีบเอ่ยคำทักทาย“สวัสดีครับ”“คะ อะ…อ่อ สวัสดีค่ะ” รฐาพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเขาผู้โผล่มาโดยที่เธอก็ไม่เคยบอกที่อยู่ กับข้าวของในมือที่เขานำมันมาด้วย“อ่อ…ผมได้ยินเพื่อนคุณพูดว่าวันนี้จะชวนกันกินชาบู ผมก็เลยว่าจะเข้ามาขอแจมน่ะครับ” ชายในชุดสูทราคาแพงยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อโชว์ให้ดูว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า “เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ” ดูจากข้าวของในถุงน่าจะหนักพอสมควร รฐาเลยค้อมตัวผายมือให้เขาเข้ามาด้านในด้านพิมพิลาที่กำลังนั่งเอกเขนกไถมือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผู้มาใหม่เธอก็ถึงกับเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งพลางเด้งตัวลุกขึ้นมายืนทำท่าทางสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านาย“สวัสดีค่ะคุณสิธา” ก้มหัวให้พร้อมปรับสีหน้าให้เหมือนตอนอยู่บริษัท แม้ว่าสภาพเธอในตอนนี้จะน่าอาย ทว่าเธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ“ชุดนอนลายเสือดาวเหมาะกับคุณดีนะครับ” สิธาแกล้งแซวเล่นๆ ทำให้อีกฝ่ายเผลอนิ่วหน้าใส่ หากแต่เขาไม่ได
“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้จริงๆ เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผม” สิธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสบตากับรฐาด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังอะไรดลใจให้เขามีความคิดแบบนี้กันนะหรือว่า?“คุณป่วยเป็นโรคอันตรายเหรอคะ”“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”“ก็เปล่าหรอกค่ะ แต่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแบบคุณจะมีลูกแค่คนเดียวไปทำไมคะ” เป็นเธอคงคิดมีเพิ่มไว้ช่วยกันดูแลกิจการ “มีไว้แบ่งมรดกสักสองสามคนน่าจะกำลังดี”ประโยคนี้รฐาพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวแล้วจึงขยับตัวหลบไม่รู้ว่าพิมพิลาไปขยันมาจากไหนถึงได้ไล่เก็บของเช็ดพื้นอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุด“งั้นคุณก็มาทำเพิ่มให้ผมสิครับ”“…” รฐาหันขวับทันควัน“เคร้ง!!” เสียงพิมพิลาทำช้อนล่วง“สักสองสามคนเป็นไง”ยิ่งประโยคหลังรฐาก็ยิ่งไม่รู้จะตอบอะไรพลางหันไปมองพิมพิลาที่กำลังมือสั่นเก็บของผิดๆ ถูกๆ“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเครียดจริงจังขนาดนั้นก็ได้” สงสัยเขาคงไม่เหมาะกับการเล่นมุก“เหรอคะ” เรียกสติตัวเองกลับมาแล้วจึงปรับสีหน้าใหม่ให้ดูเป็นปกติ“ว่าแต่ วันนี้ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างคะ”“ก็งั้นๆ ผมไม่ได้อยากแต่งงาน”‘ไม่อยากแต่งแล้วไปทำไม’
เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมายังหน้าคอนโด สารถีหนุ่มก็รีบเคลื่อนรถเข้าไปรับเขาในทันที“คุยเรียบร้อยดีไหมครับ”ถามพลางมองกระจกหลังดูสีหน้าผู้เป็นนายไปด้วย“อืม”ชัดเจนว่าไม่ค่อยดีนักอภิชาติจึงชวนคุยเรื่องอื่นพลางขับรถออกจากเขตคอนโด “บ้านคุณรฐาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”“เช็คดีแล้วหรือยัง”“ครับ เช็คสามรอบแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ให้ทางคุณรฐาเซ็นรับก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย”“ดี จัดการให้เรียบร้อยด้วย”“ครับ”หลังจบการสนทนาสิธาก็เอนหลังพิงพนักพลางหันหน้ามองออกไปนอกกระจกวันนี้เขาทำพลาดอีกแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหงุดหงิดใส่รฐาด้วย“นายได้ดูหน้าลูกจริงๆ หรือยังครับ”คำถามนี้ทำเขาชะงักก่อนเสมองไปทางอภิชาติ “ยัง”“อ้าว”“ในรูปกับตัวจริงมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไว้ฉันค่อยดูตอนทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังไม่สาย”อดทนมาได้ตั้งห้าเดือน เขาจะทนต่ออีกสักสองสามเดือนไม่ได้เชียวรึ“แต่ผมว่…” กำลังจะเอ่ยก็โดนขัด“ขับรถไป ฉันจะนอน” กล่าวจบก็รีบปิดเปลือกตาลงหนีการพูดคุยทันที ทำให้สารถีได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปสนใจถนนหนทางเช่นเดิมแควก!!เสียงแกะเทปดังไปทั่วห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังช่วยกันแพ็คของอย่างขมักเขม้น
เอี๊ยด!เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว“แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย“เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!”“ครับ?”“ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย”ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ“อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง”เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ“พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม“เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่”“ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอกเ
มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายจับโทรศัพท์สิธาต่อสายหารฐาเป็นรอบที่สาม ทว่าเธอไม่เคยรับเลยสักสาย ครั้นจะโผล่เข้าไปหาเธอเองแบบรอบที่แล้วก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ[ฮัลโหลค่ะ]เป็นสายที่สี่เธอถึงรับ[บ้านใหม่คุณอยู่ตรงไหน] สิธาถามทั้งๆ ที่รถจอดอยู่หน้าซอยมาครึ่งชั่วโมงได้[ถามทำไมคะ ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แล้วหรอกเหรอ]ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาจึงยากปฏิเสธ[ผมเข้าไปนะครับ][เปิดรั้วเอารถเข้ามาจอดในบ้านเองนะคะ ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เดินไปต้อนรับแบบนั้นหรอกค่ะ]ถึงรฐาจะกล่าวแบบนั้น ทว่าหลังตัดสาย พอขับเข้ามาถึงหน้าบ้านได้ก็เห็นพิมพิลายืนเปิดประตูโบกมือต้อนรับเขาอยู่ก่อนแล้วรฐาไม่ใช่ลูกจ้างแต่เธอใช่ พิมพิลาไม่สามารถปล่อยให้เจ้านายลงจากรถมาเปิดรั้วเองได้จริงๆ“สวัสดีค่ะท่านรอง” คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนจึงไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่“ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ทำตัวปกติเถอะครับ” สิธายิ้มอ่อนก่อนเดินไปผลักประตูเข้าบ้าน โดยไม่รอให้เธอเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อย“เดินเข้าเป็นบ้านตัวเองเลยแฮะ” พิมพิลาพึมพำเบาๆ รีบก้าวขาเดินตามเขาเข้าไปด้านในรฐาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้เข
ซุปเปอร์มาร์เก็ต…สองสาวต่างช่วยกันเลือกซื้อของสดและผลไม้ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังแอบถ่ายภาพของคนทั้งคู่อยู่“ดูภาพหรือยัง มีบางอย่างแปลกๆ” ชายปริศนาต่อสายหาใครอีกคนก่อนรายงานสิ่งที่ตนได้รู้แล้วจึงรีบมุดหลบสายตาของพิมพิลาที่กำลังเดินมาทางที่เขาอยู่เมื่อหญิงสาวทั้งคู่เดินผ่านไป ขณะที่วีระกำลังจะเดินตามก็มีมือปริศนาเขามากระชากฉุดรั้งเขาเอาไว้โดยใช้แขนกันแล้วดันตัวเขาให้ติดกำแพงด้วยความรวดเร็ว“มึงเป็นใคร” ชายชุดสูทท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดตะคอกถามก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปเปิดดูโดยไม่ลดแรงกดให้เบาลงเลยแม้แต้น้อยก่อนหน้านี้ปรมินทร์โดนสายสืบของคุณหญิงจรินทร์แกะลอยตามจนเกือบโดนไล่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ขืนเขาทำพลาดอีกมีหวังตกงานจริงๆ แน่“จะ…ใจเย็นๆ แค่มาซื้อของเฉยๆ ครับ” วีระสั่นกลัว ไม่คิดไม่ฝันว่าแก่จนจะเข้าเลขห้าแล้วยังต้องมาโดนคนหนุ่มรัดคอจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้อีกปรมินทร์เอี้ยวตัวดูสองสาวกับเด็ก เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเลือกของสดอยู่ไม่ไกล เขาถึงหันกลับมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนต่อ“ถ่ายรูปไปทำไม” ถามพลางใช้โทรศัพท์สแกนหน้าอีกฝ่ายแล้วถือวิสาสะเลื่อ
เอี๊ยด!เสียงรถจอดได้ไม่นาน ชายชุดสูทราคาแพงก็ก้าวขาลงมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เข้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิธาได้ทราบข่าวจากอภิชาติว่ามารดาของตนได้เข้าไปหารฐาถึงที่คอนโด เขาจึงต้องรีบมาอธิบายให้มารดาฟังว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไรกันแน่และพอเขาก้าวขาถึงห้องรับแขกก็พบมารดาที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว“แม่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า”เปิดฉากมาเขาก็พูดถึงคนอื่นก่อน ทำให้จรินทร์นึกน้อยใจที่ลูกชายมองเธอเหมือนนางมารร้าย“เธอไหน แม่เลขาแกน่ะเลอะ!”“ครับ?”“ฉันก็แค่ไปตักเตือนเฉยๆ ไม่ได้จะไปทำร้ายหรือขัดขวางอะไรสักหน่อย”ตักเตือน? แค่นั้นเองเหรอ ทั้งๆ ที่เขาซุกลูกไว้อ่ะนะ“อย่าให้มันมากไปล่ะ ถ้าแกทำเรื่องงามหน้าให้ฉันได้ยิน ฉันนี่แหละที่จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นๆ ด้วยน้ำมือของฉันเอง”เหมือนมีบางอย่างที่ผิดไปนิดหน่อย แม่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ“พิมเป็นเลขาผม” หยั่งเชิงถาม“เพราะเป็นเลขาแก ฉันถึงได้ให้แกเป็นคนจัดการ อย่าลืมล่ะว่าวันนี้มีนัดดูตัวกับรานีเขา ครั้งนี้แกต้องทำให้ดี ฉันยังต้องการลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับแกอยู่”“ครับ” ตอบพลางระบายลมหายใจเล็กๆ อย่างโล่งอกเ
เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมายังหน้าคอนโด สารถีหนุ่มก็รีบเคลื่อนรถเข้าไปรับเขาในทันที“คุยเรียบร้อยดีไหมครับ”ถามพลางมองกระจกหลังดูสีหน้าผู้เป็นนายไปด้วย“อืม”ชัดเจนว่าไม่ค่อยดีนักอภิชาติจึงชวนคุยเรื่องอื่นพลางขับรถออกจากเขตคอนโด “บ้านคุณรฐาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”“เช็คดีแล้วหรือยัง”“ครับ เช็คสามรอบแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ให้ทางคุณรฐาเซ็นรับก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย”“ดี จัดการให้เรียบร้อยด้วย”“ครับ”หลังจบการสนทนาสิธาก็เอนหลังพิงพนักพลางหันหน้ามองออกไปนอกกระจกวันนี้เขาทำพลาดอีกแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหงุดหงิดใส่รฐาด้วย“นายได้ดูหน้าลูกจริงๆ หรือยังครับ”คำถามนี้ทำเขาชะงักก่อนเสมองไปทางอภิชาติ “ยัง”“อ้าว”“ในรูปกับตัวจริงมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไว้ฉันค่อยดูตอนทุกอย่างพร้อมแล้วก็ยังไม่สาย”อดทนมาได้ตั้งห้าเดือน เขาจะทนต่ออีกสักสองสามเดือนไม่ได้เชียวรึ“แต่ผมว่…” กำลังจะเอ่ยก็โดนขัด“ขับรถไป ฉันจะนอน” กล่าวจบก็รีบปิดเปลือกตาลงหนีการพูดคุยทันที ทำให้สารถีได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปสนใจถนนหนทางเช่นเดิมแควก!!เสียงแกะเทปดังไปทั่วห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังช่วยกันแพ็คของอย่างขมักเขม้น
“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถปล่อยเขาไปได้จริงๆ เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผม” สิธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสบตากับรฐาด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังอะไรดลใจให้เขามีความคิดแบบนี้กันนะหรือว่า?“คุณป่วยเป็นโรคอันตรายเหรอคะ”“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”“ก็เปล่าหรอกค่ะ แต่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแบบคุณจะมีลูกแค่คนเดียวไปทำไมคะ” เป็นเธอคงคิดมีเพิ่มไว้ช่วยกันดูแลกิจการ “มีไว้แบ่งมรดกสักสองสามคนน่าจะกำลังดี”ประโยคนี้รฐาพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวแล้วจึงขยับตัวหลบไม่รู้ว่าพิมพิลาไปขยันมาจากไหนถึงได้ไล่เก็บของเช็ดพื้นอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุด“งั้นคุณก็มาทำเพิ่มให้ผมสิครับ”“…” รฐาหันขวับทันควัน“เคร้ง!!” เสียงพิมพิลาทำช้อนล่วง“สักสองสามคนเป็นไง”ยิ่งประโยคหลังรฐาก็ยิ่งไม่รู้จะตอบอะไรพลางหันไปมองพิมพิลาที่กำลังมือสั่นเก็บของผิดๆ ถูกๆ“ผมล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเครียดจริงจังขนาดนั้นก็ได้” สงสัยเขาคงไม่เหมาะกับการเล่นมุก“เหรอคะ” เรียกสติตัวเองกลับมาแล้วจึงปรับสีหน้าใหม่ให้ดูเป็นปกติ“ว่าแต่ วันนี้ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างคะ”“ก็งั้นๆ ผมไม่ได้อยากแต่งงาน”‘ไม่อยากแต่งแล้วไปทำไม’
“คุณสิธา!!”ด้วยความตกใจ รฐารีบก้มมองดูสภาพตัวเองก่อนใช้มือทั้งสองข้างสางผมให้ดูเรียบร้อย ปัดเนื้อปัดตัว แล้วจึงค่อยๆ แง้มเปิดประตูเห็นหญิงสาวมีสีหน้างุนงงพร้อมปั้นยิ้มแหยๆ ให้เขา สิธาจึงรีบเอ่ยคำทักทาย“สวัสดีครับ”“คะ อะ…อ่อ สวัสดีค่ะ” รฐาพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเขาผู้โผล่มาโดยที่เธอก็ไม่เคยบอกที่อยู่ กับข้าวของในมือที่เขานำมันมาด้วย“อ่อ…ผมได้ยินเพื่อนคุณพูดว่าวันนี้จะชวนกันกินชาบู ผมก็เลยว่าจะเข้ามาขอแจมน่ะครับ” ชายในชุดสูทราคาแพงยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อโชว์ให้ดูว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า “เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ” ดูจากข้าวของในถุงน่าจะหนักพอสมควร รฐาเลยค้อมตัวผายมือให้เขาเข้ามาด้านในด้านพิมพิลาที่กำลังนั่งเอกเขนกไถมือถืออยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผู้มาใหม่เธอก็ถึงกับเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งพลางเด้งตัวลุกขึ้นมายืนทำท่าทางสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านาย“สวัสดีค่ะคุณสิธา” ก้มหัวให้พร้อมปรับสีหน้าให้เหมือนตอนอยู่บริษัท แม้ว่าสภาพเธอในตอนนี้จะน่าอาย ทว่าเธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ“ชุดนอนลายเสือดาวเหมาะกับคุณดีนะครับ” สิธาแกล้งแซวเล่นๆ ทำให้อีกฝ่ายเผลอนิ่วหน้าใส่ หากแต่เขาไม่ได
หลังลาออกจากบริษัท รฐาก็ได้เริ่มคิดทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง นั่นก็คือการเปิดรับทำอาหารตามออเดอร์ช่วงแรกๆ รฐารับส่งแค่ภายในคอนโดเท่านั้น พอเริ่มมีฐานลูกค้ามากขึ้นเธอก็เปิดร้านอาหารในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารเพื่อเพิ่มยอดขายผลลัพธ์จากการขายอาหารในช่วงแรกถือว่าดีมาก เป็นช่วงที่รฐาสนุกสุดๆ ที่ได้ทำ ทว่าไม่นานท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นจนเทอะทะทำอะไรไม่สะดวก อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านต่อได้จึงได้หยุดไปแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขยันอย่างรฐาคิดล้มเลิกในการหาเงินด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านนิยายและมีจินตนาการสูงพอสมควร รฐาจึงได้ริเริ่มการเป็นนักเขียนเขียนไปเขียนมารฐาก็มีผู้ติดตามมากกว่าสามพันคน จากรายได้หลักหน่วยก็กลายเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเมื่อใกล้คลอดรฐาได้นำเงินทั้งหมดที่เธอเก็บรวบรวมจากการทำงานและจากสิธา นำมันไปซื้อบ้านโครงการแถบชานเมืองไว้หนึ่งหลัง อีกทั้งยังซื้อคอนโดเล็กๆ ตรงข้ามกับที่เคยอยู่เพื่อปล่อยเช่าอีกหนึ่งหลังปัจจุบันบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี รฐากับลูกชายจึงต้องอาศัยอยู่คอนโดเดิมกับพิมพิลาไปก่อน และเธอเองก็ได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะพาพิมพิลาไปอยู่บ้านใหม่ด้
“แกอยากให้ฉันพูดไหมฟ้าใสว่าแกกำลังปิดบังอะไรพี่วรรณอยู่” พิมพิลาเอ่ยเสียงกระเซ้า ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็หันไปจ้องจีรณากันอย่างพร้อมเพียง“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คนเขากำลังอยากรู้ว่าอีนี่มันได้กับพี่ทศหรือยัง” ว่าพร้อมชี้ไปที่รฐาจึงโดนทศกัณฐ์ที่อยู่ใกล้ใช้มือปัดแขนนางทิ้งทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอรวรรณเธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีก เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนพอสำหรับเธอแล้ว“อย่าพึ่งไป รอก่อน เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจ” เห็นอรวรรณเตรียมจะเดินหนีทศกัณฐ์จึงคว้าแขนจับมือของเธอเอาไว้“จริงสิ วันนั้นฟ้าใสเข้าไปทำอะไรในห้องคุณสิธาเหรอ” อยู่ๆ รฐาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม“วันไหนล่ะ ก็พยายามเข้าไปหาอยู่ทุกวันนั่นแหละ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเอาฉันไปทำเลขาแทนเธอ”“ช่างกล้าพูดเนาะ” หันไปทางอรวรรณ “พี่เคยได้รับจดหมายหรือช่อดอกไม้บ้างไหม”อรวรรณทำหน้างง “ไม่นะพิม ทำไมเหรอ”“ก็จะทำไมล่ะ มีคนแถวนี้แอบเอาไปน่ะซี้ โคตรแย่เลยเนอะ” แม้พิมพิลาจะไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใคร ทว่าสายตาของเธอที่จดจ้องไปยังจีรณาก็สามารถเป็นคำตอบสำหรับความสงสัยนี้ได้ในตอนแรกเธอเองก็คิดแบบคนอื่นอยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ รฐากับทศกัณฐ์ทำตัวสนิทสนมกัน แต่ด้วย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” พิมพิลาเอ่ยดักคอขึ้นก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สิธาต้องขมวดคิ้ว“คุณจะรับเด็กไว้เหรอคะ”“ก็ถ้าเป็นลูกผมจริงๆ ก็ต้องรับสิครับ” ตอบเสียงเรียบแล้วจึงก้มลงไปเขียนต่อ“ข้อสอง จนกว่าจะรู้ผล ผมยินดีจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับรฐาเดือนละสามแสนบาทตลอดจนกว่าจะคลอด และถ้าผลออกมาว่าใช่ ผมจะจ่ายค่าอยู่ค่ากินให้จนกว่าลูกผมจะอายุครบ20ปี ซึ่งต่อเดือนคุณน่าจะได้ไปเป็นล้าน”“ทำไมต้อง20ปีเหรอคะ” เป็นรฐาที่ถาม“แค่เกริ่นไว้คร่าวๆ น่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” แต่ที่แน่นอนคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาลำบากเป็นอันขาดถ้าผลออกมาว่าใช่นะ“อันที่จริงคุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณในอนาคต” เป็นเรื่องดีที่เขารับผิดชอบ หากทว่ารฐานั้นกลัวซะมากกว่าดีใจ “ฉันยังอยากใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติสุขอยู่นะคะ”“ฮึ” สิธาสบถในลำคอก่อนจะเงยหน้าสบตากับรฐา “งั้นคุณจะทำยังไง เอาเด็กออกเหรอ?”“ไม่มีทางค่ะ”“เพราะงั้นผมถึงต้องดูแลรับผิดชอบไง ขืนปล่อยให้คุณอดอยากทำงานหนักเดี๋ยวลูกผมก็ออกมาไม่ปกติกันพอดี”ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ ต่อไปนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทายาท