วันนี้โลเคชันในการถ่ายทำอยู่แถวปริมณฑล ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนัก บราลีรู้ว่านับแต่ตนก้าวลงจากรถทุกสายตาต่างก็มองด้วยความสงสัยใคร่รู้เพราะมีผู้ชายร่างสูงกำยำเดินตามต้อยๆ ทว่าเหมือนปัทมากับแพรวาจะรู้อยู่แล้ว เพราะทั้งสองออกมารับหน้าเธอและเอ่ยทักทายกับชนนอย่างยินดี
“สวัสดีค่ะ คุณนนใช่ไหมคะ”
“สวัสดีครับ”
แววตาของปัทมากับแพรวาลอบกวาดมองเจ้าของร่างสูงกำยำด้วยความสนใจ
“นี่รู้กันทุกคนเลยใช่ไหม”
บราลีมองออก ความหงุดหงิดทำให้เอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ
“พี่วิบอกเอาไว้น่ะค่ะ”
แพรวาเป็นคนตอบและปัทมารีบเสริม
“พี่วิบอกกับพี่ด้วย ให้พี่แจ้งคุณทามกับพี่ชายว่ามีผู้ช่วยคนใหม่ตามมาดูแลน้องโบแทนพี่วิ”
“อ้อ รู้กันหมด ยกเว้นโบ”
หญิงสาวเอ่ยประชดเบาๆ แล้วเดินต่อเข้าไปด้านใน ปัทมากับแพรวาสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มจืดเจื่อนให้ชนน แล้วก็รีบกุลีกุจอนำทางพานางร้ายคนสวยไปยังส่วนที่จัดไว้สำหรับแต่งหน้าทำผม
“พี่โบเจ็บก็มีหนุ่มหล่อถือกระเป๋าเดินตาม เปิดตัวคนรู้ใจหรือเปล่าคะ”
ช่างทำผม ทำผมพลางถามเธอด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น ความจริงบราลีเห็นมาสักพักนับแต่เธอเข้ามาในห้องนี้ และชนนถือกระเป๋ามาวางไว้ให้ก่อนจะเลี่ยงออกไป คิตตี้กับช่างทำผม รวมถึงดารานักแสดงคนอื่นต่างก็แอบซุบซิบกัน โดยตอนนี้คิตตี้กำลังแต่งหน้าให้นักแสดงอีกคน
“พี่วิอยากให้มีคนมากับโบน่ะ ก็เลยให้น้องชายมาช่วยพักนึง”
“อุ๊ย น้องชายพี่วิเหรอคะ เจ๊ไม่เคยเห็น”
คิตตี้อุทาน บ่งบอกว่าเจ้าตัวเงี่ยหูรอฟังอยู่ คงไม่ต่างจากคนอื่น แม้แต่นักแสดงหรือผู้จัดการส่วนตัวบางคนซึ่งอยู่ในห้องนี้ด้วย ส่วนเอมิกาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าตัวมีฉากที่ต้องถ่ายก่อนจึงแต่งหน้าทำผมเป็นคนแรก
“ขอโทษครับ”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นทำให้ทุกคนต่างก็หันมอง เห็นว่าเจ้าของร่างสูงกำยำถือจานใส่ขนมปังปิ้งกับกาแฟแก้วเล็กอยู่ในมือ แล้วต่างก็ยิ้มแปลกๆ
“เอามาให้พี่โบเหรอคะ”
ช่างทำผมสาวประเภทสองถามเสียงหวาน ทุกคนในกองต่างรู้ดีว่า บราลีจะทานเพียงกาแฟกับขนมปังปิ้งทาแยมในตอนเช้า
“ครับ”
ชนนตอบเสียงสุภาพ ก่อนจะเอาอาหารของนางร้ายสาวมาวางใกล้ๆ
“ให้แพรวเอามาก็ได้นี่”
บราลีกัดฟันพูดเสียงเบา รู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นกับสายตาของแต่ละคนที่เหมือนจะวิบวับแพรวพราว
“เขาพาน้องอีกคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ชายหนุ่มตอบเสียงเบาแล้วรีบออกไปจากห้องนี้ แม้จะมีนักแสดงชายนั่งอยู่ด้วย แต่ชนนก็รู้ว่าบราลีไม่ค่อยอยากให้เขาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตนเองนัก ส่วนเขาเองไม่สันทัดกับสังคมบันเทิงชายหนุ่มจึงเลือกปลีกตัวไปนั่งทานข้าวกับลุงเกษมแทน
ก่อนหน้านี้ปัทมาพาเขาไปแนะนำให้ผู้กำกับและผู้ช่วยรวมถึงคนอื่นๆ รู้จัก ก่อนพาไปตรงบริเวณที่คนกำลังต่อแถวทานมื้อเช้า ชายหนุ่มจึงเห็นลุงเกษม แต่พอดีแพรวาที่กำลังจะเตรียมขนมปังปิ้งและชงกาแฟให้บราลีถูกตามตัว เพราะเอมิกาเรียกหา ชนนจึงอาสาจัดการให้แล้วบอกว่าเดี๋ยวตนจะออกมาทานข้าวกับลุงคนขับรถอีกฝ่ายจึงรอ
กว่าบราลีจะหาเวลาโทรคุยกับวิมาดาได้ก็ใกล้เที่ยง หลังจากถ่ายฉากของตนไปสองฉาก ซึ่งเป็นฉากที่นั่งพูดนิ่งๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ร่างโปร่งอรชรขึ้นมานั่งในรถตู้ของตน ซึ่งลุงเกษมที่อยู่แถวนี้มาสตาร์ตรถเปิดแอร์ให้อย่างรู้หน้าที่
เห็นชนนคุยโทรศัพท์อยู่ไกลออกไปก่อนที่ตนจะขึ้นรถ หญิงสาวก็เม้มริมฝีปาก เธอเบื่อสายตาจ้องจับผิดระหว่างเธอกับชายหนุ่มของคนในกอง ทั้งที่บอกแล้วว่าเขาเป็นน้องชายของวิมาดา ทว่าแต่ละคนก็ยังมีท่าทางสงสัยใคร่รู้
“พี่วิไม่บอกโบเลย ว่าจะให้นายนนมาด้วย”
เธอถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย
‘พี่เพิ่งคิดขึ้นมาได้เมื่อคืนก่อนจะนอน ไม่แน่ใจว่านนจะไปได้หรือเปล่า ลองโทรถามดูแล้วเขาโอเค พี่ก็เลยบอกเปิ้ลกับแพรว แล้วก็ลุงเกษม แต่เห็นดึกแล้ว ก่อนออกกองโบไม่นอนดึก พี่เลยไม่ได้โทรหา’
บราลีถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะพูดน้ำเสียงราวฟ้อง
“เนี่ย หมอนี่มาด้วย คนมองกันใหญ่ บอกว่าเป็นน้องชายพี่วิก็ยังคิดลึกกันไปหมด”
‘เอาน่า โบไม่ค่อยสบาย พี่เป็นห่วงจริงๆ อย่างน้อยนนไปด้วยพี่ก็วางใจ เห็นแก่ความสบายใจของพี่นะ’
วิมาดากล่อมมาตามสาย บราลีรักอีกฝ่ายเหมือนพี่สาว รู้ว่าผู้จัดการส่วนตัวอยากมีลูกมากแต่ก็ไม่มีสักที จนตัดสินใจทำกิ๊ฟต์และสำเร็จ อีกฝ่ายกับสามีรวมทั้งครอบครัวของทั้งคู่ดีใจมาก เธอเองก็พลอยดีใจไปด้วย ฉะนั้นมีอะไรที่พอจะช่วยให้เจ้าตัวไม่คิดมากหรือวิตกกังวล เธอก็ยอมทำ
คุยกับผู้จัดการส่วนตัวต่ออีกพักหนึ่งบราลีก็วางสาย แล้วไปทานมื้อกลางวัน โดยร่วมโต๊ะกับเอมิกาและนักแสดงคนอื่น ก่อนเตรียมตัวถ่ายต่อในช่วงบ่าย
=====
นางร้ายคนสวยของเราหงุดหงิดมาก ชนนตามมาด้วยเป็นเป้าสายตาเลยทีเดียว ^^
ฝากกดติดตาม กดหัวใจ และคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะคะ^^
“คัต”“ขอซับหน้านักแสดงค่ะ”เสียงผู้กำกับสั่งตามด้วยเสียงของคอนทินิวไม่นานคิตตี้ก็ก้าวเร็วๆ เข้ามาซับหน้าที่มีเหงื่อซึมจนไหลลงข้างแก้มของบราลี เพราะถ่ายกันในบ้านไม้ อากาศช่วงบ่ายค่อนข้างร้อน“ขอน้ำค่ะ”นางร้ายสาวบอกสั้นๆ แม้จะเป็นฉากไม่หนักแต่เธอก็ต้องพูดบทยาวกับนักแสดงอีกคน“ขอน้ำให้พี่โบหน่อยค่า”คิตตี้ร้องบอกครู่หนึ่งร่างสูงกำยำก็ถือแก้วน้ำเก็บความเย็นส่วนตัวของบราลีเข้ามาส่งให้ หญิงสาวรับมาพลางขมวดคิ้วใส่ชายหนุ่ม เพราะหลายคนต่างจ้องมายังตน แม้แต่นักแสดงชายที่เข้าฉากด้วย เธอจิบน้ำเล็กน้อยก็ส่งคืนโดยไม่เอ่ยคำใด ชนน เองก็กลับออกไปยืนยังมุมของตนเงียบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นกัน แต่ไม่รู้เพราะอะไรบราลีกลับรู้สึกว่าใจของเธอไม่นิ่งเอาเสียเลย แม้จะพยายามวางสีหน้าปกติทว่าหญิงสาวกลับหงุดหงิดในใจ‘ทำไมเธอต้องใส่ใจสายตาคนอื่น’บราลีบ่นตัวเอง ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะรวบรวมสมาธิถ่ายฉากนั้นจนผ่านไปได้ระหว่างรอถ่ายอีกฉากหญิงสาวจึงแยกตัวออกมาสงบจิตใจตัวเอง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้จะค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องการวางตัวกับนักแสดงชายเพราะไม่อยากให้มีข่าวเสียหายแต่ก็ไม่ได้กลัวจนเกินเหตุ ต่างจากครั้
บราลีไม่อยากคิดเลยว่าถ้ากระถางนั่นหล่นมาโดนเธอเข้าพอดีจะเป็นอย่างไร จำได้ว่าตอนถ่ายฉากตรงระเบียงยังคิดอยู่เลยว่า บ้านสวนหลังนี้จัดตกแต่งได้น่ารักดี มีกระถางต้นไม้เล็กๆ ห้อยและวางที่ระเบียงเป็นมุมน่านั่งอีกมุมของบ้าน“น้องโบไม่เป็นอะไรแน่นะคะ”ปัทมาถามย้ำ เจ้าตัวเองหน้าถอดสีไปเลย เมื่อมาเกิดเรื่องอันตรายขึ้นกับบราลีซ้ำอีก“เฮ้ย คนจัดของข้างบน ระวังหน่อยสิวะ แล้วขยับอะไรจากตรงไหน ก็วางไว้ที่เดิมให้มันเข้าที่เข้าทางดีๆ”ผู้กำกับตะโกนขึ้นไป แล้วผู้ช่วยที่ชะโงกลงมามองตั้งแต่ได้ยินเสียงของตกตอบก็ตอบกลับ“ก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยู่ตรงนี้นะพี่ เซตฉากกันอยู่ข้างใน”“ไม่มีใครอยู่ แล้วกระถางมันหล่นลงมาได้ยังไง ผีผลักหรือไง”“เอ้า พี่ชายทำไมปากหมะ...เฮ้อ...”คิตตี้ยั้งปากตัวเองได้ทันแล้วถอนหายใจเสียงดัง ถ้าเป็นคนอื่นพูดเจ้าตัวคงตีปากไปแล้ว“เปิ้ลไปเคลียร์กับเจ้าของบ้านไป ส่วนน้องโบ วันนี้กลับเลยก็ได้ เหลือฉากเดียวไม่ต้องถ่ายแล้ว ว่าแต่พรุ่งนี้ไหวไหม พี่ว่าจะถ่ายฉากที่ค้างครั้งก่อนไว้ มันโลเดียวกันพอดี”“ได้ค่ะ โบไม่เจ็บแขนแล้วค่ะ”“โอเค ไหวก็ไหว พี่จะให้เขาหลบแขนก็แล้วกัน”“ค่ะ สวัสดีค่ะพี่ชาย”ชนนเ
“เรื่องวันนี้อย่าบอกพี่วินะ”บราลีเอ่ยขึ้นขณะรถเคลื่อนไปบนถนน“คิดว่าปิดปากเราได้ แล้วคนอื่นจะไม่พูดเหรอ เชื่อเหอะ ตอนนี้ไม่โปรดิวเซอร์ ก็ผู้ช่วยพี่วิ หรือไม่ ก็เจ๊คิตตี้นั่นแหละกดโทรรายงานเรียบร้อยไปแล้ว เห็นเจ๊แกบอกว่าซี้ปึ้กกับพี่วิไม่ใช่เหรอ”“อ๋อ แอบสัมภาษณ์กันมาแล้วสินะ”“ทำไมต้องแอบ เขาชวนคุย เราก็ตอบแค่นั้น”“แล้วเจ๊คิตตี้ถามเรื่อง...”“เรื่องอะไร”ชายหนุ่มถามกลับเพราะหญิงสาวชะงักคำพูดตัวเองไป ทว่าบราลีเพียงส่ายหน้า ชนนกำลังจะซักไซ้ต่อแต่เสียงโทรศัพท์มือถือของนักแสดงสาวดังขึ้นมาก่อน เธอจึงควานหาในกระเป๋าที่ชายหนุ่มวางไว้ข้างตน ไม่นานก็เจอและเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์วิมาดาก็หน้าจ๋อย ยกโทรศัพท์ตนให้ชนนดู“บอกแล้วว่าไม่ต้องรอให้เราพูดหรอก”ชายหนุ่มย้ำนางร้ายสาวได้เพียงถอนหายใจอย่างหนักใจ ก่อนจะรับสายในที่สุด วิมาดาถามไถ่อย่างห่วงใยกระทั่งมั่นใจว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ แต่ก่อนวางสายอีกฝ่ายกลับเอ่ยสิ่งที่ทำเอาบราลียิ่งหนักใจ‘พี่คิดถูกจริงๆ ที่ให้นนตามไปด้วย คงต้องฝากให้นนช่วยดูแลระหว่างที่โบถ่ายเรื่องนี้จนจบ เพราะต้องมีไปต่างจังหวัดด้วย’“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะพี่วิ เนี่ยแขนโบก็จะหายด
“นายนน...อุ๊บ”ริมฝีปากอิ่มถูกปิดด้วยริมฝีปากได้รูป หลังจากมือหนาเลื่อนขึ้นมาล็อกท้ายทอยของเธอ แรงบดเบียดเม้มลงมาหนักหน่วงทำให้คนที่ตั้งตัวไม่ติดลมหายใจสะดุด แต่เมื่อดึงสติกลับมาได้บราลีก็เอียงหน้าหนี“อื้อ นายนน หยุดนะ”หากปากอุ่นยังไล่ตามบดขยี้เม้มกลีบปากเธอ หญิงสาวขยับหนีได้ไม่มากนักเพราะชายหนุ่มกดรั้งท้ายทอยตนไว้“อยู่ๆ มาว่าเราปากเหม็น ก็ให้มันรู้กันไปเลย ว่าเหม็นจริงหรือเปล่า”“ไอ้บ้า อื้อ”ชนนกดริมฝีปากจูบซับปากอิ่มอย่างไม่ลดละ ละเลียดชิมทั้งบนล่าง แม้หญิงสาวจะพยายามเลี่ยงเขาก็ไล่จูบแนบแน่น จนคนที่ขยับไปมาในอ้อมกอดเขาเริ่มหยุดนิ่ง หอบแรง มือกำเสื้อเขาดึงเบาๆ เห็นว่าร่างโปร่งอรชรตัวอ่อนยวบลง ชายหนุ่มจึงผละปากตน แต่ยังไม่ถอยห่างจากกลีบปากนุ่มละมุน“รังเกียจเรามากเหรอ”คนถูกถามมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาปรือปรอย ในหัวว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก“เรารู้ว่าสมัยเรียนเธอไม่ชอบขี้หน้าเรา แต่ไม่คิดว่าจะรังเกียจมากขนาดนี้”“ฉัน...”บราลีกำลังเรียบเรียงคำพูดของตนทว่าอีกฝ่ายพูดต่อโดยไม่เว้นช่องว่างให้เธอ“ตอนนั้นเรามันก็แค่ไอ้เด็กเกเร เด็กหลังห้องไม่สนใจเรียน มีเรื่องชกต่อยให้ถูกทำโทษบ่อยๆ เด็กเรียนดี
แม้จะขู่ชนนแต่สุดท้ายบราลีก็ไม่กล้าบอกเรื่องที่ชายหนุ่มบังคับจูบตนเองกับวิมาดาไป อายที่จะพูดเรื่องนี้กับคนอื่นแม้แต่ผู้จัดการที่รักเหมือนพี่สาวหญิงสาวไม่ยอมออกจากห้องอีกเลยกระทั่งเย็นชายหนุ่มมาเคาะประตูถามว่าจะทานอะไรเป็นมื้อเย็น เธอก็บอกว่าไม่หิว อีกฝ่ายเงียบหายไปพักใหญ่ มีเสียงเคาะอีกครั้ง บราลียังไม่ยอมเปิดเหมือนเดิม“เราซื้อสลัดอกไก่มาให้ ออกมากินเถอะ ถ้ากลัวเราดักปล้ำจูบล่ะก็ เราจะเข้าไปนั่งทำงานในห้อง”พูดจบเสียงข้างนอกก็เงียบไปเลยคนฟังอดค้อนชนนไม่ได้ที่รู้ทันว่าเธอระแวงเขา แต่ทนได้ไม่นานก็ต้องยอมแพ้เพราะท้องร้องประท้วงอย่างหนัก“แค่จูบใครกลัว ขืนมาขโมยจูบอีกแม่จะกัดเอาคืนเลยคอยดู”บราลีบ่นพึมพำปลุกใจตัวเอง บอกตัวเองว่าเพียงแค่ถูกชนนจูบไม่ทำให้เธอเสียศูนย์ง่ายๆ หรอกจากนั้นก็ออกไปข้างนอก แต่ไม่มีชายหนุ่ม เขาเข้าไปในห้องอย่างที่บอกจริง ใบหน้าสวยสะบัดใส่ประตูห้องอีกฝ่ายแล้วเดินไปยังโซนพื้นที่ครัวซึ่งมีสลัดวางอยู่บนโต๊ะ ชนนน่าจะทานจากข้างนอกมาแล้วเพราะเขาหายไปนาน เธอจึงจัดการอาหารของตนเพียงลำพัง หากก็คอยเหลือบมองประตูห้องของเขาอย่างไม่ไว้ใจ ทว่าชายหนุ่มไม่ออกมาอีกจนเธอกลับเข้าห้อ
แน่นอนว่าการแสดงออกของผู้จัดหนุ่มซึ่งอายุเข้าใกล้เลขสี่ ทว่ายังโสดสนิทนั้น คนในกองถ่ายต่างก็พอเดาได้ เพราะอีกฝ่ายใส่ใจบราลีมากกว่าใครตั้งแต่ละครเรื่องก่อนแล้ว แต่หญิงสาววางตัวปกติมีระยะห่าง หากก็ไม่มากเกินไปจนดูเหมือนรังเกียจผู้จัดหนุ่มไฟแรงที่กำลังขึ้นชื่อว่าทำเรื่องไหนก็ดังเปรี้ยงปร้างในช่วงสองสามปีมานี้ธนากรเป็นทายาทของผู้กำกับชื่อดังที่ไม่ได้เดินสายเดียวกันกับบิดา ชายหนุ่มเรียนจบบริหารธุรกิจและทำงานในสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศหลายปี แต่ด้วยบิดามีค่ายละครอยู่ชายหนุ่มจึงเข้ามาสานต่อเมื่อท่านอายุมากขึ้น ทว่าในฐานะผู้จัดแทนผู้กำกับ“ขอบคุณค่ะ เอ่อ...”“น้ำครับ”อยู่ๆ ร่างสูงกำยำของชนนก็แทรกเข้ามาพร้อมยื่นน้ำแก้วใหญ่ของหญิงสาวให้พร้อมกับพูดต่ออย่างไหลลื่น“เห็นเจ๊คิตตี้บอกว่า ช่างผมต้องทำผมคุณทรงใหม่ในฉากต่อไป ผมว่าไปเตรียมตัวดีกว่านะ ก่อนที่พี่บี๋ช่างผมจะยุ่ง”บราลีรับแก้วน้ำมาถือพลางมองเขาอย่างแปลกใจ แต่ก็พยักหน้ารับแล้วหันไปพูดกับธนากร“โบขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”ดูเหมือนชนนจะเข้ามาได้จังหวะพอดี หญิงสาวกำลังคิดว่าจะเลี่ยงอย่างไรไม่ให้ผู้จัดหนุ่มเสียหน้า เธอไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้
มาถึงคอนโดปุ๊บชนนก็ออกไปข้างนอกต่อแม้ว่าจะหกโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มบอกว่าเพื่อนนัดคุยกับลูกค้าและอยากให้เขาไปเจอด้วยพร้อมกันบราลีไม่ได้ซักไซ้อะไร ใช้พลังในการแสดงกับสมองในการจำบทมาทั้งวันเธอเพลียและอยากพัก หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันทีรู้สึกตัวอีกครั้งในตอนดึก ดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เห็นว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ร่างโปร่งอรชรออกไปนอกห้องเพราะหิวขึ้นมานิดๆ เธอมีนมกล่องติดบ้านไว้ดื่มหลังกลับจากถ่ายละครอยู่แล้วเพราะไม่ทานอาหารดึกเสียงในห้องน้ำบอกให้รู้ว่าชนนอยู่ในนั้น หญิงสาวตั้งใจจะกลับเข้าห้องก่อนที่ชายหนุ่มจะออกมา ทว่าไม่ทันแล้ว ร่างสูงกำยำก้าวออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผูกพันเอวไว้ชนนมองมายังเธอ บราลีเองก็มองหน้าคมเข้มกับเรือนกายกำยำที่มีน้ำเกาะพราว ขณะดูดนมที่เสียบหลอดจากกล่องแล้วกลืนเสียงดัง นั่นเองทำให้รู้สึกตัวว่าตนเผลอมองอีกฝ่ายเต็มตาหญิงสาวหันหน้าหนีทันทีแล้วเร่งรีบก้าวเท้าเร็วๆ ตรงเข้าห้องของตน แต่กลับต้องตัวแข็งทื่อ เพราะรับรู้ถึงความเย็นจัดจากหยดน้ำที่ซึมผ่านเนื้อผ้าชุดนอนพร้อมการโอบรัดจากด้านหลัง ร่างหนาด้วยมัดกล้ามแนบชิดทำเอาใจดวงน้อยหล่นวูบ“ทะ...ทำอะไร”เสียงหวานถามแ
มาถึงคอนโดปุ๊บชนนก็ออกไปข้างนอกต่อแม้ว่าจะหกโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มบอกว่าเพื่อนนัดคุยกับลูกค้าและอยากให้เขาไปเจอด้วยพร้อมกันบราลีไม่ได้ซักไซ้อะไร ใช้พลังในการแสดงกับสมองในการจำบทมาทั้งวันเธอเพลียและอยากพัก หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันทีรู้สึกตัวอีกครั้งในตอนดึก ดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เห็นว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ร่างโปร่งอรชรออกไปนอกห้องเพราะหิวขึ้นมานิดๆ เธอมีนมกล่องติดบ้านไว้ดื่มหลังกลับจากถ่ายละครอยู่แล้วเพราะไม่ทานอาหารดึกเสียงในห้องน้ำบอกให้รู้ว่าชนนอยู่ในนั้น หญิงสาวตั้งใจจะกลับเข้าห้องก่อนที่ชายหนุ่มจะออกมา ทว่าไม่ทันแล้ว ร่างสูงกำยำก้าวออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผูกพันเอวไว้ชนนมองมายังเธอ บราลีเองก็มองหน้าคมเข้มกับเรือนกายกำยำที่มีน้ำเกาะพราว ขณะดูดนมที่เสียบหลอดจากกล่องแล้วกลืนเสียงดัง นั่นเองทำให้รู้สึกตัวว่าตนเผลอมองอีกฝ่ายเต็มตาหญิงสาวหันหน้าหนีทันทีแล้วเร่งรีบก้าวเท้าเร็วๆ ตรงเข้าห้องของตน แต่กลับต้องตัวแข็งทื่อ เพราะรับรู้ถึงความเย็นจัดจากหยดน้ำที่ซึมผ่านเนื้อผ้าชุดนอนพร้อมการโอบรัดจากด้านหลัง ร่างหนาด้วยมัดกล้ามแนบชิดทำเอาใจดวงน้อยหล่นวูบ“ทะ...ทำอะไร”เสียงหวานถามแ
กลับมาถึงคอนโดก็เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว ด้วยถนนเส้นนั้นติดหนักหฤโหดทีเดียว ระหว่างอยู่บนรถแม้จะหงุดหงิดหากชนนไม่ได้บ่นออกมา เพราะจะเป็นโอกาสให้บราลีตอกย้ำกับเขาว่าไม่ต้องมารับเธอ และหญิงสาวเองก็คุยโทรศัพท์ตลอดเวลา ทั้งโทรหาแพรวาเรื่องออกงานอีเวนต์ คุยกับเพื่อนดาราในวงการไปจนถึงคุยกับหลานชายวัยสามขวบ ลูกของพี่ชายบราลีหญิงสาวมีพี่ชายหนึ่งคนกับน้องชายหนึ่งคน เธอเป็นลูกคนกลางที่แม้บิดามารดาจะรักไม่ต่างกัน ทว่าการเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวของบ้าน บราลีจึงไม่สนิทสนมกับพี่น้องนัก แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากัน ไม่แปลกนักที่เมื่อได้รู้จักกับวิมาดาที่ถูกชะกันบราลีจึงสนิทสนมกับอีกฝ่าย ปรึกษาเรื่องเรียนและรับฟังพี่สาวของชนนมาตลอดหลายปีร่างสูงกำยำก้าวตามเจ้าของร่างโปร่งอรชรอย่างเอื่อยเฉื่อย ขณะที่บราลีก้าวฉับๆ รวดเร็วเกรงจะมีคนเห็นนับแต่ลงจากรถมาขึ้นลิฟต์ กระทั่งเข้าห้องมาเจ้าตัวก็ถอนหายใจ“ยังไม่เลิกคิดมากเรื่องคนเห็นเราอีกเหรอ”“ยังไงนายก็เป็นผู้ชายนี่นา”“อีกเดี๋ยวคนก็เห็นอยู่ดี ในเมื่อเราต้องตามติดเธอเหมือนเงาอยู่แล้ว”หญิงสาวหันกลับมามองเขาแล้วยักไหล่“ไม่จำเป็น งานอีเวนต์พรุ่งนี้นายไม่ต้องไปก็ได้ ฉันน
เพราะต้องออกกองไปถ่ายต่างจังหวัดกับบราลี ชนนจึงพยายามเคลียร์งานในส่วนของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง หลังจากได้คุยกับลูกค้าพร้อมกับเพื่อนมาแล้ว แม้บริษัทของเพื่อนชายหนุ่มจะไม่ใช่บริษัทใหญ่ และทำงานที่บ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทรัพยากร ทว่าค่าตอบแทนก็คุ้มค่า มีงานเข้ามาตลอดเวลาไม่เคยขาด ทีมงานเพียงไม่กี่คนแต่เป็นคนที่มีความสามารถทั้งยังคุ้นเคยกันดีหลังจากปรับความเข้าใจกับบราลีแล้ว ชายหนุ่มก็คร่ำเคร่งกับงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แทบทั้งคืน กว่าจะเข้านอนก็ตีสาม เช้าวันถัดมาชนนจึงตื่นสาย แต่อาบน้ำแล้วก็ดื่มกาแฟมานั่งทำงานต่อ ทว่าสิบเอ็ดโมงแล้วไม่เห็นหญิงสาวออกจากห้องของตัวเองก็นึกแปลกใจแม้ทุกวันหญิงสาวตื่นสายกว่าตน ทว่าสิบโมงเจ้าตัวจะออกมาทานกาแฟกับขนมปัง คิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกขึ้นมาได้ว่า บราลีบอกว่าเปลี่ยนนัดกับธนากรเป็นวันนี้หรือเธอจะออกไปแล้ว?คิดได้ชนนก็รีบโทรหาหญิงสาวทันที ฟังเสียงรอสายอยู่หลายครั้งกว่าอีกฝ่ายจะรับ ทำเอาเขาร้อนใจทีเดียว“โบอยู่ไหน”‘อะไรของนาย’“ถามว่าอยู่ไหน นัดเจอหมอนั่นที่ไหน เขาพาไปที่แปลกๆ ลับหูลับตาคน ไม่น่าไว้ใจหรือเปล่า”ชายหนุ่มถามรัวเร็วด้วยความเป็นห่วง แต
“ถ้าไม่พอใจ ไม่อยากตอบ ก็ไม่เป็นไร ถึงพี่วิจะให้นายช่วยเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉันชั่วคราว แต่เรื่องส่วนตัว คนเป็นผู้จัดการไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”บราลีเชิดใส่อีกฝ่าย ตั้งใจออกไปหาซื้ออาหารใกล้ๆ คอนโดหากชนนยังไม่มีสำนึก ไม่คิดปรับปรุงตัวเอง ไม่ยอมรับออกมาว่าเขาคิดกับเธออย่างไร หรือแท้จริงเขาเพียงแกล้งหยอกเธอ ทำให้เธออับอาย เธอก็จะไม่แคร์ ตัดเขาออกไปจากความคิดเช่นกันทว่าร่างสูงกำยำกลับก้าวตามมากอดเธอจากด้านหลัง หญิงสาวชะงักเพราะไม่ทันคิดแต่ก็พยายามสะบัดตัวไม่ยอมให้ชายหนุ่มล่วงเกินตนได้ดังใจ“นายนน ปล่อยฉัน”“เราไม่อยากให้เธอนัดเจอเขา เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาจีบเธอ”“แล้วยังไง ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว มีคนหล่อรวยมาจีบก็ควรเปิดรับไม่ใช่หรือไง”“เราหวง”เสียงทุ้มอ่อนโยนบอกชิดใบหู ทำเอาหญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย ทว่าริมฝีปากอิ่มยังเม้มขัดอกขัดใจ“นายมีสิทธิ์อะไรมาหวงฉันไม่ทราบ”“ยังไม่มี หรือจะปล้ำซะดีไหม”“นายนี่มันน่านัก”พร้อมกัดฟันเข่นเขี้ยว หญิงสาวก็กระแทกศอกเล็กเข้าใส่หน้าท้องแกร่งเต็มแรง“โอ๊ย!”แรงกระทุ้งจากศอกแหลมเล่นเอาเจ็บไม่น้อย หากแขนกำยำกลับยิ่งรัดเอวเล็ก ทั้งยังจับข้อมือทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้
“ฮะ? ง่ายๆ อย่างนี้เนี่ยนะ”บราลีถามกลับพร้อมหน้าเหวอ เธอถึงกับมึนไปเลย ไม่แน่ใจว่าชนนจะมาไม้ไหน“ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แล้วอยู่ๆ มาชวนคบกัน นายสติดีอยู่หรือเปล่า”ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาพลางมองเธอด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจ“ถามจริงเถอะ จูบของเราไม่มีความหมายกับเธอจริงเหรอ”คราวนี้แววตาของชายหนุ่มไม่มีล้อเล่น ทำให้บราลีนิ่งไปเช่นกัน อดย้อนกลับไปคิดถึงความรู้สึกยามที่ริมฝีปากอุ่นแนบชิดเคล้าคลอกลีบปากตนไม่ได้ แล้วก็ถึงกับต้องขบกลีบปากตัวเองเพราะใจเต้นรัวขึ้นมาขณะสบตาคมเข้มดำขลับเธอรู้สึกอย่างไรกับจูบของชนนอย่างนั้นหรือ?บราลีสับสนในความรู้สึกของตัวเอง เธอโกรธที่ชายหนุ่มกลั่นแกล้งตนด้วยการบังคับกอดจูบ แต่ในทุกครั้งเนื้อตัวกลับอ่อนปวกเปียก ต่างจากจูบในละครเวลาเข้าฉากกับนักแสดงที่ร่วมงานด้วยหญิงสาวเข้าใจว่าการทำงานทำให้เธอไม่รู้สึกใดๆ แต่กับชนนคิดว่าอีกฝ่ายดูถูกและไม่ให้เกียรติ จึงทั้งโมโหระคนน้อยใจ“มีสิ ฉันโกรธนาย โกรธมากด้วย”“แค่กๆ”ชนนถึงกับสำลักน้ำที่ยกขึ้นดื่มพอดี“โธ่ โบ...”หลังไอหน้าดำหน้าแดงชายหนุ่มก็เอ่ยด้วยเสียงอ่อนใจ“เราไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่หวั่นไหวกับเราเลย”“นายจะมาจับผิดฉันทำไ
“ยังไม่หิวก็มากินเถอะ ตอนเช้าเธอกินไปนิดเดียวเอง กินข้าวให้ตรงเวลา โรคกระเพาะจะได้ไม่ถามหา”คนเล่นตัวเริ่มลังเล และคนข้างนอกก็ยังคะยั้นคะยอต่อ“นี่สูตรแม่เราเลยนะ เธอเคยชอบมากไม่ใช่เหรอ”มารดาของวิมาดากับชนนเปิดร้านอาหารตามสั่งใกล้โรงเรียน บราลีมักสั่งอาหารที่นั่นทานรอบิดามารับหลังเลิกเรียน เพราะบ้านของเธออยู่ไกลจากตัวเมืองนั่นทำให้รู้จักสนิทสนมกับวิมาดาซึ่งอยู่เรียนชั้นมัธยมปีที่หก ก่อนอีกฝ่ายจะมาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แม้เธอจะเพิ่งเข้าเรียนมัธยมต้น อาจเพราะความถูกชะตา วิมาดาจึงเป็นรุ่นพี่ที่เลือกเธอทำกิจกรรมเป็นเชียร์ลีดเดอร์ หรือแม้แต่ดรัมเมเยอร์เนื่องจากบราลีค่อนข้างสูงตั้งแต่อายุยังน้อยรวมทั้งแนะนำให้เธอสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่เจ้าตัวเคยเรียนด้วยเห็นอีกฝ่ายอวดว่าเป็นสูตรของมารดา บราลีจึงคิดว่าน่าลองดู ลึกๆ ก็คิดถึงตอนสมัยยังเด็กที่เพียงแค่ไปกลับบ้านกับโรงเรียน ไม่ต้องปวดหัวและเหนื่อยกับการทำงานเปิดประตูออกไปก็เห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปชั่วอึดใจ อาจไม่ทันคิดว่าเธอจะเปิดประตูกะทันหัน แต่แล้วริมฝีปากได้รูปก็ยิ้มมุมปาก“สนใจแล้วใช่ไหมล่ะ”“แค่อยากรู้ว่า ที่อวดว่าเป็นสู
“หมอนั่นคิดจะอยู่ที่นี่ยาว โบจะหาคอนใหม่”หญิงสาวโทรไปฟ้องวิมาดา แต่เรื่องที่พูดถึงมีเพียงเรื่องที่ชนนคิดจะตั้งรกรากที่คอนโดนี้‘ใจเย็นสิจ๊ะโบ พี่เข้าใจนะ นนเป็นผู้ชายมันก็น่าลำบากใจอยู่ แต่จะให้พี่ไล่น้องชายไปอยู่ที่อื่น พ่อแม่คงไม่สบายใจ’“โบถึงได้บอกว่าโบจะไปเองไงคะ”‘อยู่คอนโดนี้พี่ยังฝากให้นนช่วยดูแลโบแทนได้ อีกอย่าง พี่ยังไม่แน่ใจเลยว่าหลังคลอดจะทำงานได้เมื่อไหร่ เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนี่จ๊ะ’บราลีเม้มริมฝีปาก ใบหน้าสวยงอง้ำ เธอเป็นคนบอกเองว่าอยากให้วิมาดาเลี้ยงดูลูก ให้เวลากับลูกให้มากที่สุด ลูกสำคัญกับผู้จัดการสาวมากกว่าเธอ‘พี่ไม่อยากทิ้งโบ แต่แพรวก็ต้องดูแลไอมี่’แพรวาเป็นผู้ช่วยของวิมาดา ช่วยดูแลเอมิกาเพราะมารดาของอีกฝ่ายขอให้ช่วย หลังจากได้รู้จักกันตอนที่เอมิกาแสดงเป็นน้องสาวของบราลีเมื่อปีที่แล้ว โดยเจ้าตัวเป็นน้องใหม่ของช่อง วิมาดาจึงช่วยให้คำแนะนำมารดาของอีกฝ่ายจนสนิทสนมกัน มารดาของเอมิกาฝากฝังบุตรสาวกับผู้จัดการคนเก่ง สุดท้ายวิมาดาก็รับปากแล้วให้แพรวาเป็นคนดูแลนักแสดงหน้าใหม่โดยตนเองคอยให้คำปรึกษา‘จริงๆ จะให้แพรวดูทั้งสองคนก็ได้ แต่คุณแม่ของไอมี่ค่อนข้างห่วงน้อง แค่นี
“ไอ้บ้านน!”บราลีแทบจะกรีดเสียงตวาดอีกฝ่าย เธอผลักและทุบตีคนตัวโตกว่าไม่หยุด ความคิดเดียวของหญิงสาวคือชนนหาเรื่องกวนโมโหเธอ เหล้าเข้าปากแล้วยิ่งห่ามมากขึ้น“ปากเหรอที่พูดเนี่ย คิดว่าฉันสู้นายไม่ได้ใช่ไหม ดูถูกกันมากไปแล้ว”“ไม่ใช่ เดี๋ยว...ฟังก่อน”เพราะมือบางทุบตีเขาอย่างแรง ชนนจึงพยายามจะจับมืออีกฝ่ายไว้ ทำให้ต้องปล่อยเอวคอด แล้วบราลีก็เห็นเป็นจังหวะพอที่จะหนีหลุดจากชายหนุ่ม หญิงสาวยกเข่ากระแทกขึ้นสูงทันที“อึก”ชนนตัวงอ แทบจุก แม้ว่าเข่าแหลมเล็กจะไม่ถูกจุดอันตรายแต่ก็ใกล้เคียง“โอย มือเท้าหนักจังเลยนะเธอ เฉียดฉิวเลยนะเนี่ย”“ปากสุนัขไม่รับประทานอย่างนาย น้อยไปด้วยซ้ำ”ร่างโปร่งอรชรถอยหลังอย่างรวดเร็วไม่ให้มือหนาคว้ามาถึงเธอ“บอกไว้เลย ฉันเคยฝึกมวยในละครมาย่ะ ถ้าทำรุ่มร่ามน่าเกลียดกับฉันหรือพูดบ้าๆ อีก ฉันชกปากแตกจริงๆ ด้วย”เธอขู่เขาแล้วรีบเข้าห้องตัวเอง แต่ก่อนจะปิดประตูยังไม่ลืมแลบลิ้นใส่ชายหนุ่มที่กุมท้องตัวงอ ทั้งยังต้องจับปมผ้าขนหนูไม่ให้หลุดอย่างทุลักทุเลชนนมองประตูห้องที่เพิ่งปิดลงแล้วถอนหายใจ สีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมาจากห้องของตัวเองในเช้าวันใหม่ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ก่
“อะ ให้มองเต็มๆ ตาอีกที แล้วคิดใหม่”“ไม่ดูแล้วย่ะ ฉันเห็นหมดแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรน่ามองสักนิด เลิกตอแยฉันแล้วก็ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้ว ไป ชิ่ว”บราลีเบะปากพลางไล่อีกฝ่าย ทว่าชนนกลับกระตุกยิ้ม“นั่นไง วันนั้นเธอเห็นน้องชายเราจริงๆ ด้วย”คนถูกจับได้อึ้งไปทันใด ใบหน้าร้อนซ่าน ไม่แน่ใจว่าหน้าตัวเองแดงตามไปด้วยหรือเปล่า“เราไม่ยอมนะ เธอต้องรับผิดชอบ”“รับผิดชอบบ้าบออะไร ฉันไม่พูดกับนายแล้ว”หญิงสาวบอกปัดอย่างคนร้อนตัว ทั้งยังพยายามจะดึงมือตัวเองจากมือหนา แต่ชนนกระตุกพาร่างโปร่งอรชรกลับไปชิดกายแกร่ง รวบกอดเอวเล็กอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมเข้มขยับมาใกล้แม้บราลีจะพยายามเอนตัวหนีก็ยังห่างเพียงแค่คืบ“แค่ยอมรับว่าเธอก็สนใจเรา มันยากนักหรือไง”“ฉันน่ะเหรอสนใจนาย”เสียงหวานแข็งขึ้น เข้าใจว่าอีกฝ่ายหาเรื่องตนอีกแล้ว“เราจูบโบไปกี่ครั้งแล้ว”อยู่ๆ ชนนก็ถามขึ้นมา คิ้วเรียวสวยขมวดอย่างไม่เข้าใจ ทว่าประโยคต่อมาของเขาทำเอาเถียงไม่ออก“ถ้ารังเกียจกันจริง เราคงโดนตบคว่ำตั้งแต่แรกแล้ว จริงไหมล่ะ แถมเมื่อตอนบ่าย เธอยังเคลิ้มด้วย ถ้าแพรวไม่มาตามก่อนล่ะก็...”“ใครเคลิ้มไม่ทราบ”เธอแว้ดใส่อีกฝ่ายทันที แต่ชนนยังไม่หมด
มาถึงคอนโดปุ๊บชนนก็ออกไปข้างนอกต่อแม้ว่าจะหกโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มบอกว่าเพื่อนนัดคุยกับลูกค้าและอยากให้เขาไปเจอด้วยพร้อมกันบราลีไม่ได้ซักไซ้อะไร ใช้พลังในการแสดงกับสมองในการจำบทมาทั้งวันเธอเพลียและอยากพัก หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันทีรู้สึกตัวอีกครั้งในตอนดึก ดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เห็นว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ร่างโปร่งอรชรออกไปนอกห้องเพราะหิวขึ้นมานิดๆ เธอมีนมกล่องติดบ้านไว้ดื่มหลังกลับจากถ่ายละครอยู่แล้วเพราะไม่ทานอาหารดึกเสียงในห้องน้ำบอกให้รู้ว่าชนนอยู่ในนั้น หญิงสาวตั้งใจจะกลับเข้าห้องก่อนที่ชายหนุ่มจะออกมา ทว่าไม่ทันแล้ว ร่างสูงกำยำก้าวออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผูกพันเอวไว้ชนนมองมายังเธอ บราลีเองก็มองหน้าคมเข้มกับเรือนกายกำยำที่มีน้ำเกาะพราว ขณะดูดนมที่เสียบหลอดจากกล่องแล้วกลืนเสียงดัง นั่นเองทำให้รู้สึกตัวว่าตนเผลอมองอีกฝ่ายเต็มตาหญิงสาวหันหน้าหนีทันทีแล้วเร่งรีบก้าวเท้าเร็วๆ ตรงเข้าห้องของตน แต่กลับต้องตัวแข็งทื่อ เพราะรับรู้ถึงความเย็นจัดจากหยดน้ำที่ซึมผ่านเนื้อผ้าชุดนอนพร้อมการโอบรัดจากด้านหลัง ร่างหนาด้วยมัดกล้ามแนบชิดทำเอาใจดวงน้อยหล่นวูบ“ทะ...ทำอะไร”เสียงหวานถามแ