บ้านไร่วงษนรา เช้านี้อากาศที่นี่ดีมาก นางกรกนกลุกขึ้นใส่บาตรพระแต่เช้า นางทำเป็นกิจวัตร ประจำทุกวัน
พ่อคะ น้องปรายโทรมาแล้วนะ เขาจะมากันวันพรุ่งนี้ ลูกเราเอารถมาเอง เห็นว่าขนของบางส่วนกลับมาไว้บ้าน มีหนูกานดาราลูกพี่ดุจเดือนนั่งมาด้วย ส่วนพี่ดุจเดือน มากับลูกชาย ยังไม่แน่ว่าเขาจะมากันกี่วัน แต่แม่ทำความสะอาดบ้านหลังเล็กไว้แล้ว เผื่อเขาอยากเป็นส่วนตัว แม่ยังคิดว่าจะปิดร้านดีไหม หรือให้พนักงานดู พ่อว่าไงคะ นางกรกนก ขอความเห็นจากสามี
ปิดสัก 7 วันไหมแม่ จะได้พักบ้าง หลังจากนั้นอยากเปิดก็เปิด ไม่อยากเปิดก็ไม่เป็นไร ทำร้านกาแฟอย่างเดียวก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก อายุมากแล้วพักบ้างนะ นายอลงกต เข้ามาโอบไหล่ภรรยาเบาๆ มาดูแลพ่อได้แล้ว ไม่ต้องทำมากมายหรอกงานน่ะ ทำมาตลอดหลายปีแล้ว เท่าที่ทำมากินใช้ยังไงก็ไม่หมดแล้วล่ะ เดี๋ยวรออีกหน่อยน้องปรายก็มาช่วยแล้ว
พ่อคิดว่าลูกเรียนจบ แล้วจะไม่อยากทำงานที่เรียนมาหรือคะ นางสงสัยว่าทำไมสามีพูดแบบนั้น
แม่ก็รู้ว่าลูกเราโลกส่วนตัวสูงจะตาย ไม่ค่อยคบใครใหม่ๆ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ แล้วอีกอย่างที่ลูกเรียนมาทางนี้ เป็นผู้หญิงด้วย จะไปอยู่ป่าอยู่เขาได้นานสักเท่าไหร่ พ่อไม่ได้ว่าลูกเราไม่อดทนนะ อย่างน้องปรายไปอยู่กับใครที่ไหน ก็จะมีแต่คนรัก คนเอ็นดู ก็ไม่แน่หรอกถ้าเขาสอบบรรจุได้ เขาอาจจะทำ แต่พ่อว่าไม่นาน ไม่เกิน 5 ปี ดูจากนิสัยแล้ว น้องปรายไม่ชอบให้ใครมาบังคับ นิสัยแบบนี้เหมาะกับการทำกิจการส่วนตัวมากกว่า หรือไม่ก็มาอยู่สวนอยู่ไร่นี่ มาอยู่กับพ่อกับแม่ ไม่ต้องเจอกับคนมาก
แต่พ่อว่าเขาจะห่วงเรานี่แหละ เราเหลือกันแค่ 2 คน ลูกไม่ยอมให้เราทำงานจนแก่ตายหรอกแม่ เขาต้องกลับมา บริหารทุกอย่างต่อแทนเรา จะไปรอน้องปราณก็คงไม่ได้ เขาเลือกทางนั้น เขาชอบของเขาแบบนั้น พ่อว่าถ้าได้แต่งงานเขาคงอยู่ทางโน้นแหละ คงไม่กลับมาอยู่กับเราหรอก
รอน้องปรายนี่แหละ แต่ถ้าไม่มีใครมารับช่วงต่อจริงๆ ก็เลิกทำ แค่นั้นเอง นายอลงกลดพูดแล้วหัวเราะเบาๆ เขานึกเสียดาย นี่ถ้าหากว่าเขามีลูกอีกสัก 4 คนก็คงดี มันต้องมีสักคนที่มารับช่วงต่องานของเขา เสียดายที่เมื่อก่อนช่วงที่เขามีลูก ฐานะของเขาก็ยังไม่ได้สะดวกสบาย มีกินมีใช้เหมือนทุกวันนี้ แต่ช่างเถอะ มันแล้วแก่บุญวาสนา ดีแล้วที่เขายังได้โอกาสมีลูกตั้ง 2 คน
ถ้าพี่ดุจเดือนอยากจะอยู่ยาวก็ดีเลยนะแม่ เขาอยู่ในเมืองคงจะน่าเบื่อมาก เห็นว่าตั้งแต่พี่วิภาคเสียชีวิตไป ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ลูกชายคนโตก็ทำงานหนัก ว่าแล้วก็อยากเห็นหลานๆ แล้วนะแม่ ไม่รู้ว่าโตขึ้นหน้าตาจะเป็นยังไง เห็นว่ามี 2 คนเหมือนเรา ลูกชายได้ข่าวว่าเก่งเสียด้วย บริหารงานต่อจากพ่อ ดูแลแม่ ดูแลน้อง ก็ถือว่าพี่ดุจเดือนโชคดีนะ ที่มีลูกชายลูกสาวรู้ความ
แม่ก็อยากเห็นเหมือนกัน ตื่นเต้นจังเลย เดี๋ยวแม่ไปดูบ้านหลังเล็กก่อนนะคะพ่อ พรุ่งนี้เขาจะมากัน จะได้พร้อม ว่าไปแล้วแม่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลย นานแล้วที่ไม่ได้เปิดบ้านหลังนี้ให้ใครได้เข้าพัก สมัยก่อนลูกๆ อยู่บ้านเราไม่เคยเหงาเลย พอลูกแยกย้ายกันไปเรียน ไปทำงาน นางก็เฝ้าคิดถึงลูกทั้งสอง เลยต้องหางานทำแก้เหงา ถ้านางไม่ได้ทำโน้นนี่ นางก็คงจะนั่งเหงาอยู่บ้าน เพราะงานในไร่ สามีนางก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง เขาอยากให้นางเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านดูแลเขาดูแลบ้าน แต่นั่นแหละมันไม่ใช่นิสัยของนาง ต้องหาอะไรทำ คิดไปคิดมาก็อยากมีหลานแล้ว รอว่าเมื่อไหร่ลูกสาวคนโตจะแต่งงานสักที ปราณลดา อ้างแต่ว่างานเยอะ ทั้งๆ ที่ว่าที่ลูกเขยของนางก็อยากที่จะแต่งเร็วๆ ช่างเถอะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล้วแต่เขา
จบบทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้า ของสองสามีภรรยา
บ้านไร่ วงษ์นรา ไม่มีแค่ไร่อย่างเดียว สองสามีภรรยา ซึ่งขยันด้วยกันทั้งคู่ เปิดโฮมสเตย์สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว เทศกาลหยุดยาว นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ สนุก ได้เงิน วุ่นวายดี แต่นางกรนกชอบ ได้พูดคุยกับลูกค้า ทำให้ไม่เบื่อมาก สามีนางอยากให้นางหยุดทำงานได้แล้ว แต่นางคิดว่านางยังไหว ไว้ให้ลูกสาวคนเล็กนางแต่งงานก่อน มีหลานให้เลี้ยง ตอนนั้นแหละ นางจะเลิกทำงานทุกอย่างเลย จะเลี้ยงหลานอย่างเดียว
บ้านหลังที่นางจะให้เพื่อนรุ่นพี่มาพัก หลังไม่ได้เล็กอย่างที่เธอเรียกกัน ที่เรียกว่าบ้านเล็กเพราะเป็นบ้านหลังที่สอง แต่ไม่ได้มาอยู่ บ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันเรียกว่าบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังเล็กขนาดใกล้เคียงกับบ้านที่เธออยู่ ปลูกห่างจากบ้านหลังใหญ่ ประมาณ 50 เมตร ส่วนมากก็จะเอาไว้รับรองญาติพี่น้องที่มาเยี่ยม หรือเวลามีงาน ต่างๆ ก็จะเปิดบ้านหลังนี้รับรอง สะดวกสบายทุกอย่างเหมือนบ้านหลังใหญ่
บางทีเพื่อนๆ ลูกมาพัก นางกับสามีก็จะเปิดบ้านหลังนี้ให้เหล่าเพื่อนลูกมาพัก โดยที่สนับสนุนเพื่อนลูกทุกอย่าง แค่เห็นลูกๆ มีความสุข พ่อกับแม่ก็มีความสุขมาก ดีกว่าปล่อยให้พวกเขาไปที่อิ่น อยู่ที่นี่นางกับสามียังได้เห็น ปลอดภัยด้วย ใจนางอยากให้พี่ดุจเดือนมาอยู่เสียด้วยกันใกล้ๆ อายุก็มากแล้ว กรุงเทพฯ ไม่เหมาะสำหรับคนแก่ นางก็คิดแบบนี้แหละ แต่พี่ดุจเดือนเขาอาจจะไม่คิดเหมือนนางก็ได้ บางคนก็ติดกรุงเทพฯ เพราะสะดวกสบายทุกอย่าง ต่างคนก็ต่างความคิด แต่นางชอบอยู่ของนางแบบนี้ ชีวิตเรียบง่าย ไม่เริ่งรีบ อากาศดี ผักผลไม้ก็เยอะแยะมากมาย ล้วนแต่เป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งนั้น ชาวบ้านแถวนี้ทำผักทำผลไม้แบบไม่ใช้สารเคมี
ถ้าหากว่าลูกสาวคนเล็กของนาง ไม่อยากไปทำงานที่อื่น ปรายลดาอาจจะกลับมาทำเกษตรแบบเต็มตัวก็ได้ นางกับสามีก็รอวันนั้นอยู่ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
ลุงสรรใครมาเหรอครับ ตะวันร้องถาม เขาได้ยินเสียงออดหน้าประตูบ้าน ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร แต่ก็อยากถามน่าจะเป็นคุณปรายครับคุณตะวัน เอ...ทำไมมาแต่เช้าเลย อ้อ..ผมลืมไปครับ วันนี้จะไปต่างจังหวัดกันลุงสรรเป็นพ่อบ้าน เป็นคนขับรถ เป็นช่าง เป็นเหมือนญาติสนิท อยู่รับใช้บ้านนี้มาตั้งแต่พ่อกับแม่เขาแต่งงานกันใหม่ๆ อยู่ด้วยกันสองผัวเมืยช่วยกันทำงานที่บ้านนี้ ทั้งสองคนไม่มีลูก จึงรักเจ้านายน้อยๆ ทั้งสองคนของเขา จนเดี๋ยวนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาวทั้งคู่ ลุงสรรกับป้านวลไว้ใจได้ทุกอย่าง และอยู่อย่างเจียมตัวมาก ทั้งๆ ที่ ทั้งตะวัน และกานดารา ก็ให้ความเคารพเหมือนญาตผู้ใหญ่สวัสดีค่ะลุงสรร มากวนลุงสรรแต่เช้าเลย ปรายมีของมาฝากค่ะ คิดว่าลุงสรรกับป้านวลคงชอบหญิงสาวยื่นขวดน้ำผึ้งป่า 2 ขวด ให้ลุงสรรนี่เป็นน้ำผึ้งจากที่บ้านปรายค่ะ แม่ให้มาไว้กิน หลายขวดเลย ปรายกินไม่หมดหรอก ลอตนี้เพิ่งเอามาใหม่ค่ะ ปรายเลยเอามาฝากลุงสรรกับป้านวลรับไว้นะคะ ของดีหายากค่ะ หญิงสาวพูดและยิ้มให้ชายสูงวัยขอบคุณมากครับคุณปราย ไม่น่าลำบากเลยครับ ป้าเขาต้องชอบแน่ๆ เลย รายนั้นชอบน้ำผึ้งมาก ถ้าเห็นคงดีใจมากครับ ทุกคนรอคุณปรายอยู่ที่ห้อ
กาน…..จะถึงบ้านปรายแล้วนะปรายลดาเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ทางที่เข้าไร่ ฝั่งขวาเป็นทิวเขา ฝั่งซ้ายเป็นป่า มีลำคลองยาวขนานเรื่อยไปกับถนนเข้าไร่ เดิมเป็นคลองธรรมชาติ หลังๆ มาทางราชการมาขุดขยายให้กว้างและยาวมากขึ้น ชาวบ้านแถวนี้ก็ได้ใช้น้ำทำเกษตร รวมถึงไร่วงษ์นรา ด้วย"กาน….ลองเปิดกระจกซิ อากาศเริ่มเย็นแล้ว" หญิงสาวเปิดกระจกฝั่งของเธอ แล้วยื่นมือออกไปสัมผัสอากาศเย็นข้างนอกกานดาราทำตามบ้าง"โอ้ย.....ปราย ฉันชอบจังเลย ทำไมดีแบบนี้ ขอบใจเธอนะปราย ที่ทำให้ฉันได้มาสัมผัสธรรมชาติ""ไม่เป็นไรหรอก แค่เห็นเธอมีความสุขฉันก็มีความสุขแล้ว หวังว่าคุณพี่ของเธอจะไม่ดุนะ ที่เราเปิดกระจก เอามือออกไปสัมผัสอากาศเย็นแบบนี้ นี่ขนาดยังไม่ค่ำนะกาน คืนนี้อากาศเย็นแน่ๆ เวลาปรายกลับบ้าน ปรายไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เลย โหยหาชีวิตแบบนี้ นี่ปรายยังคิดอยู่เลยนะว่า เรียนจบปรายจะไปทำงานไกลๆ ได้ไหม แต่ช่างเถอะ มันยังไม่ถึงเวลา ไว้จบจริงๆ ก่อนค่อยว่ากัน"ประมาณ 4 กิโลเมตรจากถนนใหญ่ก็ถึงไร่ วงษ์นรา ระหว่างทางเข้าไร่ ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก มองเห็นแสงไฟจากบ้านไม้หลังใหญ่เด่นอยู่บนเนิน บรรยากาศเงียบลงทันที ความเย็นมาแตะผิวสองสาว สดชื่นนั
เสียงโทรศัพท์นางกรกนกดังขึ้น โทรมาเวลามืดค่ำแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกสาวคนโตของนาง"สวัสดีค่ะแม่ ปราณลดา หรือปราณ วีดีโอคอลมาหาแม่ พ่อไม่อยู่เหรอคะแม่""อยู่จ๊ะลูก พวกเรากำลังกินข้าวเย็น วันนี้มีป้าดุจเดือนลูกชาย และลูกสาว มาเยี่ยมเราที่บ้านจ๊ะ มาพร้อมน้องปรายเมื่อบ่ายนี้เอง สวัสดีป้าดุจเดือนหน่อยนะ" นางหันกล้องโทรศัพท์ไปทางนายอลงกต และนางดุจเดือน ไล่ไปจนถึงปรายลดา"สวัสดีค่ะพ่อ คุณป้าดุจเดือน พี่ตะวัน น้องกาน สวัสดีทุกคนนะคะ" ปราณลดายกมือไหว้ทุกคน"มีอะไรหรือเปล่าลูก วันนี้โทรมาแต่วันเลยปกติจะค่ำกว่านี้ ข่าวดีไหม" นางกรกนกพูดยิ้มๆ"ค่ะแม่ เดือนหน้าหน้าพี่ธานินทร์ได้วันลาหลายวัน ตรงกับโรงเรียนปราณปิดเทอมพอดี เราคุยกันว่าจะขึ้นไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านค่ะ พี่ธานินทร์ อยากได้ฤกษ์แต่งแล้วค่ะแม่" เสียงลูกสาวนางบอกมาอย่างมีความสุข ซึ่งทุกๆ คนได้ยินกันหมด"ไชโย.....พี่ปราณจะได้แต่งงานแล้ว พ่อขา แม่ขา ปรายจะได้อุ้มหลานแล้วใช่ไหมคะ" ปรายลดายกมือปิดปากตัวเอง เมื่อรู้สึกตัวว่า เสียงดังเกินไป เธอลืมไปว่ามีแขก "เอ่อ...ปรายขอโทษค่ะ" หญิงสาวยกมือไหว้ ก่อนที่จะหันไปหากานดารา แล้วยิ้มให้ กระซิบเบาๆ ว
ชายหนุ่มขยับตัว เขานอนอยู่บนเตียงใหญ่ มือก็ควานหาหมอนข้างประจำตัว เขารู้สึกว่าไม่ได้นอนที่บ้านนี่นา เขาอยู่ที่ไร วงษ์นราตะวันหลับสนิทมาก เมื่อคืนเขาจำได้ว่าไม่ได้เปิดแอร์ เพราะก่อนนอนหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว เห็นว่าอากาศเย็นมาก น่าจะ 18 องศาได้ เขาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เผลอหลับจนเช้าเลย ปกติตะวันไม่ชอบนอนห่มผ้า แต่เมื่อคืนเผลอตัวห่มผ้าตอนไหน ผ้าห่มผืนหนาหอมนุ่มผืนใหญ่ คลุมอยู่บนร่างของเขา ตะวันหลับสนิท เขาไม่เคยหลับสบาย และผ่อนคลายแบบนี้มานานมากชายหนุ่มลุกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่าง สรุปว่าเขาไม่ได้ปิดหน้าต่างสักบาน ดีที่มีมุ้งลวด คิดว่าแม่กับน้องของคงหลับสบายเหมือนกัน เสียงนกร้องดังมาจากต้นประดู่ต้นใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ข้างๆ บ้าน เขาลุกขึ้นมายืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ตั้งใจจะนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้เกือบหกโมงเช้าแล้ว ปกติอยู่บ้านเขานอนเกือบตีหนึ่งบ้าง ตีสองบ้าง ตื่นก็ราวๆ เก้าโมเช้า ถ้าเขาได้นอนติดต่อกันแบบนี้หลายๆ วันอาการที่นอนไม่ค่อยหลับน่าจะดีขึ้นแน่ๆ ชายหนุ่มคิดแบบนั้นสายตาเขาเหลือบไปเห็นใครบางคน ท่าทางทะมัดทะแมง เดินเข็นรถมอเตอร์ไซค์ อยู่ที่ถนนข้างบ้าน ตะวันรีบหยิบกล้
เกรียงไกร เดินหน้าเครียดออกมาจากห้องประชุม เขาไม่เข้าใจหัวหน้าเขาเลย ทำไมต้องให้พาพวกเด็กฝึกงานที่เป็นผู้หญิงไปฝึกลาดตระเวนด้วย หัวหน้าเขาไม่รู้รึไงว่าเด็กพวกนี้ร้าย และเป็นภาระมาก แล้วทำไมเขาจะต้องมารับผิดชอบงานพวกนี้ เขาอยากย้ายไปทำอย่างอื่นบ้าง ให้ไปประจำที่ไหนก็ได้ เขาเบื่อหน้าที่นีี้แล้ว ไม่อยากทำ ครั้งนี้มีเด็กผู้หญิงมาหลายคนด้วย ดูแลยากจะตาย ที่สำคัญเข้าป่านานๆ แบบนี้ เขาห่วงกัญญา ยิ่งช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อย ๆ เขาไม่ไว้ใจเธอเลย"เป็นไงครับคุณพี่เลี้ยง หน้างอออกมาเลย เดินทางวันไหนเพื่อน ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไปกันแค่นี้ อาจารย์พ่อเอย อาจารย์แม่เอย มาเต็ม ไม่เหงาหรอก ไหนจะพวกเด็กๆ อีก หรือมีอะไรหนักใจมากกว่าการรับมือกับพวกเด็กๆ" ครรชิตเข้ามาเกาะบ่าเพื่อนสนิท"เออ...ใช่ กูห่วงกัญญา ช่วงนี้ยิ่งมีปัญหาบ่อยๆ กูไม่สบายใจเลย" เกรียงไกรบอกความในใจกับเพื่อนสนิท"เฮ้ย...มึงก็อย่าคิดมาก คงไม่มีอะไรหรอก ครรชิต" ตบบ่าเพื่อนรักเกรียงไกรกับครรชิด เป็นเพื่อนกันมานานสมัยประถม ตัวติดกัน เรียนก็เรียนด้วยกัน โชคดีอีกได้มาทำงานที่เดียวกัน เขามีหน้าที่ดูแลน้องนักศึกษาฝึกงาน และน้องใหม่
"สวัสดีครับ....กิ่งกาล มีธุระด่วนไหม พอดีผมมาต่างจังหวัดครับ ถ้าด่วนก็ฝากเรื่องไว้ที่เลขาผมได้เลยนะครับ อีกหลายวันกว่าผมจะกลับกรุงเทพฯ ผมพาครอบครัวมาพักผ่อน""แหม.....ตะวันคะ ไม่มีเรื่องงานกิ่งโทรหาคุณไม่ได้เหรอคะ เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ตะวันเมื่อไหร่ คุณจะมีเวลาให้กิ่งสักทีคะ นี่ไปพักผ่อนต่างจังหวัดก็ไม่ชวนกิ่งเลย ไปพักผ่อนที่ไหนคะ กิ่งตามไปได้นะคะ จะได้เจอคุณแม่และน้องสาวคุณด้วย""คุณสบายดีไหมครับ อยู่ที่ไหน วันนี้ไม่ได้ทำงานเหรอ อ้อ...วันนี้วันหยุดนี่นา ไปเที่ยวไหนครับ""วันนี้กิ่งอยู่บ้านค่ะตะวัน วันหยุด ถึงได้โทรหาคุณไงคะ กิ่งอยากเจอคุณ คิดถึงนะคะ""ผมยังไม่สะดวกครับกิ่ง ไว้ให้ผมกลับจากต่างจังหวัดก่อนนะครับ เราค่อยเจอกัน""แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะตะวัน นับวันๆ คุณยิ่งห่างกิ่งออกไปทุกที เราก็อายุมากขึ้นทุกวันแล้วนะคะ อะไรๆ ก็คาราคาซัง ไม่ชัดเจนเลย แต่ขอให้คุณรู้ไว้นะคะ ว่ากิ่งรักคุณเสมอค่ะ งั้นแค่นี้นะคะตะวัน กิ่งจะออกไปสระผมค่ะ"กิ่งกาล สาระสิทธิ์ เป็นลูกสาวคนเดียวของเศรษฐี เมืองชล บ้านพ่อเธอทำกิจการโรงแรม และอีกหลายอย่าง ส่วนกิ่งกาล ทำงานบริษัทซึ่งเป็นของพ่อเธอ ที่มีสาขาอยู่ที่กรุงเทพ
"กาน พรุ่งนี้ปรายพาไปเที่ยวเขาใหญ่ อย่าลืมขอคุณป้ากับคุณพี่ของเธอไว้นะ"ปรายลดาบอกเพื่อนระหว่างที่หัดขับรถอยู่ในไร่ วันนี้เธอให้กานดาราขับรถหกล้อเกียร์ธรรมดา เธออยากให้เพื่อนขับเกียร์แบบนี้เป็น เวลาจะไปขับเกียร์ออโต้มันจะง่ายมากๆ กานดาราเรียนรู้ได้เร็ว หัดขับไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถขับได้ เหมือนตอนที่เธอหัดขับ พ่อของเธอหัดให้ภายในไร่ ใช้เวลาสามชั่วโมงก็ขับได้ พ่อเธอให้ขับขึ้นถนนใหญ่เลย ตอนนั้นจำได้ว่าตื่นเต้นมากๆ"จริงเหรอปราย ไปๆ เดี๋ยวกินข้าวเที่ยงฉันจะลองขออนุญาติแม่กับพี่ตะวันนะ ""หวังว่าเธอจะได้รับข่าวดีนะกาน ฉันอยากพาไปอากาศกำลังดี หรือเราจะไปกางเต้นท์กันดีกาน อุปกรณ์ก็พร้อมทุกอย่าง ถ้าได้ไปเราเตรียมอาหารไปทำกินกันดีกว่านะ พูดแล้วฉันก็ตื่นเต้น เธอว่าพี่ชายเธอจะให้ไปไหม ปรายลดาถามย้ำ""กานไม่รู้แต่ว่าตั้งแต่มาที่บ้านปราย พี่ตะวันเปลี่ยนไปเยอะมากนะ ตามใจ ใจดี กานชอบแบบนี้ ไม่อยากให้พี่ตะวันดุ อยากให้หน้ายิ้มบ้าง กานรู้ว่าพี่ตะวันเครียดหลายอย่าง แต่พอมาที่นี่ผ่อนคลายไปเยอะมาก ไปกันเถอะปราย ฉันว่าฉันขับคล่องแล้ว ตื่นเต้นมากเลยตอนนี้ นี่ฉันจะได้ไปเที่ยวมรดกโลกแล้วเหรอเนี้ย ดีใจจังเลยปร
หลังจากที่กินข้าวเช้ากันแล้ว หนึ่งหนุ่ม สองสาวก็เตรียมตัวขึ้นเขาใหญ่ทันที เพราะกานดาราตื่นเต้นมาก ๆ เร่งให้ทั้งพี่ชายและปรายลดา พาขึ้นไปเร็ว ๆ"เดินทางปลอดภัยกันนะลูก เที่ยวให้สนุก ถึงแล้วก็โทรหาแม่ด้วยนะ""ได้ครับแม่เดี๋ยวถึงแล้วผมโทรหานะครับ ไปนะครับคุณน้า ตะวันยกมือไหว้ทั้งสามคน""สวัสดีค่ะคุณป้า ปรายจะเที่ยวเผื่อนะค"ะ"กานไปก่อนนะคะ แม่ คุณน้าทั้งสอง ตอนนี้ยังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ""เดินทางกันปลอดภัยนะลูก ไปกันได้แล้ว" นายอลงกตบอกกับทั้งสามคน"เดี๋ยวปรายขับเองนะคะ ขากลับพี่ตะวันค่อยขับค่ะ"พูดจบก็ปีนขึ้นรถ ชายหนุ่มขึ้นไปนั่งข้างหน้าคู่คนขับ ทำให้กานดาราต้องปีนขึ้นไปนั่งข้างหลัง"ปรายจะขับอย่างระมัดระวัง ทางบางช่วงคดเคี้ยว เดี๋ยวคนนั่งหลังจะเมารถเอา เปิดกระจกดีกว่านะคะ ลมเย็นมากๆ หวังว่าเราจะไม่เจอช้างกันกลางทาง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าเจอก็จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยตลอดเวลา ถ้าเราไม่ทำอะไรเขา เขาก็ไม่ทำอะไรเราหรอกค่ะ"ทางคดเคี้ยวอย่างที่หญิงสาวบอกจริงๆ เขารู้เลยว่าปรายลดาขับรถเก่งมาก ถ้าให้เขาขับก็คงต้องค่อยๆ ไป เพราะไม่ชินทาง ปล่อยให้หญิงสาวขับไปดีกว่า น่าจะปลอดภัยกว่าเขาขับระยะทางไม่
“น้องกาน น้องกาน” เสียงตะวันตะโกนเรียกกานดาราอยู่หน้าห้องของเธอ หญิงสาวสะดุ้งตกใจกับเสียงเคาะประตูนั้น เธอเงยหน้ามองหน้าฬิกาโบราณเรือนใหญ่ที่ผนังห้อง เกือบตีสามแล้ว อะไรกันนี่พี่ตะวันเป็นอะไร ก็เธอบอกว่าจะลงไปเอาโทรศัพท์เอง จะมาเคาะประตูทำไม ไม่อยากเห็นหน้าเลย คนใจร้าย ทำไมพี่ชายเธอถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้ อะไรดลใจให้เขาทำแบบนั้น เสียงเคาะนั่นดังถี่ขึ้น จนเกือบจะกลายเป็นทุบ“อะไรคะพี่ตะวัน” เธอเปิดประตูห้องนอน“กานบอกแล้วไงคะว่าจะไปเอาโทรศัพท์เอง ไม่ต้องเอาขึ้นมาให้หรอกค่ะ”เธอเห็นหน้าพี่ชายเธอ ตาแดง ผมเผ้ารุงรัง เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพันแขนขึ้นมาถึงข้อศอก ทั้งสองข้าง ท่าทางอิดโรย เหมือนยังไม่ได้นอน สมน้ำหน้าใครจะไปนอนลง ถ้านอนได้ก็แสดงว่า ไม่ใช่คนแล้วล่ะ"น้องกานออกมาคุยกับพี่หน่อย" พี่ทนรอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้ มาเถอะมาคุยกับพี่หน่อย"ท่าทางและหน้าตาของพี่ชายเธอตอนนี้ หมดอาลัยตายหยากมาก เดินเหมือนไม่ใรสติ เขาไม่ได้เมา เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทำตัวเองทั้งนั้น เธอเกลียดมากผู้ชายนิสัยแบบนี้ เห็นแก่ตัว ไม่น่าเชื่อว่าพี่ชายเธอจะเป็นแบบนี้ไปได้เธอเคยเคารพ และนับถือเขามาก เขาเป็นไอดอลของเธอ เป็นพี่
พ่อขา แม่ขา ปรายขอลาไปพักผ่อนสักพักนะคะ อาจสองปีสามปี หรือมากกกว่านั้น ปรายกลับมาแน่นอนค่ะ ปรายขอรถพ่อไปใช้คันหนึ่งนะคะ คันที่ไม่มีใครรู้ว่าบ้านเรามี ปรายขอโทษพ่อกับแม่นะคะ ที่ไม่เข้มแข็งพอ ยังไม่ได้ตอบแทบบุญคุณของพ่อกับแม่เลย ปรายอาจยังเด็ก เลยรับมือกับปัญหายังไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะคะ ปรายพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง และเบอร์โทรนี้ ปรายจะยกเลิกนะคะ เดี๋ยวปรายจะติดต่อมาเองค่ะ ขณะที่แม่กับพ่ออ่านแชทนี้ ปรายก็งไปไกลมากแล้ว สุดท้ายนี้ปราย ขอให้พ่อกับแม่มีสุขภาพแข็งแรง รักพ่อกับแม่มากนะคะ อ่อ...พวกเครื่องประดับ ปรายไม่ได้เอามาด้วยนะคะ ยังอยู่ในเซฟครบทุกอย่าง รักพ่อกับแม่มากค่ะ ปรายลดา................นายอลงกต มองหน้าภรรยา หน้านิ่ง “จนได้นะหนูปราย แม่เห็นว่ายังไงล่ะ” เขาถามภรรยา“จะยังไงล่ะ ก็ต้องตามนั้น ก็รู้กันอยู่ นิสัยน้องปราย ถ้าไม่ที่สุดแล้ว ไม่เป็นแบบนี้หรอก แม่ไม่เป็นไรหรอกพ่อ ดีเสียอีก ลูกจะได้อยู่กับตัวเอง คิดทบทวน ปล่อยเขาไปสักพัก สบายใจดีแล้วคงติดต่อกลับมา ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้อยู่กับเราอยู่แล้ว เราก็ให้อิสระลูกเต็มที่ แล้วแต่เขาแม่ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวเขาก็กลับมา เราสอง
ปรายลดาตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ตะวันกับกานดาราเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เธอจะอาศัยช่วงเวลานี้ เอาตัวเองออกไปจากที่ตรงนี้สักพัก ไว้หัวใจเธอแข็งแรงดีแล้วเธอจะกลับมา พ่อกับแม่เธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าเธอหายไปท่านทั้งสองก็จะรู้ว่าเธอเป็นอะไร ครั้งนี้เธอเจ็บเหลือเกิน โธ่เอ้ยปรายลดา ริจะรักก็อกหักซ่ะแล้วหญิงสาวไม่เข้าใจเลย ทำไมกับการที่เธอขอเวลา เพื่ออยู่กับตัวเองสักพัก มันจะทำให้ความรักที่ตะวันรักเธอมันหมดไปเลยเหรอ ปากเขาก็บอกว่ารักเธอ รอเธอได้ จะไม่บังคับเธอ จะตามใจเธอทุกอย่าง จะรอวันที่เธอพร้อม ชีวิตนี้จะมีแต่เธอคนเดียว คำพูดเหล่านี้ เธอจำมาตลอด จำจนขึ้นใจ นึกโมโหตัวเองที่หลงเชื่อเขาง่ายๆ สุดท้ายก็เจ็บอยู่คนเดียวแต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับรอเธอไม่ได้ ในกรณีที่รอไม่ได้แล้วทำแต่งาน บ้างาน เธอจะไม่คิดอะไรเลย แต่นี่เขากลับกลายเป็นคนละคน เขาแอบมีคนอื่น ถามว่าทำไมเธอรู้ คนเราคบกันเป็นแฟน พออีกคนเปลี่ยนไป ใครบ้างจะไม่รู้ ที่เธอขอเวลา ใช่ว่าเธอจะมีคนอื่น เธอแค่อยากทำงาน อยากดูแลพ่อแม่ อยากสานต่อธุรกิจที่บ้าน เอาตรงๆ เธออยากตอบแทนบุญคุณพ่อและแม่บ้าง อยู่ๆ เรียนจบมาแล้วจะให้แต่งงานเลย เธอคิดมันไม่ใช่หญิงสาวใ
ตั้งแต่ปรายลดากลับจากใต้ ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบหกเดือนแล้ว บ้านของตะวันสร้างเสร็จเรียบร้อยและย้ายเข้ามาอยู่แล้ว ตกลงว่าเขาสร้างบ้านสองหลัง หลังเล็กสร้างให้กานดารา เขาให้เหตุผลว่า เผื่อน้องสาวแต่งงานแล้วอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เลยสร้างให้อีกหลัง ซึ่งประภาษก็เป็นคนออกแบบให้เหมือนเดิม นางดุจเดือนมีความสุขมาก ได้ทำอาหาร ได้ทำสวนครัว ได้ปลูกดอกไม้ ตอนนี้นางลุ้นอยู่อย่างเดียวคือ รอให้ตะวันแต่งงาน นางอยากเลี้ยงหลาน อยากอุ้มหลานนางไปทาบทามฝั่งของปรายลดาแล้ว แต่เห็นว่าปรายลดาขอเวลาอีกสักหน่อย นางเข้าใจในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ปรายลดาเพิ่งจะเรียนจบ และรับปริญญาไป หญิงสาวอาจอยากอยู่กับตัวเอง อยากเป็นอิสระ ยังอยากอยู่คนเดียว ผู้หญิงเรื่องมีครอบครัวต้องคิดเยอะหน่อย แต่ลูกชายนางนี่ซิ ใจร้อน อยากแต่งเสียเร็วๆ บางทีผู้ชายก็ไม่เข้าใจผู้หญิง นางก็คอยบอกให้เขาใจเย็นๆ ต้องให้เวลาปรายลดาบ้าง“พ่อว่ายังไงล่ะ พี่ดุจเดือนเขาทาบทามน้องปรายให้พ่อตะวันแล้วนะคะ แม่ว่าพ่อตะวันเขาก็ดูดีทุกอย่างเลยนะ ทั้งฐานะ หน้าที่การ อายุ พร้อมทุกอย่าง สามารถจะดูแลลูกสาวเราได้ ไม่ลำบากหรอก” นางพูดไปเรื่อยๆ แต่หน้าตาก็มีความก
"แม่ครับ รถคันนี้นั่งสบายไหมครับ" ตะวันสังเกตว่า แม่ของเขานั่งเอนหลังท่าทางสบายมาก"สบายมากเลยลูก นิ่ง เสียงเงียบ เก้าอี้ใหญ่นั่งสบาย แม่ชอบ" นางดุจเดือนพูดตามที่ตัวเองรู้สึก"น้องกาน ชอบไหม" ตะวันมองผ่านกระจกถามน้องสาว ที่นั่งแถวหลังคนขับ สายตาเขาเลยไปหาคนที่นั่งข้างกานดาราด้วย ได้เห็นสักนิดก็ยังดี แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว ได้อยู่ใกล้ๆ ได้เห็นหน้า"ชอบค่ะพี่ตะวัน กานชอบตั้งแต่นั่งไปใต้แล้วนะคะ คันใหญ่ นิ่งและนิ่มสบายดี กานยังคุยกับปรายเลยค่ะ ตอนที่เราไปใต้ว่าชอบรถคันนี้นอนสบาย""ถ้าทุกคนชอบ พี่ว่าจะซื้อไว้ใช้สักคัน พี่ก็ชอบใช้แล้วติดใจเลย ใหญ่ไปนิดแต่ ขับสบาย แถมประหยัดน้ำมันด้วย เวลาพาแม่เดินทาง จะได้นั่งสบายๆ ไม่เหนื่อยมาก""ถ้าคุณจะซื้อบอกผมนะ ผมจะพาไปดู เซลล์ที่ขายให้ผม บริการดีมาก" ประภาษบอกกับตะวัน"โอเคงั้น ไว้สักประมาณอาทิตย์หน้า เรามาดูด้วยกันนะ แม่กับน้องกานเลือกสีไว้ได้เลยนะครับ ผมคิดว่าไปนครนายกก่อน ไม่เกินอาทิตย์หน้า ผมจะขึ้นมาดูรถ ถ้ามีสีตามที่ต้องการ ก็จะตกลงซื้อเลย ""กานพี่เขาตอบมาแล้วนะ ปรายส่งผ้าลอตเก่าไปให้เขาดู ห้าสิบชุด รับไปสามสิบ ที่เหลือถ้าขายไม่ได้ เราก็เก็บไว้ใส
ปรายยังไงเนี้ย ตกลงเขาจะมาซื้อของหรือทักมาหาปรายเฉยๆ เอาดีๆ กานงงแล้วนะ วิเคราะห์จากคำพูดที่เขาพิมพ์มา กานว่าเขาไม่ได้มาซื้อของหรอก กานเข้าไปส่องไอจีเขาแล้ว เอฟซีเขาเพียบ สวยๆทั้งนั้น กานไม่เชื่อว่าเขาไม่มีคนคุย เขาไปกดถูกใจสาวๆเพียบเลย มีแต่คนสวยๆ แล้วปรายไปรู้จักเขาได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเป็นรุ่นพี่ของปราย เพิ่งจบไปปีที่ผ่านมา เรียนคณะเดียวกัน ตอนที่พี่เขาเรียนเขาก็เข้าวงการแล้ว เราทำกิจกรรมด้วยกัน พี่เขามีแฟนแล้ว ไม่นานก็เลิกกันไป เป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มาก จีบดะ ยกเว้นปราย ปรายจะคุยแค่งาน จบเรื่องงานก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย ตอนที่ปรายขายของในเพท พี่เขาเข้ามาทัก กดถูกใจในไอจีเวลาเราลงรูป นี่ห่างไปนานนะ เพิ่งจะมากดถูกใจ ที่ปรายตื่นเต้นเพราะ เพื่อนพี่เขามาสั่งชุดฮาวายกับปราย นี่ไงดูซิ เขาออเดอร์มาหลายชุดมาก ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ทักมาบอกว่าเพื่อนเขาอยากดูรูปชุดฮาวาย เรายังไม่ได้ซักไง แต่ปรายได้เบอร์เพื่อนเขาแล้วนะ ต่อไปนี่ก็จะติดต่อกับเพื่อนเขา ไม่ต้องผ่านพี่ผู้ชายแล้ว สบายใจได้เลย ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ปรายบอกพี่ตะวันเอง ปรายเห็นหน้าพี่ตะวันแล้วเมื่อกี้ รู้ว่าจะต้องทำยังไง นี่ถ้า
"กินน้ำเต้าหู้แล้วคิดถึงที่บ้านปรายเนาะ ที่เราออกไปช่วยลุงกับป้าขายน้ำเต้าหู้ กานว่าที่บ้านปรายอร่อยกว่าเยอะเลยนะ หรือเราชินทางโน้น กานว่าจะซื้อของไปฝากป้ากับลุงสักหน่อย แต่คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี"" ปรายซื้อผ้าถุงมาฝากป้า กางเกงเลมาฝากลุง จริงๆ กานไม่ต้องซื้อหรอก หรือแล้วแต่กานล่ะกัน เผื่ออยากให้ ไว้เราค่อยหาดูพรุ่งนี้ก็ได้ หลังจากกลับจากโรงงาน""ทุกคนครับ เดี๋ยวภาษจะเข้ามานะครับ เขาเข้ามาธุระเรื่องกาแฟที่กรุงเทพฯ ผมเลยชวนเขามาพักบ้านเรา พอดีเลยจะได้กลับพร้อมกันวันมะรืน เราก็จะได้คืนรถภาษด้วย ดีเหมือนกันนะครับ แม่ ผมจะได้ดูแบบบ้านกับเขาเลย เดี๋ยวให้ภาษนอนห้องเดียวผมเลยล่ะกันนะครับ""แล้วพี่ภาษมารถอะไรคะพี่ตะวัน" ปรายลดาถามชายหนุ่ม"มากับเพื่อนครับ เขาเห็นว่าเราจะกลับบ้านกันวันมะรืนก็เลยจะกลับด้วย ผมรบกวนแม่เตรียมที่นอนให้ภาษด้วยนะครับ พวกชุดเครื่องนอน ผ้าเช็ดตัว" "เดี๋ยวกานไปเตรียมให้ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ลำบากแม่ขึ้นลง ปรายไปช่วยกานหน่อยนะ "สองสาวขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง เพื่อเตรียมที่นอนให้ประภาษ "เดี๋ยวเราไปเอาผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม หมอน ผ้าเช็ดตัวก่อนนะ ตู้เก็บผ้าอยู่ที่ห้องอีกห้
แม่ขา พี่ตะวันโทรมาแล้วค่ะ น่าจะถึงแล้ว เดี๋ยวกานออกไปเปิดประตูเองนะคะแม่ กานดารารีบวิ่งออกไปหน้าบ้้าน เพื่อเปิดประตูให้พี่ชายและปรายลดา เธอคิดถึงทั้งสองคนเลยสวัสดีค่ะพี่ตะวัน ไม่ได้เจอพี่ตะวัน หนึ่งเดือนเต็ม ๆ ดูมีความสุขมากเลยนะคะ หน้าตาอิ่มเอิบมาก อ้วนขึ้นไหมคะเนี้ย กานดาราทักทายพี่ชายของเธอ ทำไม ดูพี่อ้วนขึ้นเหรอน้องกาน ช่างสังเกตุนะเรานี่จริงอย่างที่น้องสาวเขาทัก เขาน้ำหนักขึ้นสามกิโล นั่งๆนอนๆ เฝ้าสาว คงเป็นเพราะสบายใจด้วยล่ะ ธรรมดาของคนมีความสุขไปๆช่วยพี่ขนของก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันปรายเป็นไงบ้าง นี่คล้ำลงนะเนี้ย ใช่ไหม พี่ตะวันอ้วนขึ้น ปรายผอมลง สลับกัน คิดถึงเพื่อนจังเลย ไหนของฝาก กานดาราแหย่เพื่อนเล่นๆ กานเฝ้ารอของฝากจากทางใต้ นี่รอตั้งแต่เช้าแล้วรู้ไหม พี่ตะวันขับรถช้าหรือเปล่านะสบายดี กานก็เหมือนเดิมเลยนะ ของฝากอยู่ในกระเป๋า มีเพียบเลย ปรายไปเจอร้านผ้าฮาวายด้วย ได้มาฝากกานหลายชุดเลย พี่ตะวันไม่ได้ขับรถช้าหรอก เราแวะซื้อของกินบ่อย รถไม่เยอะด้วยแหละ เลยมาแบบสบายๆสองสาวรีบขนของเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตะวันบอกสองสาว เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มที่จะคุยกันยาวสว
ใครมากดออดหน้าบ้าน น้องกานไปดูหน่อยลูก" "ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวกานไปดูเอง ไม่น่าจะเป็นคนที่รู้จักนะคะ กดกริ่งรัวๆ แบบนี้""นี่ตะวันอยู่ไหม ทำไมพี่โทรหาแล้วเขาไม่รับสายเลย เขาอยู่ที่นี่ไหม น้องกาน เปิดประตูให้พี่หน่อย" "สวัสดีค่ะพิ่กิ่งกาญณ์ มีธุระอะไรเหรอคะ พี่ตะวันไม่อยู่หรอกค่ะ ไปทำงานที่ใต้ หลายวันแล้วมีอะไรไหมคะ ฝากกานไว้ก็ได้นะคะ อีกหลายวันค่ะ กว่าพี่ตะวันจะกลับ" "ตะวันไปทำงานที่ไหนคะ มีที่อยู่ไหม จังหวัดอะไร แล้วนอกจากเบอร์เดิม ตะวันมีเบอร์อื่นอีกไหมคะ น้องกาน นี่น้องกานจะใจดำ ไม่ให้พี่เข้าไปสวัสดีคุณแม่เลยเหรอคะ พี่เหนื่อยแล้วก็ร้อนมาก ""ขอพี่เข้าไปไหว้คุณแม่หน่อยนะคะ แป๊ปเดียว ทำยังกับว่าบ้านนี้พี่ไม่เคยมางั้นแหละ""ไม่ต้องลำบากหรอกนะหนูกิ่งกาญณ์ พอดีพวกเราจะออกไปธุระข้างนอกกัน ไม่สะดวกเลยจ๊ะ""สวัสดีค่ะคุณแม่ แหม.....กิ่งมาผิดวันใช่ไหมคะ คุณแม่สบายดีนะคะ กิ่งคิดถึงทุกคนเลยนะคะ โดยเฉพาะตะวัน เขาคงงอนกิ่งนะคะ กิ่งโทรไปเข้าไม่รับสายกิ่งเลย ไม่เป็นไร วันหลังเดี๋ยวมาใหม่นะคะคุณแม่ น้องกาน" กิ่งกาญณ์จำต้องถอยกลับไปก่อน เอาเถอะไว้เธอติดต่อตะวันได้ เธอก็ต้องมาที่นี่อยู่วันยังค่ำ ทำไมเ