ในโลกของการแข่งขันที่ดุเดือด ทั้งในเวทีมวยและวงการธุรกิจใต้ดิน ค่ายมวย ‘ศักดิ์ประภาไฟต์คลับ’ ของครอบครัวเจนต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่ใช่แค่เรื่องกีฬา แต่เป็นภัยคุกคามที่มาจากกลุ่มทุนสีเทาที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดกลุ่มทุนสีเทานี้ไม่เพียงแต่มีเป้าหมายทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมผิดกฎหมาย ตั้งแต่การล้มมวย การจัดการแข่งมวยเถื่อน ไปจนถึงการบังคับใช้แรงงานในธุรกิจสีดำ พวกเขาเล็งเห็นถึงความโดดเด่นของค่ายศักดิ์ประภาไฟต์คลับ ที่ผลิตนักมวยฝีมือดีอย่างต่อเนื่อง และต้องการดึงนักมวยเหล่านี้ไปอยู่ในเงื้อมมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในยามบ่ายวันเสาร์ที่เงียบสงบผิดปกติของค่ายมวย เจนยืนอยู่กลางลานซ้อมมวย ดวงตากลมโตมองดูบรรดานักมวยที่กำลังซ้อมอยู่ด้วยสีหน้าขึงขังผิดวิสัย เสียงกระสอบทรายที่ถูกต่อยดังเป็นจังหวะ แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ความกังวลในใจเธอเบาบางลง“เจน” เสียงพี่เดย์ดังขึ้นจากด้านหลัง“มีอะไรเหรอพี่?” เจนหันไปถาม“พี่มีเรื่องต้องบอก...” เดย์สูดลมหายใจลึก สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเดย์พยักหน้าเรียกให้เธอเดินตามไปที่ห้องทำงาน ภายในห้องนั้นมีพี่กร กรวิชญ์ พี่คนโต หัวหน้าค่ายมวย และ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน เชษพาเจน ฟ้า แจง และเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขาไปฉลองชัยชนะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านทองหล่อ ‘คิซึนะ อิซากายะ’ ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแท้ที่ตกแต่งด้วยโคมไฟกระดาษสีส้มอบอุ่น บรรยากาศเงียบสงบแต่มีความเป็นกันเอง“ร้านนี้หรูเหมือนกันนะ” แจงพูดพลางมองไปรอบๆ ร้าน“ใช่ แต่อาหารอร่อยมาก จนลืมเรื่องราคาไปเลย” เชษตอบพร้อมรอยยิ้ม“ถ้านายจ่าย ฉันก็ไม่มีปัญหา!” เจนพูดพลางยักคิ้วขำๆเชษหัวเราะในลำคอ“ฉันเลี้ยงเอง”“เย้!!!”เสียงเพื่อนๆ เฮลั่นพร้อมกัน ทุกคนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ขณะนั่งล้อมโต๊ะยาวกลางร้าน พนักงานเสิร์ฟชาเขียวเย็นให้แต่ละคน พร้อมยื่นเมนูหลากหลายที่ชวนให้น้ำลายสอ“สั่งไรดี?” แจงถามขณะพลิกดูเมนูไปมา ฟ้าก็ก้มหน้าก้มตาดูเมนูด้วยท่าทางตั้งใจ“ซาชิมิรวม ชุดเทมปุระ ข้าวหน้าปลาไหล...แล้วก็อย่าลืมราเมน” เชษพูดขึ้น“สั่งเยอะไปปะ?” เจนแซว“ก็เธอหิวไม่ใช่เหรอ?”เชษพูดยิ้มมุมปาก ทำเอาเจนหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะรีบสั่งข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นเพิ่มทันที“ขอเหล้าบ๊วยด้วย!!” ฟ้ากับแจงยกมือสั่งพร้อมกัน“สาเกอีกชุด” โจ้กับเฟย์พูดต่อแบบไม่ยอมแพ้“พวกแกจะถล่มเชษรึไง” เจนหันไปดุเพื่อนสองคน“ไม่เ
[เจน - พิเศษ]เหล้าบ๊วยทำเรื่องให้ฉันซะละ รู้สึกมึนๆ ร้อนวูบวาบไปทั่วตัว เหมือนคุมตัวเองไม่ได้ โชคดีที่เชษไปด้วย เขาพาฉันกลับห้อง ขณะที่ฉันกำลังมึนได้ที่...เขาวางตัวฉันบนเตียง ฉันปรือตามองเขาเบลอๆ เห็นร่างเขาคร่อมอยู่เหนือฉัน ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มของเขาจะทาบลงมาแตะริมฝีปากฉันอย่างอ่อนโยน ลิ้นร้อนของเขาไล้ไปมาบนริมฝีปากฉันจนใจสั่นริมฝีปากเขา...นุ่มสุดๆฉันชอบ...ที่เขาจูบฉันมากกกกตัวเขาก็หอม...มือหนาของเขาค่อยๆ ลูบไล้ไปทั่วร่างฉันอย่างเชื่องช้า ก่อนปลดเสื้อผ้าของฉันออกทีละชิ้นจนหมดสิ้น“อ๊ะ..อื๊อ...”เสียงครางหวานหลุดออกจากริมฝีปากฉัน เมื่อปลายลิ้นร้อนของเขาตวัดวนที่ยอดถันซึ่งแข็งชันตอบรับสัมผัส ความวาบหวามพุ่งพล่านไปทั่วร่างมัน...กำลังปลุกเร้าให้ฉันต้องการเขามากขึ้นในทุกวินาทีฉันยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขา ก่อนปล่อยมืออีกข้างลูบไล้เบาๆ ไปตามแผ่นหลังที่แข็งแกร่ง สัมผัสอุ่นร้อนของกล้ามเนื้อเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มืออีกข้างเลื่อนลงไปสัมผัสกล้ามท้องที่เรียงตัวเป็นลอนสวยอย่างหลงใหล“อ่าส์...”เสียงครางต่ำแผ่วเบาของเขาดังขึ้นในลำคอ น้ำเสียงที่แสนเซ็กซี่นั้นกระตุ้นความรู้สึกจนฉันเสี
[เชษ - พิเศษ]เหล้าบ๊วยเมื่อคืนได้ผลดีเกินคาด ผมอุตส่าห์หลอกล่อให้เจนลองชิม ดูเหมือนเพื่อนสองคนของเธอจะรู้ใจผม แอบช่วยมอมเหล้าบ๊วยจนเธอดูมึนๆ และดูเหมือนจะกระตุ้นอารมณ์เธอไม่น้อยผลลัพธ์คือ เมื่อคืนเธอยอมให้ผมทำอะไรต่อมิอะไร โดยแทบไม่มีการขัดขืน แถมยังมีอารมณ์ร่วมอย่างเต็มที่จนผมเองก็หยุดตัวเองไม่ไหว เลยเผลอทำไปซะหลายรอบ จนเหลือร่องรอยแดงจากการดูดของผมเต็มตัวเธอตอนนี้ก็อดกังวลไม่ได้ว่า พอตื่นขึ้นมา เธอจะโวยวายใส่ผมรึเปล่า... แต่ก็นะ เมื่อคืนนี้มันช่างหอมหวานจนผมหยุดไม่ได้จริงๆ!ก่อนหน้านี้ ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่มีอะไรกันครั้งเดียว ทำไมถึงหลงเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นได้ขนาดนี้?แต่พอลองคิดย้อนกลับไป ผมน่าจะตกหลุมรักเธอตั้งแต่วันที่เธอมาตั๊นหน้าไอ้ไผ่ถึงคณะแล้วล่ะมั้งเมื่อคิดได้แบบนั้น วันที่ผมตัดสินใจชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน ผมเลยเลือกสารภาพรักกับเธอ มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงจากใจ ผมอยากให้เธอได้รับรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเธอแต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนผู้หญิงในอดีตรวมถึงเฟิร์นก็ไม่คิดจะปล่อยให้ผมมีความสุขกับเธอง่ายๆ แฮะ ผมคงต้องระวังตัวไว้หน่อยไอ้งานบายเนียร์อะไรนั่นอีก ต้องหาทางทำอะ
เชษพาเจนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ชื่อ ‘โชคุโดะ ฮานะ’ ตั้งอยู่ในซอยเงียบสงบของย่านใจกลางเมือง ร้านนี้ตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ มีโคมไฟกระดาษสีส้มอ่อนประดับตามมุมต่างๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย โต๊ะไม้เล็กๆ ถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย พร้อมกับเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ในพื้นหลัง“นายชอบร้านนี้เหรอ?” เจนถามพลางกวาดตามองไปรอบๆ ร้าน“อื้อ มันเงียบดี อาหารก็อร่อย เจ้าของร้านก็ใจดี แถมจำฉันได้” เชษตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ“แสดงว่านายมาบ่อยสิ” เจนหรี่ตามอง“อืม...บ่อยจนเจ้าของร้านบอกว่าฉันเป็นลูกค้าประจำ” เชษหัวเราะน้อยๆ“ฉันเรียกมันว่าที่ลับของฉัน”“ที่ลับ? แล้วทำไมนายถึงพาฉันมา?”เชษหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนตอบเรียบๆ แต่แฝงความหมายลึกซึ้ง“แปลว่าเธอพิเศษไง”เจนหน้าแดงวูบ เธอรีบก้มหน้าลงเปิดเมนู ทำทีเป็นเลือกอาหารเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขิน แต่เชษกลับยิ้มกริ่มกับท่าทางของเธอทันใดนั้น เสียงทุ้มใจดีของคุณลุงเจ้าของร้านก็ดังขึ้น“อ้าว ไงหนุ่ม ไม่มาซะนาน”เชษหันไปยิ้มกว้าง“ลุงชิโระ! ผมขอเหมือนเดิมนะครับ”คุณลุงหัวเราะเบาๆ“ซาชิมิรวม ข้าวหน้าปลาไหล กุ้งเทมปุระ ไข่ม้วนญี่ปุ่น แล้วก็ราเมนใช่มั้ย?”“แม่นแล้วครับ” เชษต
สัปดาห์ถัดมาสำหรับเจนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เริ่มต้นด้วยการเรียนในตอนเช้า ต่อด้วยงานกลุ่มในช่วงบ่าย และปิดท้ายด้วยการซ้อมเดินแบบสำหรับงานบายเนียร์ที่คณะบัญชีและบริหารจัดขึ้นร่วมกันในช่วงเย็น“โอย...ฉันจะตายแล้ว” เจนบ่นพลางนวดขมับตัวเอง ขณะกำลังเปลี่ยนชุดในห้องซ้อมเดินแบบแจงที่ยืนอยู่ข้างๆ หมุนตัวสำรวจชุดที่ตัวเองสวม ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม“โชคดีจะตายที่ได้เดินแบบงานใหญ่ขนาดนี้ ดูสิ แกเหมาะมาก สูงกำลังดี หุ่นดี หน้าเป๊ะ”เจนกลอกตาอย่างหมดแรง“พูดเหมือนแกไม่โดน”ฟ้าที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าหัวเราะเบาๆ“เอาน่ะ อย่างน้อยพวกเราก็อยู่ด้วยกัน แกจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาไง”เจนถอนหายใจ “แต่ฉันอยากนอนมากกว่า”ก่อนที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงตบมือของทีมงานดังขึ้นจากกลางห้อง ดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปทางนั้น“โอเคค่ะ ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?เดี๋ยวเราจะเริ่มซ้อมจากจุดเริ่มต้นของเวทีกันนะ” ทีมงานประกาศด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเจนยืดตัวขึ้น สูดหายใจลึก ก่อนจะหันไปมองเพื่อนทั้งสองคน“เอาวะ...ก็แค่ซ้อมอีกวันน่า”“ประโยคปลอบใจตัวเองสุดๆ” แจงแซวพร้อมหัวเราะเบาๆ ขณะที่ทุกคนเดินไปยังจุดเริ่มต้นของเวทีเสี
เมื่อถึงเวลาซ้อม เจนเดินออกไปยังจุดเริ่มต้นของเวที สวมชุดราตรีที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานนี้ เนื้อผ้าพลิ้วไหวและความยาวของชุดทำให้เธอต้องเดินอย่างระมัดระวังทุกก้าว“เชิดหน้านิดนึง เจน!” ทีมงานคนหนึ่งตะโกนแนะนำด้วยน้ำเสียงจริงจังเจนสูดลมหายใจลึก พยายามปรับท่าทางให้สง่างาม ขณะเดินตรงตามทางที่ซ้อมไว้“นี่มันยากกว่าที่คิดนะ...” เธอพึมพำเบาๆ“ไม่ใช่แค่แกหรอก ฉันก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะสะดุดมั้ย” ฟ้าที่เดินตามอยู่ด้านหลังกระซิบพร้อมหัวเราะเบาๆ“แกอย่าทำให้ฉันประหม่าดิ” เจนตอบกลับพร้อมถอนหายใจ“โอเค! เจน ฟ้า แจง หยุดตรงจุดที่มาร์คไว้ แล้ว ม่อน ใหม่ แต เดินไปหยุดข้างสามสาวนั่น” เสียงทีมงานบรีฟดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนเริ่มเดินไปยังจุดที่กำหนดเจนมองตามที่มาร์คไว้ตรงปลายเวที เธอก้าวเดินอย่างระมัดระวังจนไปถึงจุดหมาย ก่อนจะเหลือบเห็นม่อนเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายรอยยิ้มอย่างจงใจมาทางเธอ“สวยนะ” ม่อนพูดเมื่อเดินมาหยุดข้างเธอ“ขอบคุณ แต่ช่วยตั้งใจซ้อมดีกว่านะ”ม่อนหัวเราะเบาๆ“อย่าห่วงเลย ผมเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว”“โอเคครับ! หนุ่มๆ ยกมือขึ้น ส่วนสาวๆ วางมือลงบนมือของหนุ่ม
ยามค่ำคืนที่ผับไนท์อาวน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานและแสงไฟสีสันสดใส ม่อนนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนหกถึงเจ็ดคนที่กำลังสังสรรค์กันอย่างเฮฮา แต่เขากลับนั่งเงียบ สีหน้าไม่สนุกเหมือนคนอื่น เอเจ เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ หันมามองด้วยความสงสัย“เป็นเชี่ยไรวะ?” เอเจถามพลางกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“มันแห้วแดก” ใหม่ เพื่อนในกลุ่มอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะ พลางหัวเราะร่วนม่อนหันไปมองใหม่ตาขวาง“วอนโดนตีนซะละ มึง!”“กูพูดเรื่องจริง ดูหน้ามึงดิ เขียนไว้ชัดเลยว่า ‘โดนเท’ ” ใหม่พูดพลางทำท่ากวนประสาท“สาวไหนกล้าเทเพื่อนกูวะเนี่ย” เอเจหัวเราะ กอดคอเพื่อนม่อนกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตอบเสียงขุ่น เมื่อถูกเพื่อนๆ ซักไซ้“เจนจิรา”ชื่อที่ออกจากปากเขาทำให้เอเจขมวดคิ้ว มองม่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เจนจิรา? เด็กบัญชี? ยัยสาวห้าวอะนะ?” เอเจพูดเสียงสูงม่อนพยักหน้าช้าๆ สีหน้าฉายแววไม่พอใจ“เออ จะห้าวยังไงก็เหอะ กูไม่เชื่อว่า คนอย่างกูจะจีบไม่ติด”“ถามจริง ทำไมสนใจยัยนั่นวะ สาวๆ ที่ชอบมึงก็เยอะแยะ”ม่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววแน่วแน่ พลางนึกถึงใบหน้าสวยหวานของเจนที่ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน
ภายในห้องแกรนด์ฮออล์ของโรงแรม Aurora Heights หรูหราใจกลางเมือง สถานที่จัดงานแถลงข่าวและพิธีเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ ‘เซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์’ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของย่านธุรกิจพื้นที่ภายในถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโทนสีทองและขาว โต๊ะลงทะเบียนสำหรับแขกผู้มีเกียรติถูกตั้งไว้หน้าประตูเข้างาน ด้านในมีเวทีขนาดใหญ่พร้อมแบ็กดรอปที่แสดงชื่อโครงการและโลโก้ของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่น และ ‘Phoenix Development Group’ เจ้าของโครงการ ซึ่งนำโดย คุณอนุชิต วิจิตรกาญจนา ซีอีโอหนุ่มไฟแรงกล้องจากนักข่าวหลากหลายสำนักถูกตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อจับภาพเหตุการณ์สำคัญ โต๊ะนักข่าวเต็มไปด้วยเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการ และขนมขบเคี้ยวที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้บรรยากาศภายในงานคึกคักตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธี แขกผู้มีเกียรติในวงการธุรกิจ นักการเมือง และนักลงทุน ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เสียงแฟลชจากกล้องนักข่าวที่ประจำการอยู่หน้าเวทีดังขึ้นเป็นระยะเชษและเจนก้าวเข้ามาในงานอย่างเงียบๆ ทั้งคู่เลือกที่จะยืนแอบอยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักเชษอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบ
วันถัดมา เชษ โจ้ และเฟย์พากันไปเยี่ยมเฟิร์นที่โรงพยาบาลเซนต์แพทริค โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลผู้ป่วยอย่างพิถีพิถันเมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP บนชั้นสูงสุด บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังสม่ำเสมอ และเสียงเตียงปรับระดับที่ขยับขึ้นลงเป็นระยะ ห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ตัดกับม่านโปร่งที่ปล่อยให้แสงแดดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเฟิร์นนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ดูซูบเซียวและอ่อนแรง ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยฟกช้ำชัดเจน โดยเฉพาะตรงแก้มทั้งสองข้างและมุมปาก ฟันหน้าที่โยกถูกดามไว้ด้วยลวดดัดชั่วคราว ทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ถนัดโจ้กับเฟย์ยืนเกร็งอยู่ใกล้ปลายเตียง ขณะที่เชษก้าวเข้าไปใกล้ เขามองเฟิร์นด้วยสายตาที่ผสมระหว่างความเห็นใจและความเย็นชา ขณะที่หมอประจำห้องเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่ถือแฟ้มข้อมูลผู้ป่วย“อาการเธอเป็นไงมั่งครับ?”“อาการของคุณเฟิร์นตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยังต้องพักรักษาตัวอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ครับ” หมอรายงาน พร้อมเปิดแฟ้มข้อมูล“ฟันที่โยกต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินอีก
วันรุ่งขึ้น เวลา 13.30 น.เจนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านมาทาบทับบนใบหน้า เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงรอบตัว เธอพยายามขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยแล่นผ่านเข้ามา“อื้อ...” เธอครางเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวไปอีกด้าน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างหนาที่นอนอยู่ข้างๆเจนเหลือบตามองเชษที่กำลังหลับสนิท แขนแกร่งยังพาดอยู่บนเอวของเธอเหมือนจะกอดไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึมในเวลาปกติ ตอนนี้กลับดูสงบ อ่อนโยน อย่างไม่น่าเชื่อว่า เมื่อคืนเขาจะดุดันและร้อนแรงกว่าทุกครั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวทันที‘ยัยบ้า! คิดอะไรเนี่ย!’เจนกัดริมฝีปากแน่น พยายามข่มความคิดที่วิ่งวุ่นในหัว เธอยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ ดันแขนเขาออกอย่างเบามือ แต่ร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น รั้งเธอไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ขยับไปไหน“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ยังแหบพร่าดังขึ้นข้างหู ทำให้เธอสะดุ้ง“อะ...นาย!”เชษลืมตาขึ้นมองเธอ ดวงตาคมกริบแฝงแววขี้เล่น เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดขึ้น“เป็