Home / โรแมนติก / ระยะปลอดเพื่อน / ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 2

Share

ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 2

Author: ACHICHI
last update Last Updated: 2025-03-12 17:38:28

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 2

         ก็ถ้าโซ่อยากจะทำให้ฉันตกใจเล่น ๆ ก็นับได้ว่ามันทำสำเร็จ เพราะตอนนี้ฉันตกใจจริง ๆ กับการเจอหน้าคนซึ่งไม่ได้เจอกันมานานเพราะตัวฉันเองเอาแต่หลีกเลี่ยงการที่จะได้เจอกันอีกครั้งมาโดยตลอด

         เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่คืออดีตเพื่อนซี้ของฉันเอง

         สองไม่ได้เปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนเท่าไร หน้าตาก็หล่อเหมือนเดิม ทว่าสีผิวดูเข้มขึ้นจากเมื่อก่อนที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพวกผิวขาวซีด ตอนนี้ดูสุขภาพดีขึ้นกว่าตอนนั้นเป็นไหน ๆ อีกทั้งยังดูโตขึ้นมาก เลื่อนสายตามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเราห่างหายกันไปนานมากจริง ๆ

         หลังจากตะลึงจนพอใจแล้วฉันก็เบนสายตาไปทางอื่นพลางก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท ไม่สนใจทีท่าของอีกคนที่ราวกับระหว่างเราไม่มีอดีตขมขื่นร่วมกัน

         ก็อาจจะเป็นฉัน… ที่ขมขื่นอยู่แค่ฝ่ายเดียว…

         “รบกวนเบาเสียงลงหน่อยค่ะ พอดีจะนอน”

         “…”

         เพียงแค่ได้ยินคู่สนทนาก็บิดยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงเล็กน้อย เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดาที่ตัวเองทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้ ฉันหมุนตัวเดินหนีทันทีพร้อมทั้งเอ่ยย้ำอีกครั้งโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมอง

         “เบาเสียงด้วยนะคะ มารยาทนิดนึง”

         ก็ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไม่กล้าพูดแรงขนาดนี้ แต่คนมันเคยรู้จักกัน แม้ตอนนี้จะอยากทำเป็นไม่รู้จัก ก็ช่วยไม่ได้ปากมันไวกว่าสมองทุกที

         บานประตูกำลังจะปิดลง เราสบตากันอีกครั้ง ร่างสูงโปร่งใส่กางเกงนอนขายาวเพียงแค่ตัวเดียวยังคงยืนมองมากระทั่งประตูปิดสนิทลง

         ฉันยังยืนนิ่ง มือกำลูกบิดค้างอยู่อย่างนั้น นานจนได้ยินเสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามปิดลง จากใบหน้ามึนตึงที่วางท่าเก๊กเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยวอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ สักหนึ่งที แต่ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้า ๆ ออก ๆ ระงับสติอารมณ์ไว้

         ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าโซ่จะเล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้ นิ่งอยู่ได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น แม้จะดึกป่านนี้แล้วแต่ฉันก็รีบต่อสายหาตัวต้นเรื่องทันที

ขอให้ได้ด่าสักยกก่อนนอนเถอะไอ้เพื่อนเวร!

         แต่แน่นอนว่าโทรไปเท่าไรมันก็ไม่รับสาย หากไม่นอนแล้วก็คงจงใจหลีกเลี่ยงการสนทนาเพราะเพื่อนคงรู้แน่ว่าฉันโทรไปทำไม

         มีอย่างที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าฉันกับสองคงกลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว มันยังจะมาทำแบบนี้อีก นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเอาสมองส่วนไหนคิด แต่ไม่แน่อาจจะเป็นหัวแม่โป้งเท้าก็ได้!

         จังหวะกระหึ่มของเสียงเพลงที่ได้ยินมาร่วมชั่วโมงตอนนี้เงียบไปแล้ว แต่ฉันกลับหลับไม่ลงอย่างที่ใจคิด ได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง จิตใจกระวนกระวายหนักกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ

         ก็ถ้าตอนนู้นฉันไม่พร่ำพรรณนาร่ายยาวบอกรักสองผ่านไมโครโฟนของร้านคาราโอเกะตอนงานวันเกิดของใครสักคน ป่านนี้เราอาจจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้

         แต่มันไม่ใช่ไง เราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ที่ไหนกัน…

         วันต่อมา

         แม้ว่าเมื่อคืนแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ฉันก็สามารถลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวสวยเพื่อไปเริ่มงานวันแรกได้ทันเวลา นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบจะเก้าโมงในตอนที่ฉันหมุนลูกบิดประตูห้องอย่างช้า ๆ ราวกับตัวเองเป็นโจรย่องเบาก็ไม่ปาน

สายตาสอดส่องผ่านช่องว่างระหว่างบานประตูมองไปก็เห็นว่าห้องนอนอีกห้องยังคงปิดเงียบเชียบ แต่โล่งใจได้แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

เมื่อรีบแทรกกายเดินออกมาหวังว่าจะรีบออกไปก่อนที่จะได้เจอหน้าสอง เท้ากลับต้องชะงักค้างเมื่อมองไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเห็นคนที่ว่า กำลังนั่งยกขาขึ้นพาดเข่าด้านหนึ่งด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตามองตรงมาทางฉันที่กำลังทำตัวลนลาน

         สองยังคงอยู่ในสภาพเดียวกันกับเมื่อคืน และพอมีแสงสว่างสาดส่องก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวหล่อระเบิดแค่ไหน ทั้งดวงหน้าคมคายที่กำลังก้มลงสูดเส้นมาม่าคัพรสเย็นตาโฟของโปรดในมือ ทั้งเรือนกายท่อนบนเปลือยเปล่าที่ดูแข็งแรงลีนไปหมดทุกส่วนสัด

         ฉันก็ได้แต่มอง… แล้วต้องรีบดึงสายตาตัวเองกลับมา แม้ว่าอีกคนจะยังนั่งกินและทอดสายตามองตามการเคลื่อนไหวไม่หยุดก็ตาม

         เมื่อคืนกว่าจะมาถึงก็ดึกดื่นมืดค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาเก็บข้าวเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง ตอนนี้เลยต้องทรุดเข่าลงนั่งบนพื้น รื้อเอากล่องรองเท้าออกมาจากลังกระดาษใบโตทีละใบเพื่อหารองเท้าที่เข้ากันกับสูทสีบานเย็นที่กำลังใส่อยู่ในขณะนี้

         และคนที่อยู่ห่างออกไปก็ยังมองมาไม่ได้หยุด

         มันจะมองอะไรนักหนาเล่าโว้ย!!

         โดยไม่คาดคิดจังหวะที่ฉันลุกจากพื้นรีบร้อนใส่รองเท้าส้นสูงสีโทนเดียวกันกับชุดสูท อีกคนก็มาหยุดยืนที่ข้าง ๆ พอดิบพอดี ปากยังคงขยับเคี้ยวอยู่อย่างนั้น มือข้างหนึ่งยังคงถือมาม่า สายตามองหน้ากันอยู่ครู่ก็เอ่ยปากขึ้นก่อนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

         “หายไปไหนมา?”

         “อะไร?”

         “หายไปไหนมาตั้งหลายปี”

         “…”

คนตรงหน้ายืนทิ้งขารอฟังคำตอบราวกับกำลังตั้งศาลสอบสวนกันยังไงยังงั้น ไม่ใช่แค่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังแตกกระเจิงของตัวเอง แสร้งตีหน้านิ่งสนิทไม่แพ้กันตอนที่ตอบคำถามกลับไป

“คนเขามีการมีงาน”

“แล้วกลับมาทำไม?”

“หมายความว่าไง?”

“ก็ที่กลับมาหานี่ไง”

“ฮะ?”

ฉันร้องเสียงหลง เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน สองยังคงมีสีหน้านิ่งสนิท ทว่านัยน์ตาสีเข้มกลับฉายแววกวนตีนอย่างปิดไม่มิด สีหน้าแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน ปากก็เอ่ยทวนประโยคเดิมของตนอีกครั้ง

“ไม่ได้กลับมาหา?”

“ไม่”

“แต่มาอยู่คอนโดห้องเดียวกันแบบนี้?”

“ที่กลับมานี่เพราะต้องย้ายที่ทำงาน และไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอหน้าสองด้วย” ฉันละล่ำละลักบอกอย่างร้อนตัว แต่อีกคนกลับบิดยิ้มขึ้นมาได้

“บังเอิญว่างั้น?”

“ทำไมไม่ไปถามโซ่ล่ะ? เราจะไปรู้เหรอว่ามันจะเล่นอะไรบ้า ๆ แบบนี้”

“ก็แล้วทำไมต้องถาม เห็น ๆ กันอยู่”

“เห็นอะไร? คิดว่านี่เป็นแผนของเราหรือไง?”

“อือฮึ”

“คนบ้าอะไรหลงตัวเองโคตร”

“ก็ตอนนั้นใครมันบอกว่าแอบรักสองอย่างนู้นอย่างนี้” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยทำทีเป็นรำลึกความหลัง

“ระ… เรื่องมันผ่านมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วไหม!”

ฉันแหวกลับ รู้สึกเดือดขึ้นมาปุด ๆ กับความมั่นหน้าเบอร์แรงที่ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งประสาทเสีย แต่อีกฝ่ายยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อได้อย่างเป็นจริงเป็นจังจนน่าตกใจ อีกทั้งสายตาแบบนั้นก็ด้วย

“จะบอกว่าลืมเราได้แล้ว?”

“ก็แหงอยู่แล้ว ผ่านมาตั้งกี่ปี”

“หึ”

“หลบได้ยัง! จะไปทำงาน!”

ฉันไม่พูดเปล่าแต่ออกแรงผลักคนตัวโตให้พ้นทาง แต่สองก็ยืนปักหลักแข็งเป็นหิน แรงผลักอันน้อยนิดของฉันไม่ได้ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย

สายตาคมยังคงจ้องนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะยอมเปิดทางให้ แต่ก็ไม่วายส่งเสียงตามหลังมา ฟังแล้วก็อยากจะขย้อนอาหารเย็นของเมื่อวานออกมาจริง ๆ

“อย่าให้เห็นว่าแอบมาถ้ำมองก็แล้วกัน”

“หลงตัวเอง!”

“คนเขาก็แค่ว่าไปตามเนื้อผ้า”

“เราไม่ได้ชอบสอง และจะไม่มีวันชอบอีกแล้วด้วย”

“อือฮึ…”

“…”

“เราจะรอดู”

ว่าแล้วก็เอียงคอมองด้วยสายตากวนโอ๊ยอีกหนึ่งดอก ในขณะที่ฉันทำได้เพียงหมุนตัวเดินไปกระชากประตูเหวี่ยงเปิดอย่างแรง

         ยิ่งเห็นรอยยิ้มยียวนแบบนั้น อีกทั้งสายตาที่ตัดสินไปแล้วล่วงหน้า มันก็ยิ่งทั้งเดือดทั้งอาย เรื่องผ่านมานานขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ ยังจะต้องวนกลับมาเจอกันอีก แถมบทสนทนาเริ่มต้นระหว่างเราเจ้าตัวยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แล้วจะให้อยู่ด้วยกันเข้าไปได้ยังไง?

ตึก! ตึก! ตึก!

เสียงส้นสูงลงฝีเท้าหนักแทบจะเรียกได้ว่ากระแทกเท้าเดิน อากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่ฉันกลับรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

เราไม่ได้เจอกันมานานก็จริง แต่สองยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน กวนตีนยังไงก็กวนตีนอย่างนั้น และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ฉันจำต้องเลิกคบกับมันในท้ายที่สุด ขืนในตอนนั้นเรายังคบกันต่อ คงโดนล้อเรื่องนี้ยันลูกบวชแน่ ๆ

         มันก็แค่ puppy love ในวัยเรียน เจ้าตัวหล่อขนาดนั้น ทั้งยังใกล้ชิดกันขนาดนั้น แบบที่อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา ไปไหนไปกัน กอดคอกันอยู่ตั้งสามสี่ปี แม้จะเรียนกันคนละคณะ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน หอพักก็นอนรวมกันที่หอเดียวกัน

ก็แล้วจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง?

แม้ตอนนั้นฉันจะชอบสองมากถึงขั้นร้องห่มร้องไห้เวลามันไปจีบสาว ๆ และไม่สนิทใจที่จะซี้ต่อหลังจากบอกรักไปแล้ว เหตุเพราะทำใจไม่ได้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่นั่นมันก็ตั้งแต่สมัยไหนแล้ว

         ผ่านมาตั้งกี่ปี ไม่คิดว่าฉันจะลืมได้บ้างเลยหรือยังไง เอาอะไรมามั่นหน้าขนาดนั้นกัน!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 3

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 3 รถญี่ปุ่นคันโตสนิทนิ่งในซองจอดของลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่คงจะมีบริษัทค่อนร้อยอยู่บนนั้น เพราะเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะเข้างาน ฉันก็รีบต่อสายหาโซ่ทันที แม้สิบสายแรกมันยังปฏิเสธที่จะรับ แต่หลังจากที่รัวพิมพ์แชตส่งไปด่า สายที่สิบเอ็ดรอสายแค่อึดใจเพื่อนก็รับในที่สุด และฉันก็ร้องถามเสียงดังทันที “โซ่! นี่มันเรื่องบ้าอะไร?” ‘ใจเย็น ๆ’น้ำเสียงขบขันจากปลายสายยิ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายพุ่งสูงขึ้น และเสียงที่เปล่งออกไปก็หวีดแหลมยิ่งกว่าเดิม “จะเย็นได้ยังไง? โซ่ให้เรามาอยู่กับสองได้ยังไง?” ‘ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เพื่อนกันทั้งนั้น’ “ไม่ตลกเลยนะ เราจะย้ายออก หาห้องให้เราใหม่ด้วย” ‘มันเต็มหมดแล้ว ก็เหลือแค่ห้องนั้นแหละ’ “ก็แล้วทำไมไม่บอกก่อนว่าคนที่ต้องอยู่ด้วย…” ‘ก็แยมบอกเองว่าอยู่กับใครก็ได้ ขอแค่เป็นคนไว้ใจได้ก็พอ’ “แต่ต้องไม่ใช่สองไหม?” ‘ไอ้สองมันก็ไว้ใจได้ที่สุดแล้วไง’ “ไม่รู้แหละ จะให้ทนมองหน้ากันเข้าไปได้ยังไง?” ฉันโอด

    Last Updated : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 4

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 4 ครึ่งชั่วโมงต่อมา สายตาทุกคู่จับจ้องมองมาในขณะที่พี่อ้อยดีเอ็มดี (รองกรรมการผู้จัดการ)กำลังแนะนำฉันให้เพื่อนร่วมงานรู้จัก รวมถึงแนะนำคนอื่นให้ฉันรู้จักด้วยทว่าสมองฉันในตอนนี้ราวกับจะดับไปเสียแล้ว หูอื้อฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่อง แม้สายตาพยายามจะเบนมองไปทางอื่น แต่ก็เห็นสองได้จากทางหางตาอยู่ดี และแม้พยายามจะยิ้มให้ทุกคน แต่ตอนนี้คงจะเป็นยิ้มที่แข็งทื่อน่าดู หลังจากพี่อ้อยแนะนำเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายให้รู้จักเรียบร้อย ก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าด้วยความรู้สึกยินดี “คุณแยมจะมาเป็นพีเอ็ม (ผู้จัดการโปรเจกต์) คนใหม่ของเรา ยังไงก็ฝากทุกคนให้การต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ด้วย” “สวัสดีค่ะ แยมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ฉันก้มหัวเล็กน้อย พยายามยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะโปรเจกต์ที่ว่านี้หากทำสำเร็จอาจส่งผลให้ตัวฉันได้เลื่อนขั้นเร็วขึ้น และการถูกโยกย้ายตำแหน่งงานมาที่นี่ หนึ่งในผลประโยชน์ที่ฉันจะได้รับหากทำสำเร็จก็คือการพิจารณาเลื่อนขั้นที่ว่านี้เอง แต่ก็อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด…

    Last Updated : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 5

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 5 ยี่สิบนาทีต่อมา สุดท้ายฉันก็ออกมากินข้าวกับสองจนได้… เราออกมาหาข้าวกินในละแวกใกล้กับคอนโด โดยที่สองเป็นคนเลือกร้าน และตอนนี้ข้าวแกงปักษ์ใต้ตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเพราะคิดถึงบ้านเกิดเหลือเกิน อันที่จริงบ้านฉันอยู่ที่ภูเก็ต ตอนมาเรียนมหา’ลัยที่กรุงเทพฯ ก็เช่าหออยู่กับเพื่อน และหนึ่งในเพื่อนกลุ่มนั้นก็มีสองอยู่ด้วย ถึงตอนนี้ที่ต้องกลับมาอยู่กรุงเทพฯ อีกรอบเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ไง และก็ต้องเจอแจ็กพอต เพราะโซ่ดันเล่นอะไรไม่เข้าท่า ไม่ต้องบอกก็พอรู้อยู่หรอกว่าที่เพื่อนทำแบบนี้คงจะอยากให้ฉันกับสองได้เจอหน้ากันอีกครั้งเลยใช้วิธีมัดมือชกเอาดื้อ ๆแม้ว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะเป็นคนเลือกร้าน แต่เจ้าตัวกลับสั่งเพียงแค่ไข่พะโล้มาหนึ่งถ้วยเท่านั้น ในขณะที่ฉันกำลังนั่งปากชากับแกงไตปลาที่ไม่ได้กินมานาน อาหารทุกอย่างตรงหน้าเผ็ดร้อนจนข้างแก้มร้อนไปด้วย เราต่างคนต่างกินจนลืมเรื่องที่จะคุย กระทั่งสองกินเสร็จก่อนแล้วนั่งรอเงียบ ๆ ฉันถึงได้ชำเลืองสายตาขึ้นมอง“คนที่ออฟฟิศนิสัยเป็นไงบ้าง เราอยากฟัง”“ไม่คิดจะคุยเรื่องอื่นก่อ

    Last Updated : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 1

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 120.00 น.“ถึงแล้วเนี่ย แกอยู่ไหน?”‘คีย์การ์ดอยู่ที่ล็อบบี้แกไปเอาได้เลย บอกเขาไปว่าห้อง 2302’“แล้วแกไม่ได้มาเจอกันที่นี่หรือไง?”‘ไม่ทันแล้ว ฉันคงลืมบอกแกว่ามีธุระไปสวีเดนกะทันหัน’“ฮะ?”‘เหอะน่า โซ่มันคงไม่หลอกให้แกไปอยู่กับคนประหลาดหรอกแยม’“แต่แกบอกว่าจะมาอยู่ด้วยกัน?”‘ขอโทษนะแยม แต่รอบนี้ฉันคงต้องเทแกจริง ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าห้องเดี๋ยวฉันจะช่วยหารทุกเดือน!’“ลัน!!”‘โอ๊ย ๆ แค่นี้ก่อนนะ เขาเรียกเข้าเกตแล้ว’“ลัน!!”เสียงจากปลายสายตัดไปแล้ว และไม่ว่าจะกระหน่ำโทรไปกี่ครั้งเพื่อนตัวดีก็กดตัดสายทิ้งอยู่ดี กระทั่งสายสุดท้ายเสียงตัดเข้าระบบฝากข้อความอัตโนมัติดังขึ้นทำให้ฉันรู้ได้ในทันทีว่า ‘การโดนเท’ ของจริงมันเป็นยังไงตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว กวาดตามองไปรอบตัวก็พบว่าโถงล็อบบี้ของคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังชำเลืองมองมาทางที่ฉันยืนอยู่ เหตุคงเป็นเพราะเมื่อครู่ฉันเผลอตะเบ็งเสียงใส่โทรศัพท์จนลืมสนใจคนรอบข้างไปก็ได้แต่พยายามไม่สนใจสายตาแปลก ๆ ของคนอื่น รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่จ้องมองมาอย่างตะขิดตะขวงใจ แต่รีบคว้าเอาคันลากของกระเป๋า

    Last Updated : 2025-03-12

Latest chapter

  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 5

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 5 ยี่สิบนาทีต่อมา สุดท้ายฉันก็ออกมากินข้าวกับสองจนได้… เราออกมาหาข้าวกินในละแวกใกล้กับคอนโด โดยที่สองเป็นคนเลือกร้าน และตอนนี้ข้าวแกงปักษ์ใต้ตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเพราะคิดถึงบ้านเกิดเหลือเกิน อันที่จริงบ้านฉันอยู่ที่ภูเก็ต ตอนมาเรียนมหา’ลัยที่กรุงเทพฯ ก็เช่าหออยู่กับเพื่อน และหนึ่งในเพื่อนกลุ่มนั้นก็มีสองอยู่ด้วย ถึงตอนนี้ที่ต้องกลับมาอยู่กรุงเทพฯ อีกรอบเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ไง และก็ต้องเจอแจ็กพอต เพราะโซ่ดันเล่นอะไรไม่เข้าท่า ไม่ต้องบอกก็พอรู้อยู่หรอกว่าที่เพื่อนทำแบบนี้คงจะอยากให้ฉันกับสองได้เจอหน้ากันอีกครั้งเลยใช้วิธีมัดมือชกเอาดื้อ ๆแม้ว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะเป็นคนเลือกร้าน แต่เจ้าตัวกลับสั่งเพียงแค่ไข่พะโล้มาหนึ่งถ้วยเท่านั้น ในขณะที่ฉันกำลังนั่งปากชากับแกงไตปลาที่ไม่ได้กินมานาน อาหารทุกอย่างตรงหน้าเผ็ดร้อนจนข้างแก้มร้อนไปด้วย เราต่างคนต่างกินจนลืมเรื่องที่จะคุย กระทั่งสองกินเสร็จก่อนแล้วนั่งรอเงียบ ๆ ฉันถึงได้ชำเลืองสายตาขึ้นมอง“คนที่ออฟฟิศนิสัยเป็นไงบ้าง เราอยากฟัง”“ไม่คิดจะคุยเรื่องอื่นก่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 4

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 4 ครึ่งชั่วโมงต่อมา สายตาทุกคู่จับจ้องมองมาในขณะที่พี่อ้อยดีเอ็มดี (รองกรรมการผู้จัดการ)กำลังแนะนำฉันให้เพื่อนร่วมงานรู้จัก รวมถึงแนะนำคนอื่นให้ฉันรู้จักด้วยทว่าสมองฉันในตอนนี้ราวกับจะดับไปเสียแล้ว หูอื้อฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่อง แม้สายตาพยายามจะเบนมองไปทางอื่น แต่ก็เห็นสองได้จากทางหางตาอยู่ดี และแม้พยายามจะยิ้มให้ทุกคน แต่ตอนนี้คงจะเป็นยิ้มที่แข็งทื่อน่าดู หลังจากพี่อ้อยแนะนำเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายให้รู้จักเรียบร้อย ก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าด้วยความรู้สึกยินดี “คุณแยมจะมาเป็นพีเอ็ม (ผู้จัดการโปรเจกต์) คนใหม่ของเรา ยังไงก็ฝากทุกคนให้การต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ด้วย” “สวัสดีค่ะ แยมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ฉันก้มหัวเล็กน้อย พยายามยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะโปรเจกต์ที่ว่านี้หากทำสำเร็จอาจส่งผลให้ตัวฉันได้เลื่อนขั้นเร็วขึ้น และการถูกโยกย้ายตำแหน่งงานมาที่นี่ หนึ่งในผลประโยชน์ที่ฉันจะได้รับหากทำสำเร็จก็คือการพิจารณาเลื่อนขั้นที่ว่านี้เอง แต่ก็อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด…

  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 3

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 3 รถญี่ปุ่นคันโตสนิทนิ่งในซองจอดของลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่คงจะมีบริษัทค่อนร้อยอยู่บนนั้น เพราะเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะเข้างาน ฉันก็รีบต่อสายหาโซ่ทันที แม้สิบสายแรกมันยังปฏิเสธที่จะรับ แต่หลังจากที่รัวพิมพ์แชตส่งไปด่า สายที่สิบเอ็ดรอสายแค่อึดใจเพื่อนก็รับในที่สุด และฉันก็ร้องถามเสียงดังทันที “โซ่! นี่มันเรื่องบ้าอะไร?” ‘ใจเย็น ๆ’น้ำเสียงขบขันจากปลายสายยิ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายพุ่งสูงขึ้น และเสียงที่เปล่งออกไปก็หวีดแหลมยิ่งกว่าเดิม “จะเย็นได้ยังไง? โซ่ให้เรามาอยู่กับสองได้ยังไง?” ‘ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เพื่อนกันทั้งนั้น’ “ไม่ตลกเลยนะ เราจะย้ายออก หาห้องให้เราใหม่ด้วย” ‘มันเต็มหมดแล้ว ก็เหลือแค่ห้องนั้นแหละ’ “ก็แล้วทำไมไม่บอกก่อนว่าคนที่ต้องอยู่ด้วย…” ‘ก็แยมบอกเองว่าอยู่กับใครก็ได้ ขอแค่เป็นคนไว้ใจได้ก็พอ’ “แต่ต้องไม่ใช่สองไหม?” ‘ไอ้สองมันก็ไว้ใจได้ที่สุดแล้วไง’ “ไม่รู้แหละ จะให้ทนมองหน้ากันเข้าไปได้ยังไง?” ฉันโอด

  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 2

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 2 ก็ถ้าโซ่อยากจะทำให้ฉันตกใจเล่น ๆ ก็นับได้ว่ามันทำสำเร็จ เพราะตอนนี้ฉันตกใจจริง ๆ กับการเจอหน้าคนซึ่งไม่ได้เจอกันมานานเพราะตัวฉันเองเอาแต่หลีกเลี่ยงการที่จะได้เจอกันอีกครั้งมาโดยตลอด เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่คืออดีตเพื่อนซี้ของฉันเอง สองไม่ได้เปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนเท่าไร หน้าตาก็หล่อเหมือนเดิม ทว่าสีผิวดูเข้มขึ้นจากเมื่อก่อนที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพวกผิวขาวซีด ตอนนี้ดูสุขภาพดีขึ้นกว่าตอนนั้นเป็นไหน ๆ อีกทั้งยังดูโตขึ้นมาก เลื่อนสายตามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเราห่างหายกันไปนานมากจริง ๆ หลังจากตะลึงจนพอใจแล้วฉันก็เบนสายตาไปทางอื่นพลางก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท ไม่สนใจทีท่าของอีกคนที่ราวกับระหว่างเราไม่มีอดีตขมขื่นร่วมกัน ก็อาจจะเป็นฉัน… ที่ขมขื่นอยู่แค่ฝ่ายเดียว… “รบกวนเบาเสียงลงหน่อยค่ะ พอดีจะนอน” “…” เพียงแค่ได้ยินคู่สนทนาก็บิดยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงเล็กน้อย เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดาที่ตัวเองทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้ ฉันหมุนตัวเดินหนีทันทีพร้อมทั้งเอ

  • ระยะปลอดเพื่อน   ระยะปลอดเพื่อน ตอนที่ 1

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 120.00 น.“ถึงแล้วเนี่ย แกอยู่ไหน?”‘คีย์การ์ดอยู่ที่ล็อบบี้แกไปเอาได้เลย บอกเขาไปว่าห้อง 2302’“แล้วแกไม่ได้มาเจอกันที่นี่หรือไง?”‘ไม่ทันแล้ว ฉันคงลืมบอกแกว่ามีธุระไปสวีเดนกะทันหัน’“ฮะ?”‘เหอะน่า โซ่มันคงไม่หลอกให้แกไปอยู่กับคนประหลาดหรอกแยม’“แต่แกบอกว่าจะมาอยู่ด้วยกัน?”‘ขอโทษนะแยม แต่รอบนี้ฉันคงต้องเทแกจริง ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าห้องเดี๋ยวฉันจะช่วยหารทุกเดือน!’“ลัน!!”‘โอ๊ย ๆ แค่นี้ก่อนนะ เขาเรียกเข้าเกตแล้ว’“ลัน!!”เสียงจากปลายสายตัดไปแล้ว และไม่ว่าจะกระหน่ำโทรไปกี่ครั้งเพื่อนตัวดีก็กดตัดสายทิ้งอยู่ดี กระทั่งสายสุดท้ายเสียงตัดเข้าระบบฝากข้อความอัตโนมัติดังขึ้นทำให้ฉันรู้ได้ในทันทีว่า ‘การโดนเท’ ของจริงมันเป็นยังไงตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว กวาดตามองไปรอบตัวก็พบว่าโถงล็อบบี้ของคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังชำเลืองมองมาทางที่ฉันยืนอยู่ เหตุคงเป็นเพราะเมื่อครู่ฉันเผลอตะเบ็งเสียงใส่โทรศัพท์จนลืมสนใจคนรอบข้างไปก็ได้แต่พยายามไม่สนใจสายตาแปลก ๆ ของคนอื่น รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่จ้องมองมาอย่างตะขิดตะขวงใจ แต่รีบคว้าเอาคันลากของกระเป๋า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status