“หึ ๆ ผมล้อเล่นครับ แต่ผมพูดจริง ๆ นะเรื่องที่ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีเชียวละถ้าหากคุณแพรยอมรับพิจารณาผมบ้าง...เอาเป็นว่าถ้าวันไหนคุณแพรว่างก็สละเวลามาดินเนอร์กับเพื่อนอย่างผมสักมื้อนะครับ”
“ยินดีค่ะคุณเบนซ์ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้ไปไม่ได้จริงๆ” แพรพิไลลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาจะวางสาย เพราะตอนนี้หัวใจเธอโลดแล่นไปอยู่กับเม็มโมรีการ์ดที่ซุกซ่อนเอาไว้นานแล้วนั่นต่างหาก
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้เสมอ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ไว้วันหน้าจะโทร. มาชวนใหม่นะครับ”
หญิงสาวบอกลาเขาก่อนกดวางสาย จากนั้นก็ก้มลงไปใต้โต๊ะทำงานแล้วใช้มือคลำไปบนพื้นไม้ปาร์เกต์ช้า ๆ จนกระทั่งรู้สึกสะดุดมือเพราะรอยต่อของไม้ไม่เสมอกัน เธอจึงยิ้มออกมาพลางใช้นิ้วกดลงไปที่มุมของไม้แผ่นนั้นเบา ๆ
ไม้ปาร์เกต์แผ่นนั้นเผยอขึ้นมาจนสามารถดึงออกมาได้ เธอล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องเหล็กขนาดเท่ากล่องดินสอออกมาจากในนั้นแล้วเปิดฝาออกเพื่อดูของที่อยู่ข้างใน
เม็มโมรีการ์ดมากมายใส่อยู่ในถุงซิปล็อกถุงละหนึ่งอัน มีปากกาเคมีสีน้ำเงินเขียนกำก
“จมไม่ลงว่างั้นเถอะ”“มันไม่ใช่แค่จมไม่ลงหรอก แต่พี่คิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นนะ” ชายหนุ่มชี้ให้เธอดูชาร์ตรายชื่อบริษัทต่าง ๆ บนหน้าจอแล้วพูดต่อ“สุกำพลค้ายา แน่นอนว่าเม็ดเงินที่ได้มันมหาศาล แพรคิดดูก็แล้วกันว่าแค่ไอ้น้ำสีชมพูนั่นแก้วเดียวแพรต้องจ่ายไปตั้งเท่าไร แล้วแต่ละคืนมีคนเข้าไปที่สมาคมหน้ากากกี่คน และแต่ละคนดื่มน้ำนั่นเข้าไปคนละกี่แก้ว ถึงแม้จะเปิดแค่เดือนละหกวัน แต่ในหนึ่งวันนั่นพี่คิดว่าเขาฟาดไปเป็นล้านนะ แล้วเขาไม่ได้ขายแค่วันที่มีปาร์ตีเท่านั้น แต่เขาซื้อขายกันนอกรอบด้วยเพราะมันคือยาเสพติด คนที่ติดไปแล้วเลิกไม่ได้ก็ต้องดิ้นรนหาเสพเพราะคงรอให้ถึงวันที่จัดปาร์ตีไม่ไหวหรอก จริงไหม” รชตเลื่อนเมาส์ลงมาเพื่อให้เห็นรายชื่อทั้งหมดของผู้ที่อยู่หลังม่านก่อนพูดขึ้นอีก“การที่จู่ ๆ ก็มีรายได้มหาศาล มีเงินในบัญชีมากมายมันย่อมต้องน่าสงสัยอยู่แล้วว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน อย่างน้อยหากสรรพากรถามขึ้นมาแล้วเขาบอกไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากธุรกิจอะไรเขาก็แย่น่ะสิ เพราะฉะนั้นสุกำพลก็เลยต้องทำธุรกิจหลายอย่างมารองรับเงินตรงนี้ จ้างคนมาแต่
แพรพิไลฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเอียงคอเล็กน้อยพร้อมถามคำถามที่ทำให้คนฟังอดยิ้มไม่ได้“สารวัตรรู้ล่วงหน้าใช่ไหมคะว่าเมื่อคืนต้องคว้าน้ำเหลว ถึงได้เตรียมการเอาไว้รอบคอบขนาดนี้”“ความจริงแล้วพี่พลแค่สงสัยน่ะ เพราะการบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงแต่ละแห่งมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสามารถปิดข่าวให้เงียบได้ มันน่าจะมีเล็ดลอดออกไปบ้างก็เลยเตรียมวางแผนกันไว้กับทีมปปส.”หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะใช้เมาส์คลิกไปที่ไฟล์วิดีโอเพื่อเล่นคลิปที่อยู่ในเม็มโมรีการ์ดอันที่สอง เพราะอยากรู้ว่าในช่วงสิบกว่านาทีหลังจากนั้นมีอะไรซ่อนไว้หรือไม่ ดังนั้นเธอจึงข้ามไปที่นาทีที่สี่สิบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและก็เป็นอย่างที่เธอสงสัย เพราะหลังจากคลิปเป็นสีดำเพียงแค่นาทีกว่า ๆ ภาพก็ตัดมาที่บิดาของเธอซึ่งตั้งกล้องให้หันมาหาตัวเองแพรพิไลสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่แสนรักแสนคิดถึง กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีจนต้องเม้มปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นรชตรั้งตัวหญิงสาวให้ทรุดตัวนั่งลงบนตัก สองแขนโอบกอดร่างเล็กที่สั่นเล็ก
“ช่วงกลางวันพี่แทบไม่ต้องเข้าออฟฟิศของครอบครัว เพราะพี่ชายของพี่เป็นคนดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่คลับเฮราคือความรับผิดชอบของพี่เต็ม ๆ พี่ถึงต้องเข้าไปเกือบทุกคืนยกเว้นคืนที่ติดธุระจริง ๆ แล้วคืนนี้แพรก็ต้องไปที่คลับกับพี่ด้วย จะว่าไป เราไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ ลืมหมดรึยังว่าเต้นยังไง”“คงต้องรบกวนให้ครูช่วยเตือนความจำแล้วละค่ะ” หญิงสาวยิ้มมุมปากพลางเปิดลิ้นชักหาแฟลชไดรฟ์มาใส่ข้อมูลให้เขา เพราะเม็มโมรีการ์ดต้นฉบับต้องนำไปเก็บซ่อนไว้ที่เดิมเพื่อความปลอดภัย“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะเปิดคอร์สติวเข้มแบบตัวต่อตัวเลยละ ยังไงเราก็ต้องตัวติดกันอย่างนี้ไปอีกนาน”หญิงสาวหันไปย่นจมูกใส่เมื่อรู้ว่าต้องตัวติดกับเขาไปไหนไปกันทุกที่ราวกับปาท่องโก๋ แต่แม้จะถูกตามติดทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัว เธอก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยยามได้อยู่ใกล้ และเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มีรชตอยู่ข้างกาย เธอจะไม่มีวันได้รับอันตรายใด ๆ แม้แต่ปลายเส้นผม“ถ้าอย่างนั้นแพรขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ พี่อาร์ตดึงแฟลชไดรฟ์อันนี้เก็บไปได้เลยนะถ
“ไอ้เรื่องขี้ตู่พี่คงสู้แพรไม่ได้ ตำแหน่งนี้พี่ยกให้แพรคนเดียวเลย”เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมตอนเด็กของแพรพิไลที่มักคิดเองเออเองไปเสียทุกเรื่องแพรพิไลหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ กระทั่งได้กลิ่นกาแฟลอยกรุ่นอยู่ในห้องจึงเงยหน้าขึ้นมองเจติยาที่อุตส่าห์ชงกาแฟมาเผื่อเธอด้วย“จริงสิพี่แพร น้องก้อยเขาขอทำงานประจำที่นี่เลยได้ไหม เพราะตอนนี้น้องเรียนใกล้จบแล้ว” เจติยาพูดถึงพนักงานบัญชีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่แพรพิไลได้ฟังอย่างนั้นก็รีบพยักหน้าให้ทันที“ได้สิ ดีเลยพี่จะได้ไม่ต้องรับสมัครคนใหม่ ขี้เกียจอธิบายงานใหม่ด้วยเพราะมันเสียเวลา ถ้าก้อยอยากทำประจำพี่ก็ยินดีนะ ส่วนเรื่องเงินเดือน เอาไว้สอบเสร็จแล้วค่อยมาคุยกันอีกที”เจติยาพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป พอดีกับที่โทรศัพท์ของรชตส่งเสียงร้องขึ้น“ครับพี่พล” เขาฟังปลายสายพูดครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป“ได้ครับพี่ ผมเอาไปให้พี่ตอนนี้เลยก็ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะคืนนี้ผมก็ต้องเข้าไปที่คลับ คงไม่ว่าง
รชตขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถข้างสำนักงานนักสืบไพศาลในเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ชายหนุ่มดูเวลาแล้วเห็นว่าเลยหนึ่งทุ่มมาสิบห้านาที ทำให้อดคิดถึงคนที่บอกว่าจะอยู่รอที่สำนักงานไม่ได้เขารู้สึกผิดที่ปลีกตัวออกมาช้า เพราะมัวแต่คุยเรื่องหลักฐานที่ได้มาจากแพรพิไลกับสารวัตรจุมพล ทางฝ่ายนั้นตื่นเต้นมากเพราะข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มานั้นครอบคลุมทุกอย่าง และเชื่อด้วยว่าคราวนี้สุกำพลดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอนชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามโทร. หาแพรพิไลแต่ไม่มีคนรับสาย เขาโทร. ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วก็ว่าได้ แต่ทุกครั้งระบบก็ตัดเข้าเป็นการฝากข้อความ จนเขาเริ่มใจไม่ดีต้องรีบบึ่งรถกลับมาที่นี่เพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอยังปลอดภัยดีอยู่ ครั้นพอโทร. เข้าสำนักงานก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน พอเข้าใจได้อยู่ว่าลูกน้องของแพรพิไลคงกลับบ้านกันหมดแล้วรชตเดินเข้าทางประตูด้านข้างอาคารเพราะใกล้กับลานจอดรถที่สุด อีกทั้งประตูด้านหน้าก็ปิดไปแล้วจึงมีเพียงประตูนี้ประตูเดียวที่สามารถเข้าไปภายในสำนักงานได้เมื่อเข้ามาถึง หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็พลอยสงบลงเมื่อเห็นไฟด้า
เครื่องปรับอากาศในสถานที่แห่งนี้แรงเกินไป ความเย็นต้องผ่านผิวกายจนร่างสั่นสะท้าน แต่ภายในร่างกายกลับร้อนรนปั่นป่วนราวกับมีลาวาไหลวนอยู่ในช่องท้อง เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนราวกับเป็นไข้ หญิงสาวพยายามขยับตัวอีกครั้งพร้อมกับเพ่งสายตาอันพร่าเบลอมองไปรอบ ๆ เพราะอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนแต่แล้วก็ต้องรีบปิดตาลงอย่างรวดเร็วเมื่อจู่ ๆ แสงไฟสีแดงจ้าที่อยู่ด้านบนสาดลงมาเข้าตาพอดี จนสายตาไม่สามารถสู้แสงได้ร้อน...ร้อนไปทั้งร่างราวกับกำลังนอนอยู่บนเตาหลอมขนาดใหญ่ มันวูบวาบหวิวไหวไปทั่วทุกอณูของผิวกายจนอยากให้ใครสักคนมาสัมผัสแตะต้องเพื่อคลายความร้อนเร่าลงไปบ้างพี่อาร์ต...ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาจากปากของแพรพิไลเช่นเคย มีเพียงอาการสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับหอบหายใจรัวเร็ว เมื่อเสียงเบสและกลองจากจังหวะเพลงที่เปิดนั้นเร่งเร้ารุนแรงจน เธอสะท้านไปทั้งร่าง รีบเปิดตาขึ้นมองเพราะเริ่มรู้สึกถึงความหวาดหวั่นที่ผุดพลุ่งขึ้นมาภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด แพรพิไลมองเห็นหน้ากากสีดำลอยเด่นท่ามกลางความสลัว ยามที่แสงไฟสีแดงตกกระทบยิ่งเหมือนกับมัจจุราชที่ถือเคียวเล่มใหญ่ในมื
“เมื่อกี้เพิ่งให้ไปอีกแก้วครับ อีกสักพักคงเริ่มออกฤทธิ์...คนนี้นายจะลงมือเองรึเปล่าครับ” ที่ถามเพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ถูกลักพาตัวมา ไม่เหมือนรายอื่นซึ่งเลือกเอาจากสมาชิกที่ถูกหมายตาไว้แล้วอีกทั้งผู้หญิงคนนี้เจ้านายยังสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามทุกคนทำนอกเหนือคำสั่ง โดยเฉพาะการเล่นสนุกกับเธอ“ใช่” สุกำพลตอบสั้น ๆ พลางเทวิสกี้เติมลงไปในแก้ว“แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่มีการโทร. เข้ามารายงานว่าจัดการเรื่องชาคริตไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้มันน่าจะถึงหนองคายแล้วนี่หว่า”สุกำพลดูนาฬิกาข้อมือพลางสบถออกมาเมื่อรู้สึกว่าวันนี้อะไร ๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างคนถูกถามไม่ได้ตอบ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะตัดสินใจถามกลับไปเบา ๆ อย่างเกรงใจ“เราจะไม่มีปัญหาแน่หรือครับนาย คืนก่อนเพิ่งโดนตำรวจบุกค้นไปเองนะ”สุกำพลแค่นยิ้ม ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“จะปอดแหกไปทำไมวะ ยังไม่มีรายงานเข้ามาสักหน่อยว่ามีการเคลื่อนไหวของพวกตำรวจ ถ้าจะบุกเข้ามาจริง ๆ ป่านนี้ผู้กำกับก็ต้องโทร. มาบอกให้เต
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น
“เมื่อกี้เพิ่งให้ไปอีกแก้วครับ อีกสักพักคงเริ่มออกฤทธิ์...คนนี้นายจะลงมือเองรึเปล่าครับ” ที่ถามเพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ถูกลักพาตัวมา ไม่เหมือนรายอื่นซึ่งเลือกเอาจากสมาชิกที่ถูกหมายตาไว้แล้วอีกทั้งผู้หญิงคนนี้เจ้านายยังสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามทุกคนทำนอกเหนือคำสั่ง โดยเฉพาะการเล่นสนุกกับเธอ“ใช่” สุกำพลตอบสั้น ๆ พลางเทวิสกี้เติมลงไปในแก้ว“แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่มีการโทร. เข้ามารายงานว่าจัดการเรื่องชาคริตไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้มันน่าจะถึงหนองคายแล้วนี่หว่า”สุกำพลดูนาฬิกาข้อมือพลางสบถออกมาเมื่อรู้สึกว่าวันนี้อะไร ๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างคนถูกถามไม่ได้ตอบ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะตัดสินใจถามกลับไปเบา ๆ อย่างเกรงใจ“เราจะไม่มีปัญหาแน่หรือครับนาย คืนก่อนเพิ่งโดนตำรวจบุกค้นไปเองนะ”สุกำพลแค่นยิ้ม ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“จะปอดแหกไปทำไมวะ ยังไม่มีรายงานเข้ามาสักหน่อยว่ามีการเคลื่อนไหวของพวกตำรวจ ถ้าจะบุกเข้ามาจริง ๆ ป่านนี้ผู้กำกับก็ต้องโทร. มาบอกให้เต
เครื่องปรับอากาศในสถานที่แห่งนี้แรงเกินไป ความเย็นต้องผ่านผิวกายจนร่างสั่นสะท้าน แต่ภายในร่างกายกลับร้อนรนปั่นป่วนราวกับมีลาวาไหลวนอยู่ในช่องท้อง เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนราวกับเป็นไข้ หญิงสาวพยายามขยับตัวอีกครั้งพร้อมกับเพ่งสายตาอันพร่าเบลอมองไปรอบ ๆ เพราะอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนแต่แล้วก็ต้องรีบปิดตาลงอย่างรวดเร็วเมื่อจู่ ๆ แสงไฟสีแดงจ้าที่อยู่ด้านบนสาดลงมาเข้าตาพอดี จนสายตาไม่สามารถสู้แสงได้ร้อน...ร้อนไปทั้งร่างราวกับกำลังนอนอยู่บนเตาหลอมขนาดใหญ่ มันวูบวาบหวิวไหวไปทั่วทุกอณูของผิวกายจนอยากให้ใครสักคนมาสัมผัสแตะต้องเพื่อคลายความร้อนเร่าลงไปบ้างพี่อาร์ต...ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาจากปากของแพรพิไลเช่นเคย มีเพียงอาการสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับหอบหายใจรัวเร็ว เมื่อเสียงเบสและกลองจากจังหวะเพลงที่เปิดนั้นเร่งเร้ารุนแรงจน เธอสะท้านไปทั้งร่าง รีบเปิดตาขึ้นมองเพราะเริ่มรู้สึกถึงความหวาดหวั่นที่ผุดพลุ่งขึ้นมาภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด แพรพิไลมองเห็นหน้ากากสีดำลอยเด่นท่ามกลางความสลัว ยามที่แสงไฟสีแดงตกกระทบยิ่งเหมือนกับมัจจุราชที่ถือเคียวเล่มใหญ่ในมื
รชตขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถข้างสำนักงานนักสืบไพศาลในเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ชายหนุ่มดูเวลาแล้วเห็นว่าเลยหนึ่งทุ่มมาสิบห้านาที ทำให้อดคิดถึงคนที่บอกว่าจะอยู่รอที่สำนักงานไม่ได้เขารู้สึกผิดที่ปลีกตัวออกมาช้า เพราะมัวแต่คุยเรื่องหลักฐานที่ได้มาจากแพรพิไลกับสารวัตรจุมพล ทางฝ่ายนั้นตื่นเต้นมากเพราะข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มานั้นครอบคลุมทุกอย่าง และเชื่อด้วยว่าคราวนี้สุกำพลดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอนชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามโทร. หาแพรพิไลแต่ไม่มีคนรับสาย เขาโทร. ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วก็ว่าได้ แต่ทุกครั้งระบบก็ตัดเข้าเป็นการฝากข้อความ จนเขาเริ่มใจไม่ดีต้องรีบบึ่งรถกลับมาที่นี่เพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอยังปลอดภัยดีอยู่ ครั้นพอโทร. เข้าสำนักงานก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน พอเข้าใจได้อยู่ว่าลูกน้องของแพรพิไลคงกลับบ้านกันหมดแล้วรชตเดินเข้าทางประตูด้านข้างอาคารเพราะใกล้กับลานจอดรถที่สุด อีกทั้งประตูด้านหน้าก็ปิดไปแล้วจึงมีเพียงประตูนี้ประตูเดียวที่สามารถเข้าไปภายในสำนักงานได้เมื่อเข้ามาถึง หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็พลอยสงบลงเมื่อเห็นไฟด้า
“ไอ้เรื่องขี้ตู่พี่คงสู้แพรไม่ได้ ตำแหน่งนี้พี่ยกให้แพรคนเดียวเลย”เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมตอนเด็กของแพรพิไลที่มักคิดเองเออเองไปเสียทุกเรื่องแพรพิไลหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ กระทั่งได้กลิ่นกาแฟลอยกรุ่นอยู่ในห้องจึงเงยหน้าขึ้นมองเจติยาที่อุตส่าห์ชงกาแฟมาเผื่อเธอด้วย“จริงสิพี่แพร น้องก้อยเขาขอทำงานประจำที่นี่เลยได้ไหม เพราะตอนนี้น้องเรียนใกล้จบแล้ว” เจติยาพูดถึงพนักงานบัญชีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่แพรพิไลได้ฟังอย่างนั้นก็รีบพยักหน้าให้ทันที“ได้สิ ดีเลยพี่จะได้ไม่ต้องรับสมัครคนใหม่ ขี้เกียจอธิบายงานใหม่ด้วยเพราะมันเสียเวลา ถ้าก้อยอยากทำประจำพี่ก็ยินดีนะ ส่วนเรื่องเงินเดือน เอาไว้สอบเสร็จแล้วค่อยมาคุยกันอีกที”เจติยาพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป พอดีกับที่โทรศัพท์ของรชตส่งเสียงร้องขึ้น“ครับพี่พล” เขาฟังปลายสายพูดครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป“ได้ครับพี่ ผมเอาไปให้พี่ตอนนี้เลยก็ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะคืนนี้ผมก็ต้องเข้าไปที่คลับ คงไม่ว่าง
“ช่วงกลางวันพี่แทบไม่ต้องเข้าออฟฟิศของครอบครัว เพราะพี่ชายของพี่เป็นคนดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่คลับเฮราคือความรับผิดชอบของพี่เต็ม ๆ พี่ถึงต้องเข้าไปเกือบทุกคืนยกเว้นคืนที่ติดธุระจริง ๆ แล้วคืนนี้แพรก็ต้องไปที่คลับกับพี่ด้วย จะว่าไป เราไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ ลืมหมดรึยังว่าเต้นยังไง”“คงต้องรบกวนให้ครูช่วยเตือนความจำแล้วละค่ะ” หญิงสาวยิ้มมุมปากพลางเปิดลิ้นชักหาแฟลชไดรฟ์มาใส่ข้อมูลให้เขา เพราะเม็มโมรีการ์ดต้นฉบับต้องนำไปเก็บซ่อนไว้ที่เดิมเพื่อความปลอดภัย“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะเปิดคอร์สติวเข้มแบบตัวต่อตัวเลยละ ยังไงเราก็ต้องตัวติดกันอย่างนี้ไปอีกนาน”หญิงสาวหันไปย่นจมูกใส่เมื่อรู้ว่าต้องตัวติดกับเขาไปไหนไปกันทุกที่ราวกับปาท่องโก๋ แต่แม้จะถูกตามติดทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัว เธอก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยยามได้อยู่ใกล้ และเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มีรชตอยู่ข้างกาย เธอจะไม่มีวันได้รับอันตรายใด ๆ แม้แต่ปลายเส้นผม“ถ้าอย่างนั้นแพรขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ พี่อาร์ตดึงแฟลชไดรฟ์อันนี้เก็บไปได้เลยนะถ