รชตขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถข้างสำนักงานนักสืบไพศาลในเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ชายหนุ่มดูเวลาแล้วเห็นว่าเลยหนึ่งทุ่มมาสิบห้านาที ทำให้อดคิดถึงคนที่บอกว่าจะอยู่รอที่สำนักงานไม่ได้
เขารู้สึกผิดที่ปลีกตัวออกมาช้า เพราะมัวแต่คุยเรื่องหลักฐานที่ได้มาจากแพรพิไลกับสารวัตรจุมพล ทางฝ่ายนั้นตื่นเต้นมากเพราะข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มานั้นครอบคลุมทุกอย่าง และเชื่อด้วยว่าคราวนี้สุกำพลดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามโทร. หาแพรพิไลแต่ไม่มีคนรับสาย เขาโทร. ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วก็ว่าได้ แต่ทุกครั้งระบบก็ตัดเข้าเป็นการฝากข้อความ จนเขาเริ่มใจไม่ดีต้องรีบบึ่งรถกลับมาที่นี่เพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอยังปลอดภัยดีอยู่ ครั้นพอโทร. เข้าสำนักงานก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน พอเข้าใจได้อยู่ว่าลูกน้องของแพรพิไลคงกลับบ้านกันหมดแล้ว
รชตเดินเข้าทางประตูด้านข้างอาคารเพราะใกล้กับลานจอดรถที่สุด อีกทั้งประตูด้านหน้าก็ปิดไปแล้วจึงมีเพียงประตูนี้ประตูเดียวที่สามารถเข้าไปภายในสำนักงานได้
เมื่อเข้ามาถึง หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็พลอยสงบลงเมื่อเห็นไฟด้า
เสียงเพลงจังหวะร้อนแรงบรรเลงไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการแสดงแสนวาบหวิวบนเวที แพรพิไลกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางลอบเบือนหน้าหนีคู่หญิงชายที่กำลังทำการ ‘โชว์’ อย่างเร่าร้อนตามจังหวะเพลง เธอจะเรียกสิ่งที่อยู่บนเวทีว่าความอุบาทว์ดีหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่อาจเรียกมันว่าศิลปะได้เลย และที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเกินไป อาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ หรือแม้กระทั่งสมาชิกที่เข้ามาร่วมสังสรรค์ล้วนอันตรายด้วยกันทั้งหมด เธอไม่กล้าแสดงตัวเป็นจุดเด่นมากนักจึงได้แต่คอยหลบเลี่ยงอยู่ในมุมมืดเพียงลำพังและคอยเฝ้าสังเกตทุกคนที่อยู่ที่นี่ “คุณไม่ควรมาที่นี่”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้แพรพิไลสะดุ้งวาบ ครั้นพอหันไปมองก็เห็นเพียงหน้ากากสีดำที่ทางสมาคมบังคับให้สวมเท่านั้น แต่ริมฝีปากสีเข้มและเสียงนั่นช่างคุ้นตาคุ้นหูเธอเหลือเกิน“คุณ...” แพรพิไลพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะไม่กล้าเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่าใช่คนที่กำลังสงสัยอยู่หรือเปล่า จะมองรูปร่างของเขาก็ไม่สามารถมองได้ เพราะชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้ากับหน้ากากนั้นปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างไว้จนหมดสิ้น แม้กระทั่งรูปร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งที
“ว่าไงนะคะ ลาออกงั้นหรือ” แพรพิไลถามชายหนุ่มตรงหน้าเสียงแหบแห้ง รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายทันทีเมื่อนักสืบมือดีของสำนักงานมายื่นใบลาออก“คุณแพรต้องเข้าใจผมด้วยนะครับ ลูกผมยังเล็ก ผมเองก็ต้องกินต้องใช้” คนพูดถอนหายใจแผ่ว หลุบตาลงต่ำเหมือนไม่กล้าสู้หน้าแพรพิไลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ ยอมรับแต่โดยดี“แพรเข้าใจค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เคยช่วยงานคุณพ่อมาตั้งหลายปี” หญิงสาวส่งยิ้มฝืดเฝื่อนไปให้สีหน้าละอายใจผุดขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปจากห้องทันทีแพรพิไลไม่คิดโทษใครทั้งสิ้น รู้ดีว่าการที่เธอเข้ามาบริหารสำนักงานนักสืบไพศาลแทนบิดาที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อหกเดือนก่อนเป็นเหตุให้นักสืบหลายคนไม่เชื่อในฝีมือ และต่างพากันคิดว่าเธอกำลังพาสำนักงานนักสืบแห่งนี้ล่มจมลง ดังนั้นในช่วงหกเดือนนี้จึงมีนักสืบคนเก่าคนแก่ฝีมือดีที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบิดาพากันตบเท้าลาออกกันเป็นแถวจะโทษพวกเขาที่ทอดทิ้งเธอก็ไม่ได้ เพราะในช่วงหกเดือนนี้แทบไม่มีงานผ่านเข้ามาเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่งานติดตามบุคคล คดีชู้สาวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีงานเข้า รายได้
“สามีภรรยาคู่หนึ่ง ถ้าอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วอีกฝ่ายเปลี่ยนไป สาเหตุมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ”เขาโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะก่อนพูดต่อ“จริงอยู่ว่าภรรยาผมเธอชอบการเข้าสังคมและการสังสรรค์มาก แต่ทุกครั้งเธอมักกลับบ้านเป็นเวลาเสมอ หรือไม่ก็อัปเดตสเตตัสของตัวเองในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กตลอดเวลาว่าตอนนี้กำลังทำอะไร แต่มาช่วงสองสามเดือนให้หลังนี้ดูเหมือนพฤติกรรมตรงนี้ของเธอจะเปลี่ยนไป ช่วงกลางวันเธอก็อัปเดตเป็นปกติ และถ้าเป็นตอนกลางคืนเธอแทบไม่แตะโซเชียลเลย ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอกำลังอยู่กับคนอื่น”สุกำพลหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ยื่นส่งมาตรงหน้านักสืบสาว“ผมสังเกตว่าเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มเข้าสังคมของที่นี่ครับ”แพรพิไลกวาดตามองรายละเอียดบนนามบัตรใบนั้นอย่างรวดเร็วก่อนส่งต่อให้จิรายุ“คลับเฮรา...ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานนี่คะ ค่าเมมเบอร์แพงมากด้วย”“ใช่ครับ เพราะค่าเมมเบอร์แพง สมาชิกที่นี่จึงมีแต่ไฮโซชื่อดังของเมืองไทยไปรวมตัวกัน อีกทั้งการเต้นลีลาศก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สาวสังคมและหนุ่มกระเป๋าหนัก ผมสืบมาได้ว่าภรรยาของผมเธอจะไปที่นี่ประมาณอาทิตย์ละ
แพรพิไลกลับห้องทำงานแล้วหยิบเอกสารข้อมูลของครองขวัญ ภรรยาของสุกำพลออกมานั่งศึกษา เพื่อดูว่านอกจากคลับแห่งนี้แล้ว เจ้าตัวยังไปที่ไหนอีกบ้างในแต่ละวัน เพราะเท่าที่ผู้ว่าจ้างบอกมา ครองขวัญไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินของสุกำพลทุกบาททุกสตางค์สิ่งแรกที่แพรพิไลทำนั่นคือการสะกดรอยตามครองขวัญเพื่อดูว่าในแต่ละวันเจ้าตัวทำอะไรและพบปะใครบ้างในวันแรกนั้นกิจกรรมของครองขวัญมีเพียงทำผมที่ร้านเสริมสวย นวดหน้าที่สปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรม ตกกลางคืนก็นั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนไฮโซในร้านอาหารกึ่งผับที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง กว่าจะกลับเข้าคฤหาสน์หัสวิจิตรอีกครั้งก็ปาเข้าไปตีสามสรุปได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มที่เข้าข่ายว่าจะเป็นชู้รักของครองขวัญแม้แต่คนเดียว“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”แพรพิไลทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจพวกสาวไฮโซเหล่านี้สักเท่าไร ในแต่ละวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หมดไปกับเรื่องไร้สาระ ทว่าพอคิดในมุมกลับ บางทีพวกเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังเบื่อช
สถานที่ด้านในเป็นอย่างที่แพรพิไลคาดเดาเอาไว้แต่แรก ผนังและเสาแต่ละเสาทำเลียนแบบวังของฟาโรห์ มีโซฟาสีแดงตั้งเป็นกลุ่ม ๆ โต๊ะใครโต๊ะมัน มีฉากกั้นซึ่งเป็นบานพับลายฉลุรูปอักษรอียิปต์โบราณแบ่งความเป็นส่วนตัวไว้ และสามารถพับเก็บได้หากสองโต๊ะต้องการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ตรงกลางเป็นลานกว้างสำหรับเป็นฟลอร์เต้นรำ มีแชนเดอเลียร์คริสตัลห้อยระย้าอยู่ด้านบน แสงระยิบระยับของมันส่งให้บรรยากาศรอบด้านดูหรูหราราวกับได้ย้อนยุคไปงานเลี้ยงสมัยเมื่อหนึ่งพันปีก่อนพนักงานสาวในชุดผ้าฝ้ายสีงาช้างเลียนแบบมาจากนางกำนัลของฟาโรห์ผายมือเชื้อเชิญให้แพรพิไลเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง หญิงสาวสังเกตว่าที่นี่แยกโซนกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มที่มากันหลายคนกับผู้ที่มาเดี่ยวหรือมาเป็นคู่หญิงสาวค่อนข้างพอใจกับพื้นที่ของตนเอง เพราะมันทำให้เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ดังนั้นหลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยเธอจึงมองหาเป้าหมายอย่างครองขวัญทันทีชุดสีแดงสดของครองขวัญ เมื่อมาอยู่ใต้แชนเดอเลียร์อันใหญ่ก็ยิ่งดูระยิบระยับงดงามจับตา หล่อนกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกในดนตรีจังหวะแทงโก้อยู่กลางฟลอร์กับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แพรพิไลจึงรีบ
“รชตครับ เรียกผมอาร์ตก็ได้”เธอหันมามองเขาก่อนพยักหน้าขึ้นลงไปมา“ค่ะคุณอาร์ต แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สอน” แพรพิไลโค้งขอบคุณเขาอย่างสุภาพชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ขณะที่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวแปลกๆเธอจดจำเขาไม่ได้เลยหรือนี่......‘ขโมย!’เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากความหลับใหลทันที เขาก้มลงมองที่โคนต้นไม้ เห็นเพียงเด็กหญิงผมเปียในชุดพละกำลังปีนป่ายขึ้นมาทางเขาอย่างคล่องแคล่วราวกับลิงเขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงที่ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ตรงข้ามกับเขาได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นพอเธอนั่งได้นิ่งดีแล้ว เจ้าตัวก็ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง‘เป็นถึงพี่มอหกแล้วทำไมริอ่านเป็นขโมย’ ไม่พูดเปล่า เธอกลับชี้หน้าเขาด้วย...กล้าไม่เบา‘นี่ยายเปี๊ยก พี่ไปขโมยของเราตั้งแต่เมื่อไร’ เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนกล่าวหาเขาทำหน้าตายแบมือออกข้างตัวแล้ววาดเป็นรูปครึ่งวงกลม&lsqu
แพรพิไลพยายามลอบมองครองขวัญว่าเจ้าตัวมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สายตาของเธอจึงมักตามติดรชตอยู่หลายครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาก็มักมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยหญิงสาวไม่มีโอกาสรู้เลยว่ารชตนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงครองขวัญกับอรอินอยู่หลายครั้งเพราะเขาอยากมาอยู่ใกล้กับเธอมากกว่า แต่สาวไฟแรงทั้งสองก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง ทุกครั้งที่เพลงจบแล้วเขาทำท่าจะผละออก อีกฝ่ายก็จะกอดเขาแน่นจนเนื้อตัวแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแพรพิไล เธอจะกอดเขาไว้ทั้งคืนเขาก็ไม่ว่าในที่สุดเพลงก็จบลงเสียที เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กริชกับปารุส ผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนพูด“คุณอาร์ตครับ มีสายด่วนจากคุณโอมครับ”อา...น่าขึ้นเงินเดือนให้เสียจริง“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”เขาหันไปบอกกับอรอิน นักธุรกิจสาวไฟแรงสูงที่เคยเป็นคู่ขาของพชร พี่ชายเขากับภีมพล เพื่อนพี่ชายมาก่อน“หืม นานไหมคะ อินไม่อยากเต้นกับคนอื่นเลยนอกจากคุณอาร์ตคนเดียว&rdq
แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่งใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่าข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่
รชตขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถข้างสำนักงานนักสืบไพศาลในเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ชายหนุ่มดูเวลาแล้วเห็นว่าเลยหนึ่งทุ่มมาสิบห้านาที ทำให้อดคิดถึงคนที่บอกว่าจะอยู่รอที่สำนักงานไม่ได้เขารู้สึกผิดที่ปลีกตัวออกมาช้า เพราะมัวแต่คุยเรื่องหลักฐานที่ได้มาจากแพรพิไลกับสารวัตรจุมพล ทางฝ่ายนั้นตื่นเต้นมากเพราะข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มานั้นครอบคลุมทุกอย่าง และเชื่อด้วยว่าคราวนี้สุกำพลดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอนชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามโทร. หาแพรพิไลแต่ไม่มีคนรับสาย เขาโทร. ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วก็ว่าได้ แต่ทุกครั้งระบบก็ตัดเข้าเป็นการฝากข้อความ จนเขาเริ่มใจไม่ดีต้องรีบบึ่งรถกลับมาที่นี่เพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอยังปลอดภัยดีอยู่ ครั้นพอโทร. เข้าสำนักงานก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน พอเข้าใจได้อยู่ว่าลูกน้องของแพรพิไลคงกลับบ้านกันหมดแล้วรชตเดินเข้าทางประตูด้านข้างอาคารเพราะใกล้กับลานจอดรถที่สุด อีกทั้งประตูด้านหน้าก็ปิดไปแล้วจึงมีเพียงประตูนี้ประตูเดียวที่สามารถเข้าไปภายในสำนักงานได้เมื่อเข้ามาถึง หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็พลอยสงบลงเมื่อเห็นไฟด้า
“ไอ้เรื่องขี้ตู่พี่คงสู้แพรไม่ได้ ตำแหน่งนี้พี่ยกให้แพรคนเดียวเลย”เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมตอนเด็กของแพรพิไลที่มักคิดเองเออเองไปเสียทุกเรื่องแพรพิไลหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ กระทั่งได้กลิ่นกาแฟลอยกรุ่นอยู่ในห้องจึงเงยหน้าขึ้นมองเจติยาที่อุตส่าห์ชงกาแฟมาเผื่อเธอด้วย“จริงสิพี่แพร น้องก้อยเขาขอทำงานประจำที่นี่เลยได้ไหม เพราะตอนนี้น้องเรียนใกล้จบแล้ว” เจติยาพูดถึงพนักงานบัญชีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่แพรพิไลได้ฟังอย่างนั้นก็รีบพยักหน้าให้ทันที“ได้สิ ดีเลยพี่จะได้ไม่ต้องรับสมัครคนใหม่ ขี้เกียจอธิบายงานใหม่ด้วยเพราะมันเสียเวลา ถ้าก้อยอยากทำประจำพี่ก็ยินดีนะ ส่วนเรื่องเงินเดือน เอาไว้สอบเสร็จแล้วค่อยมาคุยกันอีกที”เจติยาพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป พอดีกับที่โทรศัพท์ของรชตส่งเสียงร้องขึ้น“ครับพี่พล” เขาฟังปลายสายพูดครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป“ได้ครับพี่ ผมเอาไปให้พี่ตอนนี้เลยก็ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะคืนนี้ผมก็ต้องเข้าไปที่คลับ คงไม่ว่าง
“ช่วงกลางวันพี่แทบไม่ต้องเข้าออฟฟิศของครอบครัว เพราะพี่ชายของพี่เป็นคนดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่คลับเฮราคือความรับผิดชอบของพี่เต็ม ๆ พี่ถึงต้องเข้าไปเกือบทุกคืนยกเว้นคืนที่ติดธุระจริง ๆ แล้วคืนนี้แพรก็ต้องไปที่คลับกับพี่ด้วย จะว่าไป เราไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ ลืมหมดรึยังว่าเต้นยังไง”“คงต้องรบกวนให้ครูช่วยเตือนความจำแล้วละค่ะ” หญิงสาวยิ้มมุมปากพลางเปิดลิ้นชักหาแฟลชไดรฟ์มาใส่ข้อมูลให้เขา เพราะเม็มโมรีการ์ดต้นฉบับต้องนำไปเก็บซ่อนไว้ที่เดิมเพื่อความปลอดภัย“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะเปิดคอร์สติวเข้มแบบตัวต่อตัวเลยละ ยังไงเราก็ต้องตัวติดกันอย่างนี้ไปอีกนาน”หญิงสาวหันไปย่นจมูกใส่เมื่อรู้ว่าต้องตัวติดกับเขาไปไหนไปกันทุกที่ราวกับปาท่องโก๋ แต่แม้จะถูกตามติดทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัว เธอก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยยามได้อยู่ใกล้ และเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มีรชตอยู่ข้างกาย เธอจะไม่มีวันได้รับอันตรายใด ๆ แม้แต่ปลายเส้นผม“ถ้าอย่างนั้นแพรขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ พี่อาร์ตดึงแฟลชไดรฟ์อันนี้เก็บไปได้เลยนะถ
แพรพิไลฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเอียงคอเล็กน้อยพร้อมถามคำถามที่ทำให้คนฟังอดยิ้มไม่ได้“สารวัตรรู้ล่วงหน้าใช่ไหมคะว่าเมื่อคืนต้องคว้าน้ำเหลว ถึงได้เตรียมการเอาไว้รอบคอบขนาดนี้”“ความจริงแล้วพี่พลแค่สงสัยน่ะ เพราะการบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงแต่ละแห่งมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสามารถปิดข่าวให้เงียบได้ มันน่าจะมีเล็ดลอดออกไปบ้างก็เลยเตรียมวางแผนกันไว้กับทีมปปส.”หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะใช้เมาส์คลิกไปที่ไฟล์วิดีโอเพื่อเล่นคลิปที่อยู่ในเม็มโมรีการ์ดอันที่สอง เพราะอยากรู้ว่าในช่วงสิบกว่านาทีหลังจากนั้นมีอะไรซ่อนไว้หรือไม่ ดังนั้นเธอจึงข้ามไปที่นาทีที่สี่สิบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและก็เป็นอย่างที่เธอสงสัย เพราะหลังจากคลิปเป็นสีดำเพียงแค่นาทีกว่า ๆ ภาพก็ตัดมาที่บิดาของเธอซึ่งตั้งกล้องให้หันมาหาตัวเองแพรพิไลสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่แสนรักแสนคิดถึง กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีจนต้องเม้มปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นรชตรั้งตัวหญิงสาวให้ทรุดตัวนั่งลงบนตัก สองแขนโอบกอดร่างเล็กที่สั่นเล็ก
“จมไม่ลงว่างั้นเถอะ”“มันไม่ใช่แค่จมไม่ลงหรอก แต่พี่คิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นนะ” ชายหนุ่มชี้ให้เธอดูชาร์ตรายชื่อบริษัทต่าง ๆ บนหน้าจอแล้วพูดต่อ“สุกำพลค้ายา แน่นอนว่าเม็ดเงินที่ได้มันมหาศาล แพรคิดดูก็แล้วกันว่าแค่ไอ้น้ำสีชมพูนั่นแก้วเดียวแพรต้องจ่ายไปตั้งเท่าไร แล้วแต่ละคืนมีคนเข้าไปที่สมาคมหน้ากากกี่คน และแต่ละคนดื่มน้ำนั่นเข้าไปคนละกี่แก้ว ถึงแม้จะเปิดแค่เดือนละหกวัน แต่ในหนึ่งวันนั่นพี่คิดว่าเขาฟาดไปเป็นล้านนะ แล้วเขาไม่ได้ขายแค่วันที่มีปาร์ตีเท่านั้น แต่เขาซื้อขายกันนอกรอบด้วยเพราะมันคือยาเสพติด คนที่ติดไปแล้วเลิกไม่ได้ก็ต้องดิ้นรนหาเสพเพราะคงรอให้ถึงวันที่จัดปาร์ตีไม่ไหวหรอก จริงไหม” รชตเลื่อนเมาส์ลงมาเพื่อให้เห็นรายชื่อทั้งหมดของผู้ที่อยู่หลังม่านก่อนพูดขึ้นอีก“การที่จู่ ๆ ก็มีรายได้มหาศาล มีเงินในบัญชีมากมายมันย่อมต้องน่าสงสัยอยู่แล้วว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน อย่างน้อยหากสรรพากรถามขึ้นมาแล้วเขาบอกไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากธุรกิจอะไรเขาก็แย่น่ะสิ เพราะฉะนั้นสุกำพลก็เลยต้องทำธุรกิจหลายอย่างมารองรับเงินตรงนี้ จ้างคนมาแต่
“หึ ๆ ผมล้อเล่นครับ แต่ผมพูดจริง ๆ นะเรื่องที่ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีเชียวละถ้าหากคุณแพรยอมรับพิจารณาผมบ้าง...เอาเป็นว่าถ้าวันไหนคุณแพรว่างก็สละเวลามาดินเนอร์กับเพื่อนอย่างผมสักมื้อนะครับ”“ยินดีค่ะคุณเบนซ์ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้ไปไม่ได้จริงๆ” แพรพิไลลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาจะวางสาย เพราะตอนนี้หัวใจเธอโลดแล่นไปอยู่กับเม็มโมรีการ์ดที่ซุกซ่อนเอาไว้นานแล้วนั่นต่างหาก“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้เสมอ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ไว้วันหน้าจะโทร. มาชวนใหม่นะครับ”หญิงสาวบอกลาเขาก่อนกดวางสาย จากนั้นก็ก้มลงไปใต้โต๊ะทำงานแล้วใช้มือคลำไปบนพื้นไม้ปาร์เกต์ช้า ๆ จนกระทั่งรู้สึกสะดุดมือเพราะรอยต่อของไม้ไม่เสมอกัน เธอจึงยิ้มออกมาพลางใช้นิ้วกดลงไปที่มุมของไม้แผ่นนั้นเบา ๆไม้ปาร์เกต์แผ่นนั้นเผยอขึ้นมาจนสามารถดึงออกมาได้ เธอล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องเหล็กขนาดเท่ากล่องดินสอออกมาจากในนั้นแล้วเปิดฝาออกเพื่อดูของที่อยู่ข้างในเม็มโมรีการ์ดมากมายใส่อยู่ในถุงซิปล็อกถุงละหนึ่งอัน มีปากกาเคมีสีน้ำเงินเขียนกำก
“ใครหรือคะ พี่อาร์ตดูจากตรงไหน” แพรพิไลถามรชตที่กำลังใช้เมาส์คลิกเพื่อเล่นคลิปย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบอะไร โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็แผดเสียงดังขึ้นจนเธอถึงกับสะดุ้งแพรพิไลเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาดูชื่อคนโทร. เข้า เนื่องจากว่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะใช้เฉพาะลูกค้าที่มาติดต่อกับสำนักงานนักสืบเท่านั้น พอเห็นชื่อของคนที่โทร. มา ตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับรีบกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะคุณวิษณุ” ปกติแล้วลูกค้ารายนี้มักจะโทร. เข้าไปที่สำนักงานมากกว่า แต่คราวนี้กลับโทร. เข้าเครื่องของเธอโดยตรง แสดงว่าน่าจะมีเรื่องด่วนอะไรสักอย่างเป็นแน่“คุณแพรครับ เมื่อคืนน้องสาวของผมพยายามกรีดข้อมือเพื่อฆ่าตัวตาย” คำบอกเล่าจากปลายสายทำให้แพรพิไลถึงกับอ้าปากค้าง“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ คุณวิษณุช่วยเล่ารายละเอียดให้แพรฟังหน่อยได้ไหม” น้องสาวของวิษณุยังไม่เสียชีวิตแน่นอน คนที่บ้านน่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา วิษณุถึงได้โทร. หาเธอเวลานี้“ตอนนี้ปลอดภัยแล
‘เข็มขัดลูกเสือมั้ง’เมื่อได้ยินเขายอกย้อนมาอย่างกวนประสาท แพรพิไลก็ทำหน้ายู่ใส่‘พี่อาร์ต! ยังจะอุตส่าห์กวนอีกนะ แพรหมายถึงว่าเอามาให้แพรดูทำไม’ เธอไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาซื้อมาให้เธอ หรือซื้อให้คนอื่นแล้วแค่เอามาให้เธอดูเพื่อขอความเห็นเฉยๆ‘พี่ไม่ได้เอามาให้แพรดู แต่ซื้อมาให้แพรใส่ต่างหากละ พี่จะใส่ให้แพรนั่งนิ่ง ๆ นะเดี๋ยวตกต้นไม้’ เขาไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ รีบยื่นมือไปที่ท้ายทอยของสาวน้อยตรงหน้าเพื่อสวมสร้อยให้ทันที ติดตะขอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผละออกมาดูของขวัญที่ตนอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากเงินรายเดือนไปซื้อมาให้‘นึกยังไงถึงซื้อมาให้แพรล่ะ พี่ไม่ได้ล้อเล้นใช่ไหม’ แม้สร้อยเงินเส้นนี้จะถูกสวมอยู่ที่คอ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่กล้าทึกทักเอาเองว่าเขาซื้อมาให้อยู่ดีก็ใครจะเชื่อเล่าว่าหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนจะซื้อของขวัญมาให้เด็กมัธยมต้นอย่างเธอ‘เดือนหน้าพวกเราก็ต้องสอบปลายภาคและปิดเทอมใหญ่กันแล้วนะ พี่ก็ต้องไปในเรียนมหา’ลัย แพรก็ขึ้นม.ปลาย แล้ว เราอาจไม่ค่อยได้เจอก
“พี่ขอดูคลิปนั่นหน่อย แพรบอกว่าคนบงการเบื้องหลังก็อยู่ในคลิปนั่นด้วยใช่ไหม”เขาคิดว่าบิดาของแพรพิไลคงตามเรื่องสมาคมหน้ากากเช่นกัน และน่าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหลายอย่างด้วย และที่สำคัญคงรู้แล้วว่าใครคือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังแพรพิไลเปิดคลิปวิดีโอที่ว่า “พี่อาร์ตลองช่วยแพรดูหน่อยค่ะ เพราะเท่าที่แพรดู แพรไม่เห็นว่าคุณพ่อจะถ่ายใครมาเป็นพิเศษเลย” หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆในห้องพักขนาดห้าสิบตารางเมตรย่านใจกลางเมือง ชายสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังลุกลี้ลุกลนยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ บนพื้นห้องมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัววางระเกะระกะ แต่ผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ที่เขาสนใจมีเพียงเอกสารสำคัญและของมีค่าที่สู้อุตส่าห์แลกมาด้วยแรงกายและความเสี่ยง เพราะอย่างน้อยสร้อยแหวนนาฬิการาคาแพงเหล่านี้ก็สามารถนำไปจำนำหรือขายต่อได้ในวันที่เขาสิ้นไร้ไม้ตอกชาคริตดูนาฬิกาข้อมือแล้วเม้มปากแน่น อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด ซึ่งจะมีคนพาเขาหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้านสักระยะหนึ่ง เพื่อรอจนกว่าเ