ฉินอันอันเห็นว่าเป็นเบอร์เขา ก็กดวางสายโดยไม่คิดอะไรเลยเขาเป็นคนรักศักดิ์ศรีขนาดนั้น เห็นว่าเธอวางสายไป เขาก็คงจะไม่โทรมาอีกแล้วฟู่สือถิงเห็นว่าโทรศัพท์ถูกตัดสายไปในทันทีก็ตกใจฉินอันอันไม่รับโทรศัพท์ของเขา เขาพอจะเข้าใจได้ เพราะเขาสมควรตายที่ทำร้ายจิตใจเธอแต่เธอวางสายเร็วเกินไปหน่อย!ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน ตกใจ และท่วมท้นด้วยความโศกเศร้าถ้าฉินอันอันคิดว่าทำแบบนี้จะทำให้เขายอมถอย เธอก็คงจะดูถูกเขามากเกินไปแล้วเขาหาเบอร์โทรศัพท์ของป้าจางแล้วกดโทรออกอย่างแน่วแน่ก่อนที่จะโทรหาฉินอันอัน เขาได้คิดเหตุผลไว้แล้ว เหตุผลก็คือได้ยินมาว่าจื่อชิวเป็นไข้ จึงโทรมาสอบถามอาการถ้าป้าจางรับสาย เขาก็จะใช้เหตุผลนี้เหมือนกันแต่สุดท้าย ป้าจางก็ตัดสายเขาเหมือนกันฟู่สือถิงมองการโทรที่ถูกตัดสายไป สีหน้าแข็งทื่อ นิ่งสนิทป้าจางลาออกจากเขาไปไม่ถึงครึ่งเดือน ทำไมถึงได้ใจแข็งขนาดนี้?!ยังไงพวกเขาก็เป็นเจ้านายกับลูกน้องกันมาหลายสิบปี กลับสู้ความสัมพันธ์อันแสนสั้นระหว่างเธอกับฉินอันอันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?ช่างน่าสะเทือนใจเหลือเกิน!……ประเทศบีหลังจากที่ป้าจางวางสายฟู่สือถิงอย่างไร้เยื่อใยแล
“เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตระกูลถังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันคิดว่าฉันจำเป็นต้องอธิบายให้ทุกคนทราบ” ถังเชี่ยนหันหน้าไปทางกล้องแล้วพูดอย่างไม่เร่งรีบ “เมื่อห้าปีก่อน พ่อของฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และต่อสู้กับโรคร้ายมาโดยตลอด สุขภาพร่างกายของท่านทรุดโทรมไปนานแล้ว และมีเพียงยาเท่านั้นที่ประคองชีวิตท่านไว้ ในวันแต่งงานของฉัน ท่านได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ”“คุณถัง เราต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณกับฟู่สือถิง” นักข่าวคนหนึ่งด้านล่างตั้งคำถามเข้าประเด็นอย่างเฉียบคมไม่นานนัก นักข่าวอีกคนก็ถามว่า “คุณถัง ทำไมฟู่สือถิงถึงไม่ปรากฏตัวในงานแต่งวันนั้น? พวกคุณจะจัดงานแต่งงานใหม่หรือเปล่า?”ถังเชี่ยนรู้ดีว่านักข่าวจะถามคำถามเหล่านี้“ไม่แล้วค่ะ ฉันกับฟู่สือถิงไม่มีทางแต่งงานกันได้” ถังเชี่ยนกล่าว “ฉันต้องขอบคุณเขามาก ๆ ที่ช่วยฉันแสดงละครเรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะถังเฉียวเซินพี่ชายของฉันบีบบังคับ เขาต้องการฮุบสมบัติของตระกูลถังทั้งหมด แม้กระทั่งคิดจะฆ่าฉันด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงเห็นแก่ความหลังและยื่นมือเข้ามาช่วย ป่านนี้ฉันคงตา
โจวจื่ออี้ยกอาหารเย็นมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับส่งสายตาให้ไมค์ไมค์เข้าใจและพยักหน้า“เด็ก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เราไปเที่ยวกันเถอะ!” หลังจากที่เด็ก ๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ไมค์ก็ประกาศรุ่ยลาเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ “ดีเลย ดีเลย! ลุงไมค์จะพาเราไปเที่ยวไหนเหรอคะ?”เสี่ยวหาน “วันนี้เพิ่งจะวันอังคารเองนะ”ไมค์ “เราวางแผนวันหยุดสุดสัปดาห์ไว้ก่อนก็ได้นี่ พี่หาน วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เธอว่างไหม?”เสี่ยวหาน “ไม่ว่างครับ” เทอมนี้ภาระการเรียนของเขามีเยอะแยะมากมาย เขาไม่มีเวลาปลีกตัวไปเที่ยวเลย“เธอเพิ่งจะเรียนชั้นประถมเองนะ ทำไมถึงยุ่งขนาดนี้ล่ะ ถ้าขึ้นมัธยมไปคงไม่มีเวลาอยู่บ้านเลยมั้ง” ไมค์ทำหน้าเศร้า “สมัยฉันเรียน ฉันก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนี้ แต่ฉันก็เรียนเก่งจะตายไปไม่ใช่เหรอ?”“แต่ผมจะเรียนให้เก่งกว่าลุง” เสี่ยวหานพูดอย่างใจเย็นและจริงจังไมค์รู้สึกเหมือนโดนลูกธนูยิงเข้าที่หัวเข่าถ้าเป็นเมื่อก่อนพอเสี่ยวหานพูดแบบนี้ เขาคงจะเถียงกลับ แต่ตอนนี้พอได้ยินเสี่ยวหานพูดแบบนั้น เขากลับไม่มีความมั่นใจที่จะเถียงเลยโจวจื่ออี้หัวเราะชอบใจและยกนิ้วให้เสี่ยวหาน“ลุงจะไปบอกให้แม่เธอย้ายเธอออกจากห้องเรียนพิเศษ
“รุ่ยลา พ่อเธอไม่รู้หรอกว่าเธอไปเที่ยวสวนสนุกของเขา ลุงไม่บอกเขาหรอก” โจวจื่ออี้ชี้แจง “เราไปลองดูกันวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ถ้าไม่สนุกก็กลับเลย โอเคไหม?”รุ่ยลาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม“ตอนคุยวิดีโอคอลกับแม่ อย่าเผลอพูดก็แล้วกัน ไม่งั้นแม่เธอจะไม่ให้เธอไป” โจวจื่ออี้เตือน “สวนสนุกนั่นเที่ยวสนุกมากเลยนะ ฉันเคยพาหลานสาวไปเล่น เธอติดใจมากเลย”หัวใจของรุ่ยลาลอยไปถึงปราสาทในโปสเตอร์โฆษณาแล้ว ไม่ว่าโจวจื่ออี้พูดอะไรเธอก็พยักหน้ารับพริบตาเดียวก็ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ทางเข้าดรีมซิตี้ ผู้คนล้นหลามแน่นขนัดครั้งล่าสุดที่โจวจื่ออี้พาหลานสาวมา ฝนฟ้าอากาศไม่ค่อยดี นักท่องเที่ยวไม่เยอะขนาดนี้ เขาจึงคาดการณ์ผิดพลาดเกี่ยวกับสถานการณ์ในวันนี้ไปหน่อย“โชคดีแล้วที่เสี่ยวหานไม่ได้มาด้วย” ไมค์มองไปยังฝูงคนเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจถ้าเสี่ยวหานมา เห็นนักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้ คงจะหันหลังกลับไปเลยเสี่ยวหานไม่ชอบสถานที่ที่มีคนแออัดแบบนี้ที่สุดโจวจื่ออี้รู้สึกผิดเล็กน้อย “น่าจะรอคิวนานเกินไป เดี๋ยวฉันไปหาผู้จัดการเพื่อขออำนวยความสะดวกดีกว่า แล้วเราค่อยเข้าไปทางช่องพนักงาน”ไมค์ “เข้าไ
ที่เมืองเอ วันนี้เป็นงานแต่งงานของหลญิงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฉินอันอัน ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของเธอ เนื่องจากเจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนที่แล้ว ฟู่ซื่อถิงอยู่ในสภาพราวกับผัก แพทย์จึงสรุปว่าเขาอาจอยู่ไม่รอดในสิ้นปีนี้ คุณนายใหญ่ฟู่ที่หมดหวัง เธอจึงตัดสินใจจัดการเรื่องการแต่งงานให้ลูกชายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ตระกูลฟู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอ แต่ไม่มีผู้หญิงมีชื่อเสียงหรือชาติตระกูลคนไหนยินดีจะแต่งงานกับชายที่กำลังจะตาย…หน้ากระจกแต่งตัว ฉินอันอันแต่งตัวเสร็จแล้ว ชุดแต่งงานสีขาวที่รับกับรูปร่างงดงามของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ รวมกับการแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสดใสและงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดง แต่ในดวงตาเรียวรีนั้นดูมีความว้าวุ่นและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นอยู่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มพิธี เธอก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับฟู่ซื่อถิง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แล้วบังเอิญแฟนของเธอคือฟู่เย่เฉิน เขาเป็นหลานชายของฟู่ซื่อถิง พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพัน
ภายใต้โคมระย้าคริสตัล ดวงตาสีดำสนิทราวกับออบซิเดียนของฟู่ซื่อถิงที่เปล่งประกายลึกล้ำมีเสน่ห์และแฝงไปด้วยอันตราย ก็คงไม่ขยับนอนนิ่งเหมือนเดิมเป็นปกติ ฟู่เย่เฉินหวาดกลัวมากจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว “อันอัน...ไม่สิ...น้าสะใภ้ ดึกแล้ว ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณอาล่ะ!” ฟู่เย่เฉินเหงื่อไหลเย็นและเดินโซเซออกจากห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันดูเขาวิ่งหนีไป เธอก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที และตัวสั่นเล็กน้อยอย่างหยุดไม่ได้ ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้วเหรอ?! ไม่ใช่ว่าเขาจะใกล้ตายเหรอ? เธออยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มีเสียงออกมา จึงอยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอกลับอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ความกลัวที่ไม่รู้จักมันครอบงำเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา...และวิ่งลงไปชั้นล่าง! “ป้าจาง ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้ว! เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว!” ป้าจางได้ยินเสียงจึงรีบขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิง นายท่านเขาลืมตาแบบนี้ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดูสิที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่ตอบสนองเลย” พี่สะใภ้จางถอนหายใจ“ หมอบอกว่าความเป็นไปได้ของผู้ป่วยเจ้าชายนิทราแบบนี้ที่จะฟื้นขึ้นมาค่อนข้างต่ำมาก” ฉินอันอั
เธอรู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด “อันอัน ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอตั้งครรภ์ มันจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอแน่…” ภรรยาของฟู่ฮั่นกล่าว ฟู่ฮั่นรีบรับตาม "ใช่! อันอันยังเด็กมากนะตอนนี้ เกรงว่าเธอไม่อยากเลิกเรียน อยู่บ้านเพื่อมีลูกหรอก!" คุณนายใหญ่มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยเหตุนี้คุณนายใหญ่จึงยืนกรานที่จะสืบทายาทของฟู่ซื่อถิงต่อไป “อันอัน เธอยินดีที่จะให้กำเนิดลูกของซื่อถิงไหม?” คุณนายใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมากับเธอ “เธอเองก็รู้ว่าลูกของเธอและซื่อถิงจะได้รับมรดกทรัพย์สมบัติของซื่อถิงในอนาคต แค่ทรัพย์สมบัติของซื่อถิงก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้เธอและลูกมีชีวิตที่ดีได้” ฉินอันอันพูดอบ่างไม่ลังเล "ฉันยินดีค่ะ" ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องไม่ให้ฟู่เย่เฉินยึดทรัพย์สินของฟู่ซื่อถิงไป เธอก็ยินดีที่จะลองดู ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยาก แต่ด้วยอำนาจและอิทธิพลอันแข็งแกร่งของตระกูลฟู่ ต้องบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแน่นอน หลังจากได้รับคำตอบ คุณนายใหญ่ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "ดีมาก ฉันรู้ว่าเธอแตกต่างจากพวกผู้หญิงโง่ข้างนอกนั้น พวกเขาคิดว่าซ
แพทย์หญิงเอ่ยว่า “พูดยากนะคะ ถ้าอย่างเร็วก็สามสี่เดือน ถ้าอย่างช้านั้นจะนานเท่าไหร่ก็ได้” หลังจากหยุดครู่หนึ่งเธอก็กล่าวเสริมว่า “คุณยังสาวอยู่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน" เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฝนในฤดูใบไม้ร่วงก็นำเมืองเอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการแล้ว ในตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จฉินอันอันออกจากห้องน้ำ เธอเดินไปที่ด้านข้างเตียง เปิดฝาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นตัวใหม่ที่เธอซื้อวันนี้ และทาให้ทั่วผิวของเธอ “ฟู่ซื่อถิง ฉันจะทาให้คุณด้วยนะ! ช่วงนี้อากาศแห้งเกินไปแล้ว” เธอพูดแล้วเดินไปข้าง ๆ ฟู่ซื่อถิง เธอนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้นิ้วแต้มมอยเจอร์ไรเซอร์เล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของเขา ดวงตาสีดำลึกราวกับอำพันราวกับอัญมณีของเขาลืมตาขึ้นทันที เธอตกใจมากซะจนหายใจลำบากกับประกายแสงดวงตาของเขา แม้ว่าจะเห็นเขาลืมตาทุกวัน แต่ก็ยังตกใจทุกครั้งที่เห็นเขาลืมตาขึ้นมา “ฉันออกแรงมากเกินไปเหรอ แต่ฉันไม่ได้ออกแรงเลยนะ!” นิ้วของเธอยังคงนวดแก้มของเขาต่อไปเบา ๆ ในเวลาเดียวกัน ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง… “ฟู่ซื่อถิง ฉันได้อ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าคุณ