รุ่ยลาดึงมือไมค์แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโจวจื่ออี้เห็นว่าพนักงานข้างหน้าดูเหมือนจะกริ่งเกรงผู้หญิงคนนั้นอยู่บ้าง เขาจึงกลัวว่าเรื่องจะบานปลาย จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้จัดการสวนสนุกหลังจากที่รุ่ยลาเดินไปถึงหน้าผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้น เธอก็พูดเสียงดัง “ป้าคะ! การแซงคิวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง! ป้าทำผิดแล้วยังตะคอกเสียงดังใส่คนอื่นอีก คุณครูไม่ได้สอนเรื่องมารยาทให้ป้าเหรอคะ?”ไมค์เม้มริมฝีปาก เขาตกใจกับคำพูดของรุ่ยลาจนพูดไม่ออกเด็กน้อยพอเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว ฝีปากพลอยก้าวหน้าไปด้วยจริง ๆ ระดับการพูดจาต่างจากตอนอายุสามหรือสี่ขวบอย่างเห็นได้ชัดคำพูดของรุ่ยลาทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบลงไปสองวินาทีหญิงวัยกลางคนจ้องรุ่ยลาคิ้วขมวด แล้วด่ากลับ “เด็กบ้า! กล้ามาสั่งสอนฉัน เป็นต้นหอม[footnoteRef:0]มาจากไหนกัน?!” [0: ต้นหอม (根葱) ในที่นี้เป็นคำเปรียบ มีความหมายแสดงการดูถูกว่าอีกฝ่ายไร้ค่า ไม่มีความสำคัญ ‘คิดว่าแกเป็นใคร’‘กล้าดียังไงถึงมาพูดกับฉันแบบนี้’] รุ่ยลาแก้ไขอย่างใจเย็น “ตาป้าบอดหรือไง แยกคนกับต้นหอมไม่ออก ต้นหอมเป็นสีเขียว เป็นพืชชนิดหนึ่ง ด่าคนก็ด่าไม่เป็น โง่จริง
ผู้จัดการมองสีหน้าจริงจังของโจวจื่ออี้แล้วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะรีบพยักหน้า แสดงว่าเข้าใจดีว่าจะต้องทำอย่างไรไม่นานนักคุณนายเหอก็ถูกผู้จัดการเชิญตัวออกไปขณะที่คุณนายเหอถูกเชิญตัวออกไป เธอก็ยังคงตะโกนโวยวายว่า “นางเด็กบ้า! แกคอยดูนะ! ฉันจะกลับมาสั่งสอนแกให้เข็ด!”รุ่ยลาทำหน้าตาเยาะเย้ยใส่ทิศทางที่คุณนายเหอเดินจากไปหลังจากที่คุณนายเหอถูกเชิญตัวออกไป บรรยากาศในบริเวณนั้นก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว“รุ่ยลา ผู้หญิงคนนั้นคงไม่กลับมาแล้วล่ะ อย่าโกรธเธอเลยนะ!” โจวจื่ออี้พูดปลอบด้วยรอยยิ้ม“หนูไม่ได้โกรธสักหน่อย คนที่น่าอับอายคือเธอต่างหาก ไม่ใช่หนู” รุ่ยลาพูดพลางดึงมือไมค์กลับไปยังจุดเดิมและต่อแถวรอคิวต่อไปเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างหน้ารุ่ยลาชูนิ้วหัวแม่โป้งให้เธอ “พี่สาวเก่งจังเลย!”รุ่ยลาเผยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจและสดใสหลังจากที่ผู้จัดการพาคุณนายเหอออกไปแล้ว เขาก็รีบโทรหาฟู่สือถิงทันที“ท่านประธาน ลูกสาวของคุณมาเที่ยวสวนสนุกของเราครับ!”เนื่องจากเด็กหญิงคนนี้เป็นลูกสาวสุดที่รักของท่านประธาน ผู้จัดการจึงไม่พลาดโอกาสที่จะประจบสอพลอฟู่สือถิงเหลือบมองหมายเ
เมื่อมาถึงเครื่องเล่นที่สอง ทางเข้าก็ยังมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดรุ่ยลาเดินไปที่ช่องทางวีไอพีอย่างเป็นธรรมชาติและไปต่อแถวฟู่สือถิงจะยอมให้ลูกสาวของเขามาต่อแถวรอเหมือนคนอื่น ๆ ได้อย่างไรถึงแม้ว่าอากาศภายนอกจะเย็นสบาย แต่การต่อแถวเป็นเวลานานก็ทำให้เหนื่อยและร้อนเอามาก ๆเขาเกลียดการต่อแถวเป็นที่สุด!เขาเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จับแขนรุ่ยลาอย่างทะนุถนอมและพูดว่า “ที่รัก พ่อจะพาลูกเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้เลย”รุ่ยลาขมวดคิ้ว “พ่อหมายความว่าเรากำลังจะแซงคิวคนอื่นเหรอคะ?”ฟู่สือถิงไม่คิดอะไรเลย พยักหน้าไมค์กำมือแน่น เตรียมใจไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปขณะนั้น โจวจื่ออี้เดินไปหาฟู่สือถิงและรายงานเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนให้เขาฟัง“หนูเกลียดการแซงคิวที่สุด! เมื่อกี้มีป้าคนหนึ่งแซงคิว หนูเลยไล่เธอออกไป! ถ้าหนูเป็นคนแซงคิวเสียเอง มันจะดูดีเหรอคะ?” ถึงแม้ว่ารุ่ยลาจะไม่อยากต่อแถว แต่เธอก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองเกลียดได้หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวแล้ว เขาก็ยังไม่อยากให้ลูกสาวต้องต่อแถวให้เหนื่อยอยู่ดีดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดขาด “
โจวจื่ออี้พยักหน้า “คุณน่าจะรู้ดีว่าเจ้านายผมเป็นคนยังไง เขาไม่กลัวว่าอันอันจะรู้เลยด้วยซ้ำ”…… วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอตกเย็น ฟู่สือถิงก็วางแผนจะพาทุกคนไปทานอาหารค่ำวันนี้รุ่ยลาสนุกมากที่ได้เล่นในสวนสนุก แต่เธอก็หิวมากเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่คัดค้านเรื่องที่ฟู่สือถิงจะเลี้ยงอาหารค่ำขณะนั้น เสียงโทรศัพท์ของไมค์ก็ดังขึ้น ไมค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พอเห็นสายที่โทรเข้าก็ทำท่า ‘ชู่ว’ ทันที “อันอันโทรมา พวกนายอย่าเพิ่งพูดอะไรนะ”ไมค์พูดจบก็รับสาย “อันอัน อยากวิดีโอคอลกับรุ่ยลาเหรอ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอก เดี๋ยวกลับบ้านแล้วค่อยโทรกลับหาเธอนะ”“ฉันกลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่บ้าน” เสียงของฉินอันอันไม่รีบร้อนและไม่เร่งรัด “พารุ่ยลากลับมาเดี๋ยวนี้เลย”ไมค์อึ้งไปชั่วครู่ ไม่ทันได้แปลกใจ สายก็ถูกตัดไปแล้ว“เฮ้ย!” ไมค์หน้าแดงหูแดง หัวใจเต้นแรง “อันอันกลับมาแล้ว! ตอนนี้อยู่บ้าน! เธอสั่งให้ฉันพารุ่ยลากลับไปเดี๋ยวนี้! เธอคงรู้เรื่องอะไรมาแล้วแน่ ๆ!”หัวใจของโจวจื่ออี้ก็พลอยเต้นแรงตามไปด้วย“ไม่น่านะ น้ำเสียงเธอฟังดูราบเรียบมาก” ไมค์ปลอบใจตัวเอง “เธออาจจะยังไม่รู้... งั้นฉันจะพารุ่ยลากลั
ฟู่สือถิงมาอีกแล้ว ทุกคนต่างก็ประหลาดใจฉินอันอันเกลียดเขา ไม่ต้องการเจอหน้าเขา เขารู้ดีแก่ใจนี่นาเขาเป็นคนที่ห่วงศักดิ์ศรีมาก ทำไมถึงต้องหาเรื่องอับอายให้ตัวเองด้วย?ฟู่สือถิงผลักประตูรถแล้วก้าวลงมา เขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เห็นโจวจื่ออี้เดินออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว“เจ้านาย ผมว่าคุณกลับไปเถอะ!” โจวจื่ออี้ผลักประตูบ้านแล้วเดินไปหาเขา พูดด้วยความอึดอัด “เธอไม่อยากพบหน้าคุณหรอกครับ ผมเองก็โดนไล่ออกมาเหมือนกัน”จริง ๆ แล้วสถานการณ์ไม่รุนแรงอย่างที่โจวจื่ออี้พูด ฉินอันอันให้โอกาสเขาไถ่โทษ ถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงยอมกลับไปได้ เรื่องที่เขาพารุ่ยลาไปดรีมซิตี้ เธอก็จะไม่ถือสาที่เขาพูดรุนแรงขนาดนี้ก็เพื่อให้ฟู่สือถิงรีบไป“เธอไม่ได้โทษรุ่ยลาใช่ไหม?” ฟู่สือถิงถาม“เปล่าครับ รุ่ยลาเป็นเด็ก ถึงเธอจะทำผิดจริง ๆ อันอันก็ไม่ตำหนิเธอ คุณไม่ต้องกังวลเลยครับ” โจวจื่ออี้พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็พยายามโน้มน้าว “ตอนนี้อันอันกลับมาแล้ว คุณยังมีโอกาสและเวลาอีกมาก ตอนนี้ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ”ใบหน้าหล่อเหลาของฟู่สือถิงปรากฏร่องรอยเย็นชา “นายพูดอย่างกับฉันจะทำร้ายเธออย่างนั้นแหละ”โจวจื่ออี้ “คว
ไมค์ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายหนูหล่อจะตายไป เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีสาวมาตามจีบ ถ้าหาแฟนผู้หญิงไม่ได้ ก็หาแฟนหนุ่มไปเลย”รุ่ยลาอึ้ง “...”เสี่ยวหานวางชามข้าวลงด้วยใบหน้าบึ้งตึง “น่าเบื่อ”หลังจากที่เสี่ยวหานลุกจากโต๊ะ ฉินอันอันก็กินอิ่มและลุกจากโต๊ะด้วยเช่นกันเนื่องจากมีอาการเจ็ตแล็ก เธอจึงไม่ค่อยสบายตัวนักเธอเดินกลับห้องนอนแล้วจัดการสิ่งต่าง ๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงเธอหยิบโทรศัพท์ ตั้งใจจะส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียนเพื่อบอกว่าเธอกลับมาแล้วแต่พอเปิดหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นข้อความหลายสิบข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาเธอตกใจไปชั่วครู่ แล้วก็คลิกเข้าไปดูกล่องข้อความของเขาข้อความที่เขาส่งมาทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของรุ่ยลาที่ดรีมซิตี้ในวันนี้ในรูปถ่ายแต่ละรูป รอยยิ้มของรุ่ยลาล้วนสดใสและร่าเริงหลังจากดูรูปถ่ายเสร็จ เธอก็กดบันทึกรูปถ่ายที่ดูดีที่สุด แล้วก็ปิดกล่องข้อความของเขาทิ้งเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขา ภาพการแยกจากกันครั้งสุดท้ายที่สนามบิน เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะลืมความเจ็บปวดในตอนนั้นได้อย่างรวดเร็วเธอโทรหาหลีเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน ฉันกลับมาแล้วนะ”
เขาบอกว่า ‘อันอัน ให้โอกาสผมเป็นครั้งสุดท้ายนะ!’เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง‘โอกาสสุดท้าย!’ คำสี่คำนี้ทำให้หัวใจของเธอตึงเครียดเธอคิดถึงเสียงร้องไห้ของหลีเสี่ยวเถียนตอนที่หลีเสี่ยวเถียนพูดว่าจะหย่า เธอเด็ดขาดมาก! หลังจากหย่าแล้วก็ออกจากประเทศเอไปอย่างเด็ดเดี่ยว แต่การแต่งงานใหม่ของเฮ่อจุ่นจือกลับทำให้เธอต้องแหลกสลายอีกครั้งใครบ้างไม่อยากเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีถ้าจะพูดว่าในโลกนี้มีอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเสียสติได้ ก็คงหนีไม่พ้นความรัก……ฟู่สือถิงออกจากสตาร์ริเวอร์วิลล่า เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เปิดวีแชทฉินอันอันไม่ได้ตอบกลับเขาคาดเดาว่าฉินอันอันคงเห็นข้อความของเขาแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตอบกลับ แต่เขาก็ไม่รีบร้อนหลังจากนี้จะไม่มีใครหรืออะไรมาคุกคามเขาได้อีกต่อไปเขาสามารถวางแผนและรอคอยอย่างอดทนได้วันรุ่งขึ้น หลีเสี่ยวเถียนมาที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า พร้อมกับของว่างและของขวัญมากมายป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ดีจัง รู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในบรรยากาศเดิม ๆ เลย”ฉินอันอันเห็นสีหน้าของหลีเสี่ยวเถียนแข็งค้างไปชั่วครู่ จึงพูดขึ้นทันที “เสี่ยวเถียน เข้ามาดูจื่อชิวสิ!
ขณะที่ขับผ่านร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง สายตาของหลีเสี่ยวเถียนก็ถูกดึงดูดด้วยรถหรูที่จอดเรียงรายอยู่หน้าร้านหลีเสี่ยวเถียนมีไหวพริบ “อันอัน เราไปกินอาหารมื้อใหญ่กันดีกว่า!”ฉินอันอันกำลังดูโทรศัพท์ ตอบรับไปตามน้ำ “ได้สิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”หลีเสี่ยวเถียนขับรถไปจอดที่หน้าร้านอาหารหรูแห่งนั้น หลังลงจากรถแล้ว เธอก็ส่งกุญแจให้พนักงานรับรถฉินอันอันเพิ่งจะเก็บโทรศัพท์แล้วมองไปที่ร้านอาหารเต็ม ๆ ตา “ร้านนี้ฉันเคยมาแล้ว รสชาติใช้ได้เลย”“เธอเคยมาตอนไหน? ฉันยังไม่เคยมาเลย! ร้านนี้นอกจากราคาจะเอาเรื่องแล้ว ยังต้องจองล่วงหน้าด้วย ไม่งั้นจะไม่ได้กินเมนูขึ้นชื่อของพวกเขา”ฉินอันอันนึกย้อนกลับไป สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เคยมากับฟู่สือถิงก่อนหน้านี้”“โอ้ ไม่น่าแปลกใจ! คนอย่างเขาไปที่ไหนไม่มีเลยที่จะไม่หรูหรา ฉันเดาว่าตอนที่พวกเธอคบกัน คงจะตระเวนกินร้านอาหารหรูในเมืองนี้จนครบแล้วสินะ”“ไม่ขนาดนั้นหรอก ร้านที่เขาชอบมีอยู่แค่ไม่กี่ร้านเอง”หลีเสี่ยวเถียนถึงบางอ้อในทันทีไม่แปลกใจที่ฟู่สือถิงจะมาทานอาหารที่นี่ เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เขาชอบนี่เองเมื่อกี้เธอเห็นรถของเขาจอดอยู่ด้า