ห้องเรียนสำหรับเด็กอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่เสี่ยวหานเรียนอยู่นั้นไม่ใช่โรงเรียนประถมธรรมดา ๆ ทั่วไป แม้ว่าฉินอันอันจะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถส่งรุ่ยลาเข้าไปเรียนได้และรุ่ยลาก็ไม่อยากเข้าห้องเรียนสำหรับเด็กอัจฉริยะด้วยรุ่ยลาไม่เข้าใจและไม่สนใจสิ่งที่เสี่ยวหานเรียนเลยไมค์พารุ่ยลาออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นรถของฟู่สือถิง ทั้งสองก็ถึงกับหยุดชะงักคนขับรถของตระกูลฟู่เปิดท้ายรถแล้วนำกระเป๋าเดินทางของป้าจางออกมาไมค์จูงมือรุ่ยลาเดินเข้าไปดูสถานการณ์อย่างรวดเร็ว“นี่คือกระเป๋าเดินทางของป้าจาง เธอไม่ได้ทำงานที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว เจ้านายเลยให้ผมเอาของมาส่งครับ” คนขับรถกล่าว“เจ้านายของคุณให้คุณใช้รถโรลส์-รอยซ์มาส่งของเลยเหรอ” ไมค์คิดว่าฟู่สือถิงอาจจะอยู่ในรถคนขับรถอึดอัดใจอยู่สองสามวินาทีแล้วจึงอธิบายว่า “เจ้านายผมอยู่ในรถ เขาบอกให้ผมพาเขาออกมาทานอาหารเช้าด้วย”ไมค์หัวเราะเยาะแล้วปล่อยมือจากรุ่ยลา เดินไปที่ประตูรถด้านหลังแล้วเคาะ'ฟืด' ทันใดนั้นหน้าต่างรถก็เลื่อนลงอย่างรวดเร็วใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของฟู่สือถิงปรากฏต่อสายตาของไมค์ไมค์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดจาเหน็บแนมว่า “ตอนนี้เพ
ไมค์ตกใจจนแทบสิ้นสติ“บ้าเอ๊ย มาแย่งโทรศัพท์ผมไปทำไม!” ไมค์ตะโกนด้วยความโกรธแล้วแย่งโทรศัพท์คืนมาที่ปลายสาย ฉินอันอันอึ้งไปใครแย่งโทรศัพท์ไมค์? ใครกล้าแย่งโทรศัพท์ของไมค์?ในหัวของเธอ ใบหน้าของฟู่สือถิงปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ“เปิดลำโพง!” ดวงตาของฟู่สือถิงแดงก่ำ เขาสั่งไมค์จื่อชิวเป็นไข้ เขาต้องรู้ว่าตอนนี้จื่อชิวอาการเป็นยังไงบ้างฉินอันอันได้ยินเสียงของฟู่สือถิง เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆฟู่สือถิงมาอยู่กับไมค์ได้อย่างไรตอนนี้ในประเทศจีนเป็นเวลาประมาณเจ็ดโมง ฟู่สือถิงมาปรากฏตัวที่บ้านของเธอได้ยังไง?“สั่งให้ผมเปิดเหรอ คิดว่าผมเป็นลูกน้องของคุณหรือไง?!” ไมค์ไม่ยอมตามใจเขาสีหน้าของฟู่สือถิงมืดลงทันที ดวงตาเย็นชาของเขาแฝงไปด้วยความโกรธแต่ไมค์ไม่กลัวเขาเลยรุ่ยลามายืนข้าง ๆ ไมค์ เฝ้าดูพวกเขาสองคนทะเลาะกันด้วยสีหน้าบึ้งตึง ราวกับว่าวินาทีต่อไปพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันแล้ว ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา “ฮือ”“...หนูจะไปสายแล้ว ฮือ ๆ!” รุ่ยลาไม่ใช่เด็กขี้แยพอเธอเริ่มร้องไห้ ไมค์และฟู่สือถิงก็เก็บท่าทีแข็งกร้าวทั้งหมดไว้ แล้วมองเธอด้วยความกังวล“รุ่ยลา ไม่ร้องนะคนเก่ง ลุงจะพาเธอ
แม้เธอจะรู้ว่าฟู่สือถิงไม่มีนิสัยแย่งชิงหรือบังคับเด็ก แต่เธอก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ดี“อันอัน ฉันวางสายก่อนนะ รถของเขาขับตามฉันมาไม่ห่างเลย” น้ำเสียงของไมค์ดูเหมือนว่าอยากจะสลัดฟู่สือถิงออกไปฉินอันอันพูดขึ้นทันที “ไมค์ อย่าขับรถเร็วนะ! ความปลอดภัยต้องมาก่อน ถ้าเขาจะตามก็ปล่อยเขาตามไปเถอะ เขาคงไม่ตามเข้าไปถึงในโรงเรียนของรุ่ยลาหรอก”“โอเค! เขาอาจจะกังวลเรื่องจื่อชิว! พอเขาได้ยินว่าจื่อชิวเป็นไข้แล้วสีหน้าก็ดูไม่ค่อยดี คงจะคิดเหมือนฉันตอนแรกนั่นแหละ คิดว่าจื่อชิวคงเป็นแบบเดิมอีกแล้ว” อารมณ์ของไมค์ค่อย ๆ สงบลง“งั้นเดี๋ยวนายอธิบายให้เขาฟังทีนะ! ขับรถดี ๆ ล่ะ ฉันวางสายก่อน”“อืม”หลังจากวางสายแล้ว ไมค์ก็มองไปที่รุ่ยลารุ่ยลาเม้มปาก ตาแดงก่ำ แม้ว่าจะไม่ได้ร้องไห้แล้ว แต่ก็ยังมีสีหน้าที่น่าสงสาร“รุ่ยลาที่รัก เราทำให้หนูตกใจรึเปล่า? ไม่ต้องกลัวนะ เขาไม่กล้าทำร้ายลุงหรอก ถึงเราสองคนจะสู้กัน ลุงก็ไม่แพ้ง่าย ๆ แน่!” ไมค์ปลอบรุ่ยลา “ถ้าเขาทำร้ายคุณลุง หนูจะเกลียดเขาจริง ๆ”“เอ๋? หมายความว่าตอนนี้หนูเริ่มชอบเขาอีกแล้วเหรอ?”รุ่ยลาขมวดคิ้ว พูดด้วยความทุกข์ใจ “เขาไม่ได้ขอให้หนูให
ฉินอันอันเห็นว่าเป็นเบอร์เขา ก็กดวางสายโดยไม่คิดอะไรเลยเขาเป็นคนรักศักดิ์ศรีขนาดนั้น เห็นว่าเธอวางสายไป เขาก็คงจะไม่โทรมาอีกแล้วฟู่สือถิงเห็นว่าโทรศัพท์ถูกตัดสายไปในทันทีก็ตกใจฉินอันอันไม่รับโทรศัพท์ของเขา เขาพอจะเข้าใจได้ เพราะเขาสมควรตายที่ทำร้ายจิตใจเธอแต่เธอวางสายเร็วเกินไปหน่อย!ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน ตกใจ และท่วมท้นด้วยความโศกเศร้าถ้าฉินอันอันคิดว่าทำแบบนี้จะทำให้เขายอมถอย เธอก็คงจะดูถูกเขามากเกินไปแล้วเขาหาเบอร์โทรศัพท์ของป้าจางแล้วกดโทรออกอย่างแน่วแน่ก่อนที่จะโทรหาฉินอันอัน เขาได้คิดเหตุผลไว้แล้ว เหตุผลก็คือได้ยินมาว่าจื่อชิวเป็นไข้ จึงโทรมาสอบถามอาการถ้าป้าจางรับสาย เขาก็จะใช้เหตุผลนี้เหมือนกันแต่สุดท้าย ป้าจางก็ตัดสายเขาเหมือนกันฟู่สือถิงมองการโทรที่ถูกตัดสายไป สีหน้าแข็งทื่อ นิ่งสนิทป้าจางลาออกจากเขาไปไม่ถึงครึ่งเดือน ทำไมถึงได้ใจแข็งขนาดนี้?!ยังไงพวกเขาก็เป็นเจ้านายกับลูกน้องกันมาหลายสิบปี กลับสู้ความสัมพันธ์อันแสนสั้นระหว่างเธอกับฉินอันอันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?ช่างน่าสะเทือนใจเหลือเกิน!……ประเทศบีหลังจากที่ป้าจางวางสายฟู่สือถิงอย่างไร้เยื่อใยแล
“เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตระกูลถังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันคิดว่าฉันจำเป็นต้องอธิบายให้ทุกคนทราบ” ถังเชี่ยนหันหน้าไปทางกล้องแล้วพูดอย่างไม่เร่งรีบ “เมื่อห้าปีก่อน พ่อของฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และต่อสู้กับโรคร้ายมาโดยตลอด สุขภาพร่างกายของท่านทรุดโทรมไปนานแล้ว และมีเพียงยาเท่านั้นที่ประคองชีวิตท่านไว้ ในวันแต่งงานของฉัน ท่านได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ”“คุณถัง เราต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณกับฟู่สือถิง” นักข่าวคนหนึ่งด้านล่างตั้งคำถามเข้าประเด็นอย่างเฉียบคมไม่นานนัก นักข่าวอีกคนก็ถามว่า “คุณถัง ทำไมฟู่สือถิงถึงไม่ปรากฏตัวในงานแต่งวันนั้น? พวกคุณจะจัดงานแต่งงานใหม่หรือเปล่า?”ถังเชี่ยนรู้ดีว่านักข่าวจะถามคำถามเหล่านี้“ไม่แล้วค่ะ ฉันกับฟู่สือถิงไม่มีทางแต่งงานกันได้” ถังเชี่ยนกล่าว “ฉันต้องขอบคุณเขามาก ๆ ที่ช่วยฉันแสดงละครเรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะถังเฉียวเซินพี่ชายของฉันบีบบังคับ เขาต้องการฮุบสมบัติของตระกูลถังทั้งหมด แม้กระทั่งคิดจะฆ่าฉันด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงเห็นแก่ความหลังและยื่นมือเข้ามาช่วย ป่านนี้ฉันคงตา
โจวจื่ออี้ยกอาหารเย็นมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับส่งสายตาให้ไมค์ไมค์เข้าใจและพยักหน้า“เด็ก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เราไปเที่ยวกันเถอะ!” หลังจากที่เด็ก ๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ไมค์ก็ประกาศรุ่ยลาเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ “ดีเลย ดีเลย! ลุงไมค์จะพาเราไปเที่ยวไหนเหรอคะ?”เสี่ยวหาน “วันนี้เพิ่งจะวันอังคารเองนะ”ไมค์ “เราวางแผนวันหยุดสุดสัปดาห์ไว้ก่อนก็ได้นี่ พี่หาน วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เธอว่างไหม?”เสี่ยวหาน “ไม่ว่างครับ” เทอมนี้ภาระการเรียนของเขามีเยอะแยะมากมาย เขาไม่มีเวลาปลีกตัวไปเที่ยวเลย“เธอเพิ่งจะเรียนชั้นประถมเองนะ ทำไมถึงยุ่งขนาดนี้ล่ะ ถ้าขึ้นมัธยมไปคงไม่มีเวลาอยู่บ้านเลยมั้ง” ไมค์ทำหน้าเศร้า “สมัยฉันเรียน ฉันก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนี้ แต่ฉันก็เรียนเก่งจะตายไปไม่ใช่เหรอ?”“แต่ผมจะเรียนให้เก่งกว่าลุง” เสี่ยวหานพูดอย่างใจเย็นและจริงจังไมค์รู้สึกเหมือนโดนลูกธนูยิงเข้าที่หัวเข่าถ้าเป็นเมื่อก่อนพอเสี่ยวหานพูดแบบนี้ เขาคงจะเถียงกลับ แต่ตอนนี้พอได้ยินเสี่ยวหานพูดแบบนั้น เขากลับไม่มีความมั่นใจที่จะเถียงเลยโจวจื่ออี้หัวเราะชอบใจและยกนิ้วให้เสี่ยวหาน“ลุงจะไปบอกให้แม่เธอย้ายเธอออกจากห้องเรียนพิเศษ
“รุ่ยลา พ่อเธอไม่รู้หรอกว่าเธอไปเที่ยวสวนสนุกของเขา ลุงไม่บอกเขาหรอก” โจวจื่ออี้ชี้แจง “เราไปลองดูกันวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ถ้าไม่สนุกก็กลับเลย โอเคไหม?”รุ่ยลาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม“ตอนคุยวิดีโอคอลกับแม่ อย่าเผลอพูดก็แล้วกัน ไม่งั้นแม่เธอจะไม่ให้เธอไป” โจวจื่ออี้เตือน “สวนสนุกนั่นเที่ยวสนุกมากเลยนะ ฉันเคยพาหลานสาวไปเล่น เธอติดใจมากเลย”หัวใจของรุ่ยลาลอยไปถึงปราสาทในโปสเตอร์โฆษณาแล้ว ไม่ว่าโจวจื่ออี้พูดอะไรเธอก็พยักหน้ารับพริบตาเดียวก็ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ทางเข้าดรีมซิตี้ ผู้คนล้นหลามแน่นขนัดครั้งล่าสุดที่โจวจื่ออี้พาหลานสาวมา ฝนฟ้าอากาศไม่ค่อยดี นักท่องเที่ยวไม่เยอะขนาดนี้ เขาจึงคาดการณ์ผิดพลาดเกี่ยวกับสถานการณ์ในวันนี้ไปหน่อย“โชคดีแล้วที่เสี่ยวหานไม่ได้มาด้วย” ไมค์มองไปยังฝูงคนเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจถ้าเสี่ยวหานมา เห็นนักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้ คงจะหันหลังกลับไปเลยเสี่ยวหานไม่ชอบสถานที่ที่มีคนแออัดแบบนี้ที่สุดโจวจื่ออี้รู้สึกผิดเล็กน้อย “น่าจะรอคิวนานเกินไป เดี๋ยวฉันไปหาผู้จัดการเพื่อขออำนวยความสะดวกดีกว่า แล้วเราค่อยเข้าไปทางช่องพนักงาน”ไมค์ “เข้าไ
รุ่ยลาดึงมือไมค์แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโจวจื่ออี้เห็นว่าพนักงานข้างหน้าดูเหมือนจะกริ่งเกรงผู้หญิงคนนั้นอยู่บ้าง เขาจึงกลัวว่าเรื่องจะบานปลาย จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้จัดการสวนสนุกหลังจากที่รุ่ยลาเดินไปถึงหน้าผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้น เธอก็พูดเสียงดัง “ป้าคะ! การแซงคิวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง! ป้าทำผิดแล้วยังตะคอกเสียงดังใส่คนอื่นอีก คุณครูไม่ได้สอนเรื่องมารยาทให้ป้าเหรอคะ?”ไมค์เม้มริมฝีปาก เขาตกใจกับคำพูดของรุ่ยลาจนพูดไม่ออกเด็กน้อยพอเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว ฝีปากพลอยก้าวหน้าไปด้วยจริง ๆ ระดับการพูดจาต่างจากตอนอายุสามหรือสี่ขวบอย่างเห็นได้ชัดคำพูดของรุ่ยลาทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบลงไปสองวินาทีหญิงวัยกลางคนจ้องรุ่ยลาคิ้วขมวด แล้วด่ากลับ “เด็กบ้า! กล้ามาสั่งสอนฉัน เป็นต้นหอม[footnoteRef:0]มาจากไหนกัน?!” [0: ต้นหอม (根葱) ในที่นี้เป็นคำเปรียบ มีความหมายแสดงการดูถูกว่าอีกฝ่ายไร้ค่า ไม่มีความสำคัญ ‘คิดว่าแกเป็นใคร’‘กล้าดียังไงถึงมาพูดกับฉันแบบนี้’] รุ่ยลาแก้ไขอย่างใจเย็น “ตาป้าบอดหรือไง แยกคนกับต้นหอมไม่ออก ต้นหอมเป็นสีเขียว เป็นพืชชนิดหนึ่ง ด่าคนก็ด่าไม่เป็น โง่จริง