“ควรเตรียมไว้อย่างน้อยห้าร้อยมิลลิลิตร” ห้าร้อยมิลลิลิตร… แค่ต้องหาเลือดผู้ใหญ่สองคนมาก็ได้แล้ว แต่ตอนนี้หาได้สักคนก็ยากแล้ว จะไปหาสองคนจากที่ไหนกัน?เขาไม่ยอมให้อิ๋นอิ๋นบริจาคเลือด ไม่ยอมให้อิ๋นอิ๋นรับความเสี่ยงนี้! แต่ว่าจื่อชิวจะทำยังไง? เขายอมให้จื่อชิวเกิดมาบนโลกนี้ หรือว่าเขาจะยอมมองเห็นจื่อชิวตายด้วยอาการป่วยโดยไม่ทำอะไรจริงหรือ? ในตอนที่เขาอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก ฉินอันอันก้าวเข้ามา “ไมค์เจอเลือดแล้วค่ะ” ฉินอันอันเพิ่งคุยโทรศัพท์กับไมค์เสร็จจึงรีบมาแจงข่าวกับพวกเขาทันที “เขาได้เลือดมาสองร้อยมิลลิลิตร ตอนนี้กำลังนำเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาล ถ้าไม่มีปัญหาจะส่งกลับมาที่ประเทศทันที” ฟู่สือถิงพึมพำ “ยังเหลืออีกสามร้อยมิลลิลิตร…ผมจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้…” “คุณจะไปหาที่ไหน? ตอนนี้มืดแล้ว” ฉินอันอันจับแขนของเขาไว้ ไม่อยากให้เขาต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว “ถ้ามีข่าวเกี่ยวกับแหล่งเลือด พวกเราส่งคนไปรับมาก็ได้” เธอไม่อยากเห็นเขาต้องลำบากเพราะเรื่องนี้อีก เขามองดูความรักที่มีต่อเขาในดวงตาของเธอ ดวงตาก็แดงก่ำด้วยความรู้สึกผิด เธอจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่ากรุ๊ปเลือดของอิ๋นอิ๋นและจื่อช
เว่ยเจินที่ยืนอยู่ข้างอิ๋นอิ๋นพูดแทรกขึ้นว่า “แต่ห้าร้อยมิลลิลิตร ก็พอแล้วใช่ไหม?” โจวจื่ออี้ขมวดคิ้วและพูดอย่างขมขื่น “เลือดห้าร้อยมิลลิลิตร พูดง่ายแต่ทำยาก! เวลาเจอเลือดที่เข้ากับจื่อชิวได้ มากที่สุดจะได้มาแค่สามร้อยมิลลิลิตรต่อครั้งเท่านั้น ตอนนี้ไมค์เจอสองร้อยมิลลิลิตรที่ประเทศบี ยังขาดอีกสามร้อยมิลลิลิตร” อิ๋นอิ๋นได้ยินคำพูดของเขา หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว “ถ้าตอนนี้ใช้เลือดอีกสามร้อยมิลลิลิตรก็จะช่วยชีวิตจื่อชิวได้ใช่ไหมคะ?” โจวจื่ออี้ “ใช่แล้วครับ! แต่เลือดสามร้อยมิลลิลิตรนี้หาได้ยาก คนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้มีน้อยมากและอายุของผู้บริจาคเลือดได้คือช่วงอายุระหว่างสิบแปดถึงห้าสิบห้าปี…” อิ๋นอิ๋นดึงแขนเว่ยเจินแล้วเอ่ยกับโจวจื่ออี้ “ฉันกับเว่ยเจินจะไปหาเอง” โจวจื่ออี้พูดอย่างงุนงง “อิ๋นอิ๋น คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้างนอกมืดแล้ว หากมีแหล่งข่าวเรื่องเลือด พวกเราจะรับทราบข่าวนี้ทันที” เขาเข้าใจว่าอิ๋นอิ๋นอยากช่วย อิ๋นอิ๋นคืเป็นคนที่ต้องได้รับการปกป้องมาตลอด ตอนนี้เธอไม่มีปัญหาแล้ว ก็ถือว่าเป็นความช่วยเหลือที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน อิ๋นอิ๋นพ
อิ๋นอิ๋นขมวดคิ้วทันที แล้วเดินไปตรงหน้าเขาด้วยใจจดจ่อ มือทั้งสองข้างกุมฝ่ามือใหญ่ของเขา “พี่ชายของฉันไม่ยอมเจาะเลือดฉันแน่นอน… เขารู้ว่าเลือดของฉันช่วยชีวิตจื่อชิวได้ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันช่วย… เพราะอย่างนี้ ฉันถึงจำเป็นต้องช่วยจื่อชิวยังไงล่ะคะ เว่ยเจิน ขอร้องล่ะ” เธอเอ่ยพึมพำร้องขอเบา ๆ “เว่ยเจิน ถ้าหากฉันตาย ชาติหน้าฉันจะแต่งงานกับคุณ โอเคไหม?” เธอจับมือเขาแน่นแล้วยิ้มทันทีพร้อมกับพูดว่า “แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะตายหรอก ป้าหงบอกว่าฉันมีเก้าชีวิต ไม่ว่าทุกครั้งฉันจะป่วยเป็นอะไร คุณหมอก็รักษาฉันได้” เว่ยเจินมองดูเธอมีรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายสดใสบนหน้า หัวใจที่แข็งกระด้างของเขาค่อย ๆ ละลาย เขาถามตัวเองว่าทำไมถึงชอบอยู่กับอิ๋นอิ๋น ไม่ใช่เพราะเธอจิตใจดีและไร้เดียงสางั้นเหรอ? คฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งหนึ่ง หวังหว่านจือสวมชุดราตรีผ้าไหม หลังจากจิบไวน์แดงเพื่อคลายความตกใจ เธอกดหมายเลขของถังเฉียวเซิน เธอกับถังเฉียวเซินรู้จักกันภายใต้การจับคู่ของถังเชี่ยน พวกเขาทานอาหารด้วยกันคืนก่อนและพูดคุยกันเรื่องธุรกิจอยู่พักหนึ่ง เพราะทั้งสองคนมีความคิดคล้ายกันมากจึงพูดดุยกันได้ถูกคอ “เขาบอกคุณว
ในใจของฉินอันอันรัดแน่น ความรู้สึกสูญเสียย่อมเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะก่อนไมค์โทรมา เธอเห็นข้อความของคุณหมอ เธอยังไม่ทันมีความสุข ข่าวร้ายก็ตามมาติด ๆ “ไม่เป็นไร” เธอเอ่ยเบา ๆ “ฉันจะโทรหาโรงพยาบาล” “ตกลง ฉันปลุกเธอหรือเปล่า?” “เปล่า ฉันตื่นอยู่แล้ว หลายวันมานี้ลำบากนายแล้ว” ฉินอันอันเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง วางแผนจะไปโรงพยาบาลตอนนี้ “ใช่แล้ว ธนาคารเลือดเพิ่งส่งเลือดไปสามร้อยมิลลิลิตรฉันคิดว่าเลือดสามร้อยมิลลิลิตรน่าจะพอ” “งั้นก็ดี! ถ้าพอแล้ว ฉันจะได้เตรียมตัวกลับเลย” ไมค์กล่าว “อื้ม ตอนนี้ฉันจะไปดูที่โรงพยาบาลก่อน” “เอาล่ะ เธอต้องใส่ใจสุขภาพนะ! อย่าให้จื่อชิวหายดีแล้วเธอล้มลงเชียว” ไมค์เตือน “ฉันไม่ควรโทรหาเธอเวลานี้ แต่ถ้าไม่โทรหาเธอ ฉันไม่สบายใจ” “ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” ฉินอันอันคุยกับเขาอีกสองสามคำแล้ววางสาย ก่อนออกมา เธอตรวจดูสภาพอากาศ ตอนนี้อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ศูนย์องศา สภาพอากาศแสดงว่าวันนี้มีหิมะตกหนัก ทุกครั้งที่เธอเห็นหิมะ แม้แต่คำว่า “หิมะ” เธอก็มักคิดถึงช่วงเวลาที่เธอกับฟู่สือถิงรักกันอย่างหวานชื่นหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงเชื่
เขารับไม่ได้ที่ลูกชายจะจากโลกนี้ไป เพราะเขาบังคับให้เธอตั้งท้องลูกคนนี้ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอตั้งครรภ์ จนถึงช่วงตรวจสุขภาพก่อนคลอดทุกครั้ง จนกระทั่งตอนนี้คลอดออกมาแล้ว เขาทุ่มเทอารมณ์ความรู้สึกกับเด็กคนนี้มากเหลือเกิน “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจื่อชิว ถึงคุณไม่โทษผม ผมจะไม่รบกวนคุณอีก” และลูกสองคนด้วย หลังจากคำนั้น เขาไม่พูดอะไรอีก เพราะเสี่ยวหานกับรุ่ยลาก็ไม่ได้ยอมรับเขา แม้ว่าจะมีกระดาษแก้วกั้นอยู่แค่ชั้นเดียว แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจไม่มีวันยอมรับว่าเขาเป็นพ่อไปตลอดกาล คำพูดของเขาทำให้เธอเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกจื่อชิวยังไม่ตายนะ! ตอนนี้พวกเขาพูดเหมือนกับลูกไม่อยู่แล้ว เพราะเธอไม่พูดอะไรอีก เขามองใบหน้าด้านข้างเธอ เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวและจิตใจที่ห่อเหี่ยว เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขนทันทีและให้ศีรษะเธอพิงไหล่เขา “หลับเถอะ! จื่อชิวจะไม่เป็นอะไร พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น” เขากระซิบข้างหูเธอเสียงแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาราวกับมีเวทมนตร์ หลังจากได้ยินคำพูดของเขา หัวใจที่เป็นกังวลก็คลายลงทันที เธอได้กลิ่นที่คุ้นเคยบนตัวเขา แก้มของเธอถูไถกับความอบอุ่นที่คอของเขาโดยไม่
หลังจากโทรติดแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารเลือดก็บอกว่า “ผมถามเจ้าหน้าที่แล้ว คนที่เข้าเวรรับไว้ตอนนั้น เขาบอกว่าคนส่งเลือดมาไม่ได้ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ คิดว่าคงอยากทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อ!” บนโลกนี้มีคนดีที่ทำความดีมากมายขนาดนี้โดยไม่เปิดเผยชื่อมาจากที่ไหนกัน? ฉินอันอันมองเขาคุยโทรศัพท์เสร็จก็พูดว่า “พวกเราไปหาคนใจดีที่บริจาคเลือดคนนั้นกันเถอะค่ะ!” ตอนนี้อาการของจื่อชิวคงที่แล้ว พวกเขาอยู่โรงพยาบาลต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ “ผู้บริจาคเลือดไม่ได้ให้ชื่อไว้” ฟู่สือถิงมองดูฉินอันอันด้วยสายตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยว “คุณไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?” ฉินอันอันทำท่าทางรุ่นคิดอย่างรอบคอบ “ก่อนหน้านี้พี่เว่ยก็เอาถุงเลือดมาด้วย บอกว่ามีคนใจดีบริจาคโดยไม่ทิ้งชื่อเอาไว้” “คุณคิดว่าเว่ยเจินเป็นคนเอาเลือดสามร้อยมิลลิลิตรนี้มางั้นเหรอ?” ขนตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อยและส่ายหัว “ฉันไม่รู้ ถ้าพี่เว่ยเป็นคนหามา ทำไมเขาไม่นำมาให้เองเลย? ทำไมต้องส่งผ่านธนาคารเลือดด้วย?” ใบหน้าของฟู่สือถิงเปลี่ยนเป็นเลวร้ายทันที เธอเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไร “ฉันจะโทรถามพี่เว่ย!” เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วคิดจะโทรหาเว่ยเจิน แต่เขาก
โทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนปิดเครื่อง เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เรื่องผู้บริจาคเลือดที่ใจดีคนนั้นคืออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นบริจาคเลือดให้จื่อชิวสี่ร้อยห้าสิบมิลลิลิตรแล้ว ผู้ใหญ่สามารถบริจาคเลือดได้ครั้งละไม่เกินสามร้อยมิลลิลิตร แต่กับอิ๋นอิ๋นไม่สามารถบริจาคเลือดได้ เธอกลับบริจาคมากกว่าคนปกติมาก! ร่างกายของเธอจะทนได้ยังไง? ตอนนี้พวกเขาสองคนปิดโทรศัพท์ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือเกิดเรื่องกับอิ๋นอิ๋น เว่ยเจินไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้ ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือหลบหนี “ดิฉันจะโทรหาบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นค่ะ!” ดวงตาของป้าหงเป็นสีแดง นิ้วที่จับโทรศัพท์สั่นเทา ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงเหนื่อยล้าทั้งกายและใจกับเรื่องของจื่อชิว เมื่อคืนป้าหงต้องโทรยืนยันกับเขาแน่นอน เขาไม่เคยปล่อยให้อิ๋นอิ๋นเดินทางไกลไปกับคนอื่น เธอควรแจ้งเตือนบอดี้การ์ด แต่ อิ๋นอิ๋นไม่เคยโกหกเธอมาก่อนเลย! ป้าหงกังวลและโทษตัวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอิ๋นอิ๋นจะทำยังไง!เธอกดหมายเลขโทรศัพท์ของบอดี้การ์ด จากนั้นไม่นานก็โทรติด “คุณรีบพาอิ๋นอิ๋นกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!” ป้าหงสั่ง “ถ้าอิ๋นอิ๋นเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งคุณและฉันรับ
เมื่อฟู่สือถิงเห็นพวกเขาสองคนเข้ามา สีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป อพาร์ตเมนท์ของเว่ยเจินไม่มีใครอยู่ เว่ยเจินพาอิ๋นอิ๋นไปแล้ว ไม่รู้ว่าพาไปที่ไหน! “คุณฟู่ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” คุณแม่เว่ยถามอย่างงุนงง “คุณเองก็มาถามเว่ยเจินเรื่องเลือดสามร้อยมิลลิลิตรด้วยเหรอคะ?” หลังจากคุณแม่เว่ยถามจบ ฉินอันอันเห็นแล้วว่าฟู่สือถิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในตัวได้ จึงรีบเดินไปหาเขาทันที “สือถิง ใจเย็น ๆ นะ!” เธอเอ่ยเสียงแหบแห้ง “คุณลุงคุณป้าไม่รู้ว่าเว่ยเจินหายไปไหน ฉันจะคิดหาวิธีติดต่อเขาเอง คุณให้เวลาฉันหน่อยนะ!” ดวงตาของฟู่สือถิงแดงก่ำ ใบหน้าของเขาเย็นชาและไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น! ตอลดเวลาจนถึงตอนนี้ เขาคอยปกป้องอิ๋นอิ๋นอย่างระมัดระวัง เธอถึงได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดีจนถึงตอนนี้ มันไม่ง่ายเลยที่อาการป่วยของเธอจะดีขึ้น ในที่สุดเธอเกือบจะใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติแล้ว แต่ผลคือเว่ยเจินกลับลงมือทำกับเธอได้!เขากล้าดียังไงมาเจาะเลือดของอิ๋นอิ๋น?! เขากล้าดียังไง! ถ้าจื่อชิวไม่ใช่ลูกของฉินอันอัน เขาจะโหดร้ายขนาดนี้ไหม? “ถ้าอิ๋นอิ๋นตาย ผมจะฝังเขาลงหลุมไปพร้อมกับอิ๋นอิ๋นด้วย” ฟู่สื