ไมค์เดาไว้แล้วว่าเธอจะถามคำถามนี้เมื่อตื่นขึ้นมา ไม่มีทางที่เธอจะพักผ่อนได้อย่างสงบ ได้เว้นแต่เธอจะหลับไป “ฉันยังไม่ได้รับข่าวเลย แต่เธอไม่ต้องกังวลนะ ตำรวจกำลังตามหาอยู่ เช้านี้ต้องหาเจอแน่นอน” ไมค์ยืนยันกับเธอ เมื่อเธอได้ยินว่าไม่ได้รับข่าว ร่างกายของเธอก็เหมือนว่าวป่านขาด ไร้ทิศทางและสิ้นหวัง “อันอัน เธอไปนอนบนเตียงก่อน ถ้าเธอคลอดลูกก่อนกำหนดจะทำยังไง?” ไมค์อุ้มเธอขึ้นในแนวนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงโรงพยาบาล “ลูกของเธออายุแค่แปดเดือนเท่านั้น ถ้าเธอคลอดลูกตอนนี้ แม้ว่าเขาจะรอดชีวิต แต่เขาจะต้องอยู่ในตู้อบ เธอก็ควรรู้ดีว่าเวลาแบบนี้เด็กมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย หรือเธออยากให้ลูกต้องทุกข์ทรมาน?” คำพูดของไมค์ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อ เธอต้องการตามหาหลีเสี่ยวเถียน แต่เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อลูกในท้องของเธอได้ เธอต้องการควบคุมอารมณ์ของเธอ แต่เธอกลับทำไม่ได้ น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด นิ้วมือของเธอกำผ้าห่มแน่น ไมค์ยืนอยู่ข้างเตียงเมื่อเห็นเธอเจ็บปวดเช่นนี้หัวใจของเขาก็ปวดร้าว เขาต้องการปลอบเธอ แต่ยังหาเสี่ยวเถียนไม่เจอ คำพูดปลอบใจใด ๆ ก็ไร้ประโยชน์ เขาทำได้เพียงนั่งข้
“ไปเรียกหมอ!” เขาตะโกนสุดเสียงและเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยโดยมีฉินอันอันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาวางเธอลงบนเตียงพยาบาลอย่างระมัดระวัง กางเกงของเธอเปียก เขามองที่ฝ่ามือตัวเอง...โชคดีที่ไม่ใช่เลือด! “น้ำคร่ำของฉันแตกหรือเปล่า…?” เธอหลั่งน้ำตา “สือถิง ฉันขอโทษ… ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้...” น้ำคร่ำแตก แสดงว่าเด็กจะคลอดแล้ว ลูกของเธออายุเพียงแปดเดือน ถ้าคลอดตอนนี้ก็จะถือว่าคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนดมักมาพร้อมกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เธอไม่ควรเศร้าเสียใจมากนัก เธอควรควบคุมอารมณ์และเป็นห่วงสุขภาพของลูก แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ “อันอัน อย่าร้องไห้เลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่น้ำคร่ำแตก เราก็ปล่อยให้ลูกคลอดออกมา” เขาหยิบทิชชูเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “เจอเสี่ยวเถียนแล้ว ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต รอจนกว่าคุณคลอดลูก ผมจะพาคุณไปหาเธอ” เธอสะอื้นตอบรับเสียงเบา ไม่นานหมอก็มาถึง หลังจากเช็คอาการแล้ว หมอก็เข็นเธอเข้าห้องผ่าตัดทันที ฟู่สือถิงมองประตูห้องผ่าตัดที่ปิดอยู่ หัวใจของเขาบีบแน่น “ประธานไม่ต้องกังวลนะคร
อารมณ์ของเธอดูมั่นคงกว่าก่อนหน้านี้มาก ในใจของเธอยังคงเป็นห่วงหลีเสี่ยวเถียน แต่เนื่องจากชีวิตเล็ก ๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่ เธอจึงเปลี่ยนความคิด ตอนแรกทารกในท้องอยู่อย่างปลอดภัย แต่เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เธอจึงต้องคลอดลูกก่อนกำหนด ตอนที่พยาบาลอุ้มเด็กมาให้เธอดู เธออยากจะร้องไห้มาก แต่น้ำตาของเธอกลับไม่ไหลไม่ออก เมื่อเห็นเด็กน้อย เธอก็ได้แต่โทษตัวเอง ตอนที่เธอคลอดเสี่ยวหานกับรุ่ยลา เธอก็คลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน เพราะโดยพื้นฐานแล้วฝาแฝดจะต้องเกิดก่อนกำหนด ดังนั้นทารกทั้งสองคนจึงมีขนาดเล็กกว่าทารกครบกำหนดที่เป็นลูกคนเดียว จื่อชิวตัวเล้กกว่ารุ่ยลาและเสี่ยวหานเสียอีก แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเด็กสามารถมีชีวิตรอดได้ แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าใจมาก “อันอัน เจ็บไหม?” ฟู่สือถิงเห็นว่าเธอใจลอยเล็กน้อย เขาจึงพูดเพื่อทำลายความเงียบ เธอส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนหน้ามีการฉีดยาชาก่อนผ่าตัด และยายังไม่หมดฤทธิ์ เธอจึงไม่รู้สึกเจ็บ “คุณเห็นลูกหรือยัง?” ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย เสียงของเธอแผ่วเบา “เห็นแล้ว ลูกเหมือนผมมาก” เขาจับมือเธอเบา ๆ และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณที่ยอมเหนื่อยมาตลอดนะอันอัน” “ลูกยังต
ร่างกายของถังเชี่ยนหนาวสั่น เตรียมตัวรับกรรม? พวกเขาไม่มีทางหาหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำเรื่องนี้! มีนั่วนั่วเป็นแพะรับบาป ยังไงก็สาวไม่ถึงเธอ แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะคิดว่าเธอเป็นคนทำ แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ ฟู่สือถิงแต่ไหนแต่ไรมาไม่ได้รักเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขา มันจะแย่ไปได้แค่ไหน? โรงพยาบาล ถังเชี่ยนมาเยี่ยมหลีเสี่ยวเถียนพร้อมช่อดอกลิลลี่ในมือ มาเยี่ยมแค่ข้ออ้าง จริง ๆ แล้วเธอมาเพื่อดูว่าสถานการณ์ของหลีเสี่ยวเถียนเป็นยังไงบ้าง และในขณะเดียวกันก็บอกพวกเขาว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของนั่วนั่ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลย เดิมทีเธอวางแผนที่จะบอกเรื่องนี้กับฟู่สือถิงด้วยตนเอง แต่เธอไม่กล้า เธอโทรหาเซิ่งเป่ยเพียงเพื่อให้เซิ่งเป่ยถ่ายทอดข้อความของเธอ แต่เซิ่งเป่ยไม่เชื่อเธอ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่มาหาหลีเสี่ยวเถียนเท่านั้น เฮ่อจุ่นจือมาขวางหน้าห้องผู้ป่วยขแงหลีเสี่ยวเถียน “คุณกล้ามาที่นี่ได้ยังไง?!” เฮ่อจุ่นจือโยนดอกไม้ในอ้อมแขนของเธอลงถังขยะ เขากำหมัดแน่น ความโกรธในดวงตาแผดเผารุนแรง ถังเชี่ยนพูดน้ำเสียงราบเรียบ “จุ่นจือ ฉันขอโทษ เรื่องนี้น่าจ
ตราบใดที่เธอตื่นลืมตา เธอก็จะคิดถึงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สติสุดท้ายในตัวเธอบอกว่า ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเธอ และเธอจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพ่อแม่ของเธอจะอยู่ยังไง? เธอเติบโตมาอย่างเจ้าหญิงบนกองเงินกองทอง ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยถูกรังแก ไม่ใช่เพราะเธอโชคดี แต่เพราะพ่อแม่ของเธอสร้างปราสาทให้เธอ ย่อมมีสักวันที่พ่อแม่ของเธอจะต้องแก่เฒ่า เธอต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อดูแลพ่อแม่ให้ดี นี่คือแรงผลักดันเดียวที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ตอนนี้ “เสี่ยวเถียน คุณพูดอะไร? หย่าเหรอ? ผมไม่หย่า! ผมหย่ากับคุณไม่ได้!” เฮ่อจุ่นจือรู้สึกกระวนกระวาย และน้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกร้าว “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกอึดอัดมาก แต่ผมจะอยู่กับคุณ…” “ฉันไม่อยากให้คุณมาอยู่กับฉัน! ตอนนี้ฉันเห็นผู้ชาย ฉันก็รู้สึกอยากจะอาเจียน! คุณไปซะ! ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉัน! คุณไปซะเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียนกรีดร้อง เสียงกรีดร้องของเธอดึงดูดความสนใจบอดี้การ์ดของตระกูลหลี ในไม่ช้า คุณแม่หลีก็มาถึง และโน้วน้าวให้เฮ่อจุ่นจือออกไปข้างนอก ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา คุณแม่หลีก็พาเสี่ยวเถียนเข้านอนและออกมาจากห้องผู้ป่
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เขา เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วดูการแจ้งเตือนการโทร “ถังเชี่ยน” เขามองไปที่ฉินอันอันและสารภาพก่อน หลังจากพูดจบ เขาก็รับโทรศัพท์ ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ถังเชี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สือถิง ฉันได้ยินมาว่าฉินอันอันคลอดแล้ว ฉันคิดเรื่องนี้ดูแล้ว และคิดว่าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลสักหน่อย ตอนนี้ฉันอยู่ที่แผนกผู้ป่วยใน ไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหน” ฟู่สือถิงเดินออกจากห้องผู้ป่วย ไมค์ล้อ “ถังเชี่ยนกล้าโทรมาได้ยังไง เธอคงไม่ได้อยากเจอเธอหรอกนะ?” ใบหน้าของฉินอันอันเย็นชามาก เธอไม่อยากเจอถังเชี่ยน เธอแค่อยากให้ถังเชี่ยนตาย “เสี่ยวหาน รุ่ยลา เธอสองคนอยู่ในห้อง ลุงจะออกไปดูเอง” ไฟในใจของไมค์ลุกโชน นอกจากการดูความสนุกแล้ว ไมค์ยังต้องการกดดันฟู่สือถิงอีกด้วย ถังเชี่ยนและฟู่สือถิงรู้จักกันมานานกว่าสิบปี มิตรภาพของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นถังเชี่ยนคงจะไม่ไร้ศีลธรรมและชั่วร้ายขนาดนี้ ตอนนี้ฉินอันอันคลอดลูกแล้ว โชคดีที่เป็นแค่การคลอดก่อนกำหนด หากคลอดยาก ถังเชี่ยนตายเป็นหมื่นครั้งคงไม่พอ! ถังเชี่ยนยืนอยู่ในล็อบบี้ของอาคารผู้ป่วยใน พลางมองไปที่ประตู
แม้ว่าถังเชี่ยนสมควรตาย แต่พฤติกรรมอันโหดร้ายของเขาก็ยังคงน่าตกใจ ถ้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลไม่ห้ามเขาไว้ ไมค์คิดว่าเขาอาจจะตบถังเชี่ยนจนตายไปแล้ว นี่คือผู้ชายที่ถังเชี่ยนรักมาก และนี่ก็คือสาเหตุที่เธอไม่สามารถตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นได้ ถ้าผู้ชายคนอื่นโหดร้ายเหมือนฟู่สือถิง เธอก็คงจะหนีไปแล้ว ถังเชี่ยนถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนพาตัวไปอย่างรวดเร็วและหายไปท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน ไมค์เดินไปข้างหลังฟู่สือถิงแล้วตบไหล่เขา “วันนี้เป็นวันที่ลูกชายของคุณคลอดอย่างปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้หรอก” ถ้าถังเชี่ยนไม่มาหาเขา เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ ถ้าถังเชี่ยนสารภาพทุกอย่างที่เธอทำ เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ เหตุผลที่เขาโกรธมากก็เพราะถังเชี่ยนตั้งใจโกหก และพยายามโน้มน้าวให้เขาเชื่อคำโกหกของเธอ เขาเกลียดการถูกหลอกมากที่สุดในชีวิต ถังเชี่ยนไปเอาความกล้าจากไหน ถึงกล้ามาหลอกเขา? “อย่าบอกฉินอันอันว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นนะ” ความรุนแรงในดวงตาของเขาลดลง และอารมณ์ของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ “ผมไม่บอกแน่ แต่ถึงถังเชี่ยนจะสมควรตาย แต่ทำไมคุณถึงต้องลงมือเองด้วย?” ไมค์เตื
ตอนนี้เด็กอยู่ในตู้อบที่ห้องผู้ป่วยหนัก และได้รับการดูแลโดยพยาบาลเฉพาะทาง สภาพแวดล้อมในห้องผู้ป่วยหนักนั้นปลอดเชื้อและโดยปกติแล้วจะไม่สามารถเข้าเยี่ยมทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ แต่ฟู่ซื่อถิงมีสถานะพิเศษ หลังจากที่เขาเข้าไปในแผนกทารกแรกเกิดแล้ว พยาบาลก็ฆ่าเชื้อให้เขาและเปลี่ยนเป็นชุดปลอดเชื้อ พาเขาเข้าไปในห้องผู้ป่วยหนัก“คุณฟู่ อาการโดยรวมของลูกคุณนั้นค่อนข้างดี เพียงแค่หายใจลำบากเล็กน้อยเท่านั้น… ทารกที่คลอดก่อนกำหนดจำนวนมากก็มีอาการเช่นนี้ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะคะ” พยาบาลอธิบาย ฟู่สือถิงรู้อาการของเด็กจากแพทย์ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลมากนัก เขามองดูเด็กผ่านตู้อบอย่างละเอียด เด็กถูกห่ออยู่ในผ้า โดยมีท่อออกซิเจนตรงจมูก เขาหลับตานิ่งไม่ขยับ ดูเหมือนกำลังหลับ ดวงตาของฟู่สือถิงเปียกชื้นขึ้นมาทันที หากลูกคลอดตามกำหนดก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ เขาไม่ได้โทษฉินอันอัน เธอทรมานมาแปดเดือนแล้วนับตั้งแต่ตั้งท้อง และช่วงที่เธอต้องทนทุกข์นี้ไม่ได้มีแค่เรื่องหลีเสี่ยวเถียนถูกลักพาตัวไม่ใช่เหรอ? การที่เธออุ้มท้องมาได้ถึงแปดเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาเ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง