“อร่อยจริงๆ ไม่หวานเกินไป ฉันกินได้เยอะเลย” ฉินอันอันชมและกัดอีกคำ “อิ๋นอิ๋น ตอนนี้เธอเริ่มเก่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ต่อไปเธออยากเรียนรู้อะไรอีกบ้าง?” “ฉันอยากเรียนขับรถ แต่พี่ไม่ยอมให้ฉันเรียน” อิ๋นอิ๋นขมวดคิ้วและขอร้อง “อันอัน ช่วยขอร้องพี่หน่อยได้ไหม?” ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองเว่ยเจิน “คุณสองคนมาเพื่อคุยเรื่องนี้เหรอ?” เว่ยเจินส่ายหน้า “อิ๋นอิ๋นเอาเค้กมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ เรื่องเรียนขับรถขับรถ ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน” ฉินอันอันมองอิ๋นอิ๋น “อิ๋นอิ๋น ทำไมเธอถึงอยากเรียนขับรถล่ะ? เธอไม่กลัวอันตรายเหรอ?” “พวกเธอขับรถเป็นกันหมดเลย ฉันก็เลยอยากเรียนเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ขับรถไปในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน มันก็ไม่เป็นอันตรายหรอก” อิ๋นอิ๋นทำมีสีหน้าน่าสงสารและขอร้องเธอด้วยสายตาอ้อนวอน จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของฉินอันอันดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากฟู่สือถิง เธอเปิดหน้าจอให้อิ๋นอิ๋นดูและพูดตามใจเธอ “ฉันจะลองคุยกับเขาดูนะ ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ฉันก็ทำอะไรไม่ได้” อิ๋นอิ๋นยิ้มและพยักหน้า ฉินอันอันรับโทรศัพท์และกดเปิดลำโพง เสียงของฟู่สือถิงดังขึ้นมาทันที “อันอัน
หลีเสี่ยวเถียนหายตัวไป! เธอหายตัวไป หลังจากออกจากบ้านเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา เฮ่อจุ่นจือดูกล้องวงจรปิดที่สำนักงานจราจรหลังจากที่เธอออกจากบ้าน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าเธอขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง หลังจากที่เธอจอดรถในลานจอดรถชั้นล่าง เธอก็ไม่ได้ขับรถออกมาอีกเลย ดังนั้นเธอจะต้องเกิดเหตุในห้างสรรพสินค้า ในห้างสรรพสินค้ามีกล้องวงจรปิดนับไม่ถ้วน แต่ก็มีมุมอับมากมายเช่นกัน เฮ่อจุ่นจือรีบออกจากกองบังคับการตำรวจจราจรแล้วไปที่ดูกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้า สายของฉินอันอันดังขึ้น หลังจากสูดหายใจ เขาก็รับสาย “รถของเสี่ยวเถียนจอดอยู่ด้านนอกห้างสรรพสินค้า เธอหายตัวไปในห้างสรรพสินค้า” “อยู่ดี ๆ จะหายไปได้ยังไง?!” ฉินอันอันอ้าปากค้าง เธออยากพูดว่าเสี่ยวเถียนอาจจะถูกลักพาตัวไป แต่เธอไม่กล้าพูด เฮ่อจุ่นจือพูดน้ำเสียงอู้อี้ “เธอคงถูกลักพาตัวไปแล้ว! ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณจ้างบอดี้การ์ด ผมคุยกับเธอแล้ว ผมบอกว่าจะจ้างบอดี้การ์ดมาคุ้มกันเธอด้วย เธอไม่ได้ทำงาน บางวันก็ไม่ออกจากบ้านเลย จึงไม่ต้องการบอดี้การ์ด ผมไม่น่าตามใจเธอเลย!” หลีเสี่ยวเถียนเป็นทายาทของห้างสรรพสินค้า
ถังเชี่ยนเป็นคนเลวทราม ใครที่ตกไปอยู่ในมือเธอไม่มีทางมีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน “...ฉันจะให้จื่ออี้ไปหาเซิ่งเป่ยi! ให้เซิ่งเป่ยไปตามหาถังเชี่ยน!” ไมค์ไม่มีทางปล่อยให้ฉินอันอันไปหาถังเชี่ยนได้ “ถังเชียนฝันอยากให้เธอเจอเรื่องไม่ดี ถ้าเธอไปหาหล่อนตอนนี้ ก็เท่ากับว่าสร้างปัญหาให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ?” เสียงของไมค์ดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์ เสี่ยวหานและรุ่ยลารีบเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ อย่าออกไปนะ” เสี่ยวหานพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “แม่ต้องเชื่อฟังลุงไมค์กับพี่นะคะ อยู่บ้านและทำตัวดี ๆ นะคะ!” รุ่ยลาคว้าแขนเธอแล้วขอร้องเบา ๆ การปรากฏตัวของเด็กทั้งสองทำให้สติของฉินอันอันกลับมาสู่ตัวเธอทีละน้อย “แม่ไม่ไปแล้ว” เธอยอมอ่อนข้อ ลุกขึ้นจากโซฟา “แม่จะไปอาบน้ำก่อน” เธอวิตกกังวลอย่างยิ่งราวกับไฟกำลังลุกไหม้ เธอต้องการทำอะไรบางอย่าง แต่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกหนักมาก เมื่อครู่ตอนที่เธอกระวนกระวายใจจะออกไปข้างนอก เด็กในท้องของเธอดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง และเตะเธอตลอดเวลา เธอกลับไปที่ห้องนอน ปิดประตู เอนตัวพิงประตูอย่างอ่อนแรง และสูดหายใจลึก เธอทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ?
สิ่งที่ตอบกลับเธอคือความเงียบสงัด คนที่ลักพาตัวหลีเสี่ยวเถียนดูเหมือนจะไม่ต้องการอะไรจากฉินอันอัน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เงียบขนาดนี้ ฉินอันอันมองผู้ชายที่ตื่นเต้นและกระวนกระวายใจในวิดีโอ และรีบวิ่งไปหาเสี่ยวเถียนเหมือนฝูงหมาป่า... หนังศีรษะของเธอชา เลือดของเธอเดือดพล่าน และร่างกายของเธอก็สั่นไม่หยุด! ความสิ้นหวังโอบล้อมเธอเหมือนเงามืด ราวกับว่ามีใครบางคนถือมีดทื่อ แทงเธอครั้งแล้วครั้งเล่า! เมื่อไมค์ได้ยินเสียงกรีดร้องแหบแห้งของเธอ เขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องของเธอ! เขารีบเข้าไปในห้องของเธอและเห็นเธอก้มลงจับประตูห้องน้ำไว้ “ฉินอันอัน! เธอเป็นอะไร?!” ไมค์วิ่งเข้าไปช่วยประคองเธอลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดเซียว เขาก็เกิดลางสังหรณ์ในใจ “เธอจะคลอดเหรอ? ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” เขาต้องการที่จะอุ้มเธอขึ้น แต่ร่างกายของเธอแข็งเกร็ง และเธอก็พูดคำพูดที่อ้างว้างสองสามคำ “เรียกรถพยาบาล...” “ฉินอันอัน อย่าทำให้ฉันกลัวสิ! ยืนนิ่ง ๆ นะ ฉันจะไปเรียกรถพยาบาล!” หลังจากที่ไมค์พูดจบ เขาก็รีบวิ่งไปหาโทรศัพท์มือถือของเขา ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง ฉินอันอันถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล และไมค์
“พวกเขาเข้านอนแล้ว แต่เสี่ยวหานยังไม่หลับ” โจวจื่ออี้พูด “ผมกลัวรบกวนเขา เลยไม่ได้คุยกับเขา” “อืม เขาแก่แดดและรู้มาก เขานอนไม่หลับแน่นอน” ขณะนี้ไมค์ยืนอยู่นอกห้องฉุกเฉิน หัวใจของเขาสับสน “ฉินอันอันเจ็บท้องคลอด บางทีคืนนี้อาจจะคลอดก็ได้” “อย่างนั้นก็คลอดก่อนกำหนดน่ะสิ?” โจวจื่ออี้ขมวดคิ้ว “จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กหรือเปล่า?” “ผมไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กไหม ผมสนใจแค่ฉินอันอันเท่านั้น... คุณไม่รู้ว่าสีหน้าของเธอแย่แค่ไหน แม้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ แต่เธอยังคงคิดถึงหลีเสี่ยวเถียนอยู่... ” ไมค์พูดตรงทางเดินพลางเดินไปมา “โทรหาเซิ่งเป่ย แล้วดูว่าเขากับถังเชี่ยนเจรจากันเป็นยังไงบ้าง” หากไม่สามารถช่วยหลีเสี่ยวเถียนได้ แม้ว่าฉินอันอันจะคลอดลูก ปมในใจก็จะไม่มีวันหาย “คงเป็นไปไม่ได้” โจวจื่ออี้รู้จักถังเชี่ยนดี “ถ้าถังเชี่ยนที่เป็นคนทำจริง ๆ เธอคงไม่มีทางยอมรับ เว้นแต่เราจะเอาหลักฐานมาแสดงต่อหน้าเธอ การอธิบายเหตุผลกับเธอคงไม่มีประโยชน์อะไร” “อันอันยืนยันว่าถังเชี่ยนเป็นคนทำ คุณคิดยังไง?” ไมค์ถาม “ผมเข้าใจความรู้สึกของอันอัน แต่ผมไม่กล้าฟันธง” โจวจื่ออี้พูดอย่างระมัดระวัง “คุณบอกว่าเด็ก
“เดาว่า ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน เธอก็ไม่มีวันยอมรับ” ไมค์หัวเราะเยาะ “สุดท้ายแล้ว ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” โจวจื่ออี้ดูนาฬิกา “คุณไปพักผ่อนก่อนดีไหม?” “คุณคิดว่าผมจะหลับลงเหรอ” ไมค์มองเข้าไปห้องผู้ป่วย “เดี๋ยวเธอก็ตื่นแล้ว ถ้ายังไม่มีใครเจอหลี่เสี่ยวเถียน อาการเธอจะต้องทรุดแนนอน…หมอบอกว่าตอนนี้พยายามอย่าให้มีอะไรกระทบใจเธอ ไม่อย่างนั้นเธอจะคลอดก่อนกำหนด” “คลอก่อนกำหนด?” โจวจื่ออี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แค่เลือดออก หมอบอกว่านี่เป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด” ไมค์วางมือบนสะโพกแล้วถามว่า “ฟู่สือถิงจะกลับมาเมื่อไหร่?” “พรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า” โจวจื่ออี้พูด “หวังว่าอันอันจะนอนหลับจนถึงเช้าพรุ่งนี้” “นอนจนถึงเช้าได้ยังไงล่ะ? ประเด็นสำคัญคือไม่รู้ที่อยู่ของหลีเสี่ยวเถียน ถ้าคนที่ลักพาตัวเธอทำอะไรเธอ ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ นายลองนึกถึงเสิ่นอวี๋ นึกถึงนั่วนั่ว... ทั้งหมดเป็นเพราะความโหดร้ายของถังเชี่ยน” ไมค์กัดฟัน “หลีเสี่ยวเทียนจะทนทรมานแบบนั้นได้ยังไง?” ดวงตาของโจวจื่ออี้เต็มไปด้วยความเย็นชา “ผมจะไปหาจุ่นจือ” ห้องกล้องวงจรปิดที่ห้างสรรพสินค้า เฮ่อจุ่นจือดูกล้องวงจรปิดตลอดทั้งคืน โด
ไมค์เดาไว้แล้วว่าเธอจะถามคำถามนี้เมื่อตื่นขึ้นมา ไม่มีทางที่เธอจะพักผ่อนได้อย่างสงบ ได้เว้นแต่เธอจะหลับไป “ฉันยังไม่ได้รับข่าวเลย แต่เธอไม่ต้องกังวลนะ ตำรวจกำลังตามหาอยู่ เช้านี้ต้องหาเจอแน่นอน” ไมค์ยืนยันกับเธอ เมื่อเธอได้ยินว่าไม่ได้รับข่าว ร่างกายของเธอก็เหมือนว่าวป่านขาด ไร้ทิศทางและสิ้นหวัง “อันอัน เธอไปนอนบนเตียงก่อน ถ้าเธอคลอดลูกก่อนกำหนดจะทำยังไง?” ไมค์อุ้มเธอขึ้นในแนวนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงโรงพยาบาล “ลูกของเธออายุแค่แปดเดือนเท่านั้น ถ้าเธอคลอดลูกตอนนี้ แม้ว่าเขาจะรอดชีวิต แต่เขาจะต้องอยู่ในตู้อบ เธอก็ควรรู้ดีว่าเวลาแบบนี้เด็กมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย หรือเธออยากให้ลูกต้องทุกข์ทรมาน?” คำพูดของไมค์ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อ เธอต้องการตามหาหลีเสี่ยวเถียน แต่เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อลูกในท้องของเธอได้ เธอต้องการควบคุมอารมณ์ของเธอ แต่เธอกลับทำไม่ได้ น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด นิ้วมือของเธอกำผ้าห่มแน่น ไมค์ยืนอยู่ข้างเตียงเมื่อเห็นเธอเจ็บปวดเช่นนี้หัวใจของเขาก็ปวดร้าว เขาต้องการปลอบเธอ แต่ยังหาเสี่ยวเถียนไม่เจอ คำพูดปลอบใจใด ๆ ก็ไร้ประโยชน์ เขาทำได้เพียงนั่งข้
“ไปเรียกหมอ!” เขาตะโกนสุดเสียงและเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยโดยมีฉินอันอันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาวางเธอลงบนเตียงพยาบาลอย่างระมัดระวัง กางเกงของเธอเปียก เขามองที่ฝ่ามือตัวเอง...โชคดีที่ไม่ใช่เลือด! “น้ำคร่ำของฉันแตกหรือเปล่า…?” เธอหลั่งน้ำตา “สือถิง ฉันขอโทษ… ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้...” น้ำคร่ำแตก แสดงว่าเด็กจะคลอดแล้ว ลูกของเธออายุเพียงแปดเดือน ถ้าคลอดตอนนี้ก็จะถือว่าคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนดมักมาพร้อมกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เธอไม่ควรเศร้าเสียใจมากนัก เธอควรควบคุมอารมณ์และเป็นห่วงสุขภาพของลูก แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ “อันอัน อย่าร้องไห้เลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่น้ำคร่ำแตก เราก็ปล่อยให้ลูกคลอดออกมา” เขาหยิบทิชชูเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “เจอเสี่ยวเถียนแล้ว ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต รอจนกว่าคุณคลอดลูก ผมจะพาคุณไปหาเธอ” เธอสะอื้นตอบรับเสียงเบา ไม่นานหมอก็มาถึง หลังจากเช็คอาการแล้ว หมอก็เข็นเธอเข้าห้องผ่าตัดทันที ฟู่สือถิงมองประตูห้องผ่าตัดที่ปิดอยู่ หัวใจของเขาบีบแน่น “ประธานไม่ต้องกังวลนะคร
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง