คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ หลังอาหารเช้า ไมค์เล่าเรื่องการตายของจางหยุนให้เด็กทั้งสองคนฟัง “ลุงรู้ว่าพวกเธอจะต้องเสียใจมาก ลุงเองก็เสียใจเหมือนกัน แต่คุณยายของพวกเธอจากไปไม่กลับมาแล้ว และลุงหวังว่าเธอจะเข้มแข็ง เพราะตอนนี้แม่ของเธอเสียใจมาก ถ้าพวกเธออ่อนแอ แม่ก็จะยิ่งเสียใจ” ไมค์กอดเด็ก ๆ ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง หลังจากพูดจบ เขาก็จูบที่หัวเด็ก ๆ ทั้งสองคน รุ่ยลาทำใจไม่ได้ เธอน้ำตาไหล ปากเล็ก ๆ ของเธอขยับไม่หยุด เธอพูดเสียงแผ่วเบา “หนูต้องการคุณยาย...หนูจะไปหาคุณยาย...ฮือฮือฮือ...” ดวงตาของเสี่ยวหานก็ชื้นเช่นกัน แต่เขาเข้มแข็งมาก เขาไม่เพียงแค่ไม่ร้องไห้เท่านั้น เขายังกอดน้องสาวแล้วพูดว่า “รุ่ยลาอย่าร้องไห้ พี่จะอยู่กับเธอเอง” “หนูไม่อยากเสียคุณยายไป...ถ้าไม่มีคุณยายเราจะทำยังไง?” รุ่ยลารู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่ม ทุก ๆ วัน คุณยายของเธอจะพาเธอไปส่งโรงเรียน ทำอาหารอร่อย ๆ และพาพวกเขาออกไปเที่ยวเล่น “รุ่ยลา ไม่ต้องกลัว ถึงไม่มีคุณยายเราก็อยู่ได้สบายมาก...เดี๋ยวแม่ก็กลับมา อย่าร้องไห้ให้แม่เห็นได้ไหม?” ไมค์เกลี้ยกล่อม “ไว้ลุงจะพาไปเที่ยว พาไปกินของอร่อย ๆ กัน...” “หนูต้องการคุณยา
“ผมจะเพิ่มกำลังคนส่งไปเฝ้าที่โรงพยาบาลยี่สิบสี่ชั่วโมงทันทีครับ” ผู้บัญชาการพูดแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ได้ยินว่าแฟนของคุณตั้งครรภ์แล้ว ยินดีด้วยนะครับ!” “ผมไม่ชอบเด็ก” ฟู่สือถิงสีหน้าบึ้งตึงเป็นอย่างมากและน้ำเสียงเขาเย็นลงเช่นกัน “ถ้ามีคดีนี้ความคืบหน้า แจ้งให้ผมทราบทันที” ผู้บัญชาการพยักหน้า “ได้ครับ คุณฉินเป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อวานอาการของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าวันนี้เธอเป็นยังไง?” ดวงตาฟู่สือถิงมืดลงกะทันหัน ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาลุกขึ้นจากโซฟา ก้าวเท้ายาวเดินออกไป เขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เมื่อคืนนี้เขาเดินไปถึงด้านนอกประตูห้องผ่าตัด แต่เพราะโทรศัพท์จากแม่ของเขา สุดท้ายจึงไม่ได้ผลักประตูบานนั้นเข้าไปเรื่องที่เสิ่นอวี๋ตั้งท้อง มันกลายเป็นอุปสรรคในใจเขา ไม่ต้องพูดถึงฉินอันอันหรอก แม้แต่กับตัวเอง เขาก็ไม่อาจสู้หน้าตัวเองได้ในห้องผู้ป่วย ฉินอันอันค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปช่วงบ่าย ก่อนที่ความโศกเศร้าจะเข้าทะลวงเข้ามาในใจ เสียงของเสี่ยวหานก็ดังลอดมาก่อน “แม่ครับ ต่อจากนี้แม่อยากให้ผมเรียนที่ไหน ผมก็จะไปเรียนที่นั่นครับ” จากนั้นเสียงนิ่มนวลและ
เวลาเจ็ดโมงเช้า รถโรลส์รอยซ์สีดำค่อย ๆ ขับเข้ามาที่ลานหน้าบ้านช้า ๆ ป้าจางไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อเห็นฟู่สือถิงกลับมา เธอก็เดินมาที่ปากประตูห้องนั่งเล่นทันที หลังจากเธอบอกความจริงกับอิ๋นอิ๋นเมื่อคืนนี้ อารมณ์ของอิ๋นอิ๋นได้รับการกระตุ้นไม่น้อย ป้าจางโทษตัวเองอย่างมาก คำพูดที่พูดออกไปแล้ว เหมือนน้ำที่สาดออกไป ไม่มีทางเอากลับคืนมาได้ ฟู่สือถิงที่มีพลังงานเย็นยะเยือกเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น “คุณผู้ชายคะ ดินฉันทำเรื่องที่ผิดพลาดใหญ่หลวงไปแล้ว ได้โปรดลงโทษดิฉันด้วย” ป้าจางตามหลังฟู่สือถิงมา ฟู่สือถิงชะงักเท้า ดวงตาสีแดงก่ำหันไปมองทางป้าจาง “เมื่อคืนดิฉันบอกเรื่องที่คุณหมอเสิ่นข่มขู่คุณกับอิ๋นอิ๋นค่ะ ดังนั้นอิ๋นอิ๋นเลยไม่ยอมรับการรักษาแล้ว” ป้าจางก้มหน้าลง “ทั้งหมดเป็นความผิดของดิฉัน ดิฉันไม่ควรพูดมากเลย!” “ทำไมป้าจางถึงบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ท่าทางดูน่ากลัว “เธอบอกว่าอยากให้คุณอยู่กับอันอัน ดังนั้นดิฉันก็เลยอดที่จะบอกความจริงกับเธอไม่ได้ค่ะ” ป้าจางพูดเสียงแหบพร่า “คุณไล่ดิฉันออกเถอะค่ะ! ดิฉันแก่แล้วถึงได้เลอะเลือน ไม่เหมาะสมจะรับใช้คุณอีกต่อไป” ฟู่ส
ฉินอันอันเดินออกมาจากห้อง เมื่อเห็นเธอเดินออกมา ไมค์รู้สึกราวกับเห็นผี เธอไม่เจอแสงแดดมาหลายวัน ใบหน้าของเธอจึงซีดเซียวและหมองเศร้ามาก บวกกับไม่ได้กินอะไรเลยจึงผ่ายผอมลงตามไปด้วยเมื่อเด็กทั้งสองคนเห็นเธอก็ตกใจเช่นกัน ฉินอันอันเข้าไปในห้องของตัวเอง ไมค์ตามไปทันที “ฉินอันอัน! เธอคงไม่ได้คิดจะไปทำงานหรอกใช่ไหม?” ไมค์เอ่ยเดา ฉินอันอันหยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้ชุดหนึ่งแล้วเดินไปห้องน้ำ “นายอยู่บ้านกับเด็ก ๆ นะ ฉันจะเข้าไปดูบริษัท” “โอ้…ต่อจากนี้ไปฉันต้องอยู่บ้านดูแลเด็ก ๆ งั้นเหรอ?” ไมค์ถาม ฉินอันอันส่ายหน้า “ฉันจะจ้างบอดี้การ์ด” “ไม่ควรจ้างพี่เลี้ยงเด็กหรอกเหรอ?” ฉินอันอัน “ไม่จำเป็น” เธอต้องการดูแลเรื่องอาหารและชีวิตประจำวันของลูกด้วยตัวเอง บอดี้การ์ดมีหน้าที่รับส่งไปกลับโรงเรียน คุ้มครองความปลอดภัยของพวกเขาก็พอแล้ว “จริงสิ ฉันได้ยินว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของคุณป้าไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา มีคนจงใจฆาตกรรมเธอ” ไมค์พูด “ไว้เดี๋ยวเธอไปสอบถามที่สถานีตำรวจก็แล้วกัน” ดวงตาฉินอันอันมืดลง น้ำเสียงตึงเครียด “ใครบอกนาย?” “โจวจื่ออี้” ไมค์กล่าว “เขาบอกว่าฟู่สือถิงส่งคนไปสอบสวน
นิ้วมือของฉินอันอันจับแก้วกาแฟแน่น เรื่องที่หวังหว่านจือพูดเกี่ยวกับฟู่สือถิง เธอไม่ได้สนใจเลย “น้องชายของคุณอยู่ในคุก จะจ้างวานฆ่าได้ยังไง?” เธอมองหน้าหวังหว่านจือแล้วถามเน้นทีละคำ “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?” รอยยิ้มบนหน้าหวังหว่านจือหายไปทันที “ฉินอันอัน เธออย่ามาใส่ร้ายกันนะ! ที่ประเทศเอ ฆ่าคนโทษคือประหาร! จ้างวานฆ่าก็โทษประหาร! นี่คือสิ่งที่เธอบอกฉันตั้งแต่แรก แล้วฉันจะทำเรื่องพรรค์นั้นได้ยังไง?!” หลังจากพูดจบ มุมปากของเธอก็ยกขึ้น ราวกับกำลังบอกว่า ‘ฉันไม่ใช่คนโง่! ถึงแม้ฉันจะทำ ฉันก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด’แก้วกาแฟในมือฉินอันอันสั่นเล็กน้อย เป็นเพราะเธอจับแน่นเกินไป “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงนัดคุณออกมา?” ฉินอันอันคลายมือที่ถือแก้วกาแฟ หวังหว่านจือเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “ฉินอันอัน แม่ของเธอตายแล้วนะ ตามตอแยฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ เธอฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ไม่ได้ทำอยู่ดี…” ฉินอันอันลุกขึ้นจากเก้าอี้ กลืนความเจ็บปวดลงท้อง “แน่อยู่แล้ว ตราบใดที่คุณไม่ยอมรับ คุณก็ไม่ได้ทำ” พูดจบ เธอก็เดินไปหาหวังหว่านจืออย่างรวดเร็ว หลังจากที่หวังหว่านจือต
ไมค์ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น “หนึ่ง สอง…” ฉินอันอันเริ่มนับ แก้มของไมค์แดงด้วยความโกรธ “ฉินอันอัน! งั้นเธอก็โง่ต่อไปเถอะ! ฉันไม่สนใจเธอแล้ว!” พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากสถานีตำรวจ หลังจากออกมา เขาควักโทรศัพท์โทรหาโจวจื่ออี้ “โจวจื่ออี้! เจ้านายของคุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า? ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา!” เขายืนอยู่ที่ด้านนอกสถานีตำรวจ ลมหนาวพัดมา ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะน้อยใจ เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อฉินอันอันได้ สถานการณ์ของฉินอันอันตอนนี้มันค่อนข้างไม่ปกติเมื่อคน ๆ หนึ่งได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง ล้วนสามารถทำได้ทุกอย่าง วันนี้เธอฆ่าคนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เธอฆ่าตัวตายจะทำยังไง? “วันนี้เพิ่งจะเริ่มงาน ยุ่งนิดหน่อย ทำไมคุณถึงอยากเจอเขา?” โจวจื่ออี้พูดเร็วมาก พอถามจบปฏิกิริยาตอบสนองเขาก็เริ่มทำงาน “คุณตามหาเจ้านายผมงั้นเหรอ? ฉินอันอันเกิดเรื่องใช่ไหม?” “วันนี้เธอทำตัวงี่เง่า เกือบจะฆ่าหวังหว่านจืออยู่แล้ว ตอนนี้เธออยู่ในสถานีตำรวจ ฉันรู้สึกว่าเธอจะต้องถูกควบคุมตัว…เจ้านายของคุณเก่งมากไม่ใช่เหรอ? คุณรีบไปแจ้งเจ้านายเลยให้เขาเอาตัวฉินอันอันออกมา! ถ้าเขาพาฉิ
“ผมจัดการเรื่องนี้เอง” เขาจับข้อมือเรียวเล็กของฉินอันอันแล้วพูดกับผู้บัญชาการว่า “ผมจะพาเธอออกไปก่อน” ผู้บัญชาการพยักหน้า หลังออกมาจากสถานีตำรวจ ฉินอันอันก็สะบัดฝ่ามือใหญ่ที่ค่อนข้างเย็นของเขาออก ฟู่สือถิงมองเธอสร้างเกราะหนามทั่วตัวแล้วขมวดคิ้ว “ฉินอันอัน ถึงคุณจะฆ่าหวังหว่านจือ แม่ของคุณก็ไม่ฟื้นขึ้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอก มีวิธีแก้แค้นอีกมากมาย และวิธีที่คุณใช้ ก็เป็นวิธีที่โง่ที่สุด” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?” ฉินอันอันมองใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าของเขาแล้วเย้ยหยันอย่างเย็นชา “สิทธิ์ที่คุณคือประธานฟู่ผู้สูงส่ง หรือสิทธิ์ที่หวังหว่านจือคือแม่ยายในอนาคตของคุณล่ะ?!” ทุกคำพูดของเธอเต็มไปด้วยหนามทิ่มแทง ดวงตาฟู่สือถิงฉายประกายอารมณ์มืดมนและคลุมเครือ “ฉินอันอัน คุณใจเย็นหน่อย” “ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้ว!” เสียงของเธอโศกเศร้าและฟังดูแตกสลาย “แค่ฉันหลับตา ภาพการตายที่น่าสลดใจของแม่ก็จะโผล่ขึ้นมาในใจฉัน! แม่ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?! เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย! ยายนั่นมีสิทธิ์อะไรมาฆ่าเธอ!” เธอร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ฟู่สือถิงมองไปร่างกายผอมบางและท่าทางปวดร้าวปานจะขาดใจของเธอ ตอนนี้
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ฉินอันอันจึงไปส่งเด็กทั้งสองที่โรงเรียนอนุบาล เป็นเสี่ยวหานที่เป็นฝ่ายเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลกับน้องสาวเอง แบบนี้ก็ไม่ต้องให้คุณแม่ไปรับส่งแล้ว การตายของจางหยุน ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเช่นกัน “ฉินอันอัน ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว!” ไมค์ขับรถออกไปบนถนนสายหลัก “เรื่องทุกข์ใจทั้งหมดผ่านไปแล้ว! จากวันนี้ไปทุกวันจะมีแต่โชคดีเข้ามา” ฉินอันอันมองเขาอย่างฉงนสนเท่ห์ “พูดดี ๆ เป็นด้วยเหรอ?” ไมค์กระแอม “ฉันรู้ว่าเธอยังต้องเสียใจอีกนาน แต่ว่า พวกเราจะต้องมองไปข้างหน้า จากนี้จะมีผู้คนและสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายรอเธออยู่” ฉินอันอัน “ขับรถดี ๆ” ไมค์ “อ้อ” เขาเปิดเพลงในรถ ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไมค์ ขอบคุณนะ” “เอ๋?” ไมค์ปิดเพลง “ขอบคุณที่ช่วงนี้นายคอยดูแลลูกสองคนของฉัน” “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเกรงใจกันขนาดนี้? ลูกของเธอก็คือลูกของฉัน ไม่ใช่เพราะแม่เธอไม่อยู่แล้วหรอกนะ ถึงเธอไม่อยู่ ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเธอสองคนจนโตให้เอง!” ไมค์พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอันมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไอ “…เธอเข้าใจความหมายของฉันก็พอแ