จนกระทั่งได้กลิ่นคาวเลือด เขาถึงได้ปล่อย ......เวลาสี่โมงเย็น ฉินอันอันได้รับสายจากทางโรงเรียน บอกว่าเสี่ยวหานกัดใครบางคน ขอให้เธอไปที่โรงเรียน ฉินอันอันมึนงงอย่างมาก เพราะว่าเสี่ยวหานอยู่ในห้องเรียนเพียงคนเดียว เขาไม่มีเพื่อนร่วมชั้นเลยแล้วจะกัดใครได้? หรือว่ากัดคุณครู? เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ฉินอันอันก็ปิดคอมพิวเตอร์ทันที หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป ทำไมถึงกัดคุณครูล่ะ? ถึงแม้จะขัดแย้งกับคุณครู แต่จะใช้วิธีที่รุนแรงแบบนี้ไม่ได้! เธอจำได้ว่าเสี่ยวหานไม่ใช่เด็กแบบนั้น ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไป? ระยะนี้เธอยุ่งมากเกินไป จึงละเลยลูกทั้งสองคน เธอตัดสินใจที่จะพูดคุยกับเด็กทั้งสองคนคืนนี้ หลังจากขับรถมาถึงโรงเรียน คุณครูของเสี่ยวหานก็เอ่ยปากขอโทษ “คุณฉินคะ ลูกของคุณถูกพาตัวไปแล้วค่ะ” ฉินอันอันขมวดคิ้วด้วยความตกใจ “แต่ว่าไม่ต้องกังวลนะคะ เสี่ยวหานถูกคุณฟู่สือถิงพาไปค่ะ คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของคุณฟู่ใช่ไหมคะ? ฉันให้ที่อยู่ของเขากับคุณได้ คุณไปรับเสี่ยวหานที่บ้านของเขาได้เลยค่ะ” คุณครูกล่าว ฉินอันอันโกรธจนหน้าแดงไปถึงหู “ทำไมถึงยอมให้เขาเอาตัวเสี่ยวหานไปล่ะ?
”อย่าแตะตัวผม!” เสี่ยวหานตะโกนเสียงดัง! เขาสวมหมวกกลับเข้าไปใหม่ แม่บ้านจางตกตะลึงกับเสียงตวาด ฟู่สือถิงและฟู่สืออิ๋นมองเสี่ยวหานตาไม่กระพริบ ฟู่สืออิ๋นตกใจกลัวกับเสียงที่แผดก้องของเขา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่สือถิงได้เห็นใบหน้าของเสี่ยวหาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นเงาของตัวเองบนใบหน้าของเด็กชายด้วย…“ถ้าอย่างนั้นหนูเช็ดเอง ตกลงไหมจ๊ะ?” แม่บ้านจางบิดผ้าเช็ดตัวแล้วยื่นให้เขา “หน้าของหนูมีเหงื่อออก ล้างหน้าแล้วจะได้สบายขึ้น” เสี่ยวหานรับผ้าหนูมา จากนั้นก็โยนลงไปในอ่าง! เมื่องแม่บ้านจางเห็นว่าเด็กคนนี้อารมณ์ไม่ดี ก็ยกอ่างน้ำออกไปทันที “ถ้านายไม่บอกว่านายกับอิ๋นอิ๋นรู้จักกันตอนไหน ทำไมถึงทะเลาะกัน คืนนี้อย่าคิดว่าจะได้กลับบ้าน” ฟู่สือถิงที่กลับมาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว พูดขู่เขา เสี่ยวหานทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินไปทางประตู ด้านนอกประตู บอดี้การ์ดสองคนปรากฏตัวขึ้น ขวางทางเขาเอาไว้ เสี่ยวหานเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองพวกเขา! บอดี้การ์ดจ้องไปที่ใบหน้าของเสี่ยวหาน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกผิดในใจ…‘ทำไมดวงตาของเด็กคนนี้ ถึงได้…ดุร้ายขนาดนี้?’ ‘เขาไม่เหมือนเด็กคนอื่น เด็กคนอื่นเวลาโมโหก
ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมง คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะมาหาเขาเร็วขนาดนี้! ถึงแม้แม่จะบอกคนอื่นว่าเขาเป็นลูกบุญธรรม แต่เขาก็รู้ว่า แม่รักเขามาก “เสี่ยวหาน!” ฉินอันอันเห็นลูกชายของเธอนั่งอยู่บนธรณีประตู โดยมีชายร่างกำยำสองคนอยู่ข้าง ๆ ดวงตาก็เปียกชื้นขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงฉินอันอัน ฟู่สือถิงก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปทางประตู บอดี้การ์ดไม่กล้าขวางฉินอันอันเลย พวกเขารู้ว่าฟู่สือถิงรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นอดีตภรรยาของฟู่สือถิง แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็มีความหมายแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ของฟู่สือถิง ฟู่สือถิงเห็นฉินอันอันกอดเสี่ยวหาน ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้นราวกับว่าลูกชายของเธอได้รับความไม่เป็นธรรมเสียมากมายยังไงยังงั้น “ฉินอันอัน พวกเรามาคุยกันเถอะ” ฉินอันอันพูดด้วยความโกรธ “คุณมีสิทธิอะไรถึงได้พาเสี่ยวหานมาที่บ้านคุณ?! คุณได้รับอนุญาตจากฉันแล้วเหรอ?! คุณทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้ทำร้ายเขาเลย! ผมก็แค่อยากรู้ ว่าเขากับอิ๋นอิ๋นรู้จักกันตอนไหน? ทำไมถึงได้ทะเลาะกัน?” ฉินอันอันย้อนถามกลับ “แล้วถามอิ๋นอิ๋นไม่ได้หรือไง? ฟู่สือถิง ฉันรู้ว่า
ฉินอันอันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “ทำไมถึงเรียก ‘โกลเด้นฯตัวนั้น’? คนอื่นเขาก็มีชื่อ” ฉินอันอันแก้ไขเขา “นี่คุณรู้จักการเคารพผู้อื่นหรือเปล่า?” ฟู่สือถิง “เคารพเหรอ? คุณกำลังพูดกับผมเรื่องการเคารพงั้นเหรอ? คุณอยู่กับโกลเด้นฯตัวนั้นตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่หย่ากัน พวกคุณเคารพผมหรือเปล่าล่ะ?” “รบกวนคุณเข้าใจให้ชัดเจนด้วย สี่ปีก่อนฉันเอาข้อตกลงการหย่าให้คุณแล้ว เป็นคุณที่ไม่ยอมเซ็น!” “ตราบใดที่ผมไม่เซ็น พวกเราก็ยังเป็นสามีภรรยากัน! คุณมีสิทธิอะไรสวมเขาผม?” ฟู่สือถิงถามเธอ ฉินอันอันมองดูใบหน้าที่จริงจังของเขา จนเธอเกือบจะเชื่อแล้วว่าเขาถูกเธอสวมเขาจริง ๆ “ฉันยอมรับตอนไหนว่าฉันอยู่กับเขาก่อนที่พวกเราจะหย่ากัน?” ฉินอันอันโต้กลับ “ทั้งหมดคือการคาดเดาของคุณเอง! คุณยืนกรานที่จะอนุมานว่าตัวเองถูกสวมเขา คุณจะโทษฉันให้ได้งั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงสูดหายใจเข้าลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง “โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนั้นชื่ออะไร?” “คุณอยากรู้ชื่อของเขาไปทำไม?” ฉินอันอันถามอย่างระแวดระวัง “คุณไม่ได้บอกให้ผมเคารพเขาหรือไง? คุณไม่บอกชื่อเขา ผมจะเคารพเขาได้ยังไง!” “โอ้…ถึงฉันบอกชื่อเขากับคุ
เธอลองคิดถึงสาเหตุที่เสี่ยวหานโกรธแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเพราะเธอขอร้องให้เขาพาเธอออกจากโรงเรียน เขาเลยถูกตำหนิ? นอกจากข้อนี้แล้ว เธอคิดถึงสาเหตุอื่นไม่ได้เลย เสี่ยวหานได้ยินคำขอโทษของเธอแล้ว ก็โกรธยิ่งกว่าเดิม! นี่เธอยอมรับว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติระหว่างเธอกับฟู่สือถิง เป็นสาเหตุแม่ของเขาหย่ากับพ่อใช่ไหม?!“เลิกตามฉันซักที!” เสี่ยวหานตะโกนใส่เธออย่างไร้ความปราณี “ฉันเกลียดเธอ!” ฝีเท้าของอิ๋นอิ๋นหยุดชะงัก น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา ป้าจางเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วก็รีบเข้ามาประคองอิ๋นอิ๋นนั่งลงบนโซฟา “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องร้องนะคะ ในเมื่อเขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ถ้าอย่างนั้นคุณเลิกตามเขาเถอะค่ะ” เสี่ยวหานอารมณ์เสียง่ายขนาดนั้น อิ๋นอิ๋นก็เป็นแบบนี้ มีแต่จะทำร้ายหัวใจตัวเองเท่านั้น แต่อิ๋นอิ๋นไม่อยากเสียเสี่ยวหานเพื่อนที่ดีคนนี้ไป ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวอย่างรุนแรงทันที ป้าจางใช้สองมือจับศีรษะเธอไว้ทันที เพื่อไม่ให้เธอส่ายหัวอีก “อย่าส่ายหัวค่ะ ระวังจะปวดหัว คุณนั่งตรงนี้นะคะ ดิฉันจะไปถามเสี่ยวหานว่าต้องทำยังไงเขาถึงจะยอมเป็นเพื่อนกับคุณดีไหมคะ?” เช่นนี้แล้วอิ๋นอิ๋นถึงพยักหน้าอย่า
”คุณคือฉินอันอันใช่ไหมคะ? เสิ่นอวี๋เป็นฝ่ายทักทายฉินอันอันก่อน “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเสิ่นอวี๋” หลังจากที่ฉินอันอันมองดูเธออย่างรวดเร็วแล้วก็พูดโดยไม่สนใจว่า “อืม พวกเราขอตัวกลับก่อน” ฉินอันอันพาเสี่ยวหานออกมาจากตระกูลฟู่ เสิ่นอวี๋มองไปยังทิศทางที่เธอจากไป แล้วเหม่อลอยไปชั่วขณะ ‘เธอยังสาวและสวยกว่าที่คาดไว้’ ‘วันนี้เธอมาหาฟู่สือถิงทำไม?’ ‘แล้วยังพาเด็กชายตัวน้อยมาด้วย…เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นลูกของฟู่สือถิงหรือเปล่า?’ ‘เพราะฉะนั้น ที่เธอพาลูกมาที่นี่ เพราะต้องการจะแต่งงานกับฟู่สือถิงอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?’คิดถึงตรงนี้ เสิ่นอวี๋รู้สึกขยะแขยงอย่างมาก ฟู่สือถิงจะกลับมาคืนดีกับฉินอันอันเพราะเห็นแก่ลูก ๆ หรือเปล่า? “สือถิง ฉันขอโทษนะคะที่มาโดยไม่บอกล่วงหน้า” เสิ่นอวี๋ชี้ไปที่เค้กบนโต๊ะกาแฟ “เพื่อนของฉันส่งเค้กมาให้ค่ะ ฉันกินคนเดียวไม่ไหว เลยเอามากินด้วยกันกับคุณ” ฟู่สือถิงเหลือบมองเค้ก “สุขสันต์วันเกิด คุณได้รับของขวัญหรือยัง?” เสิ่นอวี๋อึ้งไปชั่วขณะ “บ่ายวันนี้มีคนส่งพัสดุมาให้ฉันจริง ๆ ด้วย ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นคนส่งมา เลยยังไม่ได้เปิด” ฟู่สือถิงพยักหน้า “ผมไม่ชอบกินเค้ก อ
เสี่ยวหานพูด “รุ่ยลาเหมือนแม่” ฉินอันอัน “เสี่ยวหาน เขาเป็นพ่อของพวกลูกจริง ๆ แต่ว่าเขาไม่ชอบเด็ก ดังนั้นพวกลูกไม่ควรไปหาเขาเพื่อทำความรู้จักเขา ถ้าหากเขารู้ว่าพวกลูกคือลูกของเขา แม่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับพวกลูก” เสี่ยวหาน “พวกเราก็ไม่อยากได้พ่อคนนี้” ฉินอันอัน “เสี่ยวหาน แม่รู้ว่าหลังจากที่ลูกกลับมาที่จีน ก็เปลี่ยนแปลงไปมากและก้าวหน้าขึ้นมาด้วย” เสี่ยวหาน “แม่ครับ ผมไม่ได้ป่วย ผมเพียงแค่รู้สึกว่าคนพวกนั้นปัญญาอ่อนและน่าเบื่อมาก” ฉินอันอันพยักหน้า “แม่รู้ ตอนนี้ลูกชอบคนฉลาดอย่างลุงไมค์ แต่ว่ารอจนลูกโตเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ ลูกจะค้นพบว่าคนที่ไม่ฉลาดก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวเหมือนกัน เราต้องเรียนรู้ที่จะค้นพบข้อดีของผู้อื่น อย่างเช่น ความมีน้ำใจ ความไร้เดียงสา ก็เป็นจุดเด่นที่ดีมากเช่นกัน” ในเวลานี้เสี่ยวหานไม่เห็นด้วยกับคำพูดของแม่ แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้ง บางทีเมื่อเขาโตขึ้นอีกหน่อย เขาจะเข้าใจว่าแม่หมายถึงอะไร ......ช่วงหัวค่ำ เวลาหนึ่งทุ่ม เสิ่นอวี๋กลับมาถึงบ้าน เธอเปิดกล่องพัสดุที่ได้รับในช่วงบ่าย เธอผิดหวังกับของขวัญวันเกิดที่ฟู่สือถิงส่งมาให้ เพราะของขวัญชิ้นนี้ ฟู
ฉินอันอันแทบจะพ่นชาเขียวที่อยู่ในปากออกมา เธอหยิบทิชชู่ซับมุมปาก “คุณเสิ่น ฉันเป็นคนขอหย่ากับฟู่สือถิงเอง ดังนั้นเรื่องที่คุณได้ครอบครองฟู่สือถิง ถ้าฉันจะเกลียด นั่นเป็นแค่ความเกลียด คุณทั้งสองคนไม่แต่งงานกันเสียเลยล่ะ? ดูสิ คุณสองคนเหมาะสมกันขนาดนี้! กิ่งทองใบหยก ฟ้าดินสรรสร้าง! คุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะคะ? ฉันจะได้ใส่ซองให้!” รอยยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาติปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นอวี๋ “ที่แท้คุณฉินก็คิดแบบนี้นี่เอง ขอโทษทีค่ะ ฉันคงทำให้คุณผิดหวังซะแล้ว สือถิงกับฉันไม่คิดจะแต่งงานกันหรอก” “ทำไมไม่แต่งงานล่ะ?! คุณไม่อยากแต่ง หรือว่าเขาไม่อยากแต่ง? ถ้าเขาไม่อยากแต่งงาน ให้ฉันช่วยพูดกับเขาให้ไหมคะ?” ฉินอันอันจิบชาเขียวอีกครั้ง เสิ่นอวี๋ “ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณฉินหรอกค่ะ เรื่องระหว่างฉันกับสือถิงปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ จริงสิ คุณฉินเพิ่งบอกว่าฉันหน้าหนากว่ากำแพงเมือง ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณต้องการสื่ออะไร เราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ทำไมคุณถึงหักหน้าฉันแบบนี้?” ฉินอันอันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าแอ๊บแบ๊วระดับเทพเป็นอย่างไร สีหน้าท่าทางที่น่าสงสารนั้น เห็นแล้วน่าสมเพชจริ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง