ตอนนี้เธอต้องหาวิธีรักษาอิ๋นอิ๋น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงสามารถจะอยู่เคียงข้างฟู่สือถิงไปได้นาน ๆ ถังเชี่ยนดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ โดยเฉพาะตอนที่เธอพูดคำว่า ‘แฟนหนุ่ม’ แต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี! ถังเชี่ยนเดินย่ำรองเท้าส้นสูง ก้าวเท้ายาว ๆ เดินจากไป เสิ่นอวี๋มองดูด้านหลังของเธอแล้วหัวเราะเยาะ “แม่ทัพยอมแพ้ไปเสียแล้ว! อ่อนแอจริงเชียว!” …… ฉินกรุ๊ป ฉินอันอันกำลังยุ่งอยู่กับการสรรหาบุคลากรในแผนกต่าง ๆ ถึงแม้ว่าพนักงานเก่าหลายคนจะกลับมา แต่เพราะธุรกิจแตกต่างไปจากเดิม จึงต้องรับพนักงานที่มีประสบการณ์เพิ่มบางส่วน ไมค์บอกว่าวันนี้จะบินมาช่วย หลังจากเขามาถึง เธออาจจะผ่อนคลายลงได้บ้างเล็กน้อย “ประธานฉิน พวกเราต้องเชิญดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือเปล่า?” เวลาต่อมาผู้อำนวยการแผนกวางแผนปรึกษาฉินอันอันเกี่ยวกับการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ฉินอันอันส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ” “ตอนนี้การเชิญอินฟลูเอ็นเซอร์เป็นที่นิยมอย่างมาก หรือไม่ก็ร่วมกันโปรโมทกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง…” ฉินอันอัน “ไม่จำเป็น ตัวผลิตภัณฑ์ของพวกเราจะพูดเอง”ผู้อำนวยการมึนงงเล็กน้อย “แล้ว
เสียงดังสนั่นทำให้ทั้งสองคนในห้องทำงานหันไปมองที่ประตูทันที ครั้นเห็นฟู่สือถิงสีหน้าทั้งมืดมนทั้งบูดบึ้ง ราวกับมีใครไปหาเรื่องเขา “ไฮ! อดีตสามี!” ไมค์กระโดดลงจากโต๊ะ ก้าวเท้าไปอยู่ตรงหน้าฟู่สือถิง ทักทายเขาอย่างมีความสุข ขมับของฉินอันอันกระตุกทันที เขาไม่รู้ว่าฟู่สือถิงเป็นคนที่น่ากลัวขนาดไหน! เธอต้องหยุดไม่ให้เขารนหาที่ตาย เธอรีบเดินไปอยู่ข้าง ๆ ไมค์ แล้วดึงด้านหลังเขากลับมา การกระทำนี้ทำให้ฟู่สือถิงหึงหวงจนหน้ามืด !‘พวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ต่อกันยังไง? ‘‘ไม่คิดเลยว่าเธอจะปกป้องผู้ชายป่าเถื่อนที่เป็นอันธพาลขนาดนี้! ‘“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉินอันอันยืนอยู่ตรงหน้าฟู่สือถิง เงยหน้ามองเขา “ระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องเจอกันอีกเหรอ?” ฟู่สือถิงกำนิ้วของเขาไว้แน่น จนกระดาษในมือแทบแหลก เขาเดินเข้าไปใกล้ฉินอันอันอีกก้าว ตัวของคนทั้งคู่เกือบจะแนบชิดกัน! ฉินอันอันถูกพลังงานความโกรธที่รุนแรงของเขาโถมส่ สถานการณ์อันตรายชนิดที่พร้อมระเบิดออกได้ทุกเมื่อ เธอรีบดึงตัวไมค์แล้วส่งเขาออกไปนอกประตูทันที “นายไปรอฉันข้างนอกก่อนนะ!” หลังจากผลักไมค์ออกไปแล้ว เธอก็ปิดประตูห้องท
หลังจากที่เขาไปแล้ว ไมค์กลับมาที่ห้องทำงานทันที “สามีเก่าของเธอมาหาเธอทำไม? เขาดูโหดร้ายดุดันมากเลย ไม่ได้รังแกเธอใช่ไหม?” ไมค์เดินมาหาฉินอันอัน ประคองเธอนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ยื่นแก้วน้ำให้เธอ ตอนแรกเธอค่อนข้างโมโห แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เอาใจใส่ของไมค์ ฉินอันอันก็พูดอย่างประหม่าว่า “เขาเข้าใจผิดคิดว่านายเป็นแฟนใหม่ของฉัน ฉันไม่ได้ปฏิเสธไป จะมีผลกระทบต่อนายหรือเปล่า?” ดวงตาสีเขียวอมฟ้าอ่อน ๆ ของไมค์กระพริบปริบ “แฟนอะไรกันล่ะ? ถ้าเธอยอมให้ฉันเป็นสามีของเธอ พวกเราแต่งงานกันตอนนี้เลยก็ยังได้” ฉินอันอัน “ฉันไม่คิดจะแต่งงานอีกแล้ว ฝากสถานะคู่สมรสไว้กับรักแท้ในอนาคตของนายเถอะ” ใบหน้าไมค์เศร้าโศก “ฉันเองก็ไม่คิดที่จะแต่งงานแล้ว แฟนเก่าของฉันทำให้เจ็บลึกเกินไป ไม่มีรักแท้บนโลกใบนี้หรอก” ไม่กี่ปีก่อนมีเนื้องอกที่อันตรายอย่างมากเติบโตขึ้นในสมองของไมค์ ท้ายที่สุดฉินอันอันทำการผ่าตัดออกให้เขา การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทว่าแฟนหนุ่มที่คบกันมาห้าปีก็ทิ้งเขาไป ในช่วงระยะเวลาก่อนเข้ารับการผ่าตัดหลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไป ไมค์และฉินอันอันได้เปิดบริษัทเทคโนโลยีเอเอ็นร่วมกัน“อย่าไปคิดเ
“คุณลุง! อย่าขยับนะคะ!” รุ่ยลาส่งเสียงกรีดร้อง เดิมทีฟู่เย่เฉินคิดว่าจะกระโดดลุกขึ้นตะโกนถามว่าเธอทำบ้าอะไร! ผลคือเสียงกรีดร้องของรุ่ยลาทำให้เขาหวาดกลัว “คุณลุง! ผมขาวบนหัวคุณเยอะมากเลย! หนูช่วยเอาออกให้นะคะ! ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าคุณเป็นคุณปู่นะคะ!” ขณะที่รุ่ยลาพูดก็รีบใส่เส้นผมที่ถอนออกมาลงในกระเป๋า จากนั้นก็ยัดลงไปในกระเป๋านักเรียนของเธอ หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เธอก็ตบไหล่ของฟู่เย่เฉิน “คุณลุงหนูดึงออกให้แล้วนะคะ” ฟู่เย่เฉินอดกลั้นความแจ็บปวดแล้วลุกขึ้น “ให้ฉันดูหน่อยสิ! ฉันจำได้ว่าฉันไม่มีผมหงอก!” รุ่ยลาชี้ไปในอากาศด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “หนูโยนทิ้งไปแล้วค่ะ! ผมขาวมีอะไรน่าดูล่ะคะ มันก็แค่เส้นผมสีขาวเท่านั้นเองนี่นา!” ฟู่เย่เฉิน “…” รุ่ยลา “คุณลุงคะ ผมของคุณมันแผล็บเลย! หนูต้องกลับไปล้างมือแล้ว ไม่อย่างนั้นมือหนูจะเหม็น” เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ สะพายกระเป่านักเรียนแล้วเดินจากไปเลย! ฟู่เย่เฉินมองดูด้านหลังที่เดินจากไปของเธอ ภายในใจ “???” เขายกมือขึ้นลูบผม มันแห้งและนุ่มมาก! ทำไมถึงพูดว่าผมของเขามัน? นอกจากนี้เขาจำได้ว่าตัวเองไม่มีผมหงอก! ‘ทำไมเด็
ป้าจางรู้สึกลำบากใจมาก “อิ๋นอิ๋น หมอบอกว่าคุณควรนอนบนเตียงอย่างน้อยครึ่งเดือน แต่ตอนนี้คุณยังอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เลยนะคะ ถ้าดิฉันพาคุณออกไป คุณผู้ชายจะว่าเอาได้” ฟู่สืออิ๋นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณผู้ชายคือใครเหรอคะ?” ป้าจางตอบ “ฟู่สือถิง” แล้วชะงักไปชั่วขณะ ก่อนถามว่า “คุณเรียกเขาว่าอะไร?” ฟู่สืออิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปทางนอกหน้าต่าง “ออกไปเดินเล่นกันค่ะ” ป้าจาง “…” ป้าจางไม่กล้าทำอะไรโดยไม่ขออนุญาต ดังนั้นจึงโทรหาเสิ่นอวี๋ จากนั้นไม่นาน เสิ่นอวี๋รีบมาทันที “อิ๋นอิ๋น หนูอยากออกไปเที่ยวข้างนอกงั้นเหรอ?” เสิ่นอวี๋ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ฉันพาหนูออกไปได้ แต่ว่าหนูต้องนั่งรถเข็นนะ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าตอนที่เดินหนูจะเวียนหัว” ฟู่สืออิ๋นเพียงแค่อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เท่านั้น การนั่งรถเข็นจึงไม่ใช่ปัญหา หลังจากที่เธอพยักหน้า ป้าจางก็เข็นรถเข็นที่ฟู่สือถิงเคยใช้มาก่อนออกมา “ป้าจาง ฉันเข็นเธอออกไปเองค่ะ!” หลังจากที่เสิ่นอวี๋พูดกับป้าจาง เธอก็เข็นอิ๋นอิ๋นออกไปที่ลานหน้าบ้าน หากเสิ่นอวี๋ต้องการอยู่ในตำแหน่งคนข้างกายของฟู่สือถิงอย่างมั่นคง ก่
แปรงสีฟันในมือฉินอันอันร่วงลงพื้นดัง ‘ปึก’นอกประตู อาหารเช้าในมือหลีเสี่ยวเถียนก็เกือบร่วงเช่นกัน ไมค์ที่สายตาไวและคล่องแคล่ว หยิบกระเป๋าในมือของเธอขึ้นมา “อันอัน นี่คือเพื่อนซี้ของเธอใช่ไหม?” ไมค์เปิดถุงที่มีรูปเล้าไก่สีทองด้นบนสุด แล้วหยิบเสี่ยวหลงเปายัดเข้าปากหนึ่งลูก แล้วหยิบออกมาอีกลูก พยายามป้อนฉินอันอัน “รสชาติไม่เลว เธออยากกินไหม?” ฉินอันอันมองเห็นใบหน้าหลีเสี่ยวเถียนที่ตกใจจนแข็งเป็นหิน ก็ผลักไมค์เข้าไปในห้องทันที “เสี่ยวเถียน! เธอรอฉันแป๊ปนะ! ไปนั่งที่โซฟาก่อนเลย!” ฉินอันอันพูดกับหลีเสี่ยวเถียน หลีเสี่ยวเถียนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอสูดหายใจเข้าลึก ควักโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความหาเฮ่อจุ่นจือ : โอ้แม่เจ้า! ฉินอันอันเพลิดเพลินกับชีวิตจริง ๆ! เธออาศัยอยู่กับหนุ่มต่างชาติสุดหล่อ!เฮ่นจุ่นจือ : คุณพูดถึงฉินอันอันเหรอ?! หลีเสี่ยวเถียน : ถ้าฉันไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เปิดกว้างขนาดนี้! จู่ ๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกปวดใจแทนฟู่สือถิงเลยแม้แต่น้อย! ฟู่สือถิงเล่นสนุกได้ อันอันของพวกเราก็ไม่น้อยหน้า! หนุ่มต่างชาติคนนั้นหล่อมากจริง ๆ
เพราะการทรมานฟู่เย่เฉิน เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองเลย แต่การจัดการฟู่สือถิง ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการบุกรุกระบบความปลอดภัยของเครือข่ายบริษัทฟู่สือถิงแล้วนั้น ฟู่สือถิงได้ใช้เงินจำนวนมากติดตั้งไฟร์วอล์ที่แข็งแกร่ง ตอนนี้เขาไม่สามารถเจาะผ่านไฟร์วอลล์นั้นได้ ช่วงนี้ลุงไมค์ก็ยุ่งกับงานที่ฉินกรุ๊ป ไม่มีเวลาช่วยเขาเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ดูรูปถ่ายฟู่สือถิง ย่อยสลายความทุกข์ในใจเงียบ ๆ เขาเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวภายในห้อง มีคุณครูสองคนดูแลเขา ครูคนหนึ่งสอนชีวิต คนหนึ่งสอนหนังสือครูผู้สอนกำลังบรรยายอยู่บนเวที เสี่ยวหานที่อยู่ด้านล่างสวมหูฟัง เล่นคอมพิวเตอร์ตัวเอง ดูกลมกลืนเป็นพิเศษ นอกประตูห้องเรียน ไม่รู้ว่าร่างสาวสวยมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เสี่ยวหานเหลือบมองร่างที่ปรากฏตัวขึ้นปากประตู แล้วถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ‘ก๊อก ๆ!’เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อคุณครูเห็นอิ๋นอิ๋นยืนอยู่ตรงนั้น ก็รีบไปที่ประตูทันที “อิ๋นอิ๋น หนูมาได้ยังไง? มาคนเดียวเหรอจ๊ะ?” คุณครูมองเธออย่างกระตือรือร้น หลังจากที่อิ๋นอิ๋นไม่รู้สึกปวดหัวแล้ว ก
ฟู่สือถิงรีบมาที่โรงเรียน เมื่อเห็นดวงตาที่แดงและบวมของฟู่สืออิ๋น ก็รีบโอบเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วตบหลังเธอเบา ๆ ด้วยฝ่ามือใหญ่ของเขา “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องร้องนะ” ฟู่สืออิ๋นร้องไห้จนปวดหัวหนัก แต่หลังจากได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของพี่ชายแล้ว ความรู้สึกปลอดภัยก็กลับมาเช่นกัน เธอเอนตัวไปในอ้อมกอดของพี่ชาย แล้วอารมณ์ก็ค่อย ๆ สงบลง ผ่านไปสักพักก็ผล็อยหลับไป ฟู่สือถิงวางเธอลงบนเตียง จากนั้นก็ออกมาจากห้อง เขากำลังจะไปหาฉินจือหาน ไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงห้องเรียนของฉินจือหาน เมื่อคุณครูเห็นเขามาก็รีบถอยหลังหลบไปอย่างรู้งานทันที ทันใดนั้นในห้องเรียนก็เหลือเพียงแค่คนตัวใหญ่และคนตัวเล็ก ฟู่สือถิงเดินตรงมาด้านหน้าฉินจือหาน เสี่ยวหานเห็นว่าเขามาก็ยัดหนังสือลงในกระเป๋า“ฉินจือหาน ฉันรู้ว่าแม่ของนายคือใคร” ฟู่สือถิงยกเก้าอี้มาแล้วนั่งตรงหน้าเขา ขวางทางเขาไว้ เสี่ยวหานเห็นท่าทางวางอำนาจของเขาแล้ว ก็รู้ว่าตัวเองออกไปไม่ได้ ดังนั้นจึงนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบ แล้วคิดว่าจะเมินเฉยใส่เขาเหมือนธาตุอากาศ“นายกับอิ๋นอิ๋นรู้จักกันตอนไหน?” ฟู่สือถิงมองใบหน้าครึ่งหนึ่งของเสี่ย
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง