ป้าจางรู้สึกลำบากใจมาก “อิ๋นอิ๋น หมอบอกว่าคุณควรนอนบนเตียงอย่างน้อยครึ่งเดือน แต่ตอนนี้คุณยังอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เลยนะคะ ถ้าดิฉันพาคุณออกไป คุณผู้ชายจะว่าเอาได้” ฟู่สืออิ๋นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณผู้ชายคือใครเหรอคะ?” ป้าจางตอบ “ฟู่สือถิง” แล้วชะงักไปชั่วขณะ ก่อนถามว่า “คุณเรียกเขาว่าอะไร?” ฟู่สืออิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปทางนอกหน้าต่าง “ออกไปเดินเล่นกันค่ะ” ป้าจาง “…” ป้าจางไม่กล้าทำอะไรโดยไม่ขออนุญาต ดังนั้นจึงโทรหาเสิ่นอวี๋ จากนั้นไม่นาน เสิ่นอวี๋รีบมาทันที “อิ๋นอิ๋น หนูอยากออกไปเที่ยวข้างนอกงั้นเหรอ?” เสิ่นอวี๋ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ฉันพาหนูออกไปได้ แต่ว่าหนูต้องนั่งรถเข็นนะ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าตอนที่เดินหนูจะเวียนหัว” ฟู่สืออิ๋นเพียงแค่อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เท่านั้น การนั่งรถเข็นจึงไม่ใช่ปัญหา หลังจากที่เธอพยักหน้า ป้าจางก็เข็นรถเข็นที่ฟู่สือถิงเคยใช้มาก่อนออกมา “ป้าจาง ฉันเข็นเธอออกไปเองค่ะ!” หลังจากที่เสิ่นอวี๋พูดกับป้าจาง เธอก็เข็นอิ๋นอิ๋นออกไปที่ลานหน้าบ้าน หากเสิ่นอวี๋ต้องการอยู่ในตำแหน่งคนข้างกายของฟู่สือถิงอย่างมั่นคง ก่
แปรงสีฟันในมือฉินอันอันร่วงลงพื้นดัง ‘ปึก’นอกประตู อาหารเช้าในมือหลีเสี่ยวเถียนก็เกือบร่วงเช่นกัน ไมค์ที่สายตาไวและคล่องแคล่ว หยิบกระเป๋าในมือของเธอขึ้นมา “อันอัน นี่คือเพื่อนซี้ของเธอใช่ไหม?” ไมค์เปิดถุงที่มีรูปเล้าไก่สีทองด้นบนสุด แล้วหยิบเสี่ยวหลงเปายัดเข้าปากหนึ่งลูก แล้วหยิบออกมาอีกลูก พยายามป้อนฉินอันอัน “รสชาติไม่เลว เธออยากกินไหม?” ฉินอันอันมองเห็นใบหน้าหลีเสี่ยวเถียนที่ตกใจจนแข็งเป็นหิน ก็ผลักไมค์เข้าไปในห้องทันที “เสี่ยวเถียน! เธอรอฉันแป๊ปนะ! ไปนั่งที่โซฟาก่อนเลย!” ฉินอันอันพูดกับหลีเสี่ยวเถียน หลีเสี่ยวเถียนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอสูดหายใจเข้าลึก ควักโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความหาเฮ่อจุ่นจือ : โอ้แม่เจ้า! ฉินอันอันเพลิดเพลินกับชีวิตจริง ๆ! เธออาศัยอยู่กับหนุ่มต่างชาติสุดหล่อ!เฮ่นจุ่นจือ : คุณพูดถึงฉินอันอันเหรอ?! หลีเสี่ยวเถียน : ถ้าฉันไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เปิดกว้างขนาดนี้! จู่ ๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกปวดใจแทนฟู่สือถิงเลยแม้แต่น้อย! ฟู่สือถิงเล่นสนุกได้ อันอันของพวกเราก็ไม่น้อยหน้า! หนุ่มต่างชาติคนนั้นหล่อมากจริง ๆ
เพราะการทรมานฟู่เย่เฉิน เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองเลย แต่การจัดการฟู่สือถิง ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการบุกรุกระบบความปลอดภัยของเครือข่ายบริษัทฟู่สือถิงแล้วนั้น ฟู่สือถิงได้ใช้เงินจำนวนมากติดตั้งไฟร์วอล์ที่แข็งแกร่ง ตอนนี้เขาไม่สามารถเจาะผ่านไฟร์วอลล์นั้นได้ ช่วงนี้ลุงไมค์ก็ยุ่งกับงานที่ฉินกรุ๊ป ไม่มีเวลาช่วยเขาเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ดูรูปถ่ายฟู่สือถิง ย่อยสลายความทุกข์ในใจเงียบ ๆ เขาเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวภายในห้อง มีคุณครูสองคนดูแลเขา ครูคนหนึ่งสอนชีวิต คนหนึ่งสอนหนังสือครูผู้สอนกำลังบรรยายอยู่บนเวที เสี่ยวหานที่อยู่ด้านล่างสวมหูฟัง เล่นคอมพิวเตอร์ตัวเอง ดูกลมกลืนเป็นพิเศษ นอกประตูห้องเรียน ไม่รู้ว่าร่างสาวสวยมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เสี่ยวหานเหลือบมองร่างที่ปรากฏตัวขึ้นปากประตู แล้วถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ‘ก๊อก ๆ!’เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อคุณครูเห็นอิ๋นอิ๋นยืนอยู่ตรงนั้น ก็รีบไปที่ประตูทันที “อิ๋นอิ๋น หนูมาได้ยังไง? มาคนเดียวเหรอจ๊ะ?” คุณครูมองเธออย่างกระตือรือร้น หลังจากที่อิ๋นอิ๋นไม่รู้สึกปวดหัวแล้ว ก
ฟู่สือถิงรีบมาที่โรงเรียน เมื่อเห็นดวงตาที่แดงและบวมของฟู่สืออิ๋น ก็รีบโอบเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วตบหลังเธอเบา ๆ ด้วยฝ่ามือใหญ่ของเขา “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องร้องนะ” ฟู่สืออิ๋นร้องไห้จนปวดหัวหนัก แต่หลังจากได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของพี่ชายแล้ว ความรู้สึกปลอดภัยก็กลับมาเช่นกัน เธอเอนตัวไปในอ้อมกอดของพี่ชาย แล้วอารมณ์ก็ค่อย ๆ สงบลง ผ่านไปสักพักก็ผล็อยหลับไป ฟู่สือถิงวางเธอลงบนเตียง จากนั้นก็ออกมาจากห้อง เขากำลังจะไปหาฉินจือหาน ไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงห้องเรียนของฉินจือหาน เมื่อคุณครูเห็นเขามาก็รีบถอยหลังหลบไปอย่างรู้งานทันที ทันใดนั้นในห้องเรียนก็เหลือเพียงแค่คนตัวใหญ่และคนตัวเล็ก ฟู่สือถิงเดินตรงมาด้านหน้าฉินจือหาน เสี่ยวหานเห็นว่าเขามาก็ยัดหนังสือลงในกระเป๋า“ฉินจือหาน ฉันรู้ว่าแม่ของนายคือใคร” ฟู่สือถิงยกเก้าอี้มาแล้วนั่งตรงหน้าเขา ขวางทางเขาไว้ เสี่ยวหานเห็นท่าทางวางอำนาจของเขาแล้ว ก็รู้ว่าตัวเองออกไปไม่ได้ ดังนั้นจึงนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบ แล้วคิดว่าจะเมินเฉยใส่เขาเหมือนธาตุอากาศ“นายกับอิ๋นอิ๋นรู้จักกันตอนไหน?” ฟู่สือถิงมองใบหน้าครึ่งหนึ่งของเสี่ย
จนกระทั่งได้กลิ่นคาวเลือด เขาถึงได้ปล่อย ......เวลาสี่โมงเย็น ฉินอันอันได้รับสายจากทางโรงเรียน บอกว่าเสี่ยวหานกัดใครบางคน ขอให้เธอไปที่โรงเรียน ฉินอันอันมึนงงอย่างมาก เพราะว่าเสี่ยวหานอยู่ในห้องเรียนเพียงคนเดียว เขาไม่มีเพื่อนร่วมชั้นเลยแล้วจะกัดใครได้? หรือว่ากัดคุณครู? เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ฉินอันอันก็ปิดคอมพิวเตอร์ทันที หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป ทำไมถึงกัดคุณครูล่ะ? ถึงแม้จะขัดแย้งกับคุณครู แต่จะใช้วิธีที่รุนแรงแบบนี้ไม่ได้! เธอจำได้ว่าเสี่ยวหานไม่ใช่เด็กแบบนั้น ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไป? ระยะนี้เธอยุ่งมากเกินไป จึงละเลยลูกทั้งสองคน เธอตัดสินใจที่จะพูดคุยกับเด็กทั้งสองคนคืนนี้ หลังจากขับรถมาถึงโรงเรียน คุณครูของเสี่ยวหานก็เอ่ยปากขอโทษ “คุณฉินคะ ลูกของคุณถูกพาตัวไปแล้วค่ะ” ฉินอันอันขมวดคิ้วด้วยความตกใจ “แต่ว่าไม่ต้องกังวลนะคะ เสี่ยวหานถูกคุณฟู่สือถิงพาไปค่ะ คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของคุณฟู่ใช่ไหมคะ? ฉันให้ที่อยู่ของเขากับคุณได้ คุณไปรับเสี่ยวหานที่บ้านของเขาได้เลยค่ะ” คุณครูกล่าว ฉินอันอันโกรธจนหน้าแดงไปถึงหู “ทำไมถึงยอมให้เขาเอาตัวเสี่ยวหานไปล่ะ?
”อย่าแตะตัวผม!” เสี่ยวหานตะโกนเสียงดัง! เขาสวมหมวกกลับเข้าไปใหม่ แม่บ้านจางตกตะลึงกับเสียงตวาด ฟู่สือถิงและฟู่สืออิ๋นมองเสี่ยวหานตาไม่กระพริบ ฟู่สืออิ๋นตกใจกลัวกับเสียงที่แผดก้องของเขา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่สือถิงได้เห็นใบหน้าของเสี่ยวหาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นเงาของตัวเองบนใบหน้าของเด็กชายด้วย…“ถ้าอย่างนั้นหนูเช็ดเอง ตกลงไหมจ๊ะ?” แม่บ้านจางบิดผ้าเช็ดตัวแล้วยื่นให้เขา “หน้าของหนูมีเหงื่อออก ล้างหน้าแล้วจะได้สบายขึ้น” เสี่ยวหานรับผ้าหนูมา จากนั้นก็โยนลงไปในอ่าง! เมื่องแม่บ้านจางเห็นว่าเด็กคนนี้อารมณ์ไม่ดี ก็ยกอ่างน้ำออกไปทันที “ถ้านายไม่บอกว่านายกับอิ๋นอิ๋นรู้จักกันตอนไหน ทำไมถึงทะเลาะกัน คืนนี้อย่าคิดว่าจะได้กลับบ้าน” ฟู่สือถิงที่กลับมาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว พูดขู่เขา เสี่ยวหานทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินไปทางประตู ด้านนอกประตู บอดี้การ์ดสองคนปรากฏตัวขึ้น ขวางทางเขาเอาไว้ เสี่ยวหานเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองพวกเขา! บอดี้การ์ดจ้องไปที่ใบหน้าของเสี่ยวหาน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกผิดในใจ…‘ทำไมดวงตาของเด็กคนนี้ ถึงได้…ดุร้ายขนาดนี้?’ ‘เขาไม่เหมือนเด็กคนอื่น เด็กคนอื่นเวลาโมโหก
ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมง คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะมาหาเขาเร็วขนาดนี้! ถึงแม้แม่จะบอกคนอื่นว่าเขาเป็นลูกบุญธรรม แต่เขาก็รู้ว่า แม่รักเขามาก “เสี่ยวหาน!” ฉินอันอันเห็นลูกชายของเธอนั่งอยู่บนธรณีประตู โดยมีชายร่างกำยำสองคนอยู่ข้าง ๆ ดวงตาก็เปียกชื้นขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงฉินอันอัน ฟู่สือถิงก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปทางประตู บอดี้การ์ดไม่กล้าขวางฉินอันอันเลย พวกเขารู้ว่าฟู่สือถิงรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะกลายเป็นอดีตภรรยาของฟู่สือถิง แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็มีความหมายแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ของฟู่สือถิง ฟู่สือถิงเห็นฉินอันอันกอดเสี่ยวหาน ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้นราวกับว่าลูกชายของเธอได้รับความไม่เป็นธรรมเสียมากมายยังไงยังงั้น “ฉินอันอัน พวกเรามาคุยกันเถอะ” ฉินอันอันพูดด้วยความโกรธ “คุณมีสิทธิอะไรถึงได้พาเสี่ยวหานมาที่บ้านคุณ?! คุณได้รับอนุญาตจากฉันแล้วเหรอ?! คุณทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้ทำร้ายเขาเลย! ผมก็แค่อยากรู้ ว่าเขากับอิ๋นอิ๋นรู้จักกันตอนไหน? ทำไมถึงได้ทะเลาะกัน?” ฉินอันอันย้อนถามกลับ “แล้วถามอิ๋นอิ๋นไม่ได้หรือไง? ฟู่สือถิง ฉันรู้ว่า
ฉินอันอันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “ทำไมถึงเรียก ‘โกลเด้นฯตัวนั้น’? คนอื่นเขาก็มีชื่อ” ฉินอันอันแก้ไขเขา “นี่คุณรู้จักการเคารพผู้อื่นหรือเปล่า?” ฟู่สือถิง “เคารพเหรอ? คุณกำลังพูดกับผมเรื่องการเคารพงั้นเหรอ? คุณอยู่กับโกลเด้นฯตัวนั้นตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่หย่ากัน พวกคุณเคารพผมหรือเปล่าล่ะ?” “รบกวนคุณเข้าใจให้ชัดเจนด้วย สี่ปีก่อนฉันเอาข้อตกลงการหย่าให้คุณแล้ว เป็นคุณที่ไม่ยอมเซ็น!” “ตราบใดที่ผมไม่เซ็น พวกเราก็ยังเป็นสามีภรรยากัน! คุณมีสิทธิอะไรสวมเขาผม?” ฟู่สือถิงถามเธอ ฉินอันอันมองดูใบหน้าที่จริงจังของเขา จนเธอเกือบจะเชื่อแล้วว่าเขาถูกเธอสวมเขาจริง ๆ “ฉันยอมรับตอนไหนว่าฉันอยู่กับเขาก่อนที่พวกเราจะหย่ากัน?” ฉินอันอันโต้กลับ “ทั้งหมดคือการคาดเดาของคุณเอง! คุณยืนกรานที่จะอนุมานว่าตัวเองถูกสวมเขา คุณจะโทษฉันให้ได้งั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงสูดหายใจเข้าลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง “โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนั้นชื่ออะไร?” “คุณอยากรู้ชื่อของเขาไปทำไม?” ฉินอันอันถามอย่างระแวดระวัง “คุณไม่ได้บอกให้ผมเคารพเขาหรือไง? คุณไม่บอกชื่อเขา ผมจะเคารพเขาได้ยังไง!” “โอ้…ถึงฉันบอกชื่อเขากับคุ