“ปรางค์ไปเที่ยวฝรั่งเศสกับเราไหม?”คำถามของเพื่อนสาวทำให้หญิงสาวถึงกับหันไปให้ความสนใจไม่น้อย“ไปจริงเหรอ?”“จริงซิ เราจะไปเยี่ยมลุงของเรา”ปราค์ปรียาใช้ความคิดแล้วลอบยิ้มออกมา เธอเองก็อยากไปเที่ยวฝรั่งเศสนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสเสียที เพราะเธอไม่มีเงินมากพอที่จะไปที่นั้น“แต่ว่าเราไม่มีเงินหรอกนะพิน”หญิงสาวบอกเพื่อนเสียงเศร้า“เราออกให้ ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะปรางค์ เพราะเราเองก็อยากมีเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันอยู่พอดีเลย”“ถ้าอย่างนั้น เราก็พร้อมจะไปเป็นเพื่อนอยู่แล้วละพิน”ลุคส์พลิกหน้ากระดาษไปมาด้วยความงุนงง เพราะเวลานี้เขาจำต้องเรียนภาษาไทย บริษัทรถยนต์กำลังไปเปิดตลาดที่นั้น เขาพอเข้าใจภาษาพูด แต่เขียนแล้วก็อ่านนี่สิที่ยากชายหนุ่มปิดหนังสือลงเมื่อจบบทเรียนแล้วรีบสาวเท้าไปที่รถด้วยความหงุดหงิด บอดี้การ์ดคนสนิทส่งแฟ้มเอกสารให้ ข้างในมีข้อมูลของผู้ที่ทรยศกับบริษัท“ไอ้สาวเลว กล้าหักหลังฉันเหรอ!”ลุคส์สบถแล้วเหวี่ยงแฟ้มลงพื้นด้วยความเดือดดาล“จะเอายังไงดีครับนาย?”มาติชถามเจ้านาย“ฆ่ามันซะ!”“จะดีเหรอครับนาย?”“ฉันบอกให้ทำอะไรแกก็ทำเถอะมาติช หากมันอยู่กันยากนักก็ฆ่ามันซะก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่มาแว้ง
หญิงสาวใช้เท้าที่ว่างอยู่ยันไปที่เขา ส่งผลให้ร่างสูงใหญ่เซลงไปเล็กน้อย ชายหนุ่มชะงักเพราะไม่ทันตั้งตัวเขาหันไปมองด้วยความโกรธ“ไม่เข็ดเลยใช่ไหม!”เขาตวาดลั่นพินอาภารีบรั้งท่อนแขนเพื่อนไว้ แต่คนอย่างปรางค์ปรียาไม่กลัวอะไรอยู่แล้วชีวิตเธอไม่มีอะไรจะเสีย แต่สำหรับพินอาภาชีวิตของเพื่อนเธอยังมีคนมากมายที่รออยู่ และเธอก็เป็นหนี้ชีวิตเพื่อนคนนี้มากมายจนแทบชดใช้ไม่หมด เธอจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนเป็นอะไรเป็นอันขาด หากมีคนต้องตายเธอควรเป็นคนแรก“แกมันโง่ หลานลุงไมเคิลคือฉันไม่ใช่เพื่อนของฉัน!”คำพูดที่ออกมาจากปรางค์ปรียาทำให้เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ จ้องมองคนพูดทันที“เธอเป็นหลานของไอ้ไมเคิล แล้วยังกล้าดีมาหลอกฉันอย่างนั้นเหรอ!”ชายหนุ่มตวาดร่างบางถูกกระชากให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขาเพียะ!ฝ่ามือเขาฟาดลงไปบนแก้มเนียนจนนูนขึ้นเป็นรอยนิ้วทั้งห้า ปรางค์ปรียาทรุดกายลงกับพื้นตามแรงฝ่ามือของเขา“ปรางค์!”พินอาภาร้องเรียกเพื่อนตนเองแล้วรีบผวาเข้ามาหา“อย่าทำร้ายเพื่อนฉัน เขาไม่ใช่หลาน...”“หยุดนะพิน!”หญิงสาวตวาดลั่นเพื่อป้องกันไม่ให้พินอาภาเปิดเผยเรื่องที่ ต้องการปกปิดออกมา“ปรางค์...”หญิงสาวส่ายหน้า ส
ร่างแกร่งแทรกกายเข้าหาจนสุด ขยับกายเร่งเร้าราวกับสาวใต้ร่างเป็นหญิงที่เขาซื้อมาเพื่อบำเรอเรื่องบนเตียง เธอเหมือนจะตายเสียให้ได้ ร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง ความสาวสูญสิ้นเพราะผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง แล้วจะมีหน้าไปมองผู้ชายที่คิดจะมอบใจให้ได้อย่างไรกัน มันจบสิ้นแล้ว!“ฉันเจ็บ... ขอร้องปล่อยฉันเถอะ!”“ปล่อยเธอให้โง่สิ ฉันกำลังสนุกเลย เธอยอดเยี่ยมมาก... แบบนี้ถึงคุ้มไอ้ไมเคิลมันมีหลานที่ดีจริงๆ”เขาบอกเสียงพร่าในขณะที่ขยับกายจังหวะเร่งเร้าสร้างความทรมานให้ราวกับตายทั้งเป็น เขาไม่ถนอมเลยสักนิด ไม่สนว่าเธอจะไม่เคยผ่านมือชายใด เอาแต่ใจ และทำทุกอย่างตามที่ต้องการ เจ็บจนจุกพูดไม่ออกมีแต่น้ำตาเท่านั้นที่คอยช่วยปลอบประโลม“หยุดที พอที! ปล่อยฉันไปเถอะได้โปรด...”หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา แต่เขากลับทำเมินไม่สนใจราวกับไม่ได้ยินเสียงแห่งความทรมานลุคส์ไม่ได้สนใจเสียงร้องหรือเสียงสะอื้นของผู้หญิงใต้ร่าง แม้ว่าได้ครอบครองเป็นคนแรก เวลานี้ความแค้น กำลังบังตา ชายหนุ่มขยับกายเร็วขึ้นและหยุดลงในที่สุดมันจบลงแล้วสินะ... เธอบอกตัวเองน้ำตาอาบแก้ม ปรางค์ปรียาค่อยๆ ขยับร่างที่บอบช้ำหันหน้าหนี“ฉันจะขังเธอ
เขาออกไปจากห้องแล้ว... เวลานี้ห้องทั้งห้องเหลือเพียงร่างกายที่บอบช้ำกับน้ำตาที่ไม่เคยหยุดไหล เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะหมดแรง เธอน่าจะตายไปซะ! จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว เพราะเท่านี้มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อย... ก็ยังดีใจที่เพื่อนไม่ต้องมารับเคราะห์กับเรื่องนี้ แค่เท่านี้ก็รู้สึกเหมือนได้ตอบแทนบุญคุณแล้วร่างบอบช้ำค่อยๆ พยุงกาย เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าภายในห้อง เสื้อเชิ้ตยี่ห้อหรู น้ำหอมราคาแพง แม้กระทั้งสูทแบรนด์เนมต่างถูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เธอถือวิสาสะหยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาสวมไว้แล้วประคองกายไปนั่งที่มุมห้อง จนผล่อยหลับเพราะอ่อนเพลียมาตื่นตื่นขึ้นเมื่อประตูห้องเปิดออกในขณะที่มีถาดอาหารวางไว้แล้วปิดลงตามเดิม หญิงสาวเมินหน้าหนี ไม่สนใจอาหารน่าอร่อย ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลเลยแม้แต่น้อยร่างบางนั่งชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงสะอื้นไห้อย่างรวดร้าว เธอเจ็บปวดมากเหลือเกิน มันเกินทนแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาไปอีกนานเท่าไหร่ ริมฝีปากบางถูกกัดจนเลือดซึมออกมา... เล็บจิกลงบนท่อนแขนเพื่อระบายความแค้นในใจลุคส์นั่งมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ เขาแทบไม่เป็นอันท
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปทุกสัดส่วนที่แอบซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ร่างสูงใหญ่ยังคงเดินเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามหนีและสอดส่ายสายตาหาทางเอาตัวรอด“เธอพยายามร้องให้คนช่วยอย่างนั้นหรือ?”เขาถามในขณะที่กำลังถอดสูทและเกาะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกริมฝีปากบางสั่นระริก กายสาวเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว พิษรักที่เขามอบให้ยังคงฝังตรึงอยู่ในร่าง รับไม่ได้อีกแล้ว ใบหน้าเรียวสวยเริ่มซีดเผือด น้ำตากำลังไหลออกมาอาบแก้ม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรชายหนุ่มชะงักเมื่อปลายเท้าของเขาสะดุดเข้ากับถาดอาหารที่ยังมีอาหารอยู่ครบไม่ได้พร่อง แม้แต่นิดเดียว ตวัดสายตาจ้องคนตัวเล็ก“ทำไมไม่กินอะไร อยากตายหรือไง!”“ใช่! ฉันอยากตาย”เธอตอบเขาน้ำตาคลอ“ฉันไม่ให้เธอตายง่ายๆ หรอก เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าจะเปิดปากว่าลุงเธอมันอยู่ที่ไหน!”เขาตวาดร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดกร้าว เขาก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว มือกระชากร่างบางเข้าหาแล้วโอบรัดแนบชิดกายแกร่ง “อย่าทำอะไรฉันเลย พอแล้ว! ฉันเจ็บแล้ว!”หญิงสาวร้องลั่นออกมาดิ้นรนทุบตีเพื่อให้เขาปล่อยชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับคำทัดทาน ร่างบางถูกลากไปอ
ร่างอวบอัดเยื้องกรายมาเยื้อนคฤหาสน์ของคู่หมั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอวางแผนมาอย่างดี และแผนนี้ต้องสำเร็จ ทุกคนหันมามองผู้มาเยือนด้วยความสงสัย เมื่อเธอหอบหิ้วทั้งขนมและน้ำมาแจกบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ทุกคน ทุกคนยอมรับน้ำใจเธอ แม้จะรู้สึกงุนงงกับการกระทำในครั้งนี้ก็ตาม เธอรีบเดินไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ แล้วสาวเท้าเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องต้องสงสัย เธอต้องการรู้ว่าใครซ่อนตัวอยู่ในนั้น เอมม่ายื่นน้ำให้อย่างมีไมตรี “ฉันซื้อมาให้ กินซะสิ” เอมม่าบอกบอดี้การ์ดทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ หากเป็นแบบนี้เห็นที ต้องจัดการแผนสอง เธอจัดการใช้ผ้าปิดปากไว้แล้วหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาแอบซ่อนไว้ด้านหลัง บอดี้การ์ดทั้งสองหันมามองเธออีกครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของเจ้านายยังไม่ยอมไปไหน“มีอะไรอีกหรือเปล่าครับคุณเอมม่า?”“ไม่มีอะไรหรอกแค่หันมานี้หน่อย!”บอดี้การ์ดหันมามองเธอ สเปรย์ในมือถูกฉีดออกใส่ใบหน้า ทั้งสองสั่นศีรษะไล่ความมึนงงและรู้สึกมึนออกไป แต่ไม่นานพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาสลบได้จนหลับไปในที่สุดเอมม่ามองดูบอดี้ก
ถาดอาหารถูกวางไว้ตรงหน้า หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่วางมัน เกลียดเกินกว่าจะรับอะไรจากเขา เมินหน้าหนี การกระทำเช่นนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาไม่น้อย หย่อนกายนั่งลงแล้วจับคางเรียวไว้ ออกแรงบีบเพื่อให้เปิดปาก เธอพยายามผลักให้หยุดการกระทำเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะเทือน เพิ่มแรงบีบที่ปลายคางแล้วจัดการยัดอาหารเข้าปากของเธอทันทีปรางค์ปรียาอมอาหารไว้ในปาก แล้วพ่นใส่หน้าคนป้อน ดวงตาคมวาวโรจน์ เขาขบกรามแน่น จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเอาเรื่อง กระชากเอวบางเข้ามาแนบชิดแล้วบดขยี้ริมฝีปากลงไป เพื่อเป็นการสั่งสอนที่เธอบังอาจทำกับเขาเช่นนั้น“อื้อ!”เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วตักอาหารขึ้นมาอีกครั้ง จ้องหน้าคนตัวเล็กไม่ละ ปรางค์ปรียารู้ดีหากว่าวันนี้เธอไม่ยอมกินเขาคงต้องทำมากกว่านี้แน่สุดท้ายแล้ว ต้องยอมกินอาหารที่เขาป้อนให้ ตักให้ไม่กี่คำเธอก็หน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าอิ่มแล้ว เขามองแล้ววางช้อนลง ส่งยาให้เธอทาน หญิงสาวมองเขาด้วยความงุนงง เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีวันทำเช่นนี้แน่ ทำท่าจะไม่รับแต่เมื่อเห็นสายตาเขา หญิงสาวจำต้องรับมาแล้วใส่มันลงไปในปาก ดื่มน้ำตาม ชายหนุ่มมองด้วยความพอใจ ในขณะที่อีกคนรีบเอนก
บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจติดต่อเจ้านายทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นฉุดให้เขาหลุดออกจากภวังค์ คว้ามันแล้วหลุบตามองเบอร์หน้าจอ เขากดรับและกรอกเสียงตามสาย มาติชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับรู้ ตัดสายแล้วทรุดกายนั่งลงที่โซฟาราคาแพงลูกน้องตามหาไมเคิลเจอแล้วและคนทรยศที่เขาตั้งใจจะกำจัดกลับเรียกร้องมาหาเขาเอง... ความจริงความคิดที่อยากกำจัดไมเคิลมันหมดไปตั้งแต่วันที่ผู้หญิงในห้องนั้นล้มลงต่อหน้า เขาไม่เคยอยากรู้เรื่องของคนทรยศอีกเลยเพราะถือว่ามันได้เอาหลานสาวมาชดใช้กับความผิดที่มันก่อแล้ว ทว่าเวลานี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นอีกอย่างเขาไม่เคยคิดว่าไมเคิลจะยอมมาหา เพราะเขารู้ดีว่ามันต้องกลัวด้วยนิสัยของเขา ปกติไม่เคยปล่อยคนทรยศให้ลอยนวลไปได้ ลุคส์ลุกขึ้นยืน สองเท้าก้าวเดินไปยังห้องที่ใช้เป็นที่กักขังนกน้อยแสนสวยไว้และทุกคืนนกน้อยนั้นจะถูกเขากอดรัดด้วยแรงปรารถนาเสียงลูกบิดประตูห้องส่งผลให้คนในห้องหันมามองด้วยความกลัว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครคือผู้มาเยือน ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังชิดกำแพงเพื่อเอาตัวรอดทันที เขายืนนิ่งจ้องมองไปยังร่างงามตรงหน้า อยาก กระโจนไปโอบรัดไว้ แต่วันนี้เขาก
เช้ารุ่งของวันใหม่หญิงสาวสลึมสลือลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบมองหาคนที่นอนอยู่เคียงข้างทั้งคืน แต่เตียงกว้างกลับว่างเปล่าเมื่อเขาหายไป เธอรีบวิ่งเร่งฝีเท้าเข้าห้องบุตรชายด้วยความตระหนก เมื่อเปิดประตูห้องนอนกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง หัวใจของคนเป็นแม่กำลังร้อนรุ่ม“แม่ครับ!”เด็กชายเรียกมารดาโบกมือให้ขณะอยู่ที่โต๊ะอาหารปรางค์ปรียาชะงักรับปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินมาหาบุตรชาย เห็นเขากำลังนั่งทานอาหารกับลูก เมื่อคืนเธอเพลียมากจนหลับไม่รู้เรื่องเลย“ตื่นนานแล้วเหรอครับลูกชายแม่” คนเป็นแม่ถามแล้วลูบศีรษะบุตรชายแผ่วเบา“ไม่นานหรอกครับ พ่อไปปลุกผม”ปรางค์ปรียาหันมองเขา ดวงตาสองคู่ผสานกัน นัยน์ตาสีฟ้าทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ รีบเมินหน้าหนี แปลกใจที่เขาไม่ได้พาลูกหนีอย่างที่คิดตั้งแต่ตอนแรก หญิงสาวมองดูบุตรชายคิ้วเริ่มขมวด เมื่อเห็นใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย ช้อนสายตามองเขาด้วยควาสงสัย“ไทม์ ลูกเอาชุดนักเรียนมาจากไหนครับ”“พ่อเอามาให้ครับ”เหลือบมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม คงไม่แปลกอะไร เพราะเขาร่ำรวยมหาศาลแค่ชุดนักเรียนของลูก ทำไมจะหามาไม่ได้ เธอแหงนมองนาฬิกาเร
“พ่อไปไหนมา ผมอยากเจอพ่อมาตลอด... ทำไมพ่อไม่มาหาไทม์ให้เร็วกว่านี้ล่ะครับ แม่จะได้ไม่ต้องร้องไห้เพราะผม...” ไทม์สะอื้นออกมา“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่ได้ตั้งใจ... ไทม์อย่าโกรธพ่อได้ไหมลูก”“ไทม์ไม่โกรธพ่อหรอกนะครับ ไทม์แค่สงสารแม่... แม่ต้องอดทนเพื่อไทม์มาตลอดเลยนะครับพ่อ...”“พ่อจะไม่ทิ้งไทม์กับแม่ไปอีกนะลูก”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่เขากอดลูกชายไว้อย่างนั้น แต่เวลานี้เด็กชายตัวน้อยกลับหลับไปในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อไปเรียบร้อยแล้ว ปรางค์ปรียามองภาพนั้นด้วยความอิ่มเอม“พาลูกขึ้นไปนอนก่อนเถอะค่ะ”ลุคส์อุ้มลูกไว้เดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน ชายหนุ่มหยุดยืนหน้าประตูห้องที่มีสีสันสวยงาม มือบางกำลูกบิดแล้วเปิดให้เขาพาลูกเข้าไปในห้องนอน ร่างเล็กถูกวางไว้บนเตียงขนาดพอเหมาะ ลุคส์จัดการรั้งผ้าห่มมาคลุมตัวบุตรชายไว้แล้วลูบศีรษะเบาๆ ไฟในห้องถูกปิดพร้อมกับประตูห้องนอน“เราก็คงต้องเข้านอนได้แล้ว”ชายหนุ่มเริ่มสั่ง“วันนี้ฉันนอนกับลูกได้ไหม?”“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไทม์สงสัยไปนอนกันเถอะ”มือบางถูกดึงไปที่ห้องพร้อมกับเขา เธอไม่อยากดื้อดึงหรือขัดขืนอีกต่อไปแล้ว เพราะตลอดเวลาผ่านมามันไม่มีประโยชน์เลย ทันทีที่
ลุคส์ลอบมองบุตรชาย ในขณะที่ไทม์เองก็หยุดชะงักแล้วหันมามองเขาเช่นกัน เด็กชายรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาในวันนี้“คุณอา มาทำอะไรที่นี่ครับ”“อามาหาไทม์กับแม่ไงครับ”พินอาภารีบลากเพื่อนตนเองออกไปทันที โดยปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับบุตรชายตนเอง ลุคส์รีบอุ้มไทม์ไว้ก่อนพาเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งในสวน“ปรางค์หมายความว่ายังไงเราไม่เข้าใจเลย!”พินอาภาถามเสียงสั่น“พินเรามีข้อตกลงกับเขา เราคงต้องไปอยู่กับเขาที่บ้าน เพราะถ้าหากเราไม่ไปเขาจะเอาไทม์ไปจากเรา” เธอตอบเพื่อนเสียงเครือ“อะไรนะ!”“เราทำอะไรไม่ได้หรอกพิน เราคงต้องยอมเขา ถ้าหากเราดึงดันเขาจะฟ้องศาล พินก็รู้ว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน เราไม่ยอมเสียไทม์ไปเด็ดขาดพิน” กลืนก้อนสะอื้นไว้ แล้วข่มกลั้นน้ำตา เธอไม่อยากอ่อนแอไปมากกว่านี้พินอาภากัดริมฝีปากโอบไหล่เพื่อนไว้เพื่อปลอบ ช่วยเพื่อนไม่ได้เลย ทำไมลุคส์ถึงไม่เลิกยุ่งกับปรางค์เสียที ผู้ชายคนนั้นจะตามทำร้ายเพื่อนเธอไปถึงไหนกัน“ปรางค์... แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะไปอยู่ที่นั้น”“แน่ใจแล้วพิน ปรางค์คงต้องไปอยู่กับเขาเพื่อลูก...”“ขอโทษนะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว”พินอาภาบอกเพื่อนเสียงสั่น“ไม่เป็นไรหรอกพิน เรารู้ดีว่
ลุคส์กัดฟันแน่นพยายามข่มใจไม่ให้แสดงอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก แต่หนทางเดียวที่จะรั้งเธอกับลูกไว้ได้คือการใช้อำนาจเงินทั้งหมดที่เขามี“หยุดร้องได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอก ฉันแค่ต้องการให้ไทม์ไปอยู่กับฉันเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยพูดคุยดูแลลูกมาก่อนเลย ฉันเลยต้องการให้เธอช่วยก็แค่นั้น”ชายหนุ่มบอกเสียงเบา“แต่คุณบอกว่าฉันต้องนอนกับคุณด้วย!” หญิงสาวเถียง“ก็ใช่! ถ้าเธอไม่นอนห้องเดียวกับฉัน แล้วไทม์จะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นพ่อของเขา ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นจริงๆ นั้นแหละ!”ปรางค์ปรียาหยุดสะอื้น แปลกใจกับถ้อยคำและท่าทีที่อ่อนลง แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลก็ตาม แต่เธอไม่ต้องการเป็นที่ระบายความใคร่ ก็เขามองเห็นเธอเป็นแค่เพียงผู้หญิงที่ไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไร แล้วทำไมต้องนอนทอดกายให้เชยชมด้วย“ถ้าฉันนอนห้องเดียวกับคุณ แต่เราสองคนไม่มีความสัมพันธ์กันได้ไหมล่ะคะ?”หญิงสาวลองหยั่งเชิง“แล้วเธอคิดว่าได้ไหมล่ะ?”เขาย้อนถามคนถามเงียบกริบ เธอไม่เคยคิดจะคบหากับผู้ชายคนไหน เพราะใจเธอยังรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์ในอดีตอยู่ แผลที่เขาได้ทำกับเธอไว้มันลึกเกินกว่าที่ใครจะมาเยียวยารักษาให้หายได้ เกือบหกปีทีเธอไม่เคยมอ
พินอาภาครุ่นคิดก่อนจะยอมขยับกายแต่ว่า... มันเจ็บคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะเดินไป บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่สบอารมณ์อย่างแรงทำไมต้องมาซวยเจอเธอก็ไม่รู้“ขี่หลังผมไปแทนก็แล้วกัน...”เขากัดฟันพูดเขาย่อกายลง พินอาภาล้มตัวลงบนหลังพลางโอบรัดรอบคอเขาแน่น ท่อนแขนของเขารั้งเรียวขาไว้เพื่อความมั่นคง ใบหน้าเธอกำลังแดง แต่เมื่อเห็นเขาไม่ได้มีท่าทีอะไรใจที่เต้นโครมครามค่อยสงบลงทันทีที่ถึงบ้านร่างบางรีบตะเกียกตะกายหาเสื้อผ้าเพื่อนตนเองทันที แต่... มันไม่มีเลย เธอจะทำยังไงดีจะให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้เหรอ บอดี้การ์ดคนอื่นก็เริ่มมองมาที่เธอแล้ว“ไม่มีเลยแล้วฉันจะใส่อะไร!”มาติชเดินไปที่ห้องตนเอง ก่อนคว้าเสื้อกับกางเกงขาสั้นให้กับเธอ หญิงสาวรับมาอย่างงงๆ แต่ก็ย่อมดีกว่าไอ้แจ็กเก็ตหนังที่ใส่อยู่“รถคุณจอดไว้ที่นี่ก่อนเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน หรือคุณอยากจะไปหาหมอ?”“ไม่ค่ะ ฉันอยากกลับบ้าน”เขาเดินนำหญิงสาวออกมาด้านนอกพลางสตาร์ทรถรอ พินอาภารีบนั่งลงข้างคนขับเขาเหยียบคันเร่งรถออกไปทันที... อาการจุกแน่นของเธอเริ่มดีขึ้นมากแล้วเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาแล้วรู้สึกดีใจหากวันนี้คู่อริเธอไม่มาช่วยไว้ป่า
เสียงเล็กๆ กำลังเรียกเขาทำให้เขาตื่นจากภวังค์อันแสนโหดร้าย รอยยิ้มดูสดใสบริสุทธิ์ยิ่งทำให้ใจเขาชุ่มชื่น นี่เป็นความสุขครั้งแรกที่เขาได้รับมาในชีวิต เขาอยากให้ความสุขแบบนี้อยู่กับเขาตลอดไป มันพอจะเป็นไปได้ไหม“ว่าไงครับไทม์”“พ่อจะไม่ไปไหนจากไทม์กับแม่ใช่ไหมครับ พ่อจะอยู่กับเราตลอดไปใช่ไหม” เด็กชายถามน้ำเสียงตื่นเต้นคนเป็นแม่ชะงักช้อนสายตามองเขา ริมฝีปากบางเม้มแน่น เธอไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว หวังแค่หากเขาจะไปก็ขอให้ตอบคำถามโดยนึกถึงใจลูกบ้าง และคิดถึงความรู้สึกของเธอสักนิดก็ยังดี“พ่อจะไม่ไปไหนจากไทม์แล้วครับ พ่อจะอยู่กับไทม์แล้วก็แม่ด้วย” ชายหนุ่มตอบแล้วสบตาหญิงสาว ปรางค์ปรียานิ่งงันแล้วหลุบตามองอาหาร ในหัวใจเต้นโครมคราม เหตุใดถึงรู้สึกเช่นนี้นะเธอไม่เข้าใจพินอาภาขับรถมาเยี่ยมเยือนเพื่อนตนเอง แต่รถดันมาเสียกลางทางซอยเปลี่ยวแม้จะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาเพื่อใช้ติดต่อกับอู่ซ่อมรถ แต่อู่กลับบอกให้รอ... แล้วเธอจะต้องรอถึงเมื่อไหร่กันเสียงพูดคุยดังขึ้น เธอหันไปมองสายตากำลังจดจ้องไปยังกลุ่มวัยรุ่นสี่คนที่เดินมา และรู้สึกเหมือนว่าพวกมันกำลังเมาอยู่ เธอไม่รู้ว่า
ทุกคนเงียบกริบทำได้แค่เพียงนึกอิจฉาปรางค์ปรียา ที่เธอมีสามีรวยแถมหล่อมากขนาดนี้ แต่ใครจะรู้เลยว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ปรางค์ปรียาต้องการเลย“คุณจะพาฉันไปไหนคะ?”หญิงสาวถามขึ้นขณะที่เขารั้งมือบางให้เดินตามมา“ไปซื้อของใช้ส่วนตัวของเธอ แล้วก็ของลูก”“ฉันไปเองได้ค่ะ คุณไม่ต้องไปด้วยหรอกนะคะ”“ฉันจะไปด้วย!”หญิงสาวยอมทำตามคำสั่งของเขา ร่างบางเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ลุคส์เดินเคียงตลอดเส้นทางไม่ห่าง การกระทำของเขาทำให้เธออึดอัดไม่น้อย แต่กระนั้นกลับไม่กล้าพอต่อว่าต่อขาน เดินเลือกซื้อของแต่ไม่กล้าเลือกมากนัก ส่งผลให้คนเดินตามรู้สึกงุนงง“ทำไมไม่เลือก?”เขาถามเสียงเข้ม“ฉันไม่ได้รวยเหมือนคุณนี่คะ”“ก็บอกว่าจะจ่ายให้ยังไงล่ะ!”“ไม่ต้องค่ะ ฉันพอมีเงินอยู่บ้าง”“อย่าขัดคำสั่งฉัน!”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดอีกแล้วที่คำออกคำสั่งแบบนี้ เธอก็คงต้องทำตามอีกแล้วใช่ไหม เธอมองไปรอบๆ แล้วจัดการเลือกเสื้อผ้าทันที ดีเหมือนกันหากเขาต้องการแบบนั้นก็คงไม่ต้องเกรงใจกันแล้วร่างสูงใหญ่ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงาน แล้วสั่งให้ลูกน้องมาขนของไปไว้ที่บ้านให้เขาแทน“วันพ่อฉันต้องทำอะไรบ้าง”ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“
เธอเดินลงมาจากชั้นบนโดยมีเขาตามมา ไทม์มองพ่อแม่แล้วยิ้มกว้าง วิ่งเข้าหาจูงมือบุพการีรั้งไปยังรถ ปรางค์ปรียานั่งเบาะหน้าคู่คนขับ ส่วนไทม์นั่งเบาะหลัง เด็กชายคุกเข่าโน้มตัวมาด้านหน้า รอยยิ้มแต่งแต้มทั่วใบหน้าของเขา“พ่อครับวันนี้พ่อจะไปส่งไทม์ที่โรงเรียนใช่ไหมครับ”“ใช่ครับ” ลุคส์ตอบแล้วเผลอยิ้ม ก่อนแสร้งตีหน้านิ่งเหมือนเดิม“ผมดีใจมากเลย ผมจะได้อวดพ่อกับเพื่อนๆ จะได้ไม่มีใครมาว่าผมอีก” เด็กน้อยบอก“ครับไทม์ พ่อจะไปยืนโชว์ความหล่อของพ่อให้เพื่อนๆ ของไทม์ดูเลยนะครับ”“ครับพ่อ”เด็กชายยิ้มออกมาด้วยความดีใจคนเป็นแม่เงียบกริบ ไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรออกมา เห็นลูกมีความสุขแบบนี้หัวอกคนเป็นแม่ก็เป็นสุขแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างลูกไปอีกนานแค่ไหน เพราะทั้งเธอและเขาต่างกันราวกับฟ้ากับดิน คนอย่างเขาไม่มีวันยอมรับผู้หญิงจนๆ ไม่มีหน้าตาในสังคมเช่นเธอแน่นอน สำหรับไทม์คนเป็นแม่ที่เลี้ยงดูมาจะทำใจยกให้ได้อย่างไรกันรถเลี้ยวเข้ามาจอดภายในโรงเรียน ร่างบางจูงมือบุตรชายลงมาจากรถแล้วพาเดินเข้าห้อง ชายหนุ่มวนหาที่จอดรถแล้วเดินตามไปห่างๆ ทันทีที่ถึงหน้าห้องเรียน มีผู้ปกครองมากมายและนักเรียนยืนอยู่เต็มห้อ
หญิงสาวปรายตามองเขาก่อนหันไปสนใจกับผ้าต่อจนกระทั่งเสร็จ ลุคส์ขยับกายพลางชำเลืองมองให้หญิงสาวเดินตาม แม้อยากขัดใจไม่ทำตามความต้องการของเขา แต่ก็ไม่อาจทำได้เธอรู้ข้อนี้ดีเสมอ เสียงฝีเท้าดินตามหลังมาทำให้เขารู้สึกพอใจไม่น้อยที่เธอไม่ดื้อดึง“ฉันจะนอนข้างล่างนะคะ”หญิงสาวบอกเขาทันทีที่มาถึงห้อง“ทำไม!”“เราควรนอนแยกกันจะดีกว่าค่ะ”“เหตุผล?”“เพราะคุณกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่ของไทม์แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะภรรยาของคุณค่ะ”หญิงสาวตอบชัดเจน“ไม่ได้!”เขาสวนกลับทันควัน“เพราะอะไรไม่ได้ละค่ะ!”“นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ อย่าเรื่องมากปรางค์ปรียา!”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดหญิงสาวถูกดึงให้ล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที ร่างบางเกร็งนิ่งจนไม่กล้าขยับตัวไปไหนใจของเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว แต่เขากลับนอนนิ่งมีเพียงมือที่พาดช่วงเอวของเธอไว้เท่านั้น ไม่นานนักเสียงลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ปรางค์ปรียาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่วันนี้เขาไม่เอาแต่ใจเช้ารุ่งของวันใหม่หญิงสาวสลึมสลือลืมตาขึ้นมา ลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบมองหาคนที่นอนอยู่เคียงข้างทั้งคืน แต่เตียงกว้างกลับว่างเปล่าเมื่อเขาหายไป เธ