ชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำถามของคนป่วย "พี่เคยบอกไปแล้วนี่....จำไม่ได้หรอ?" ใช่...เขาเคยบอกไปแล้ว แต่เธอ..ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เธอไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย "แต่หนูไม่เกี่ยว" อัมพิกาย้ำเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ความเจ็บที่หลังมือเริ่มมากขึ้นทว่า..เจ้าของบาดแผลกลับไม่สนใจเลย ดวงตาคมกริบมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวนิ่งๆ สายตาก็เหลือบมองรอยเลือดหยดจากรอยเข็มเจาะสายน้ำเกลือ ดวงตาสีนิลเบิกกว้างก่อนจะกดเรียกพยาบาลทันที "เกี่ยวสิ...พี่บอกไปแล้วว่าเธอจะต้องชดใช้แทนพี่สาวของเธอ" ชายหนุ่มหันมาพูดกับคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่ข้างเตียงคยป่วย"พี่มันเห็นแก่ตัว!" เธอตะโกนออกมาเสียงสั่นไหว ความเจ็บที่หลังมือทำให้หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาสีน้ำผึ้งสวยต้องมองเขาอย่างเกลียดชัง ชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้าน เขาเพียงยิ้ม รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันแต่กลับมีความเจ็บปวดอยู่ภายในลึกๆ "งั้นหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยขึ้นช้าๆ มือหนาเอื้อมไปกุมมือบางที่สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด นิ้วโป้งลูบผ่านรอยช้ำรอบๆเจ็บเข็มเจาะสายน้ำเกลือเบาๆราวกับจะปลอบประโล
สวนหย่อมขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากอาคารผู้ป่วย มันถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ต้นไม้ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบให้ร่มเงาแก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาล มีม้านั่งสีน้ำตาลตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ เส้นทางเดินถูกปูด้วยหินแกรนิตมีดอกไม้สีสันสดใสวางขนาบสองข้างทางเดิน ปลายทางของสวนมีศาลาสีน้ำตาลตั้งอยู่ริมน้ำ มีการตกแต่งด้วยกระถางดอกไม้วางตามมุมของศาลา สายลมพัดพาไอเย็นจากน้ำมากระทบผิวกายของหญิงสาว ที่นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองดอกบัวตูมสีชมพูลอยนิ่งอยู่กลางแม่น้ำ ปลายนิ้วสัมผัสขอบส่าหรีสีน้ำตาลเข้มปักด้วยดิ้นทองอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหู ( คุณคิดมากไปหรือเปล่า?...หืม) เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากปลายสายหลังจากเธอเล่าเรื่องของน้องสาวให้เขาฟัง ราฟีไม่คิดว่าอดีคนรักของหญิงสาวจะมีส่วนทำให้อัมพิกาป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล " แต่ว่า..ทั้งข้อความ แล้วก็คำพูดแปลกๆในตอนนั้นของศิวะ มันต้องถุมีอะไรแน่ๆ" หญิงสาวพูดด้วยความมั่นใจ ในความคิดของเธอศิวะ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้น้องสาวของเธอเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ แต่เธอไม่รู้ว่าเขาทำไปทำไม เพราะอะไร...ในเมื่ออีกฝ่ายทั้งรักและเอ็นด
วันนี้ยังคงเป็นอีกวันที่สายลมยังคงเย็นสบาย เสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆยามปกคลุม คฤหาสน์สีขาวสะอาดของบ้านเชาฮานกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก เพราะว่าวันนี้คุณหนูของบ้านกำลังจะออกจากโรงพยาบาล กลิ่นหอมของอาหารและเครื่องเทศอินเดียคละคลุ้งอยู่ในห้องครัวขนาดใหญ่ คุณนายของบ้านตื่นมาเข้าครัวตั้งแต่เช้า ลงมือเตรียมอาหารอย่างพิถีพิถันเพื่อต้อนรับลูกสาวคนเล็ก ทั้งขนมลาดู ชาอินเดีย ไก่ทันดูรี มาลปัว ละลานตาไปหมด "คุณผู้หญิงคะ... ทำเยอะเกินไปแล้วนะคะ" อาชิพูดออกมาอย่างความเหนื่อยใจ ที่คนท้องอ่อนไม่ยอมหยุดทำมาหารสักที หญิงชราถอนหายใจออกมาเบาๆ"แต่ว่า... ฉันยังไม่ได้ทำโรแกนจอชกับนานกระเทียมเลย แล้วก็ต้องทำลาโซซีด้วย" อาหารที่หญิงสาวพูดมาทั้งหมดเป็นของโปรดของสามีและลูกๆของเธอ กาญจียิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้พวกเขาได้กิน แต่...เธอรู้สึกว่าช่วงนี้เธอดูร่าเริงขึ้น อาจเป็นเพราะลูกในครรภ์ละมั้ง "พอแล้วค่ะ... เดี๋ยวให้เด็กๆทำไปดีกว่า ตอนนี้คุณไปนั่งพักดีกว่านะคะ ยืนนานๆมันไม่ดีค่ะ" อาชิเข้ามาประคองกาญจีเดินไปนั่งพักที่โซฟา "ตอนนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ คุณไม
บรรยากาศภายในบ้านยังคงตลบอบอวลไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องนั่งเล่นทำให้บ้านดูเป็นบ้าน ไม่ได้เงียบเหงาเมื่อไม่กี่วันก่อน แสงจันทร์ส่องสว่างลอดผ่านม่านสีครีมมาที่ห้องนอนของหญิงสาวอย่างเลือนลาง อัมพิกาอยู่ในชุดนอนสีขาวครีมเป็นเดรสแขนยาว กระโปรง ยาวคลุมข้อเท้า เธอยืนทิ้งหน้าต่างมองดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าสวย ปรากฏความหม่นหมองอยู่ในแววตา มือข้างหนึ่งยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมา ข้อความของศิวะ ยังคงปรากฏอยู่บนหน้าจอ วันนั้นเขาส่งข้อความหาเธอ.. ให้ไปหาที่วิหารองค์มหาเทพ.." วิหารองค์มหาเทพหรอ?" ดวงตาสีน้ำผึ้งฉายเแววความครุ่นคิด เธอหันหลังกลับมามองโต๊ะเครื่องแป้ง ร่างบางผละออกจากหน้าต่างทันที กล่องไม้สีน้ำตาลแกะสลักลวดลายสวยงามเล็กๆ มันถูกล็อคอย่างแน่นหนา มือบางยื่นไปหยิบมันออกมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง อัมพิกาพลิกกล่องดูอีกด้าน ใต้กล่องไม้มีกุญแจเล็กๆติดอยู่ หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาปลดล็อค เสียงคลิกเบาๆของกุญแจทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว มือบางเปิดกล่องไม้ออกอย่างทะนุถนอม ด้านในใส่กำไลแก้วสีแดงสวย มันถูกจัดเก็บไว้อย่างดีไร้ฝุ่นเกาะ "..เราควรใส่มันไ
สิ่งที่เขาต้องการ...มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แล้วเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าจะยอมรับคนที่ตามมาได้หรือเปล่า... ดวงตาสีน้ำผึ้งสั่นระริกด้วยความลังเล "หนูไม่มีอะไรจะแลกกับพี่หรอกค่ะ" หญิงสาวพยายามพูดด้วยเสียงมั่นคง ทว่าปลายนิ้วเลื่อนมากุมมือชายผ้าคลุมไหล่แน่น ศิวะหัวเราะออกมาในลำคอ เขาปล่อยมือจากต้นคอของเธอไปเกี่ยวปอยผมของเธออย่างหยอกเย้า "ไม่มีจริงๆหรอ?" น้ำเสียงที่เขาถามเธอยังคงเย็นชา ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างสื่อความหมาย ก่อนเขาจะปล่อยเอวเธอเป็นอิสระ "เธอไม่รักพี่สาวของเธอหรอ" อัมพิกากัดริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง... ฝ่ามือบางกำหมัดแน่นผ้าคลุมไหล่ที่อยู่ในกำมือยับยู่ยี่ สิ่งที่เขาต้องการจากเธอ...มันมากเกินกว่าที่เธอจะตกลง "ไม่ใช่นะคะ แต่สิ่งที่พี่ขอมันไม่ถูกต้อง" "ถูกต้อง?" เขาหลุดยิ้ม กับคำพูดไร้เดียงสาของคนน้อง ทว่า...ในใจเขากลับรู้สึกขัดแย้งราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ไม่ควรทำ"เรากำลังทำเรื่องที่ถูกต้องกันอยู่นะ" "ถูกต้องยังไง?" เธอถามเขาด้วยความสงสัย น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้าตา นานวันเข้าเขาก็ยิ่งไม่เหมือนคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เธอจะต้องทำยังไงให้เขากลั
ปราโมทย์ยืนนิ่งฟังคำอธิบายที่ออกมาจากปากเลล่า เชค เขาเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักคำ กาญจีเห็นท่าทางของสถามีก็รู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร ฝ่ามือบางของเธอเอื้อมไปกุมมือของเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน "คุณคะ" เสียงอ่อนโยนของภรรยาทำให้เขาได้สติ ดวงตาคมเหลือบมองลูกสาวคนโตที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ทว่า... เขาก็ไม่ยินดีที่จะให้อัมมาวดีแต่งงานกับราฟี เชค เด็ดขาด "วางใจเถอะ..." เขาพูดกับภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ถ้าคุณรักลูกสาวผมจริง... คุณกล้าที่จะพิสูจน์ไหมล่ะ?" ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขาไม่เคยคิดว่าศาสนาของเขาจะเป็นปัญหาจนได้เจอกับปราโมทย์ "แน่นอนครับ ผมกล้าที่จะพิสูจน์ทุกอย่าง" น้ำเสียงตอบกลับอย่างหนักแน่นไร้ความลังเล ดวงตาสีเข้มมองคนอายุมากกว่าด้วยความมั่นใจ ราวกับกลัวว่าหากลังเลแม้เสี้ยววินาที เขาจะสูญเสียคนรักไป..."ดี.." เมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย ปราโมทย์ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยินดี ทว่า...กาญจีที่มองเหตุการณ์ทุกอย่าง เธอก็มองการกระทำของสามีตัวเองออกทันที คนอย่าง ปราโมทย์ เชาฮาน ไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆแน่... "พ่อคะ" อัมมาวดีเข้าไปจับแขนของปราโมทย์เบาๆ ดวงตาคู่สวย
ยามค่ำคืนดึกสงัด ความเงียบท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีผู้คน ไม่มีเสียงรถยนต์จากถนนใหญ่ มีเพียงสายลมบางๆพัดผ่านกิ่งไม้เสียดสีกันราวกับเป็นเสียงกระซิบ ทว่า... ท่ามกลางความสงบเงียบยามค่ำคืนกลับมีเสียงอึกระทึกครึกโครมดังขึ้นมาจากคฤหาสน์ริมทะเล อัมมาวดีวิ่งออกจากห้อง กายบางของเธอสวมชุดนอนตัวโปรด ในมือกำโทรศัพท์และกุญแจรถจนมือซีดขาว เสียงดังครึกโครมที่เธอได้ยินในโทรศัพท์ยังคงดังก้องอยู่ในหัว หญิงสาวหอบหายใจแรง หัวใจเต้นราวกลับจากทะลุออกมาจากอก ขาทั้งสองข้างแทบไม่ได้สัมผัสพื้น "พี่คะ?" อัมพิกาในชุดนอนสีขาวเปิดประตูออกมาด้วยหน้าตาเซื่องซึม เธอมองพี่สาวกำลังออกจากบ้านด้วยท่าทีเร่งรีบ "พี่จะไปไหนคะ!?" หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้าตามไป ทว่า...ผู้เป็นพี่สาวที่กำลังรีบร้อน เธอไม่ได้ยินเสียงเรียกน้องสาวเลยสักนิด ในใจของเธอกำลังร้อนรนเพราะความเป็นห่วงสภาพของร้านมากกว่า รถคันหรูเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงอัมพิกาที่วิ่งตามหลังมา ร่างบางมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ดวงตาสีน้ำผึ้งทอดมองตามหลังรถไปด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆกับท่าทีของพี่สาว "รีบไปไหนของเขา" หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเ
กว่าสองชั่วโมงที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามควบคุมเพลิงไม่ให้ไฟมันลามไปที่อื่น สภาพร้านที่เคยเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตอนนี้กลับเหลือเพียงเศษซากปรักหักพัง หุ่นที่เคยสวมส่าหรีสวยงาม ตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่เศษวัสดุที่เหลือจากการถูกไฟเผา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองรอบๆร้านด้วยสายตาเหม่อลอย ร่างบางในชุดนอนยืนเกาะฉากกั้นของเจ้าหน้าที่ ด้านหลังราฟียืนโอบไหล่คนรักอย่างปลอบโยน สายตาแข็งกร้าวตวัดหาเจ้าหน้าที่โดยรอบ "หัวหน้าทีมสืบสวนอยู่ไหน?" เสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นมา ตำรวจนายหน้ารีบก้าวเข้ามา"ผมเองครับ.." ชายหนุ่มมองหน้าของตำรวจนายนั้น ก่อนจะยื่นนามบัตรให้อีกฝ่าย " คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?" ดวงตาคมเข้มมองคนตรงหน้าด้วยสายตากดดัน "เรากำลังรวบรวมหลังฐานอยู่ครับ ตอนนี้กำลังตรวจสอบฟุตเทจจากกล้องวงจรปิดครับ" ตำรวจหนุ่มรายงานด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ทว่า...กลับแฝงไปด้วยความเคารพยำเกรง นิ้วเรียวขยับปรับเนคไทลง ดวงตาคมกริบตวัดมองเจ้าหน้าที่ตรงหน้า "ผมไม่ต้องการคำว่า 'กำลังตรวจสอบ' ผมต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาหนักแน่นทว่าเย็นชา จนตำรวจและเจ้าหน้าที่รอบๆเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยาก
ท่าทางกระตือรือร้นของอัมมาวดี ทำให้ผู้เป็นน้องสาวอย่างอัมพิการู้สึกชุ่มชื้นในหัวใจ พี่สาวของเธอผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา เธอก็อยากให้อีกฝ่ายผ่อนคลายบ้าง ดวงตาสีน้ำผึ้งกวาดมองรอบๆตลาดด้วยความชื่นชม "ไม่มานานเหมือนกันนะ" บรรยากาศคึกคักของผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย เสียงต่อรองราคาอย่างจริงจังระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ร้านค้าบางร้านก็มีเบาะรองนั่งกับเก้าอี้เอาไว้ต้อนรับลูกค้าโดยเฉพาะ หญิงสาวเดินดูของตามร้านต่างๆสนใจสะดุดตากับร้านขายกำไลร้านหนึ่ง หน้าร้านตกแต่งด้วยผ้าม่านสีทองและประดับด้วยไฟระยิบระยับสีสันสวยงาม โต๊ะไม้แกะสลักถูกปูด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง บนโต๊ะนั้นถูกวางด้วยกำไลเรียงเป็นชั้นๆ บางชั้นจะเป็นกำไลแก้ว บางชั้นเป็นกำไลโลหะสีเงินและทอง บางชั้นถูกประดับด้วยเพชรและมุกสีสันสวยงาม มีทั้งกำไลจูดี(chudi) แบบดั้งเดิมของอินเดีย กำไลกันกัน( kangan) สำหรับเจ้าสาว และกำไลคาดา( kada) เอาไว้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน อัมพิกาหยุดมองดูร้านขายกำไลด้วยความสนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอย่างร่าเริง หญิงสาวในชุดส่าหรีสีสันสดใสมองดูกำไลที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ จนไปสะดุดตากับกำไลแก้วสีฟ้าครามชั้นหนึ่ง เธอจึงเก็บขึ้
...และการกระทำนั้น อยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งอยู่ตลอดเวลา... ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทสีดำ ยืนล้วงกระเป๋ามองสองพี่น้องเดินไปจนลับตา ดวงตาสีนิลฉายแววความเคร่งขรึมยากที่จะอ่านออก เสียงตะโกนเรียกลูกค้าของแม่ค้า เคล้ากับเสียงเจรจาต่อรองราคาจากผู้คนรอบด้าน ภาพฝูงชนเบียดเสียดกัน ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากตรงนั้น"คุณไม่เข้าไปทักทายพวกเขาหน่อยหรอครับ" ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยถามผู้เป็นนาย "ไม่จำเป็น" เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในใจของเขารู้สึกเจ็บปวด เพราะว่าบทสนทนาทั้งหมดก่อนหน้านี้เขาได้ยิน ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ "แต่งงานงั้นหรอ?" ... มันน่าแปลกตรงที่ เธอเดินทางไปไกลแสนไกล แต่ตัวเขายังคงวนเวียนติดอยู่กับอดีตไม่ไปไหน... ฝ่ามือทั้งสองกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดที่อยู่ในใจลงได้ "อาร์มัน" "ครับ คุณศิวะ" "นายกลับไปก่อน ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก" ศิวะพูดกับเลขาคนสนิทเสียงเบา พลางถอดเสื้อสูทนอกออกให้อีกฝ่ายด้วย เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำอยู่บนร่างกาย อาร์มันรับเสื้อสูทนอกของเจ้านายมาด้วยความเต็มใจ ก่อน
เสียงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงเพลงอย่างไพเราะ เคล้าคลอกับเสียงผู้คนเบียดเสียดกันมาจับจ่ายใช้สอย สองขนาบข้างทางเต็มด้วยร้านค้าตั้งเรียงแถวกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายของกิน ของใช้ เครื่องประดับ มีให้เลือกมากมาย ลมพัดเย็นสบายผสมผสานไปกับกลิ่นเครื่องเทศตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ ร้านค้าบางร้านก็จะมีเสื่อหรือเบาะนั่งไว้รองรับลูกค้าและต่อรองราคา สองพี่น้องตระกูลเชาฮานพากันเดินชมร้านค้าด้วยความเบิกบานใจ อัมมาวดีถูกบรรยากาศภายในตลาดดึงดูดจนลืมเรื่องเศร้าหมองไปชั่วขณะ "พี่คะ... ที่นี่คึกคักมากเลย ดูสิคะ" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองไปรอบๆ มองดูแม่ค้าขายผลไม้ที่กำลังต่อราคากับลูกค้าอย่างดุเดือด แม้จะโดนลูกค้าต่อราคาจนจะขาดทุน แต่ใบหน้าของเธอกลับยิ้มแย้ม จนอัมมาวดีขมวดคิ้วมุ่น ... เธอไม่เคยเห็นใครต่อราคาจนน่ารังเกียจขนาดนี้มาก่อนเลย... "อามิ... เดี๋ยวพี่มานะ" "เอ๊ะ!?.... ค่ะ" อัมพิกาชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบกลับพี่สาวไป สายตามองตามร่างของอีกฝ่ายไปจนไปถึงร้านขายผลไม้ร้านหนึ่ง เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีของแม่ค้าร้านผลไม้ ไม่ใช่ว่ากำลังโดนโกงอยู่หรอกนะ... หญิงสาวคิดในใจ เธอรีบเดินตามพี่สาวอย่างรีบร้อน
กว่าสองชั่วโมงที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามควบคุมเพลิงไม่ให้ไฟมันลามไปที่อื่น สภาพร้านที่เคยเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตอนนี้กลับเหลือเพียงเศษซากปรักหักพัง หุ่นที่เคยสวมส่าหรีสวยงาม ตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่เศษวัสดุที่เหลือจากการถูกไฟเผา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองรอบๆร้านด้วยสายตาเหม่อลอย ร่างบางในชุดนอนยืนเกาะฉากกั้นของเจ้าหน้าที่ ด้านหลังราฟียืนโอบไหล่คนรักอย่างปลอบโยน สายตาแข็งกร้าวตวัดหาเจ้าหน้าที่โดยรอบ "หัวหน้าทีมสืบสวนอยู่ไหน?" เสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นมา ตำรวจนายหน้ารีบก้าวเข้ามา"ผมเองครับ.." ชายหนุ่มมองหน้าของตำรวจนายนั้น ก่อนจะยื่นนามบัตรให้อีกฝ่าย " คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?" ดวงตาคมเข้มมองคนตรงหน้าด้วยสายตากดดัน "เรากำลังรวบรวมหลังฐานอยู่ครับ ตอนนี้กำลังตรวจสอบฟุตเทจจากกล้องวงจรปิดครับ" ตำรวจหนุ่มรายงานด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ทว่า...กลับแฝงไปด้วยความเคารพยำเกรง นิ้วเรียวขยับปรับเนคไทลง ดวงตาคมกริบตวัดมองเจ้าหน้าที่ตรงหน้า "ผมไม่ต้องการคำว่า 'กำลังตรวจสอบ' ผมต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาหนักแน่นทว่าเย็นชา จนตำรวจและเจ้าหน้าที่รอบๆเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยาก
ยามค่ำคืนดึกสงัด ความเงียบท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีผู้คน ไม่มีเสียงรถยนต์จากถนนใหญ่ มีเพียงสายลมบางๆพัดผ่านกิ่งไม้เสียดสีกันราวกับเป็นเสียงกระซิบ ทว่า... ท่ามกลางความสงบเงียบยามค่ำคืนกลับมีเสียงอึกระทึกครึกโครมดังขึ้นมาจากคฤหาสน์ริมทะเล อัมมาวดีวิ่งออกจากห้อง กายบางของเธอสวมชุดนอนตัวโปรด ในมือกำโทรศัพท์และกุญแจรถจนมือซีดขาว เสียงดังครึกโครมที่เธอได้ยินในโทรศัพท์ยังคงดังก้องอยู่ในหัว หญิงสาวหอบหายใจแรง หัวใจเต้นราวกลับจากทะลุออกมาจากอก ขาทั้งสองข้างแทบไม่ได้สัมผัสพื้น "พี่คะ?" อัมพิกาในชุดนอนสีขาวเปิดประตูออกมาด้วยหน้าตาเซื่องซึม เธอมองพี่สาวกำลังออกจากบ้านด้วยท่าทีเร่งรีบ "พี่จะไปไหนคะ!?" หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้าตามไป ทว่า...ผู้เป็นพี่สาวที่กำลังรีบร้อน เธอไม่ได้ยินเสียงเรียกน้องสาวเลยสักนิด ในใจของเธอกำลังร้อนรนเพราะความเป็นห่วงสภาพของร้านมากกว่า รถคันหรูเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงอัมพิกาที่วิ่งตามหลังมา ร่างบางมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ดวงตาสีน้ำผึ้งทอดมองตามหลังรถไปด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆกับท่าทีของพี่สาว "รีบไปไหนของเขา" หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเ
ปราโมทย์ยืนนิ่งฟังคำอธิบายที่ออกมาจากปากเลล่า เชค เขาเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักคำ กาญจีเห็นท่าทางของสถามีก็รู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร ฝ่ามือบางของเธอเอื้อมไปกุมมือของเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน "คุณคะ" เสียงอ่อนโยนของภรรยาทำให้เขาได้สติ ดวงตาคมเหลือบมองลูกสาวคนโตที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ทว่า... เขาก็ไม่ยินดีที่จะให้อัมมาวดีแต่งงานกับราฟี เชค เด็ดขาด "วางใจเถอะ..." เขาพูดกับภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ถ้าคุณรักลูกสาวผมจริง... คุณกล้าที่จะพิสูจน์ไหมล่ะ?" ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขาไม่เคยคิดว่าศาสนาของเขาจะเป็นปัญหาจนได้เจอกับปราโมทย์ "แน่นอนครับ ผมกล้าที่จะพิสูจน์ทุกอย่าง" น้ำเสียงตอบกลับอย่างหนักแน่นไร้ความลังเล ดวงตาสีเข้มมองคนอายุมากกว่าด้วยความมั่นใจ ราวกับกลัวว่าหากลังเลแม้เสี้ยววินาที เขาจะสูญเสียคนรักไป..."ดี.." เมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย ปราโมทย์ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยินดี ทว่า...กาญจีที่มองเหตุการณ์ทุกอย่าง เธอก็มองการกระทำของสามีตัวเองออกทันที คนอย่าง ปราโมทย์ เชาฮาน ไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆแน่... "พ่อคะ" อัมมาวดีเข้าไปจับแขนของปราโมทย์เบาๆ ดวงตาคู่สวย
สิ่งที่เขาต้องการ...มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แล้วเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าจะยอมรับคนที่ตามมาได้หรือเปล่า... ดวงตาสีน้ำผึ้งสั่นระริกด้วยความลังเล "หนูไม่มีอะไรจะแลกกับพี่หรอกค่ะ" หญิงสาวพยายามพูดด้วยเสียงมั่นคง ทว่าปลายนิ้วเลื่อนมากุมมือชายผ้าคลุมไหล่แน่น ศิวะหัวเราะออกมาในลำคอ เขาปล่อยมือจากต้นคอของเธอไปเกี่ยวปอยผมของเธออย่างหยอกเย้า "ไม่มีจริงๆหรอ?" น้ำเสียงที่เขาถามเธอยังคงเย็นชา ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างสื่อความหมาย ก่อนเขาจะปล่อยเอวเธอเป็นอิสระ "เธอไม่รักพี่สาวของเธอหรอ" อัมพิกากัดริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง... ฝ่ามือบางกำหมัดแน่นผ้าคลุมไหล่ที่อยู่ในกำมือยับยู่ยี่ สิ่งที่เขาต้องการจากเธอ...มันมากเกินกว่าที่เธอจะตกลง "ไม่ใช่นะคะ แต่สิ่งที่พี่ขอมันไม่ถูกต้อง" "ถูกต้อง?" เขาหลุดยิ้ม กับคำพูดไร้เดียงสาของคนน้อง ทว่า...ในใจเขากลับรู้สึกขัดแย้งราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ไม่ควรทำ"เรากำลังทำเรื่องที่ถูกต้องกันอยู่นะ" "ถูกต้องยังไง?" เธอถามเขาด้วยความสงสัย น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้าตา นานวันเข้าเขาก็ยิ่งไม่เหมือนคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เธอจะต้องทำยังไงให้เขากลั
บรรยากาศภายในบ้านยังคงตลบอบอวลไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องนั่งเล่นทำให้บ้านดูเป็นบ้าน ไม่ได้เงียบเหงาเมื่อไม่กี่วันก่อน แสงจันทร์ส่องสว่างลอดผ่านม่านสีครีมมาที่ห้องนอนของหญิงสาวอย่างเลือนลาง อัมพิกาอยู่ในชุดนอนสีขาวครีมเป็นเดรสแขนยาว กระโปรง ยาวคลุมข้อเท้า เธอยืนทิ้งหน้าต่างมองดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าสวย ปรากฏความหม่นหมองอยู่ในแววตา มือข้างหนึ่งยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมา ข้อความของศิวะ ยังคงปรากฏอยู่บนหน้าจอ วันนั้นเขาส่งข้อความหาเธอ.. ให้ไปหาที่วิหารองค์มหาเทพ.." วิหารองค์มหาเทพหรอ?" ดวงตาสีน้ำผึ้งฉายเแววความครุ่นคิด เธอหันหลังกลับมามองโต๊ะเครื่องแป้ง ร่างบางผละออกจากหน้าต่างทันที กล่องไม้สีน้ำตาลแกะสลักลวดลายสวยงามเล็กๆ มันถูกล็อคอย่างแน่นหนา มือบางยื่นไปหยิบมันออกมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง อัมพิกาพลิกกล่องดูอีกด้าน ใต้กล่องไม้มีกุญแจเล็กๆติดอยู่ หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาปลดล็อค เสียงคลิกเบาๆของกุญแจทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว มือบางเปิดกล่องไม้ออกอย่างทะนุถนอม ด้านในใส่กำไลแก้วสีแดงสวย มันถูกจัดเก็บไว้อย่างดีไร้ฝุ่นเกาะ "..เราควรใส่มันไ
วันนี้ยังคงเป็นอีกวันที่สายลมยังคงเย็นสบาย เสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆยามปกคลุม คฤหาสน์สีขาวสะอาดของบ้านเชาฮานกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก เพราะว่าวันนี้คุณหนูของบ้านกำลังจะออกจากโรงพยาบาล กลิ่นหอมของอาหารและเครื่องเทศอินเดียคละคลุ้งอยู่ในห้องครัวขนาดใหญ่ คุณนายของบ้านตื่นมาเข้าครัวตั้งแต่เช้า ลงมือเตรียมอาหารอย่างพิถีพิถันเพื่อต้อนรับลูกสาวคนเล็ก ทั้งขนมลาดู ชาอินเดีย ไก่ทันดูรี มาลปัว ละลานตาไปหมด "คุณผู้หญิงคะ... ทำเยอะเกินไปแล้วนะคะ" อาชิพูดออกมาอย่างความเหนื่อยใจ ที่คนท้องอ่อนไม่ยอมหยุดทำมาหารสักที หญิงชราถอนหายใจออกมาเบาๆ"แต่ว่า... ฉันยังไม่ได้ทำโรแกนจอชกับนานกระเทียมเลย แล้วก็ต้องทำลาโซซีด้วย" อาหารที่หญิงสาวพูดมาทั้งหมดเป็นของโปรดของสามีและลูกๆของเธอ กาญจียิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้พวกเขาได้กิน แต่...เธอรู้สึกว่าช่วงนี้เธอดูร่าเริงขึ้น อาจเป็นเพราะลูกในครรภ์ละมั้ง "พอแล้วค่ะ... เดี๋ยวให้เด็กๆทำไปดีกว่า ตอนนี้คุณไปนั่งพักดีกว่านะคะ ยืนนานๆมันไม่ดีค่ะ" อาชิเข้ามาประคองกาญจีเดินไปนั่งพักที่โซฟา "ตอนนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ คุณไม