“หา ฝ่าบาทจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ใต้เท้าหลัวเป็นที่เคารพนับถือเป็นถึง เสนาบดีแล้วยังเป็นผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ฝ่าบาทสั่งลงทัณฑ์ เหมือนกับใต้เท้าเป็นขันทีหรือนางกำนัลเป็นการลดเกียรติ...ของใต้เท้าหลัว”หลงตี้ยิ้ม
“ดี คุกเข่าไม่เหมาะกับ ตำแหน่งเช่นนั้นข้าขอสั่งให้ลดเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน ต่อไปใครไม่มาประชุมขุนนางหนึ่งครั้งไม่ต้องจ่ายเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน”
“ฝ่าบาท กว่าปีมานี้ฝ่าบาทก็ไม่เคยเข้าประชุมขุนนาง”
“ตบปาก ตบปากเลย พูดชี้นำคนอื่นดีนัก”ชลชลส่งเสียเบาๆ ในลำคอหลงตี้ส่ายหน้า ไม่ทำให้เห็นก็จะไม่มีใครกลัวที่ผ่านมาเขาใจดีเกินไป
“ดี องครักษ์จับตัวคนพูด มาตบปาก”องครักษ์หันหน้าหันหลัง
“องครักษ์ไม่ได้ยินพระบัญชาหรือไร”ซินอ๋องตวาดดังๆ
“โฮ้งโฮ้ง แฮร่ๆๆๆๆ ”องครักษ์รีบจับตัวคนสอพลอต่อใต้เท้าหลัวมาข้างหน้าตบปากไปสองสามที
“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยข้าน้อยสมควรตาย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าแล้ว”ทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแค่สองสามทีก็ถึงกับทรุดได้ผลไม่น้อย
“ไม่ได้ให้ตาย แต่ก็ดีแล้วพูดมาแบบนี้ข้า จะได้รู้ว่าใครภักดีต่อข้าใครภักดีต่อใต้เท้าหลัว” จ้านกงเดินเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับเสียงปรบมือ
“ยอดเยี่ยม ฝ่าบาทสมควรยิ่งแล้ว”ซินอ๋อง หันไปมองจ้านกงเต็มตา ชลชลเบ้ปากหมาๆ ของตัวเอง จนลิ้นห้อยออกมาข้างๆ
“พวกเจ้ายังไม่รีบขอประทานอภัยฝ่าบาท พวกเจ้าไม่มีความภักดีหลงเหลืออยู่หรือว่าไม่เคยภักดี ต่อไป ข้าจะเป็นอีกคนที่จะคอยจับตา พวกเจ้าแทนฝ่าบาท”
ความตอแหลไม่มีสิ้นสุด ทั้งๆ ที่กลิ่นกับสีหน้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น ชลชลสามารถรัูกลิ่นได้ดี แล้วไหนจะน้ำเสียงที่แกว่งในตอนท้ายนั่นอีก
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ขุนนางหลายฝ่ายต่างคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัว ในการบิ้วของจ้านกง
ชลชลยิ้ม หลงตี้ยกมือขึ้นลูบหัวของชลชลเบาๆ ชลชล กระโดดขึ้นนั่งบนตักของหลงตี้ นอนขดบนตักอุ่นด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปน เจ้าหมาเจ้าเริ่มชอบเขาแล้วสิ เริ่มมีความสุขเมื่อเข้าใกล้เขา เริ่มดีใจเมื่อเห็นรอยยิ้มและเห็นแววตามีความสุขของเขาแล้วสิ
“ขอบคุณเจ้าเสี่ยวเปา”ชลชลหลบตาแต่เอาคางเกยบนตักอุ่น ซึมซับความรู้สึกเป็นสุขไว้จนเต็มหัวใจ
ทำไมถึงรู้สึกดีแบบนี้
"ไว้ข้าตอบแทนเจ้าดีไหม อยากได้อะไร"ชลชลทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนเลืยปากเลียหน้าหลงตี้ ต่อหน้าคนนับร้อย
ไอ้หมาบ้่าเอ๊ย สำรวมหน่อยสำรวมหน่อยอย่าทำเป็นดีใจจนออกนอกหน้าแบบนี้เขาเป็นถึงฮ่องเต้เลยนะ
“เหิมเกริม ลืมไปแล้วหรือว่าเสี้ยนตี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนให้ความวางใจข้าเพียงใด ตั้งใจจะลงทัณฑ์ข้าเพื่อให้คนอื่นไม่กล้าที่จะเอาเยี่ยงอย่าง หลงตี้คิดได้เพียงนี้คาดว่าต่อไปคงตั้งใจที่จะจัดการกับข้าอยู่ร่ำไป เป็นเช่นนี้เห็นทีจะต้องรีบดำเนินตามแผนการโดยเร็ว”
“ใต้เท้าแล้วจะทำอย่างไรกับทรัพย์สินมีค่าที่เรากำลังจะโยกย้ายมันมาที่นี่เดิมคิดว่าฝ่าบาทจะมาสนใจเรื่องราวในวังหลวงทุกอย่างจึงง่าย มาบัดนี้ฝ่าบาทหันมาสนใจเรื่องในราชสำนัก เกรงว่าการทำเรื่องเช่นนี้จะไม่ง่ายอย่างแน่นอน”
“ของพวกนั้นเดิมมันเป็นของมีค่าควรเมือง หลงตี้หาให้ความสนใจมันไม่ ข้าเอาออกมาจึงดีมาอยู่กับข้าที่เห็นคุณค่าของมัน ส่วนหลงตี้ในเมื่อไม่เห็นค่าก็ไม่มีควรมีของเหล่านั้นไว้ คืนนี้เหมาะยิ่งนักส่งคนขนข้าวของเหล่านั้นใส่มาในเกี้ยวทำทีเหมือนว่าเป็นของไม่สำคัญ อาจมีพวกที่ยังโง่งมเข้าข้างหลงตี้อยู่บ้างกลัวว่าจะคาบข่าวไปบอกแต่คนในวังหลวงส่วนมากเป็นคนของเรานั่นยิ่งไม่ต้องห่วงเท่าไหร่”
“ขอรับใต้เท้าคืนนี้ข้าน้อยจะส่งคนเข้าไปในวังหลวงทันที”ใต้เท้าหลัวยิ้ม โดนตัดเงินเบี้ยหวัดแค่เดือนเดียวจะแลกกับทรัพย์มีค่าของราชสำนักได้หรือไรเขาอุตส่าห์เก็บเล็กผสมน้อย เพื่อเอามาเป็นของตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆหลงตี้จะหันมาสนใจเรื่องในวังหลวงขึ้นมาจะว่าเป็นเพราะจ้านกงก็ไม่น่าจะใช่ หลงตี้เข้าไปที่ท้องพระโรงตั้งแต่ก่อนหน้าที่จ้านกงจะมา
ค่ำคืนมืดมิด จ้านกงเร้นกายออกจากจวนแม่ทัพยังตำหนักขององค์หญิงเจียจิว ชลชลออกมาอึท่ามกลางดอกเหมยบานสะพรั่ง เอากับเขาสิสุนัขมักจะชอบทุ่งหญ้าและสายลมเวลาปลดทุกข์ เห็นท่าทีลับๆ ล่อๆ ของจ้านกงไม่สู้ชอบใจนัก
“เจ้าหมอนั่นกำลังจะไปไหนท่าทางไม่ชอบมาพากล ตามต้องตาม”ย่องตามไปช้าๆ
“ท่านแม่ทัพ"ประตูเปิดออกดังนัดหมายก็นัดหมายนั่นล่ะ เจียจิวยอมเปิดใจให้แม่ทัพหนุ่มด้วย หลงคำหวานของเขาเข้าเต็มเปา ริมฝีปากอุ่นไม่พูดพล่ามกดปิดที่ริมฝีปากของเจียจิวไม่ทันให้ตั้งตัว“อุ๊ย ท่านแม่ทัพ”สีหน้าตื่นตกใจเเพราะไม่เคยถูกจู่โจมแบบนี้จากใครคนใดมาก่อน“คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงองค์หญิงเกินใคร” น้ำเสียงอ่อนหวานยิ่งนัก เจียจิวเขินอาย จ้านกงดึงมือเจียจิวเข้าไปในห้องปิดประตูทันที“ข้ากลัวว่าจะไร้วาสนาหากรอช้ากว่านี้ องค์หญิงจ้านกงต้องการท่าน”เจียจิวหลบตาเขินอาย“โฮ้งโฮ้งๆๆๆ ”เสียงเห่าดังลั่น หน้าประตู“โฮ้งโฮ้ง ๆๆๆๆๆ หงิงหงิงหงิงๆๆๆ ”“เจ้าหมาบ้านั่นมาได้อย่างไร”สีหน้าตื่นตกใจกลัวว่าหลงตี้จะมาด้วย“เอ่อเอ่อ เจียจิวมักจะให้เสี่ยวเปามาที่นี่ยามค่ำ”“เจ้าไล่มันกลับไปเลยข้า ไม่ชอบเจ้าหมานั่น”“แค่หมาตัวอ้วนตัวเดียว ท่านแม่ทัพจะโมโหทำไม”เดินไปเปิดประตู ชลชลวิ่งแน่บเข้าไปในห้อง หมุนตัวสามรอบก่อนจะนอนขดบนแท่นอนของเจียจิว“เจ้าเคยให้เจ้าหมานั่นขึ้นไปนอนบนแท่นนอนหรือไร”“ปกติ เสี่ยวเปาขึ้นไปนอนกับข้าเป็นประจำ”“โฮ่งโฮ้งโฮ่ง โฮ้งโฮ้ง (หมดอารมณ์เลยสิ) ”มองก็รู้สีหน้าสีตากำลังหื่นหิว หากมาช้ากว่านี้ ห
"จากคนพวกนั้น พวกที่กำลังขนของมีค่าใส่ในเกี้ยว ฝ่าบาททำอย่างไรดี ด้านท้ายตำหนักมีคนกำลังขนของมีค่า คนผู้นั้นหน้าตาคุ้นแต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน""ด้านท้ายตำหนัก"หลงตี้ขมวดคิ้ว ก้าวเดินไปที่ประตู ปิดประตูตำหนักตะโกนดังๆ"องครักษ์ส่งคน ไปที่ท้ายตำหนักและห้ามให้ใครเข้าออกวังหลวงจนกว่าข้าจะอนุญาต""คราวนี้บอกมาเจ้าไปทำอะไรที่นั่น""ฉันๆ ไปเดินเล่น"ขี้หดตดหาย หายปวดท้องไปเลยเจอเรื่องแบบนี้เข้า"ไปเดินเล่น ทั้งๆที่รู้ว่าจะกลายร่างทำไมยังออกไป หากไปกลายร่างต่อหน้าคนอื่นเจ้าจะปลอดภัยหรือไม่ห่วงตัวเองหรือไร"น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโมโห"จริงด้วยลืมคิดไปเสียสนิทเพราะกลายร่างนี่แหละ ถึงต้องวิ่งแน่บกลับมาถ้าเป็นหมาคงไม่โดนสงสัยถึงจะไปเห็นเรื่องไม่ชอบมาพากลก็เถอะ""ข้าเป็นห่วงคราวหลังอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคง ..ใจสลาย"คำสารภาพรักหรือไรหัวหน้าองครักษ์วิ่งกลับมาที่ตำหนัก“ฝ่าบาทไม่พบใครที่นั่นพบเพียงสิ่งของมีค่าควรเมืองมากมาย ที่ถูกลำเลียงใส่ไว้ในเกี้ยว ถึงสามหลัง”“ไวจริงๆ คงไหวตัวทันว่ามีคนมาเห็นจึงหนีไปเสียก่อน”“ใครกันทำเรื่องเช่นนี้”“อือใครกันทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทพรุ่งน
“ฝ่าบาท เจ้าสุนัขตัวนี้สร้างความปั่นป่วนในท้องพระโรงฝ่าบาทควรจะให้ใครนำตัวออกไปเสียก่อนตอนนี้มีเรื่องสำคัญต้องหาหรือ ฝ่าบาทเช่นไรถึงพระทัยดียิ่งนักให้สุนัขเข้ามาถึงในนี้”“แฮร่ ๆๆๆ ฮึ่มมม”ชลชลส่งเสียงขู่ ใต้เท้าหลัวที่พูดพาดพิง“เสี่ยวเปามานี่”ชลชลวิ่งแน่บกระดิกหางรัวเร็ว กระโดดขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ลิ้นห้อยหูตั้ง เมื่อไหร่จะเลิก ตื่นเต้นเวลาเจ้านาย ไม่สิคนหล่อเรียกเสียที หลงตี้ยกมือลูบศีรษะเบาๆ“ตู้กังนำเสี่ยวเปาไปที่ห้องเครื่องหาอะไรให้เสี่ยวเปาเป็นของกำนัลรองท้อง สายๆ ข้าจะไปรับที่นั่น”ชลชลยิ้มที่หูรู้ที่หาง ลิ้นห้อยน้ำลายไหล เป็นที่รู้กันว่างานสำเร็จไปแล้วหลงตี้รู้ตัวคนบงการแล้วต่อไปเป็นหน้าที่ของหลงตี้ที่จะต้องทำตามแผนการที่วางไว้กับชลชลเมื่อคืนทำให้อดนอน กันทั้งสองคนตกลงกันว่าจะตลบหลังคนบงการอย่างไร ชลชลเป็นคนวางแผนเสียทั้งหมดหลงตี้อดที่จะชื่นชม ชลชลเสียไม่ได้ สมกับที่เป็นจิ้งจอก อย่างที่หลงตี้เรียกแผนการรัดกุมยิ่งนัก“ใต้เท้าหลัวท่านคิดว่าข้าควรจะจัดการเช่นไรเรื่องนี้”ใต้เท้าหลัวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นทั้งๆ ที่ทำใจไว้แล้วว่าจะไม่แสดงพิรุธ“ฝ่าบาทสิ่งของเหล่านี้เป็นของมีค่าคว
เสียงนาฬิกา เตือนเวลาถึงเวลาตื่นแล้วชลชลก้าว ขยับตัวบนที่นอนยวบยาบ“เฮ้ยวันนี้ต้องไปสัมภาษณ์งานนี้ สายป่านนี้แล้ววิ่งลงบันไดอย่างเร็วรี่เสียบกระติกน้ำร้อน ต้มน้ำชงกาแฟ วิ่งกลับขึ้นไปคว้าผ้าขนหนูพันกายลวกๆ เข้าไปในห้องน้ำเสียงฝักบัวซู่ซ่า“วันนี้วันเกิดปานระพีนี่หว่า”คิดถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่แอบมีใจ ปานระพี หนุ่มหล่อเดือนมหาลัย เดือนคณะ ที่ทั้งหล่อทั้งเท่ห์สะกดทุกสายตา ชลชลยิ้ม เมื่อคืนหลับไปทั้งที่มือยังกำโทรศัพท์ แวะไปเสียหน่อย ไปสุขสันต์วันเกิดเซอร์ไฟรส์เล็กๆ ของขัวญที่เตรียมไว้อยู่ในกล่องสวยงามใครจะว่าสายเปย์ก็ช่างในเมื่อ ชลชลรักของเขา ปานระพี สุภาพอ่อนหวานแม้จะไม่เคยเปิดตัว แต่ปานระพีก็ไม่เคยรังเกียจในความเป็นชลชลคอนโดสูงของปานระพี หรุหราใจกลางเมือนความที่ ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วยังเป็นเดือนของคณะ ทุกอย่างดูจะเฟอร์เฟค งานที่ทำหรือแม้แต่ที่อยู่ก็ต้องดีที่สุดคีย์การ์ดสำรองที่ได้มาไม่อยากจะอวด ว่าความสัมพันธ์กับปานระพีถึงขั้นไหน จะว่าไปชลชลก็มาทำความสะอาดห้องให้เขาเก็บนู่นเก็บนี่ให้ปานระพีเหมือน ...ภรรยาคนหนึ่งควรจะกระทำประตูลิฟต์เปิดออก ก้าวขายาวๆ ไปยังห้อง1905แตะคีย์การ์ดที่
นั่งหลับตานิ่งอยู่ข้างอ่างไม้ จะว่าไปเพิ่งจะอกหักมายกๆ ทำไมต้องมาเจออะไรที่ทำให้ โดกิๆ (ใจสั่น) แบบนี้ด้วย"ไม่ลงมาเล่นน้ำหรือเสี่ยวเปา อืมทำเป็นหลับตา ทุกวันเห็นลงมาเล่นน้ำด้วยประจำ"รอยยิ้มละมุนกับสองเขี้ยวที่มุมปาก แอบเหลือบตามอง"เฮ้อวันนี้ เสี่ยวเปาแปลกไป ไปไปกินข้าวกันดีกว่า คงจะหิวใช่ไหมถึงทำหน้าตาไม่รื่นเริงเลย""โฮ้งๆ (อย่านะ) "หลับตาปี๋เมื่อฮ่องเต้หนุ่มลุกขึ้นยืนทั้งตัวโชว์บางอย่างที่ชลชล (ชะละชน) แอบกลืนน้ำลายชลชลหันหลังให้ในทันทีดึงผ้ามาคลุมร่างสูงทั้งตัว กลิ่นผกาหอมกรุ่น"ทำมาหันหลังให้ มานี่เลย มานี่"อุ้มชลชลขึ้นมาหนีบไว้ที่ข้างเอวผิวเนื่อแน่นเสียดสีขนปุกปุย"โฮ้งๆๆๆๆ (ปล่อย ฉันนะเว๊ย) ฉับ"งับเข้าที่แขนเบาๆ แต่ก็ทำให้คนอุ้มตกใจปล่อยร้างปุกปุยร่วงลงพื้นชลชลวิ่งปรืดเดียวไปยืนอยู่ หน้าประตู"เสี่ยวเปาจะมากไปแล้วนะ ทำไมต้องกัดข้าด้วย"ถลกผ้าคลุมขึ้นดูบาดแผลเขียวคล้ำ"อย่ามาตรหน้าซื่อมานี่ มานี่"ส่งเสียงดังชลชลยืนนิ่ง"มานี่"หันไปตะกุยประตู เพื่อจะหนี ไม่อยู่แล้วดูสายตาดุดันนั่นสิ เวรกรรมอะไรกัน ย้อนดอีตมาในจีนโบราณแล้วยังซวย ดันมาอยู่ในร่างของสุนัขพันธ์ุเชาเชาประตูเปิดออก ขั
“แล้วแต่พวกเขาข้าคงไม่อาจเปลี่ยนตัวเองง่ายดายเพียงนี้”ซินอ๋องส่ายหน้า หันมามองงหน้าปุกปุยของชลชล“ใต้เท้าเสี่ยวเปา ่วยหน่อยช่วยทำให้นายของเจ้ากลับมาเป็นฮ่องเต้คนเดิมฮ่องเต้ที่เต้มไปด้วยแรงผลักดัน เป็นฮ่องเต้ที่ไม่มีใครกล้าปรามาสได้”“โฮ้งโฮ้ง (แน่นอน) ”เรียนจบจิตวิทยาการปรึกษามา เรื่องง่ายดายแค่นี้ซินอ๋องจากไป หลงตี้นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างจ้านกงอะรไนั่นคงสำคัญกับหลงตี้ผู้นี้ยิ่งนักไหนไหนก็มาอยู่แบบนี้แล้ว หาทางช่วยฮ่องเต้คนนี้ก่อน คงจะดีไม่น้อยทดสอบจิตใจตัวเองไปด้วยชลชลก็เศร้าหลงตี้เองก็กำลังเศร้า บางทีนี่อาจเป็นสวรรค์กำหนดไว้แล้วเวลาผ่านไปด้วยการที่ชลชลนั่งมอง หลงตี้เหม่อมองออกนอกหน้าต่างเจ้าเวลาล่วงเลย ฟ้ามืดครึ้งมอยากจะปิดปากหาว วันนี้ทั้งวันนั่งโง่ๆ เป็นหมาโง่ อยู่ตรงหน้า ฮ่องเต้สุดหล่อ“ง่วงหรือยังไปนอนกันเถอะ”อุ้มชลชลขึ้นไปบนแท่นนอน ชลชลเปิดปากหาว เดินวนสามรอบ ไม่พบ ท่าที่เหมาะจนอน เดินวนอีกสามรอบ เสี่ยวหัวเราะใสใสของหลงตี้ที่เป็นท่าที เดินวนของชลชล ดึงร่างปุกปุยมากอด“นอนได้แล้วเสี่ยวเปา”ความอบอุ่นจากอ้อมกอด ทำเอาชลชลแทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว เมื่อคิดถึงอ้อมกอดของปานระพีเส
หลงตี้ลุกขึ้นเท้าคางมอง ชลชลด้วยสายตาหลากหลายทั้งชื่นชมตื่นเต้น ดีใจและประหลาดใจ“น่าจะพูดได้น้า แต่แบบนี้ก็ดีข้ากำลังเหงา เจ้ามาทันเวลาพอดี”ดึงร่างเล็กกว่ามากอดแนบแน่น ความอบอุ่นอ่อนโยนแล่นเข้าสู่หัวใจ“ปล่อยนะโว๊ย”เผลอตะโกนออกไปยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อมันเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาคน“อย่าดิ้นสิ อุ่นเสียจริง อุ่นเข้าไปข้างในเลยเชียว อบอุ่นใจของข้ายิ่งนักเฮ๊ย มะมะเมื่อกี้ จะจะเจ้าพูดได้แล้วนี่”ชลชลเบ้ปาก ผลักร่างใหญ่ออกห่าง“โฮ้งโฮ้ง (ถอยไป) ” อ้าวทำไมกลายเป็นเห่าอีกแล้ว สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรกันแน่ เดี๋ยวคนเดี๋ยวหมา"หูฟาดไป"หลงตี้ยิ้ม ยียวน“เฮ้อ ไม่ยอมให้กอด ข้านี้ใจบางเลยก็ได้ ข้านอนห่างหน่อยก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าจากข้าไปไหนอย่าหนีไปไหนก็พอ”อยู่ๆ หลงตี้ก็รู้สึกว่าหัวใจเปี่ยมสุข นอนหลับตาไปพร้อมกับรอยยิ้ม"เฮ้อ" ชลชลนั่งสัปหงกบนแท่นนอน กับผ้าห่มหนึ่งผืนจนรุ่งสาง อากาศเริ่มเย็นลงขยับตัวกอดผ้าห่ม“เฮ้ย ขนมาไงอีกเนี๊ยะ”กลายเป็นเสี่ยวเปาเหมือนเดิม หลงตี้ลุกขึ้นนั่งมองตาค้าง“จริงๆ ด้วยเจ้ากลายร่างจากคนเป็นหมา สวรรค์สวรรค์เป็นสวรรค์ที่ส่งเจ้ามา ส่งหมาเฮ้ยคนในร่างหมาหรือหมาในร่างคน เ
“ฝ่าบาทมาด้วยตัวเองเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งนักเสี่ยวเปาเจ้านี่แจ๋วจริงพาฝ่าบาทมาที่นี่ได้ แล้วยังมาคอยคุ้มกันฝ่าบาทด้วยตัวเอง” ชลชลยิ้มแฮะๆ ลิ้นห้อยหูลู่ตามแบบหมาอารมณ์ดี ซินอ๋องลูบหัวเบาๆ“ เชิญ ฝ่าบาทบนบัลลังก์วันนี้ข้อราชการมากมาย”ชลชลเดินอกผายไหล่ผึ่งขึ้นไปนั่งข้างๆ หลงตี้บนบัลลังก์มังกรเฮ้อบัลลังก์มังกร แต่...ยังไม่ทันจะได้ ยืดอก“ฝ่าบาทข้าน้อยเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้หมาขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เคียงข้างฝ่าบาท”“ไม่นั่งก็ได้วะ”หลงตี้ขมวดคิ้ว ใต้เท้าหลัวพูดขึ้น เฮ้อน่าเบื่อเมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้เสียทีชลชลเดินลงจากบัลลังก์ มายืน ข้างๆ องครักษ์“ใต้เท้าหลัว สุนัขทรงเลี้ยงของข้าตัวนี้ มักชอบไปไหนมาไหนกับข้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบัลลังก์นี่สำคัญเพียงใดเหมือนที่ข้าเองก็ไม่เคยสนใจว่าบัลลังก์นี่สำคัญถึงกับต้องแย่งชิงกันด้วยหรือ การแย่งชิงทำลายทุกอย่างแม้กระทั่งมิตรภาพ”“ฝ่าบาท หากคิดว่าบัลลังก์นี้ไม่สำคัญก็ทรงสละมันเสีย”ใต้เท้าหลัว พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจังไม่มีความหวั่นเกรงในอำนาจของหลงตี้“หากข้ายอมสละมัน แล้วชีวิตของแม่ทัพจ้านกงก็ไม่อาจคืนกลับมาเพราะการแย่งชิงเขาจึงต้องตายข้าประกา
“ฝ่าบาท เจ้าสุนัขตัวนี้สร้างความปั่นป่วนในท้องพระโรงฝ่าบาทควรจะให้ใครนำตัวออกไปเสียก่อนตอนนี้มีเรื่องสำคัญต้องหาหรือ ฝ่าบาทเช่นไรถึงพระทัยดียิ่งนักให้สุนัขเข้ามาถึงในนี้”“แฮร่ ๆๆๆ ฮึ่มมม”ชลชลส่งเสียงขู่ ใต้เท้าหลัวที่พูดพาดพิง“เสี่ยวเปามานี่”ชลชลวิ่งแน่บกระดิกหางรัวเร็ว กระโดดขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ลิ้นห้อยหูตั้ง เมื่อไหร่จะเลิก ตื่นเต้นเวลาเจ้านาย ไม่สิคนหล่อเรียกเสียที หลงตี้ยกมือลูบศีรษะเบาๆ“ตู้กังนำเสี่ยวเปาไปที่ห้องเครื่องหาอะไรให้เสี่ยวเปาเป็นของกำนัลรองท้อง สายๆ ข้าจะไปรับที่นั่น”ชลชลยิ้มที่หูรู้ที่หาง ลิ้นห้อยน้ำลายไหล เป็นที่รู้กันว่างานสำเร็จไปแล้วหลงตี้รู้ตัวคนบงการแล้วต่อไปเป็นหน้าที่ของหลงตี้ที่จะต้องทำตามแผนการที่วางไว้กับชลชลเมื่อคืนทำให้อดนอน กันทั้งสองคนตกลงกันว่าจะตลบหลังคนบงการอย่างไร ชลชลเป็นคนวางแผนเสียทั้งหมดหลงตี้อดที่จะชื่นชม ชลชลเสียไม่ได้ สมกับที่เป็นจิ้งจอก อย่างที่หลงตี้เรียกแผนการรัดกุมยิ่งนัก“ใต้เท้าหลัวท่านคิดว่าข้าควรจะจัดการเช่นไรเรื่องนี้”ใต้เท้าหลัวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นทั้งๆ ที่ทำใจไว้แล้วว่าจะไม่แสดงพิรุธ“ฝ่าบาทสิ่งของเหล่านี้เป็นของมีค่าคว
"จากคนพวกนั้น พวกที่กำลังขนของมีค่าใส่ในเกี้ยว ฝ่าบาททำอย่างไรดี ด้านท้ายตำหนักมีคนกำลังขนของมีค่า คนผู้นั้นหน้าตาคุ้นแต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน""ด้านท้ายตำหนัก"หลงตี้ขมวดคิ้ว ก้าวเดินไปที่ประตู ปิดประตูตำหนักตะโกนดังๆ"องครักษ์ส่งคน ไปที่ท้ายตำหนักและห้ามให้ใครเข้าออกวังหลวงจนกว่าข้าจะอนุญาต""คราวนี้บอกมาเจ้าไปทำอะไรที่นั่น""ฉันๆ ไปเดินเล่น"ขี้หดตดหาย หายปวดท้องไปเลยเจอเรื่องแบบนี้เข้า"ไปเดินเล่น ทั้งๆที่รู้ว่าจะกลายร่างทำไมยังออกไป หากไปกลายร่างต่อหน้าคนอื่นเจ้าจะปลอดภัยหรือไม่ห่วงตัวเองหรือไร"น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโมโห"จริงด้วยลืมคิดไปเสียสนิทเพราะกลายร่างนี่แหละ ถึงต้องวิ่งแน่บกลับมาถ้าเป็นหมาคงไม่โดนสงสัยถึงจะไปเห็นเรื่องไม่ชอบมาพากลก็เถอะ""ข้าเป็นห่วงคราวหลังอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคง ..ใจสลาย"คำสารภาพรักหรือไรหัวหน้าองครักษ์วิ่งกลับมาที่ตำหนัก“ฝ่าบาทไม่พบใครที่นั่นพบเพียงสิ่งของมีค่าควรเมืองมากมาย ที่ถูกลำเลียงใส่ไว้ในเกี้ยว ถึงสามหลัง”“ไวจริงๆ คงไหวตัวทันว่ามีคนมาเห็นจึงหนีไปเสียก่อน”“ใครกันทำเรื่องเช่นนี้”“อือใครกันทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทพรุ่งน
“ท่านแม่ทัพ"ประตูเปิดออกดังนัดหมายก็นัดหมายนั่นล่ะ เจียจิวยอมเปิดใจให้แม่ทัพหนุ่มด้วย หลงคำหวานของเขาเข้าเต็มเปา ริมฝีปากอุ่นไม่พูดพล่ามกดปิดที่ริมฝีปากของเจียจิวไม่ทันให้ตั้งตัว“อุ๊ย ท่านแม่ทัพ”สีหน้าตื่นตกใจเเพราะไม่เคยถูกจู่โจมแบบนี้จากใครคนใดมาก่อน“คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงองค์หญิงเกินใคร” น้ำเสียงอ่อนหวานยิ่งนัก เจียจิวเขินอาย จ้านกงดึงมือเจียจิวเข้าไปในห้องปิดประตูทันที“ข้ากลัวว่าจะไร้วาสนาหากรอช้ากว่านี้ องค์หญิงจ้านกงต้องการท่าน”เจียจิวหลบตาเขินอาย“โฮ้งโฮ้งๆๆๆ ”เสียงเห่าดังลั่น หน้าประตู“โฮ้งโฮ้ง ๆๆๆๆๆ หงิงหงิงหงิงๆๆๆ ”“เจ้าหมาบ้านั่นมาได้อย่างไร”สีหน้าตื่นตกใจกลัวว่าหลงตี้จะมาด้วย“เอ่อเอ่อ เจียจิวมักจะให้เสี่ยวเปามาที่นี่ยามค่ำ”“เจ้าไล่มันกลับไปเลยข้า ไม่ชอบเจ้าหมานั่น”“แค่หมาตัวอ้วนตัวเดียว ท่านแม่ทัพจะโมโหทำไม”เดินไปเปิดประตู ชลชลวิ่งแน่บเข้าไปในห้อง หมุนตัวสามรอบก่อนจะนอนขดบนแท่นอนของเจียจิว“เจ้าเคยให้เจ้าหมานั่นขึ้นไปนอนบนแท่นนอนหรือไร”“ปกติ เสี่ยวเปาขึ้นไปนอนกับข้าเป็นประจำ”“โฮ่งโฮ้งโฮ่ง โฮ้งโฮ้ง (หมดอารมณ์เลยสิ) ”มองก็รู้สีหน้าสีตากำลังหื่นหิว หากมาช้ากว่านี้ ห
“หา ฝ่าบาทจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ใต้เท้าหลัวเป็นที่เคารพนับถือเป็นถึง เสนาบดีแล้วยังเป็นผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ฝ่าบาทสั่งลงทัณฑ์ เหมือนกับใต้เท้าเป็นขันทีหรือนางกำนัลเป็นการลดเกียรติ...ของใต้เท้าหลัว”หลงตี้ยิ้ม“ดี คุกเข่าไม่เหมาะกับ ตำแหน่งเช่นนั้นข้าขอสั่งให้ลดเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน ต่อไปใครไม่มาประชุมขุนนางหนึ่งครั้งไม่ต้องจ่ายเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน”“ฝ่าบาท กว่าปีมานี้ฝ่าบาทก็ไม่เคยเข้าประชุมขุนนาง”“ตบปาก ตบปากเลย พูดชี้นำคนอื่นดีนัก”ชลชลส่งเสียเบาๆ ในลำคอหลงตี้ส่ายหน้า ไม่ทำให้เห็นก็จะไม่มีใครกลัวที่ผ่านมาเขาใจดีเกินไป“ดี องครักษ์จับตัวคนพูด มาตบปาก”องครักษ์หันหน้าหันหลัง“องครักษ์ไม่ได้ยินพระบัญชาหรือไร”ซินอ๋องตวาดดังๆ“โฮ้งโฮ้ง แฮร่ๆๆๆๆ ”องครักษ์รีบจับตัวคนสอพลอต่อใต้เท้าหลัวมาข้างหน้าตบปากไปสองสามที“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยข้าน้อยสมควรตาย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าแล้ว”ทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแค่สองสามทีก็ถึงกับทรุดได้ผลไม่น้อย“ไม่ได้ให้ตาย แต่ก็ดีแล้วพูดมาแบบนี้ข้า จะได้รู้ว่าใครภักดีต่อข้าใครภักดีต่อใต้เท้าหลัว” จ้านกงเดินเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับเสียงปรบมือ“ยอดเยี่ยม ฝ่าบาทสมควรยิ่งแล้ว”ซินอ๋อง
จวนใต้เท้าหลัว“มือสังหารมือดี มาถึงหรือยัง”“ขอรับใต้เท้า”“ดี เร่งมือ ให้เร็วที่สุดไม่มีเวลาแล้วหลายวันมานี้ จ้านกงกลับมาส่งผลให้ฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่า และยังหันมาสนใจเรื่องราวในราชสำนัก ข้าตั้งใจทำสิ่งใดก็ต้องระงับยับยั้งไว้ก่อน”“ใต้เท้า ท่านแม่ทัพจ้านกง ขอพบท่าน”ใต้เท้าหลัวขมวดคิ้ว“เชิญเขาเข้ามา” จ้านกงไม่รอให้เชิญก้าวขาเข้าไปข้างในทันที“ท่านแม่ทัพไม่เจอกันเสียนานไม่คิดว่าท่านจะเปลี่ยนข้าง”“ใต้เท้า ข้ามาครั้งนี้ ตั้งใจมาผูกมิตรกับใต้เท้า”ใต้เท้าหลัว ยิ้มแต่ทว่าภายในใจหาเชื่อคำพูดของจ้านกงไม่“ว่ามา”“ข้า มีข้อเสนอ”ใต้เท้าหลัวเลิกคิ้วสูง“ข้อเสนอของท่านแม่ทัพเกรงว่าจะไปกันกับสิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้”“ใต้เท้าลองฟังดูก่อนบางที อาจ ดีกว่าที่ใต้เท้าคิดไว้”“ได้ เชิญท่านแม่ทัพ”“ท่าน ช่วยข้า ข้าช่วยท่านบัลลังก์เป็นของข้า การคลังเป็นของท่าน อีกทั้งการจัดเก็บภาษี ทั้งหมดข้ายกให้ท่านเพียงผู้เดียว” ใต้เท้าหลัวยิ้ม พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ดี พูดได้ดี เอาตามนี้ คราวนี้บอกมาจะให้ข้าช่วยอะไร”“ช่วยสังหารคนข้างกายฝ่าบาทให้ข้า”"เหล่าขุนนางต่างถวายฎีกา กดดันให้ฝ่าบาทมีความขัดเจน""ความชัดเจน ข้าอ
"ไม่ได้พบกันแค่เพียงปีเดียว ดูเจ้าสิ องค์หญิงเจ้าบัดนี้ติดตราตรึงใจจ้านกงยิ่งนัก”ด้วยเพิ่งจะเข้าสู่วัยสาว เจียจิว จึงไม่เคยต้องมือชายหัวใจดวงน้อยสั่นไหวจนน่ากลัว“ท่านแม่ทัพ อย่าล้อเจียจิวเล่น”“ไม่สิ เจ้างดงามเกินใคร คนอย่างจ้านกง จะกล้าล้อเจ้าเล่นหรือไร ก้มลงจรดริมฝีปากที่ริมฝีปากบางเบาๆ เจียจิวตัวสั่นงันงกทำอะไรไม่ถูกมือไม่เย็นเฉียบ“เห็นหรือไม่ว่าข้าพูดจริงองค์หญิงงดงามจนข้าไม่อาจห้ามใจ” ดันร่างเล็กจนไปติดกับต้นไม้ใหญ่ ก้มมองสบตากลมที่มีแต่แววตาเขินอาย“กลับมาครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนักพบกับองค์หญิงที่งดงามขึ้นผิดหูผิดตา จ้านกงคงต้องมององค์หญิงเสียใหม่”“ท่านแม่ทัพปากหวานยิ่งนัก”“องค์หญิงจ้านกงไม่เคยล้อท่านเล่น หวังว่าองค์หญิงจะเมตตา”เจียจิว อ่อนระทวยทั้งใจและกาย จ้านกงซ่อนยิ้มในหน้า สำเร็จในเมื่อหลงตี้ไม่ใส่ใจเขายังมีเหยื่อที่โง่งมเช่นเจียจิวให้เลือกเฟ้นชลชลในร่างมนุษย์หอบผ้าห่มลงไปที่พื้นด้านล่าง อดที่จะเหลือบตามองร่างเปลือยท่อนบน อกแน่นกล้ามเป็นมัดที่กำลังจะทิ้งตัวลงนอนบนแท่นนอนหนาเสียไม่ได้“มาตรงนี้”ตบข้างๆ แท่นนอน“ไม่เอา ฝ่าบาทนอนไปเถอะข้าแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง นอนด้านล่างดีแค่ไห
"เจ้าหมานั่น มีบางอย่างที่ทำให้ข้าแปลกใจไม่น้อย""ท่านแม่ทัพก่อนหน้านั้น ผู้คนต่างพูดกันว่าฝ่าบาททดท้อใจจนไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อท่านแม่ทัพจากไป มาบัดนี้ ข้าน้อย.. ข้าน้อยรู้สึกว่าฝ่าบาทไม่สู้ยินดียินร้ายเท่าไหร่กับการกลับมาครั้งนี้ของท่านแม่ทัพมีเพียงตอนแรกที่พบกันเท่านั้นที่แสดงถึงความดีพระทัย""ตอนแรกข้าก็คิดว่าฝ่าบาทอย่างไรก็มีข้าอยู่ในใจเสมอแต่ตอนนี้นอกจากเจ้าหมานั่น ฝ่าบาทไม่สนใจใครอื่น""มีเสียงเล่าขานว่าเจ้าหมานั่นเป็นจิ้งจอก ที่กลายร่างมาเพื่อบงการฝ่าบาทแม้กระทั่งใต้เท้าหลัวยังต้องยอมให้กับสุนัขตัวนั้น"จ้านกงถอนหายใจ""จิ้งจอก อืมน่าคิดปรึกษาท่านนักพรตให้จัดการกับจิ้งจอกคงจะดีไม่น้อย"โลกปัจจุบัน"พี่ชล พี่ชล ฟื้นสิฟื้นเดี๋ยวนี้"น้องสาวร้องไห้จนตาบวม"พี่เขาพักผ่อนอยู่ธารธาร (ทาระทาน) หยุดเกเรพี่เขาได้แล้ว""ไม่จริงคุณแม่โกหกพี่ชลเขาไม่ได้พัก"ร้องไห้สะอึกสะอื้น"ธาร จะคอยดูพี่เขาแบบนี้จนกว่าพี่เขาจะพื้น""พี่ระพีเขารีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการพี่ชล ธารกลับพร้อมแม่ให้พี่ระพีเขาคอยดูแลพี่ชลดีกว่า""ไม่เอาหนูไม่ไว้ใจพี่ระพี""พี่เขาเป็นเพื่อนกันอีกอย่างพี่ระพีเขาก็ดีกับพี่
วิสัยสุนัขท้องร้องจ้อกแจ้กเมื่อพบของกินแต่ไม่ยอมขยับตัวยังนอนแบบนั้น"เสี่ยวเปาวันนี้ข้าเอาให้เขานำขาหมูมาเผื่อเจ้าด้วย"หูผึ่งหางชี้ เก็บอาการไว้เก็บอาการ อย่างน้อยก็ห้ามใจไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นล่ะวะจ้านกงหันไปยิ้มกับหลงตี้"เมื่อคืนข้าลองทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในเมื่อฝ่าบาทโปรดปราน เสี่ยวเปา เพียงนั้น ก็คงเป็นเพราะข้าจากไป ข้าจึงคิดว่าจะมาเห็นแก่ตัวไม่ให้ฝ่าบาทสนใจเสี่ยวเปากลับมาสนใจข้าเพียงคนเดียวก็จะแย่ไปหน่อย เช่นนั้นข้าจึงมาผูกมิตรกับเสี่ยวเปา""ตอแหลดูตาของนายสิจ้านกง ไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่น้อยไม่รู้ในนั่นจะใส่ยาถ่ายไว้หรือเปล่าไม่สินิยายจีนโบราณต้องใส่ยาพิษ มันต้องมีพิษแน่นอนเอื้อกกกก"อาหร่อย...น้ำลายไหลชลชลนอนบ่นไปกลืนน้ำลายลงคอไป แต่ที่ทุกคนเห็นคือ เสี่ยวเปาที่นอนนิ่งลอบกลืนน้ำลายลงคอไม่ให้ใครจับสังเกตได้"ไม่เป็นไรเจ้าค่อยๆ กินไปเสี่ยวเปาอาจยังเวลาเช้าอยู่จึงยังไม่หิว"หันหลังกลับไปยิ้มให้กับหลงตี้"ฝ่าบาทยังจำได้ไหม ปลานึ่งซีอิ๋ว ที่ฝ่าบาทโปรดปราน จ้านกงลงมือปรุงเองกับมือ"ชลชลตัวชา ภาพความทรงจำก่อนหน้านั้น ปลานึ่งซีอิ้วใต้แสงเทียนมองผ่านไวน์ขาวไปยังใบหน้าหล่อเหลาของปานระพี
จวนแม่ทัพ"ท่านหมอ ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง"รั้งหมอหลวงไม่ให้ออกมาจากห้องให้ตรวจดูอาการของตัวเองผ่านไปถึงสามชั่วยาม"ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพบาดแผลฉกรรจ์ยิ่งนัก อีกทั้งน้ำลายของ สุนัขเสี่ยวเปา ที่ปนไปด้วยอาหารคาวหวานยิ่งส่งผลให้บาดแผลยิ่งรุนแรง""ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ""คมเขี้ยวของสัตว์เมื่อต้องผิวเนื้อของมนุษย์มักจะทำให้บาดแผลยากหาย ฝ่าบาทสุนัขทรงเลี้ยงตัวนั้นอาจมี อาการคลุ้มคลั่ง ฝ่าบาทคงต้องจัดสรรที่อยู่ของสุนัขเสี่ยวเปาให้ดี"หลงตี้ถอนหายใจ ปกป้องชลชลก็ยิ่งจะทำให้จ้านกงไม่พอใจ ในใจรู้ดีว่าจ้านกง เป็นคนเช่นไรที่แสร้งทำเป็นดุชลชลเพราะไม่อยากให้จ้านกงเคียดแค้นเช่นนั้นเขาจึงไม่อาจปกป้องชลชลได้คนอย่างจ้านกง ทำเรื่องเลวร้ายไม่มีทางรู้ได้หากเขาไม่อยากให้รู้"ท่านต่อไปไม่ต้องไปที่ตำหนัก ข้าจะมาหาท่านที่นี่""ฝ่าบาทห่วงใยข้าหรือว่ากลัวว่าข้าจะไปเอาเรื่องสุนัขอ้วนตัวนั่น""เสี่ยวเปาพักนี้ไม่รู้เป็นอะไร ข้าห่วงว่าท่านแม่ทัพจะถูกเสี่ยวเปากัดเอาอีก ข้าอยากจะขอร้องไม่อยากให้ท่านต้องลำบาก""ก็ได้ จ้านกงรับบัญชาต่อไปจะไม่ไปที่นั่นหากไม่จำเป็น"แต่ภายในใจกลับคิดว่า เสี่ยวเปาเจ้าหมาโง่ก็อย่าได้ออกมาเพ่นพ