วันรุ่งขึ้นหลังจากที่หวงมามาได้รับข้อความจากคนของฉีหมิงเยี่ยนที่เป็นสายลับอยู่ในวังหลวง นางก็ใช้ตราของตำหนักองค์หญิงพานางกำนัลออกมาด้วยสองคน หวงมาๆ ให้รถม้าวิ่งวนไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา จากนั้นจึงให้คนขับรถม้ามาที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ใกล้สำนักศึกษา“หวงมามา”องค์หญิงเซียวหมิ่นเรียกนางด้วยความดีใจเหมือนได้พบญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง หวงมามากอดนางร้องไห้“องค์หญิงเหตุใดหนีออกจากวังเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าบ่าวแก่ๆ คนนี้จะหัวใจวายตายหรือเพคะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นหลังจากที่โดนนักฆ่าตามสังหารตอนนี้นางก็ได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นทำผิดมหันต์แค่ไหน ไม่คิดดื้อดึงถกเถียงกับหวงมามาอีกแล้ว“ข้าผิดไปแล้วต่อไปจะทำอะไรข้าจะคิดให้มากกว่านี้”หวงมามาเมื่อตั้งสติได้ก็หันไปมองเฉียวลู่และบุรุษที่มีใบหน้าธรรมดา ด้านหลังของพวกเขามีสตรีที่งดงามนางหนึ่งยืนอยู่นางไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เด็ดขาด“ฮองเฮาเป็นไปได้อย่างไร”หวงมามารีบเข้าไปคุกเข่าให้นางทันที ฉินอี้เหยารีบเข้าไปประคองหวงมามาให้ลุกขึ้น“ข้าหาใช่ฮองเฮาอีกแล้ว หวงมามาท่านอย่าได้คุกเข่าให้ข้าเลย”หวงมามายังไม่ได้สติกลับมา แปดปีกว่าที่ฝ่าบาทตามหานางแต่คนท
เฉียวลู่ถูกเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังทั้งยังบอกเล่าจุดที่น่าสงสัยที่ควรตามสืบ ผ่านไปอีกหลายวันเรื่องของนักฆ่าที่ตามสังหารองค์หญิงเซียวหมิ่นยังคงเงียบ นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เขาเป็นถึงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้แค่ตามสืบว่าใครว่าจ้างมือสังหารยังทำไม่ได้เชียวหรือ ทำไม่ได้หรือไม่ทำกันแน่กลางดึกในวังหลวงชายชุดดำปีนเข้าไปด้านในตำหนักชางอี้ ฝีเท้าของเขาแผ่วเบาและรวดเร็วเหมือนถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ห้องนอนที่อยู่ด้านข้างของห้องนอนองค์หญิงเซียวหมิ่น ฉินอี้เหยาที่กำลังหลับลึกถูกฝ่ามือของใครบางคนปิดปากเอาไว้ นางรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถขยับตัวได้“เหยาเอ๋อ”เสียงเรียกชื่อเบาๆ ของนางทำให้ฉินอี้เหยาหยุดดิ้น เมื่อสายตาชินกับความมืดนางจึงได้รู้ว่าใครกันที่เข้ามาในห้องนอนของนาง“ท่านพ่อ”ฉินอี้เหยากอดชายชุดดำที่อุกอาจบุกเข้ามาในวังหลวงอย่างไม่กลัวตาย ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการยืนยันให้แน่ใจว่านางกำนัลที่เขาเห็นในท้องพระโรงใช่นางหรือไม่ ฉินอี้เหยากลั้นเสียงร้องไห้จนสั่นไปทั้งร่าง นางรู้สึกอุ่นใจที่ครอบครัวของนางยังไม่ทอดทิ้ง“พ่อมาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าตัวจริง เ
หลังจากที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยฉินเจี่ยซินและองค์ชายสามถูกลงโทษประหารชีวิต ฉินอี้เหยาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งเดิมของตนส่วนฉิน จื่อเฉินหลังจากที่พิสูจน์ว่าเป็นพระโอรสของเซียวฮ่องเต้แล้วเขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเซียวฮ่องเต้ได้ตกรางวัลมากมายให้เฉียวลู่นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทั้งวันเพราะตอนนี้นางเป็นเศรษฐีแล้ว ฉีหมิงเยี่ยนมองท่าทางเหมือนคนเสียสติของนางแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ สตรีผู้นี้ไม่สนใจตำแหน่งท่านหญิงแต่กลับขอเปลี่ยนเป็นเงินแทนทำเอาขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับนางดีเฉียวลู่พาบุตรชายทั้งสองของนางเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงถึงสองเดือนตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่เรือนน้อยเชิงเขาของนางแล้ว“พี่อาลู่ท่านจะไปแล้วจริงหรือ”องค์หญิงเซียวหมิ่นงอแงไม่อยากให้นางกลับไปวันทั้งวันเอาแต่ตามติดนางไม่ห่าง ทำเอาฉีหมิงเยี่ยนหงุดหงิดจนอยากจะจับนางยัดใส่ถังไม้ถ่วงน้ำทะเล แต่วันนี้เป็นวันที่ฉีหมิงเยี่ยนอารมณ์ดีที่สุดเพราะพวกเขากำลังจะกลับไปที่อำเภอเป่ยจิง“ข้ามีเรื่องต้องทำมากมายอยู่เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนท่านไม่ได้เอาอย่างนี้ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสข้าจะพาท่านเที่ยวอำเภอเป่ยจิงดี
การเดินทางสู่แคว้นฉีหากต้องการความสะดวกสบายต้องไปทางเรือเท่านั้น แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คนเดินทางหรือพ่อค้าต้องหนักใจคือโจรสลัด ที่ไม่ว่าจะส่งทางการมาปราบปรามเท่าใดก็ไม่เคยสำเร็จ เนื่องจากมีโจรสลัดหลายกลุ่มที่หากินที่ลุ่มแม่น้ำนี้ก่อนออกเดินทางเฉียวลู่ได้ส่งจดหมายไปหาฉินอี้เหยาที่กลายเป็นฮองเฮาแล้ว ว่านางกำลังจะเดินทางไปที่แคว้นฉีพร้อมกับฉีหมิงเยี่ยน จากนั้นอีกสองวันพระราชโองการแต่งตั้งให้นางเป็นเสี้ยนจู่ เชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่สี่ของแคว้นเซียวก็ถูกส่งมาที่หมู่บ้านมู่โฉว ทำเอาเฉียวลู่ตกใจจนมึนงงไปหมด นางไม่คิดว่าพี่อี้เหยาจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ฉีหมิงเยี่ยนเหมือนจะเข้าใจในพระประสงค์ของฉินฮองเฮา นางต้องการจะบอกเขาว่าห้ามเขาทำไม่ดีกับเฉียวลู่เด็ดขาดเพราะตอนนี้นางมีแคว้นเซียวคอยหนุนหลังแล้ว หากคนแคว้นฉีกล้ารังแกนางก็ต้องดูด้วยว่าแคว้นเซียวยินยอมหรือไม่ตอนนี้เวลาเฉียวลู่เดินผ่านเขานางมันจะเชิดหน้าจากนั้นทำท่าทางเหมือนนกยูงกำลังรำแพน เพื่อบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้นางเป็นเสี้ยนจู่แล้ว ฉีหมิงเยี่ยนได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ แต่เมื่อได้มองนางมีความสุขเขาเองก็รู้สึกดีไปด้วยเช่นกัน เด็กสองคนเองก
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ คนของฉีหมิงเยี่ยนไหนเลยจะสามารถรับมือกับกลุ่มโจรสลัดนับร้อยได้อย่างง่ายดาย พวกเขาค่อยๆ บาดเจ็บไปทีละคน ฉีหมิงเยี่ยนเองก็ไม่ต่างกันเขาถูกฟันที่แขนบาดแผลฉกรรจ์จากนั้นไม่นานประตูห้องของเฉียวลู่ก็ถูกเปิดออกโดยโจรสลัดและพวก มันเดินเข้ามาในห้องมองเห็นร่างใหญ่ของพี่น้องที่มีมีดสั้นปักอยู่ที่ลำคอจนมิดด้าม ดวงตาของเขาเบิกโพลงอย่างตายตาไม่หลับเมื่อเห็นเช่นนั้นพวกมันก็รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนักโจรสลัดทั้งสามสอดส่ายสายตามองหาตัวการที่สังหารพี่น้องของตน เมื่อเห็นเฉียวลู่และเด็กสองคนที่กำลังยืนอยู่ด้านในสุดของห้อง มันจึงมองพวกนางด้วยสายตาแปลกใจ“ใครคือผู้ที่สังหารพี่น้องของข้า”เสียงแหบห้าวดังออกมาจากลำคอหนา เฉียวลู่ถือดาบที่โจรสลัดคนที่สองที่นางพุ่งชนจนตกจากหน้าต่างเอาไว้ นางมองพวกมันอย่างหวาดระแวง คนเดียวนางอาจสู้ได้แต่มาที่เดียวสามคนนางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เมื่อเจ้าโจรสลัดเห็นว่านางยังคงเงียบไม่ยอมตอบมันก็ย่างสามขุมเข้าหานางเฉียวลู่รอให้เจ้าโจรสลัดเดินเข้ามาในระยะการฟัน จากนั้นนางจึงตวัดดาบอย่างรวดเร็วจนทุกคนมองตามไม่ทัน ร่างที่เคยยืนอยู่ต่อหน้านางถูกฟันขาดเป็นสองท่อน โจรสลัดที่ตา
ความรู้สึกปวดแปลบที่เกิดขึ้นทำให้ร่างบางลุกขึ้นนั่งกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้สึกคุ้นเคย เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นนางจึงหันไปมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามา หญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีใบหน้างดงามเดินตรงมาที่นาง“ฟื้นแล้วหรือ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่สบายที่ใดจงบอกข้า ข้าจะได้ไปตามท่านหมอมาดูอาการของเจ้า รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าหลับไปถึงสิบวันเชียว”เฉียวลู่จ้องใบหน้างามของนางด้วยสีหน้างงงัน หญิงสาวนางนั้นเองก็มองกลับมาที่เฉียวลู่เช่นกัน นางยังคงซักถามเฉียวลู่อยู่อย่างนั้น แต่ท่าทางเป็นห่วงที่นางแสดงออกมาเหมือนมิได้เสแสร้ง“เจ้ามีชื่อว่าอะไร เป็นคนที่ไหนเหตุใดร่างของเจ้าจึงถูกพัดลอยตามแม่น้ำมา เจ้าโชคดีมากรู้หรือไม่หากตอนนั้นไม่ได้ขบวนเรือของเว่ยอ๋องผ่านมาพบเข้าพอดี เจ้าคงไม่อาจมีชีวิตรอดมาได้”เฉียวลู่ยังคงเงียบอยู่เช่นเดิมดวงตากลมโตของนางเหม่อลอยเหมือนกำลังพยายามครุ่นคิดบางอย่าง หญิงสาวนางนั้นค่อยๆ แสดงสีหน้าตกใจออกมา“เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบคำถามข้า หรือว่าเจ้า....พูดไม่ได้”เสียงอุทานของนางทำให้เฉียวลู่หันกลับมามอง“ข้าสามารถพูดได้ แต่ข้ากำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อได้ชุดใหม่แล้วเฉียวลู่จึงนำมันไปซักตากเอาไว้ใกล้กับห้องที่นางพักกับซูหลี นางเดินกลับไปที่โรงครัวอีกครั้งเพื่อไปตามหาหัวหน้าผู้ดูแล ชายร่างอ้วนกำลังผัดอะไรบางอย่างกลิ่นหอมกระจายไปทั่วทั้งโรงครัว เมื่อเดินไปใกล้จึงรู้ว่าเขากำลังทำอาหาร เฉียวลู่มองอย่างสนใจ หลังจากที่ชายร่างอ้วนวางมือจากกระทะ เขาก็เงยหน้าขึ้นเห็นเฉียวลู่ยืนมองด้วยสายตาเปล่งประกาย“แม่นางน้อยเจ้าคงจะเป็นสาวใช้มาใหม่ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ตอนนี้ใช่หรือไม่”เฉียวลู่มองเขาด้วยสายตามึนงง นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายร่างอ้วนพูด“ท่านหมายความว่าอย่างไร”ชายร่างอ้วนโบกมือให้นางเข้าไปใกล้ๆ“ไม่มีอะไรๆ เจ้าได้รับหน้าที่ทำงานทั่วไปในครัวสินะ สาวใช้ของฝูมามาเดินมาบอกข้าแล้ว”เฉียวลู่พยักหน้า ช่ายร่างอ้วยยื่นกระทะที่เขาใช้ผัดอาหารเมื่อครู่ให้นาง“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มงานเลย วันนี้มีงานเยอะสักหน่อย ถึงจะเป็นการทำงานวันแรกของเจ้าก็อย่าพึ่งถอดใจเล่า”“ออข้าลืมบอกเจ้าไปข้าชื่อตงไห่แซ่ถัง เจ้าเรียกข้าว่าพ่อครัวถังก็ได้”เฉียวลู่พยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นจึงรับกระทะจากเขามาถือเอาไว้“ข้าชื่อซูเม่ยเจ้าค่ะ แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอะไรบ้าง”ห
เฉียวลู่เปิดประตูออกไปเห็นบ่าวชายที่นางคุ้นตากำลังยืนรออยู่หน้าห้องของพวกนาง“มีอะไรอีกหรือ นี่ไม่ใช้เวลาพักทานข้าวหรือไง”เฉียวลู่ถามออกไปอย่างนึกรำคาญ บ่าวชายผู้นั้นยกมือขึ้นเกาหัวท่าทางจนใจ เขาเองก็ไม่ได้อยากมารบกวนนางหรอกแต่ให้ทำอย่างไรได้ตัวเขาก็โดนใช้มาเช่นกัน เฉียวลู่กอดอกยืนรอให้เขาตอบคำถามนางอย่างอดทน“หัวหน้าพ่อครัวถังให้ข้ามาตามเจ้าไปทำข้าวผัดแบบนั้นอีกครั้ง”เฉียวลู่เลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่นางก็เดินตามบ่าวชายผู้นั้นไปแต่โดยดี เมื่อมาถึงโรงครัวบ่าวในจวนเว่ยอ๋องบางส่วนได้เวลาพักทานอาหารเช่นกัน แต่วันนี้มู่อาเสิ่นท่าทางจะทำอาหารไม่ได้แล้วเพราะได้ข่าวว่าเขาพึ่งถูกเฉียวลู่หักข้อมือไป“มาแล้วหรือซูเม่ย เจ้านี่น้าดันไปทำให้มู่อาเสิ่นแขนหัก เขาจึงไปฟ้องหัวหน้าพ่อบ้านแล้วเจ้ารู้หรือไม่ คนพวกนั้นจะต้องกลับมาเอาเรื่องเจ้าแน่”เฉียวลู่ไม่สนใจคนโง่พวกนั้น ต่อให้พวกเขามาก็ทำอะไรนางไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้นางอยากรู้ว่าเหตุใดหัวหน้าพ่อครัวจึงต้องให้นางทำข้าวผัดแปดเซียนอีกรอบ“ท่านไม่ได้ให้เขาไปตามข้ามาทำข้าวผัดหรือ”นางถามหัวหน้าพ่อครัวถังทั้งยังชี้มือไปที่บ่าวชายที่นางเดินตามมา เขาถึงนึกขึ้นไ
หลังจากที่บ่าวคนสนิทของเว่ยซื่อจื่ออกจากโรงครัวไป เฉียวลู่ก็ยังคงทำงานของตนเองต่อ แต่เสียงที่ดังจอแจอยู่ด้านหลังทำให้นางหันไปมอง คนกลุ่มหนึ่งที่มีสตรีท่าทางเข้มงวดคล้ายกับฝูมามาหัวหน้าของสาวใช้จวนเว่ยอ๋องที่นางได้พบเมื่อเช้านี้กำลังเดินตรงมาที่นาง“เจ้าคือซูเม่ยหรือ ตามข้ามา”นางไม่รอฟังคำตอบของเฉียวลู่ว่านางคือซูเม่ยหรือไม่ แต่นางก็เรียกให้หญิงสาวที่กำลังล้างชามตามไป มามานางนั้นได้ฟังลักษณะของหญิงสาวตามคำบอกเล่ามาแล้ว เมื่อแรกที่เห็นนางหันมามอง หวงมามาเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน คิ้วนั่นไม่รู้ว่าอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรช่างเป็นสตรีที่อัปลักษณ์นักเฉียวลู่เช็ดน้ำออกจากมืออย่างอ้อยอิ่ง ไม่สนใจท่าทีรีบร้อนของนางสักนิด นางจึงเดินตามมามานางนั้นไปท่าทางของเฉียวลู่ไม่รู้สึกรู้สาต่อการเรียกพบครั้งนี้เลย นางเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบกาย เหมือนคนที่กำลังออกมาเดินเล่นที่สวนหน้าเรือนเมื่อไปถึงลานเรือนขนาดใหญ่กลิ่นดอกไม้ที่หอมอบอวลไปทั่ว สวนดอกไม้หลากชนิดที่แสนงดงามถูกดูแลเป็นอย่างดี แต่เฉียวลู่กลับรู้สึกว่ามันดูจะมากเกินสำหรับนาง เพราะกลิ่นหอมมากมายปะปนกันยิ่งทำให้รู้สึกเวียนหัวม
เฉียวลู่เปิดประตูออกไปเห็นบ่าวชายที่นางคุ้นตากำลังยืนรออยู่หน้าห้องของพวกนาง“มีอะไรอีกหรือ นี่ไม่ใช้เวลาพักทานข้าวหรือไง”เฉียวลู่ถามออกไปอย่างนึกรำคาญ บ่าวชายผู้นั้นยกมือขึ้นเกาหัวท่าทางจนใจ เขาเองก็ไม่ได้อยากมารบกวนนางหรอกแต่ให้ทำอย่างไรได้ตัวเขาก็โดนใช้มาเช่นกัน เฉียวลู่กอดอกยืนรอให้เขาตอบคำถามนางอย่างอดทน“หัวหน้าพ่อครัวถังให้ข้ามาตามเจ้าไปทำข้าวผัดแบบนั้นอีกครั้ง”เฉียวลู่เลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่นางก็เดินตามบ่าวชายผู้นั้นไปแต่โดยดี เมื่อมาถึงโรงครัวบ่าวในจวนเว่ยอ๋องบางส่วนได้เวลาพักทานอาหารเช่นกัน แต่วันนี้มู่อาเสิ่นท่าทางจะทำอาหารไม่ได้แล้วเพราะได้ข่าวว่าเขาพึ่งถูกเฉียวลู่หักข้อมือไป“มาแล้วหรือซูเม่ย เจ้านี่น้าดันไปทำให้มู่อาเสิ่นแขนหัก เขาจึงไปฟ้องหัวหน้าพ่อบ้านแล้วเจ้ารู้หรือไม่ คนพวกนั้นจะต้องกลับมาเอาเรื่องเจ้าแน่”เฉียวลู่ไม่สนใจคนโง่พวกนั้น ต่อให้พวกเขามาก็ทำอะไรนางไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้นางอยากรู้ว่าเหตุใดหัวหน้าพ่อครัวจึงต้องให้นางทำข้าวผัดแปดเซียนอีกรอบ“ท่านไม่ได้ให้เขาไปตามข้ามาทำข้าวผัดหรือ”นางถามหัวหน้าพ่อครัวถังทั้งยังชี้มือไปที่บ่าวชายที่นางเดินตามมา เขาถึงนึกขึ้นไ
เมื่อได้ชุดใหม่แล้วเฉียวลู่จึงนำมันไปซักตากเอาไว้ใกล้กับห้องที่นางพักกับซูหลี นางเดินกลับไปที่โรงครัวอีกครั้งเพื่อไปตามหาหัวหน้าผู้ดูแล ชายร่างอ้วนกำลังผัดอะไรบางอย่างกลิ่นหอมกระจายไปทั่วทั้งโรงครัว เมื่อเดินไปใกล้จึงรู้ว่าเขากำลังทำอาหาร เฉียวลู่มองอย่างสนใจ หลังจากที่ชายร่างอ้วนวางมือจากกระทะ เขาก็เงยหน้าขึ้นเห็นเฉียวลู่ยืนมองด้วยสายตาเปล่งประกาย“แม่นางน้อยเจ้าคงจะเป็นสาวใช้มาใหม่ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ตอนนี้ใช่หรือไม่”เฉียวลู่มองเขาด้วยสายตามึนงง นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายร่างอ้วนพูด“ท่านหมายความว่าอย่างไร”ชายร่างอ้วนโบกมือให้นางเข้าไปใกล้ๆ“ไม่มีอะไรๆ เจ้าได้รับหน้าที่ทำงานทั่วไปในครัวสินะ สาวใช้ของฝูมามาเดินมาบอกข้าแล้ว”เฉียวลู่พยักหน้า ช่ายร่างอ้วยยื่นกระทะที่เขาใช้ผัดอาหารเมื่อครู่ให้นาง“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มงานเลย วันนี้มีงานเยอะสักหน่อย ถึงจะเป็นการทำงานวันแรกของเจ้าก็อย่าพึ่งถอดใจเล่า”“ออข้าลืมบอกเจ้าไปข้าชื่อตงไห่แซ่ถัง เจ้าเรียกข้าว่าพ่อครัวถังก็ได้”เฉียวลู่พยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นจึงรับกระทะจากเขามาถือเอาไว้“ข้าชื่อซูเม่ยเจ้าค่ะ แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอะไรบ้าง”ห
ความรู้สึกปวดแปลบที่เกิดขึ้นทำให้ร่างบางลุกขึ้นนั่งกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้สึกคุ้นเคย เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นนางจึงหันไปมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามา หญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีใบหน้างดงามเดินตรงมาที่นาง“ฟื้นแล้วหรือ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่สบายที่ใดจงบอกข้า ข้าจะได้ไปตามท่านหมอมาดูอาการของเจ้า รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าหลับไปถึงสิบวันเชียว”เฉียวลู่จ้องใบหน้างามของนางด้วยสีหน้างงงัน หญิงสาวนางนั้นเองก็มองกลับมาที่เฉียวลู่เช่นกัน นางยังคงซักถามเฉียวลู่อยู่อย่างนั้น แต่ท่าทางเป็นห่วงที่นางแสดงออกมาเหมือนมิได้เสแสร้ง“เจ้ามีชื่อว่าอะไร เป็นคนที่ไหนเหตุใดร่างของเจ้าจึงถูกพัดลอยตามแม่น้ำมา เจ้าโชคดีมากรู้หรือไม่หากตอนนั้นไม่ได้ขบวนเรือของเว่ยอ๋องผ่านมาพบเข้าพอดี เจ้าคงไม่อาจมีชีวิตรอดมาได้”เฉียวลู่ยังคงเงียบอยู่เช่นเดิมดวงตากลมโตของนางเหม่อลอยเหมือนกำลังพยายามครุ่นคิดบางอย่าง หญิงสาวนางนั้นค่อยๆ แสดงสีหน้าตกใจออกมา“เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบคำถามข้า หรือว่าเจ้า....พูดไม่ได้”เสียงอุทานของนางทำให้เฉียวลู่หันกลับมามอง“ข้าสามารถพูดได้ แต่ข้ากำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ คนของฉีหมิงเยี่ยนไหนเลยจะสามารถรับมือกับกลุ่มโจรสลัดนับร้อยได้อย่างง่ายดาย พวกเขาค่อยๆ บาดเจ็บไปทีละคน ฉีหมิงเยี่ยนเองก็ไม่ต่างกันเขาถูกฟันที่แขนบาดแผลฉกรรจ์จากนั้นไม่นานประตูห้องของเฉียวลู่ก็ถูกเปิดออกโดยโจรสลัดและพวก มันเดินเข้ามาในห้องมองเห็นร่างใหญ่ของพี่น้องที่มีมีดสั้นปักอยู่ที่ลำคอจนมิดด้าม ดวงตาของเขาเบิกโพลงอย่างตายตาไม่หลับเมื่อเห็นเช่นนั้นพวกมันก็รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนักโจรสลัดทั้งสามสอดส่ายสายตามองหาตัวการที่สังหารพี่น้องของตน เมื่อเห็นเฉียวลู่และเด็กสองคนที่กำลังยืนอยู่ด้านในสุดของห้อง มันจึงมองพวกนางด้วยสายตาแปลกใจ“ใครคือผู้ที่สังหารพี่น้องของข้า”เสียงแหบห้าวดังออกมาจากลำคอหนา เฉียวลู่ถือดาบที่โจรสลัดคนที่สองที่นางพุ่งชนจนตกจากหน้าต่างเอาไว้ นางมองพวกมันอย่างหวาดระแวง คนเดียวนางอาจสู้ได้แต่มาที่เดียวสามคนนางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เมื่อเจ้าโจรสลัดเห็นว่านางยังคงเงียบไม่ยอมตอบมันก็ย่างสามขุมเข้าหานางเฉียวลู่รอให้เจ้าโจรสลัดเดินเข้ามาในระยะการฟัน จากนั้นนางจึงตวัดดาบอย่างรวดเร็วจนทุกคนมองตามไม่ทัน ร่างที่เคยยืนอยู่ต่อหน้านางถูกฟันขาดเป็นสองท่อน โจรสลัดที่ตา
การเดินทางสู่แคว้นฉีหากต้องการความสะดวกสบายต้องไปทางเรือเท่านั้น แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คนเดินทางหรือพ่อค้าต้องหนักใจคือโจรสลัด ที่ไม่ว่าจะส่งทางการมาปราบปรามเท่าใดก็ไม่เคยสำเร็จ เนื่องจากมีโจรสลัดหลายกลุ่มที่หากินที่ลุ่มแม่น้ำนี้ก่อนออกเดินทางเฉียวลู่ได้ส่งจดหมายไปหาฉินอี้เหยาที่กลายเป็นฮองเฮาแล้ว ว่านางกำลังจะเดินทางไปที่แคว้นฉีพร้อมกับฉีหมิงเยี่ยน จากนั้นอีกสองวันพระราชโองการแต่งตั้งให้นางเป็นเสี้ยนจู่ เชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่สี่ของแคว้นเซียวก็ถูกส่งมาที่หมู่บ้านมู่โฉว ทำเอาเฉียวลู่ตกใจจนมึนงงไปหมด นางไม่คิดว่าพี่อี้เหยาจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ฉีหมิงเยี่ยนเหมือนจะเข้าใจในพระประสงค์ของฉินฮองเฮา นางต้องการจะบอกเขาว่าห้ามเขาทำไม่ดีกับเฉียวลู่เด็ดขาดเพราะตอนนี้นางมีแคว้นเซียวคอยหนุนหลังแล้ว หากคนแคว้นฉีกล้ารังแกนางก็ต้องดูด้วยว่าแคว้นเซียวยินยอมหรือไม่ตอนนี้เวลาเฉียวลู่เดินผ่านเขานางมันจะเชิดหน้าจากนั้นทำท่าทางเหมือนนกยูงกำลังรำแพน เพื่อบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้นางเป็นเสี้ยนจู่แล้ว ฉีหมิงเยี่ยนได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ แต่เมื่อได้มองนางมีความสุขเขาเองก็รู้สึกดีไปด้วยเช่นกัน เด็กสองคนเองก
หลังจากที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยฉินเจี่ยซินและองค์ชายสามถูกลงโทษประหารชีวิต ฉินอี้เหยาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งเดิมของตนส่วนฉิน จื่อเฉินหลังจากที่พิสูจน์ว่าเป็นพระโอรสของเซียวฮ่องเต้แล้วเขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเซียวฮ่องเต้ได้ตกรางวัลมากมายให้เฉียวลู่นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทั้งวันเพราะตอนนี้นางเป็นเศรษฐีแล้ว ฉีหมิงเยี่ยนมองท่าทางเหมือนคนเสียสติของนางแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ สตรีผู้นี้ไม่สนใจตำแหน่งท่านหญิงแต่กลับขอเปลี่ยนเป็นเงินแทนทำเอาขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับนางดีเฉียวลู่พาบุตรชายทั้งสองของนางเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงถึงสองเดือนตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่เรือนน้อยเชิงเขาของนางแล้ว“พี่อาลู่ท่านจะไปแล้วจริงหรือ”องค์หญิงเซียวหมิ่นงอแงไม่อยากให้นางกลับไปวันทั้งวันเอาแต่ตามติดนางไม่ห่าง ทำเอาฉีหมิงเยี่ยนหงุดหงิดจนอยากจะจับนางยัดใส่ถังไม้ถ่วงน้ำทะเล แต่วันนี้เป็นวันที่ฉีหมิงเยี่ยนอารมณ์ดีที่สุดเพราะพวกเขากำลังจะกลับไปที่อำเภอเป่ยจิง“ข้ามีเรื่องต้องทำมากมายอยู่เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนท่านไม่ได้เอาอย่างนี้ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสข้าจะพาท่านเที่ยวอำเภอเป่ยจิงดี
เฉียวลู่ถูกเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังทั้งยังบอกเล่าจุดที่น่าสงสัยที่ควรตามสืบ ผ่านไปอีกหลายวันเรื่องของนักฆ่าที่ตามสังหารองค์หญิงเซียวหมิ่นยังคงเงียบ นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เขาเป็นถึงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้แค่ตามสืบว่าใครว่าจ้างมือสังหารยังทำไม่ได้เชียวหรือ ทำไม่ได้หรือไม่ทำกันแน่กลางดึกในวังหลวงชายชุดดำปีนเข้าไปด้านในตำหนักชางอี้ ฝีเท้าของเขาแผ่วเบาและรวดเร็วเหมือนถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ห้องนอนที่อยู่ด้านข้างของห้องนอนองค์หญิงเซียวหมิ่น ฉินอี้เหยาที่กำลังหลับลึกถูกฝ่ามือของใครบางคนปิดปากเอาไว้ นางรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถขยับตัวได้“เหยาเอ๋อ”เสียงเรียกชื่อเบาๆ ของนางทำให้ฉินอี้เหยาหยุดดิ้น เมื่อสายตาชินกับความมืดนางจึงได้รู้ว่าใครกันที่เข้ามาในห้องนอนของนาง“ท่านพ่อ”ฉินอี้เหยากอดชายชุดดำที่อุกอาจบุกเข้ามาในวังหลวงอย่างไม่กลัวตาย ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการยืนยันให้แน่ใจว่านางกำนัลที่เขาเห็นในท้องพระโรงใช่นางหรือไม่ ฉินอี้เหยากลั้นเสียงร้องไห้จนสั่นไปทั้งร่าง นางรู้สึกอุ่นใจที่ครอบครัวของนางยังไม่ทอดทิ้ง“พ่อมาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าตัวจริง เ
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่หวงมามาได้รับข้อความจากคนของฉีหมิงเยี่ยนที่เป็นสายลับอยู่ในวังหลวง นางก็ใช้ตราของตำหนักองค์หญิงพานางกำนัลออกมาด้วยสองคน หวงมาๆ ให้รถม้าวิ่งวนไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา จากนั้นจึงให้คนขับรถม้ามาที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ใกล้สำนักศึกษา“หวงมามา”องค์หญิงเซียวหมิ่นเรียกนางด้วยความดีใจเหมือนได้พบญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง หวงมามากอดนางร้องไห้“องค์หญิงเหตุใดหนีออกจากวังเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าบ่าวแก่ๆ คนนี้จะหัวใจวายตายหรือเพคะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นหลังจากที่โดนนักฆ่าตามสังหารตอนนี้นางก็ได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นทำผิดมหันต์แค่ไหน ไม่คิดดื้อดึงถกเถียงกับหวงมามาอีกแล้ว“ข้าผิดไปแล้วต่อไปจะทำอะไรข้าจะคิดให้มากกว่านี้”หวงมามาเมื่อตั้งสติได้ก็หันไปมองเฉียวลู่และบุรุษที่มีใบหน้าธรรมดา ด้านหลังของพวกเขามีสตรีที่งดงามนางหนึ่งยืนอยู่นางไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เด็ดขาด“ฮองเฮาเป็นไปได้อย่างไร”หวงมามารีบเข้าไปคุกเข่าให้นางทันที ฉินอี้เหยารีบเข้าไปประคองหวงมามาให้ลุกขึ้น“ข้าหาใช่ฮองเฮาอีกแล้ว หวงมามาท่านอย่าได้คุกเข่าให้ข้าเลย”หวงมามายังไม่ได้สติกลับมา แปดปีกว่าที่ฝ่าบาทตามหานางแต่คนท