นายช่างอู๋เมื่อเห็นแบบทั้งหมดที่เฉียวลู่วาดเขาก็ยิ่งตกใจมากกว่าครั้งแรกที่เห็นแบบบ้านที่นางวาดให้เขา ตอนนี้นายช่างอู๋ไม่คิดลังเลแล้วและได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าเขาจะพูดเรื่องนี้กับเฉียวลู่ ครั้งแรกเขายังลังเลอยู่เล็กน้อยเพราะกลัวว่านางจะปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขาไม่มีความลังเลในจิตใจเลยสักนิดเดียว“แม่นางเฉียวเจ้าคิดที่จะร่วมมือทำการค้ากับข้าหรือไม่ แบบทั้งหมดที่เจ้าให้ข้ามาข้าจะทำให้เจ้าแบบไม่คิดเงินสักตำลึง”เฉียวลู่คำนวณเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่านายช่างอู๋จะต้องคุยเรื่องนี้กับนาง แต่เฉียวลู่ที่ยังไม่ทันได้รับปากก็ถูกนายช่างอู๋ชิงพูดขึ้นมาก่อน“ข้าจะให้เจ้าสิบส่วนในผลงานที่ข้าทำออกมาต่อหนึ่งชิ้น และข้าอยากจะขออนุญาตเจ้าให้ข้านำแบบบ้านของเจ้าไปสร้างได้หรือไม่เจ้าสามารถเรียกร้องมาได้เลยว่าเจ้าต้องการกี่ส่วน หรือเจ้าคิดว่าสิบส่วนนั้นน้อยเกินไป”เฉียวลู่เห็นนายช่างอู๋ที่ร้อนรนเช่นนั้นนางก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน ตลอดสองเดือนที่นายช่างอู๋และลูกน้องของเขามาสร้างเรือให้นางเฉียวลู่เห็นแล้วว่านายช่างคนนี้เป็นคนใจกว้างกับผู้อื่นและซื่อสัตย์เหมาะแก่การทำธุรกิจด้วยยิ่งนัก“หยุดก่อนนายช่างอู๋ข้าไม่ได้จะ
เต้าหู้ขายหมดแล้ว เฉียวลู่ให้ทุกคนเก็บของรอนางไปก่อนนางตรงไปที่จีหม่านโหรวทันที เมื่อไปถึงผู้ช่วยเหวินนั่งรอนางอยู่ที่ด้านในโรงเตี๊ยมก่อนแล้ว“สวัสดีผู้ช่วยเหวินอาหารที่ข้าส่งมาไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้าง”เฉียวลู่ยิ้มตาหยีให้เขา นางคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องได้รับคำตอบเช่นไร“แม่นางเฉียวอาหารที่เจ้าส่งมานั้นเรียกว่าอะไรหรือ มันทั้งนุ่มจนแทบละลายในปากทั้งอร่อยเข้มข้นเจ้าสิ่งนั้นเรียกว่าอะไรเจ้าช่วยบอกข้าที”เฉียวลู่ยังไม่ได้ตอบผู้ช่วยเหวินนางมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาบางอย่าง“เถ้าแก่จีไม่อยู่หรือเจ้าคะ ข้าคิดว่าจะส่งเต้าหู้มาให้เขาชิมเสียหน่อย”ผู้ช่วยเหวินส่งยิ้มแห้งๆ ให้นางความจริงเถ้าแก่ไม่อยู่ที่อำเภอเป่ยจิงสักพักแล้วเพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ลิ้มรสอาหารรสเลิศเช่นนี้อย่างไรเล่า“ไม่อยู่ขอรับ แต่ว่าอีกไม่กี่วันท่านก็คงจะกลับมาถึงตอนนั้นแม่นางเอาเต้าหู้มาให้นายท่านชิมอีกครั้งได้หรือไม่”เฉียวลู่ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง ช่างเถอะเอาไว้คราวหน้าก็ได้ เงินอยู่ตรงหน้านี้แล้วถึงอย่างไรมันก็คงไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก“เช่นนั้นเอาไว้ครั้งหน้าข้ามาใหม่ อาหารที่ส่งมาท่านชอบก็ดีแล้วอย่าลืมบอก
ตั้งแต่ที่เต้าหู้ได้วางขาย ทุกวันจางหย่งและหลิวหงจะเป็นผู้นำเต้าหู้ไปขายวันละสองร้อยจินนั่นสุดความสามารถที่พวกเขาสามารถทำได้แล้ว ถึงแม้ว่าเถ้าแก่จีจะกลับมาแล้วแต่นางก็ส่งให้จีหม่านโหรวได้แค่หนึ่งร้อยจินต่อวันเท่านั้นเฉียวลู่แม่เฒ่าหลี่ฉินอี้เหยาและฉินจื่อเฉินทำเต้าหู้รออยู่ที่หมู่บ้านมู่โฉว ก่อนจางหย่งกลับมาเขาก็ต้องออกไปหาซื้อถั่วเหลืองที่หมู่บ้านที่ห่างออกไป เพราะหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ นั้นจางหย่งไปรับซื้อมาหมดจนแล้ว“ดูเหมือนถั่วเหลืองที่เรามีจะสามารถทำเต้าหู้ได้อีกไม่ถึงห้าวันแล้วนะเจ้าคะ หากให้ท่านอาหย่งไปไกลมากกว่านี้ข้าเกรงว่ามันจะไม่คุ้มยิ่งช่วงนี้หิมะเริ่มตกหนักขึ้นทุกวันอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ อีกอย่างสงสารเจ้าแก่ด้วยมันต้องออกเดินทั้งที่อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลัวว่ามันจะทนไม่ไหว”แม่เฒ่าหลี่เองก็คิดเรื่องนี้เอาไว้บ้างแล้วแต่นางยังมีโอกาสได้คุยกับเฉียวลู่ในเรื่องนี้“จริงดั่งที่อาลู่พูดเงินทองสามารถหาได้ตลอดถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ เอาอย่างนี้เถอะเราก็ขายเต้าหู้แค่หมดถั่วเหลืองชุดนี้ รอให้อากาศดีกว่านี้ค่อยมาคิดหาทางกันใหม่พวกเจ้าว่าอย่างไร”แม่เฒ่าหลี่หันไปถามลูกชายลูกสะใภ้ของตนที่ท
เฉียวลู่ใช้อ่างไม้สำหรับล้างหน้าใส่น้ำและน้ำปุ๋ยหมักที่นางสั่งเอาไว้ตามอัตราส่วนที่อ่านพบในหนังสือ จากนั้นนำตะกร้าไม้ไผ่นึ่งที่มีลักษณะคล้ายฝาชีครอบอาหารที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามสิบเซนติเมตรวางลงไป นำใยนุ่นชุบน้ำวางลงไปก่อนแล้วโรยด้วยเมล็ดผักบุ้งที่เริ่มแตกหน่อด้านบนนางเอาขี้เลื่อยที่เหลือจากการสร้างเรือนของนางมาโรยทับจากนั้นจึงใช้อ่างล้างหน้าอีกใบปิดด้านบนเอาไว้ส่วนถั่วเขียวที่แตกหน่อแล้วนางโรยมันลงไปในตะกร้าไม้ไผ่นึ่งด้านล่างไม่ได้ใส่น้ำด้านบนปิดทับด้วยฝ้าฝ้ายชุบน้ำและปิดทับด้วยอ่างล้างหน้าอีกครั้ง“เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เราแค่ต้องคอยรดน้ำมันทุกวันวันละสองถึงสามครั้ง อุณหภูมิห้องต้องไม่เย็นจนเกินไปดังนั้นห้องนี้จึงเหมาะสมที่สุด”อ่างล้างหน้าหลายใบถูกวางเรียงเอาไว้ที่มุมห้องโถงอย่างเป็นระเบียบ วันต่อมาเมื่อจางหย่งไปส่งเต้าหู้ที่จีหม่านโหรวเขาก็ได้รับข่าวดีว่าที่โกดังเก็บของของเถ้าแก่จีมีถั่วเหลืองอยู่สี่พันชั่ง นั่นมันเยอะมากจนสามารถทำเต้าหู้ขายได้ไปจนถึงปีใหม่เลยนะเถ้าแก่จีให้คนของเขานำถั่วเหลืองมาส่งที่หมู่บ้านมู่โฉวในวันต่อมา ทำให้ไม่ต้องหยุดส่งเต้าหู้ให้จีหม่านโหรว ส่ว
ผ่านไปสามวันต้นกล้าของผักบุ้งและถั่วเขียวก็โตขึ้นอย่างงอกงาม ถั่วเขียวที่งอกออกมานางบอกว่าชื่อของมันคือถั่วงอก ทุกคนต่างก็รอคอยที่จะลิ้มรสเจ้าถั่วเขียวงอกพวกนี้“ถึงจะแค่สามวันแต่มันก็สามารถกินได้แล้ว วันนี้ข้าจะทำอาหารที่แสนโอชะให้ทุกคนได้ทานกัน”เจ้าหัวไชเท้าน้อยของนางที่ตอนนี้กำลังพูดเจื้อยแจ้วต่างจากเมื่อก่อนกำลังกระโดดโลดเต้นดีใจที่ท่านแม่จะทำของอร่อยให้พวกเขาทาน“ท่านแม่ทำอาหารให้หลงเอ๋อทาน”แฝดคนพี่อวดแฝดคนน้อง“ท่านแม่ทำให้ชิงเอ๋อทานต่างหาก” .จากนั้นไม่นานเสียงเล็กๆ สองเสียงก็เถียงกันไปเถียงกันมาภายในห้องโถง คนที่ทำการหย่าศึกของสองพี่น้องคือฉินจื่อเฉินที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงไปเรียบร้อยแล้ว อวี้หลงกับอวี้ชิงกำลังจะเข้าสี่ขวบหลังปีใหม่ส่วนฉินจื่อเฉินก็เก้าขวบในปีหน้า ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าเรียนที่สำนักศึกษาแล้วหลังจากปีใหม่ ถึงเขาจะเข้าเรียนช้ากว่าคนอื่นแต่เพราะเขาเป็นเด็กฉลาดบวกกับฉินอี้เหยาสอนหนังสือให้ตั้งแต่ยังเล็กเพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ด้อยไปกว่าเด็กที่เข้าเรียนก่อนอย่างแน่นอนเฉียวลู่มองห้องโถงที่มีเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหัวไชเท้าน้อยของนางแล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโ
ใกล้ถึงปีใหม่แล้วแต่ฉินอี้เหยากลับมีท่าทางเหม่อลอยและมีใบหน้าที่เศร้าสร้อยอยู่ตลอดนั้นทำให้เฉียวลู่ที่อยู่กับนางทุกวันมองออกได้อย่างรวดเร็ว เฉียวลู่ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับพี่หญิงผู้นี้แต่นางก็ไม่ปรารถนาให้คนที่นางรักต้องทุกข์ใจ ดังนั้นเฉียวลู่จึงบอกกับทุกคนว่าตั้งแต่วันที่ยี่สิบก่อนถึงวันปีใหม่พวกเขาจะหยุดส่งเต้าหู้ให้จีหม่านโหรว แต่ก่อนหน้านั้นนางที่มีกำลังอันแข็งแกร่งกว่าใครก็ทำหน้าที่บดถั่วเหลืองแทบจะไม่ได้พักเพื่อทำเต้าหู้ให้ได้มากกว่าเดิม เพื่อวันปีใหม่จะได้ไม่ส่งกระทบต่อจีหม่านโหรวเฉียวลู่พาทุกคนไปเที่ยวในอำเภอเป่ยจิงและเพื่อซื้อของสำหรับฉลองปีใหม่ ในอำเภอทั้งบ้านเรือนและร้านค้าต่างเริ่มทยอยติดโคมไฟสีแดงและกระดาษกลอนอวยพรปีใหม่ ร้านค้าบางร้านต่างก็ปิดร้านเพื่อหยุดฉลองในวันปีใหม่แล้ว จึงมีร้านให้เลือกไม่มากนัก“แย่จังถ้ารู้ว่าพวกเขารีบปิดร้านเร็วอย่างนี้เราน่าจะมาให้เร็วกว่าเดิม”เฉียวลู่พึมพำด้วยความเสียดาย“ไม่เป็นไรน่าที่เราซื้อเผื่อเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็น่าจะพอนะ ซื้อตอนนี้ก็ราคาแพงเปล่าๆ ไปเถอะเลือกของที่ต้องการแล้วเราจะได้ไปดูที่อื่นด้วย พวกเขาช่วยกันเลือกกระดาษกลอนที่มีคำอ
เมื่อถูกจับได้แล้วพวกเขาก็กระโดดออกมายืนจังก้าข่มขวัญผู้คนอยู่ด้านหลังของเฉียวลู่ นางไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดกับท่าทางของพวกเขาเพราะเมื่อก่อนเมื่อนางต้องเดินทางไปไหนก็ต้องมีบอดี้การ์ดที่ต้นสังกัดให้มาดูแลนางตามไปด้วยทุกที่ จะมีแค่ตอนที่นางกลับบ้านเท่านั้นที่ต้องกลับไปเพียงคนเดียว“ตอนนี้เราทั้งสองฝ่าก็เสมอกันแล้วสินะ เอ๊ะ!หรือไม่ใช่ แต่เอาเป็นว่าข้าให้โอกาสพวกเจ้าคิดดูอีกทีก็แล้วกันว่าต้องการจะทำเช่นนี้อยู่หรือไม่”หวังซิ่วอิงไม่นึกว่าหญิงชาวบ้านธรรมดานางนี้จะมีองครักษ์คอยดูแลอยู่ นางเป็นใครกัน“เจ้าเป็นใครกัน เจ้าต้องไม่ใช่สตรีชาวบ้านธรรมดาแน่”หวั้งซิ่วอิงเอยออกมาด้วยความหวาดหวั่น หรือว่านางได้ไปล่วงเกินผู้มีอำนาจเข้าแล้ว ไม่ใช่ดูจากการแต่งตัวของนางที่พบกันครั้งที่แล้วนางต้องไม่ใช่คนที่มีอำนาจแน่ นางจะต้องจ้างคนมาเล่นละครตบตา ใช่นั่นเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น หวังซิ่วอิงปลอบตนเองในใจ“มัวรออะไรอยู่อย่าไปกลัวพวกมัน นั่นเป็นแค่การแสดงเท่านั้นต่อให้เราฆ่านางก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเจ้าหรอก”เฉียวลู่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นและนิสัยที่บิดเบี้ยวของหวังซิ่วอิง นางหันไปมององครักษ์เงาทั้งส
ส่งท้ายปีเก่าผ่านไปครอบครัวสกุลจางมาฉลองวันส่งท้ายปีเก่าที่เรือนของเฉียวลู่ตามที่ได้รับปากนางเอาไว้ วันปีใหม่ปีนี้แสนอบอุ่นต่างจากปีที่ผ่านมา เฉียวลู่คนเก่าคงจะฉลองอย่างโดดเดี่ยวกับลูกน้อยของนางแค่สามคน ปีนี้ทุกอย่างต่างออกไปนางหอบหิ้วของขวัญไปส่งที่เรือนสกุลจางและพาเด็กๆ ไปส่งคำอวยพรให้ผู้อาวุโส จากนั้นนำซองแดงใส่เหรียญมานั่งหน้าเรือนพร้อมทั้งขนมลูกกวาดที่นางทำเองใส่ตะกร้าเอาไว้แจกให้เด็กๆ ในหมู่บ้านรถม้าคันใหญ่วิ่งโคลงเคลงมาหยุดที่หน้าเรือนของเฉียวลู่ผู้ช่วยเหวินที่อายุสี่สิบกว่าแต่ยังคงคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงลงมาจากรถม้า นำของขวัญปีใหม่มากมายส่งมาที่เรือนของเฉียวลู่ นางเชิญผู้ช่วยเหวินเข้าไปดื่มน้ำชาในเรือนแต่ถูกปฏิเสธไปก่อน เพราะเขาต้องทำหน้าที่แทนเถ้าแก่จีส่งของขวัญให้อีกหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจีหม่านโหรว ส่วนเถ้าแก่จีนั้นเดินทางไปทำธุระที่เมืองหลวง ก่อนกลับไปผู้ช่วยเหวินยังเล่าเรื่องของบ้านสกุลหวังที่โกดังเก็บสินค้าถูกเผาวอดไปทั้งหลังในช่วงวันปีใหม่ ไม่ใช่แค่นั้นสินค้าของสกุลหวังล้วนถูกปฏิเสธจากคู่ค้าทั้งหมด ปีใหม่ปีนี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของพวกเขาจริงๆเฉียวลู่ฟ
หลังจากที่บ่าวคนสนิทของเว่ยซื่อจื่ออกจากโรงครัวไป เฉียวลู่ก็ยังคงทำงานของตนเองต่อ แต่เสียงที่ดังจอแจอยู่ด้านหลังทำให้นางหันไปมอง คนกลุ่มหนึ่งที่มีสตรีท่าทางเข้มงวดคล้ายกับฝูมามาหัวหน้าของสาวใช้จวนเว่ยอ๋องที่นางได้พบเมื่อเช้านี้กำลังเดินตรงมาที่นาง“เจ้าคือซูเม่ยหรือ ตามข้ามา”นางไม่รอฟังคำตอบของเฉียวลู่ว่านางคือซูเม่ยหรือไม่ แต่นางก็เรียกให้หญิงสาวที่กำลังล้างชามตามไป มามานางนั้นได้ฟังลักษณะของหญิงสาวตามคำบอกเล่ามาแล้ว เมื่อแรกที่เห็นนางหันมามอง หวงมามาเองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน คิ้วนั่นไม่รู้ว่าอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรช่างเป็นสตรีที่อัปลักษณ์นักเฉียวลู่เช็ดน้ำออกจากมืออย่างอ้อยอิ่ง ไม่สนใจท่าทีรีบร้อนของนางสักนิด นางจึงเดินตามมามานางนั้นไปท่าทางของเฉียวลู่ไม่รู้สึกรู้สาต่อการเรียกพบครั้งนี้เลย นางเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบกาย เหมือนคนที่กำลังออกมาเดินเล่นที่สวนหน้าเรือนเมื่อไปถึงลานเรือนขนาดใหญ่กลิ่นดอกไม้ที่หอมอบอวลไปทั่ว สวนดอกไม้หลากชนิดที่แสนงดงามถูกดูแลเป็นอย่างดี แต่เฉียวลู่กลับรู้สึกว่ามันดูจะมากเกินสำหรับนาง เพราะกลิ่นหอมมากมายปะปนกันยิ่งทำให้รู้สึกเวียนหัวม
เฉียวลู่เปิดประตูออกไปเห็นบ่าวชายที่นางคุ้นตากำลังยืนรออยู่หน้าห้องของพวกนาง“มีอะไรอีกหรือ นี่ไม่ใช้เวลาพักทานข้าวหรือไง”เฉียวลู่ถามออกไปอย่างนึกรำคาญ บ่าวชายผู้นั้นยกมือขึ้นเกาหัวท่าทางจนใจ เขาเองก็ไม่ได้อยากมารบกวนนางหรอกแต่ให้ทำอย่างไรได้ตัวเขาก็โดนใช้มาเช่นกัน เฉียวลู่กอดอกยืนรอให้เขาตอบคำถามนางอย่างอดทน“หัวหน้าพ่อครัวถังให้ข้ามาตามเจ้าไปทำข้าวผัดแบบนั้นอีกครั้ง”เฉียวลู่เลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่นางก็เดินตามบ่าวชายผู้นั้นไปแต่โดยดี เมื่อมาถึงโรงครัวบ่าวในจวนเว่ยอ๋องบางส่วนได้เวลาพักทานอาหารเช่นกัน แต่วันนี้มู่อาเสิ่นท่าทางจะทำอาหารไม่ได้แล้วเพราะได้ข่าวว่าเขาพึ่งถูกเฉียวลู่หักข้อมือไป“มาแล้วหรือซูเม่ย เจ้านี่น้าดันไปทำให้มู่อาเสิ่นแขนหัก เขาจึงไปฟ้องหัวหน้าพ่อบ้านแล้วเจ้ารู้หรือไม่ คนพวกนั้นจะต้องกลับมาเอาเรื่องเจ้าแน่”เฉียวลู่ไม่สนใจคนโง่พวกนั้น ต่อให้พวกเขามาก็ทำอะไรนางไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้นางอยากรู้ว่าเหตุใดหัวหน้าพ่อครัวจึงต้องให้นางทำข้าวผัดแปดเซียนอีกรอบ“ท่านไม่ได้ให้เขาไปตามข้ามาทำข้าวผัดหรือ”นางถามหัวหน้าพ่อครัวถังทั้งยังชี้มือไปที่บ่าวชายที่นางเดินตามมา เขาถึงนึกขึ้นไ
เมื่อได้ชุดใหม่แล้วเฉียวลู่จึงนำมันไปซักตากเอาไว้ใกล้กับห้องที่นางพักกับซูหลี นางเดินกลับไปที่โรงครัวอีกครั้งเพื่อไปตามหาหัวหน้าผู้ดูแล ชายร่างอ้วนกำลังผัดอะไรบางอย่างกลิ่นหอมกระจายไปทั่วทั้งโรงครัว เมื่อเดินไปใกล้จึงรู้ว่าเขากำลังทำอาหาร เฉียวลู่มองอย่างสนใจ หลังจากที่ชายร่างอ้วนวางมือจากกระทะ เขาก็เงยหน้าขึ้นเห็นเฉียวลู่ยืนมองด้วยสายตาเปล่งประกาย“แม่นางน้อยเจ้าคงจะเป็นสาวใช้มาใหม่ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ตอนนี้ใช่หรือไม่”เฉียวลู่มองเขาด้วยสายตามึนงง นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายร่างอ้วนพูด“ท่านหมายความว่าอย่างไร”ชายร่างอ้วนโบกมือให้นางเข้าไปใกล้ๆ“ไม่มีอะไรๆ เจ้าได้รับหน้าที่ทำงานทั่วไปในครัวสินะ สาวใช้ของฝูมามาเดินมาบอกข้าแล้ว”เฉียวลู่พยักหน้า ช่ายร่างอ้วยยื่นกระทะที่เขาใช้ผัดอาหารเมื่อครู่ให้นาง“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มงานเลย วันนี้มีงานเยอะสักหน่อย ถึงจะเป็นการทำงานวันแรกของเจ้าก็อย่าพึ่งถอดใจเล่า”“ออข้าลืมบอกเจ้าไปข้าชื่อตงไห่แซ่ถัง เจ้าเรียกข้าว่าพ่อครัวถังก็ได้”เฉียวลู่พยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นจึงรับกระทะจากเขามาถือเอาไว้“ข้าชื่อซูเม่ยเจ้าค่ะ แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอะไรบ้าง”ห
ความรู้สึกปวดแปลบที่เกิดขึ้นทำให้ร่างบางลุกขึ้นนั่งกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้สึกคุ้นเคย เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นนางจึงหันไปมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามา หญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีใบหน้างดงามเดินตรงมาที่นาง“ฟื้นแล้วหรือ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่สบายที่ใดจงบอกข้า ข้าจะได้ไปตามท่านหมอมาดูอาการของเจ้า รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้าหลับไปถึงสิบวันเชียว”เฉียวลู่จ้องใบหน้างามของนางด้วยสีหน้างงงัน หญิงสาวนางนั้นเองก็มองกลับมาที่เฉียวลู่เช่นกัน นางยังคงซักถามเฉียวลู่อยู่อย่างนั้น แต่ท่าทางเป็นห่วงที่นางแสดงออกมาเหมือนมิได้เสแสร้ง“เจ้ามีชื่อว่าอะไร เป็นคนที่ไหนเหตุใดร่างของเจ้าจึงถูกพัดลอยตามแม่น้ำมา เจ้าโชคดีมากรู้หรือไม่หากตอนนั้นไม่ได้ขบวนเรือของเว่ยอ๋องผ่านมาพบเข้าพอดี เจ้าคงไม่อาจมีชีวิตรอดมาได้”เฉียวลู่ยังคงเงียบอยู่เช่นเดิมดวงตากลมโตของนางเหม่อลอยเหมือนกำลังพยายามครุ่นคิดบางอย่าง หญิงสาวนางนั้นค่อยๆ แสดงสีหน้าตกใจออกมา“เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบคำถามข้า หรือว่าเจ้า....พูดไม่ได้”เสียงอุทานของนางทำให้เฉียวลู่หันกลับมามอง“ข้าสามารถพูดได้ แต่ข้ากำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ คนของฉีหมิงเยี่ยนไหนเลยจะสามารถรับมือกับกลุ่มโจรสลัดนับร้อยได้อย่างง่ายดาย พวกเขาค่อยๆ บาดเจ็บไปทีละคน ฉีหมิงเยี่ยนเองก็ไม่ต่างกันเขาถูกฟันที่แขนบาดแผลฉกรรจ์จากนั้นไม่นานประตูห้องของเฉียวลู่ก็ถูกเปิดออกโดยโจรสลัดและพวก มันเดินเข้ามาในห้องมองเห็นร่างใหญ่ของพี่น้องที่มีมีดสั้นปักอยู่ที่ลำคอจนมิดด้าม ดวงตาของเขาเบิกโพลงอย่างตายตาไม่หลับเมื่อเห็นเช่นนั้นพวกมันก็รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนักโจรสลัดทั้งสามสอดส่ายสายตามองหาตัวการที่สังหารพี่น้องของตน เมื่อเห็นเฉียวลู่และเด็กสองคนที่กำลังยืนอยู่ด้านในสุดของห้อง มันจึงมองพวกนางด้วยสายตาแปลกใจ“ใครคือผู้ที่สังหารพี่น้องของข้า”เสียงแหบห้าวดังออกมาจากลำคอหนา เฉียวลู่ถือดาบที่โจรสลัดคนที่สองที่นางพุ่งชนจนตกจากหน้าต่างเอาไว้ นางมองพวกมันอย่างหวาดระแวง คนเดียวนางอาจสู้ได้แต่มาที่เดียวสามคนนางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เมื่อเจ้าโจรสลัดเห็นว่านางยังคงเงียบไม่ยอมตอบมันก็ย่างสามขุมเข้าหานางเฉียวลู่รอให้เจ้าโจรสลัดเดินเข้ามาในระยะการฟัน จากนั้นนางจึงตวัดดาบอย่างรวดเร็วจนทุกคนมองตามไม่ทัน ร่างที่เคยยืนอยู่ต่อหน้านางถูกฟันขาดเป็นสองท่อน โจรสลัดที่ตา
การเดินทางสู่แคว้นฉีหากต้องการความสะดวกสบายต้องไปทางเรือเท่านั้น แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คนเดินทางหรือพ่อค้าต้องหนักใจคือโจรสลัด ที่ไม่ว่าจะส่งทางการมาปราบปรามเท่าใดก็ไม่เคยสำเร็จ เนื่องจากมีโจรสลัดหลายกลุ่มที่หากินที่ลุ่มแม่น้ำนี้ก่อนออกเดินทางเฉียวลู่ได้ส่งจดหมายไปหาฉินอี้เหยาที่กลายเป็นฮองเฮาแล้ว ว่านางกำลังจะเดินทางไปที่แคว้นฉีพร้อมกับฉีหมิงเยี่ยน จากนั้นอีกสองวันพระราชโองการแต่งตั้งให้นางเป็นเสี้ยนจู่ เชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่สี่ของแคว้นเซียวก็ถูกส่งมาที่หมู่บ้านมู่โฉว ทำเอาเฉียวลู่ตกใจจนมึนงงไปหมด นางไม่คิดว่าพี่อี้เหยาจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ฉีหมิงเยี่ยนเหมือนจะเข้าใจในพระประสงค์ของฉินฮองเฮา นางต้องการจะบอกเขาว่าห้ามเขาทำไม่ดีกับเฉียวลู่เด็ดขาดเพราะตอนนี้นางมีแคว้นเซียวคอยหนุนหลังแล้ว หากคนแคว้นฉีกล้ารังแกนางก็ต้องดูด้วยว่าแคว้นเซียวยินยอมหรือไม่ตอนนี้เวลาเฉียวลู่เดินผ่านเขานางมันจะเชิดหน้าจากนั้นทำท่าทางเหมือนนกยูงกำลังรำแพน เพื่อบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้นางเป็นเสี้ยนจู่แล้ว ฉีหมิงเยี่ยนได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ แต่เมื่อได้มองนางมีความสุขเขาเองก็รู้สึกดีไปด้วยเช่นกัน เด็กสองคนเองก
หลังจากที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยฉินเจี่ยซินและองค์ชายสามถูกลงโทษประหารชีวิต ฉินอี้เหยาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งเดิมของตนส่วนฉิน จื่อเฉินหลังจากที่พิสูจน์ว่าเป็นพระโอรสของเซียวฮ่องเต้แล้วเขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเซียวฮ่องเต้ได้ตกรางวัลมากมายให้เฉียวลู่นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทั้งวันเพราะตอนนี้นางเป็นเศรษฐีแล้ว ฉีหมิงเยี่ยนมองท่าทางเหมือนคนเสียสติของนางแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ สตรีผู้นี้ไม่สนใจตำแหน่งท่านหญิงแต่กลับขอเปลี่ยนเป็นเงินแทนทำเอาขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับนางดีเฉียวลู่พาบุตรชายทั้งสองของนางเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงถึงสองเดือนตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่เรือนน้อยเชิงเขาของนางแล้ว“พี่อาลู่ท่านจะไปแล้วจริงหรือ”องค์หญิงเซียวหมิ่นงอแงไม่อยากให้นางกลับไปวันทั้งวันเอาแต่ตามติดนางไม่ห่าง ทำเอาฉีหมิงเยี่ยนหงุดหงิดจนอยากจะจับนางยัดใส่ถังไม้ถ่วงน้ำทะเล แต่วันนี้เป็นวันที่ฉีหมิงเยี่ยนอารมณ์ดีที่สุดเพราะพวกเขากำลังจะกลับไปที่อำเภอเป่ยจิง“ข้ามีเรื่องต้องทำมากมายอยู่เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนท่านไม่ได้เอาอย่างนี้ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสข้าจะพาท่านเที่ยวอำเภอเป่ยจิงดี
เฉียวลู่ถูกเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังทั้งยังบอกเล่าจุดที่น่าสงสัยที่ควรตามสืบ ผ่านไปอีกหลายวันเรื่องของนักฆ่าที่ตามสังหารองค์หญิงเซียวหมิ่นยังคงเงียบ นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เขาเป็นถึงฮ่องเต้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้แค่ตามสืบว่าใครว่าจ้างมือสังหารยังทำไม่ได้เชียวหรือ ทำไม่ได้หรือไม่ทำกันแน่กลางดึกในวังหลวงชายชุดดำปีนเข้าไปด้านในตำหนักชางอี้ ฝีเท้าของเขาแผ่วเบาและรวดเร็วเหมือนถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ห้องนอนที่อยู่ด้านข้างของห้องนอนองค์หญิงเซียวหมิ่น ฉินอี้เหยาที่กำลังหลับลึกถูกฝ่ามือของใครบางคนปิดปากเอาไว้ นางรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถขยับตัวได้“เหยาเอ๋อ”เสียงเรียกชื่อเบาๆ ของนางทำให้ฉินอี้เหยาหยุดดิ้น เมื่อสายตาชินกับความมืดนางจึงได้รู้ว่าใครกันที่เข้ามาในห้องนอนของนาง“ท่านพ่อ”ฉินอี้เหยากอดชายชุดดำที่อุกอาจบุกเข้ามาในวังหลวงอย่างไม่กลัวตาย ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการยืนยันให้แน่ใจว่านางกำนัลที่เขาเห็นในท้องพระโรงใช่นางหรือไม่ ฉินอี้เหยากลั้นเสียงร้องไห้จนสั่นไปทั้งร่าง นางรู้สึกอุ่นใจที่ครอบครัวของนางยังไม่ทอดทิ้ง“พ่อมาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าตัวจริง เ
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่หวงมามาได้รับข้อความจากคนของฉีหมิงเยี่ยนที่เป็นสายลับอยู่ในวังหลวง นางก็ใช้ตราของตำหนักองค์หญิงพานางกำนัลออกมาด้วยสองคน หวงมาๆ ให้รถม้าวิ่งวนไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา จากนั้นจึงให้คนขับรถม้ามาที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ใกล้สำนักศึกษา“หวงมามา”องค์หญิงเซียวหมิ่นเรียกนางด้วยความดีใจเหมือนได้พบญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง หวงมามากอดนางร้องไห้“องค์หญิงเหตุใดหนีออกจากวังเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าบ่าวแก่ๆ คนนี้จะหัวใจวายตายหรือเพคะ”องค์หญิงเซียวหมิ่นหลังจากที่โดนนักฆ่าตามสังหารตอนนี้นางก็ได้รู้แล้วว่าตนเองนั้นทำผิดมหันต์แค่ไหน ไม่คิดดื้อดึงถกเถียงกับหวงมามาอีกแล้ว“ข้าผิดไปแล้วต่อไปจะทำอะไรข้าจะคิดให้มากกว่านี้”หวงมามาเมื่อตั้งสติได้ก็หันไปมองเฉียวลู่และบุรุษที่มีใบหน้าธรรมดา ด้านหลังของพวกเขามีสตรีที่งดงามนางหนึ่งยืนอยู่นางไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เด็ดขาด“ฮองเฮาเป็นไปได้อย่างไร”หวงมามารีบเข้าไปคุกเข่าให้นางทันที ฉินอี้เหยารีบเข้าไปประคองหวงมามาให้ลุกขึ้น“ข้าหาใช่ฮองเฮาอีกแล้ว หวงมามาท่านอย่าได้คุกเข่าให้ข้าเลย”หวงมามายังไม่ได้สติกลับมา แปดปีกว่าที่ฝ่าบาทตามหานางแต่คนท