ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกว่างเปล่าในฝ่ามือของนางเย่เสวียนถิงไม่ได้มองหน้านาง ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อยเขาเดินกะเผลกลากขาที่เคยได้รับบาดเจ็บไปข้างหน้า แผ่นหลังของเขาดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวเจ้าสิบเจ็ดเหลือบมองท่านอ๋องแล้วมองไปที่ซูชิงอู่เขาลดเสียงลงและพูดกับซูชิงอู่ว่า “ท่านอ๋องอาจเป็นเช่นนี้เพราะปัญหาของเขาเอง กระหม่อมอยู่กับท่านอ๋องมาหลายปีแล้ว เขาเป็นคนเฉยชา พระชายาได้โปรดอย่าเข้าใจท่านอ๋องผิดไป!”ดวงตาของซูชิงอู่จ้องมองไปยังใบหน้าของเจ้าสิบเจ็ดทันใดนั้น นางก็มีความชื่นชอบเล็กน้อยต่อองครักษ์เงาตัวน้อยผู้ภักดีที่อยู่ข้าง ๆ เย่เสวียนถิงนางยกยิ้มมุมปากเบา ๆ มองดูเจ้าสิบเจ็ดด้วยสายตามีความหมาย จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าเพื่อไล่ตามเย่เสวียนถิง“ท่านอ๋อง รอข้าด้วย!”นางไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ยอมเข้ามา นางจึงเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าใกล้มากยิ่งขึ้นแทนในชีวิตนี้ นางเป็นเพียงคนที่ไม่คู่ควรจะได้อยู่เคียงข้างเย่เสวียนถิงเมื่อเขาตกเป็นเป้าหมายของนางแล้ว นางก็ไม่อาจปล่อยให้เขาหลุดมือไปไหนได้นางคล้องแขนของเย่เสวียนถิงเอาไว้ เขาจึงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ทัน
"แต่……"เย่เสวียนถิงชะงักเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าซูชิงอู่จะใช้วิธีการเช่นไรแม้ว่าเขาจะจับเสือขาวได้ แต่ก็ไม่มีร่องรอยใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือเขา ในเวลานั้นมีเพียงทหารองครักษ์แค่สองคนเท่านั้น พวกเขาจึงไม่อาจเป็นพยานให้ได้เช่นนั้นแล้ว เย่ชิวหมิงจึงนำเสือขาวตัวนั้นไปหาฮ่องเต้และป่าวประกาศความเป็นเจ้าของต่อหน้าธารกำนัล แม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธ แต่ก็ทำได้เพียงกลืนความโกรธนี้ลงไปเท่านั้นเป็นเพราะทักษะของเขาด้อยกว่าคนอื่น ๆ และเขาก็ไม่ฉลาดแกมโกงเหมือนกับเย่ชิวหมิงซึ่งเขายอมรับได้ซูชิงอู่ขอให้เจ้าสิบเจ็ด เผาควันไล่หมาป่าในป่าก่อนจากนั้นนางก็ดึงเย่เสวียนถิง เพื่อขัดขวางเส้นทางของเย่ชิวหมิงและกลุ่มของเขาทหารองครักษ์หลายคนหยุดด้วยสีหน้าหวาดระแวงทันทีเมื่อเย่ชิวหมิงเห็นว่าเป็นเย่เสวียนถิงเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขายังคงเฉยชาเช่นเดิม ทั้งไร้รอยยิ้มและไม่เป็นมิตร“น้องรอง เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเจ้าถึงได้วิ่งมาขวางหน้าข้าเช่นนี้?”มุมปากของเย่เสวียนถิงขยับ แต่เขากลับไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาซูชิงอู่ยิ้มและพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันเพิ่งเห็นว่าเสด็จพี่จับเสือขา
เสียงฝีเท้าเย่ชิวหมิงและคนอื่น ๆ หยุดเดินทันทีกลุ่มของพวกเขาได้เดินออกนอกบริเวณที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพื้นที่ล่าสัตว์และเข้าสู่ชายขอบของป่าลึกแล้วเดิมที เย่ชิวหมิงวางแผนจะหาสถานที่เงียบสงบไม่มีคนอาศัยอยู่เพื่อสังหารและถลกหนังเสือขาว ก่อนที่จะนำมันกลับมา"ท่านอ๋อง แย่แล้ว ในป่าแห่งนี้มีเสือขาวมากกว่าหนึ่งตัว!"เย่ชิวหมิงกัดฟันเล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่าแม้ว่ายังไม่มีร่องรอยของเสือขาว แต่เสียงคำรามของเสืออันน่าเกรงขามก็ทำให้ผู้คนต่างเสียวสันหลังพวกเขาไม่สามารถไปที่นั่นได้อีกแน่นอนเพื่อป้องกันไม่ให้เสือขาวเข้ามาใกล้ พวกเขาจึงไม่มีเวลาหากำลังเสริมได้ทันท่วงทีสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือกลับไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด!"ไปเถอะ กลับกันเดี๋ยวนี้!"แต่ทว่า จู่ ๆ เสือขาวที่ถูกหามอยู่ก็พยายามดิ้นรนมันเคยถูกปราบมาก่อนแล้ว แต่ในขณะนี้กลับระเบิดออกมาด้วยความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพียงชั่วครู่ แท่งไม้หนาที่แบกเสือไว้ก็ก็หักลง!"เหวอ!"ทหารองครักษ์ที่หามเสือขาวส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ และทุกคนก็ล้มลงกับพื้นเสือขาวเองก็ล่วงหล่นลงกับพื้นเช่นกัน มันเง
“น้องรอง ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถปราบเสือขาวตัวนี้ได้ ตราบใดที่เจ้าช่วยข้า ข้าจะยอมรับเงื่อนไขทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ!”เสือขาวตัวนั้นไม่ได้จัดการกับทหารองครักษ์เลยด้วยซ้ำมันวิ่งตามรอยเท้าของเย่ชิวหมิงมาอย่างแน่วแน่ดูเหมือนว่าเขาจะต้องถูกมันกินในฐานะผู้กระทำผิด!เสือขาวตัวนั้นฉลาดมาก ฉลาดกว่าสัตว์ป่าชนิดอื่น และรู้อย่างชัดเจนว่าใครคือศัตรู!ซูชิงอู่พยักหน้าให้เย่เสวียนถิงร่างของเย่เสวียนถิงก็เคลื่อนไหวทันทีในขณะที่เสือขาวรีบวิ่งไปข้างหน้า เมื่อมันเห็นเย่เสวียนถิง การเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแต่เดิมที่เร่งรีบก็หยุดลงขาทั้งสี่ก้าวถอยออกไปไกลเป็นระยะทางหนึ่งดวงตาของเสือมีความหวาดกลัวอย่างชัดเจน หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของเย่เสวียนถิง มันก็หันหลังกลับและอยากจะวิ่งหนีแต่ทว่า การเคลื่อนไหวของเย่เสวียนถิงนั้นเร็วกว่า เขาคว้าเชือกที่มันลากอยู่บนพื้นด้วยการดึงอย่างแรง เสือตัวใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าสามร้อยกิโลกรัมก็สะดุดและล้มลงกับพื้นเย่เสวียนถิงรัดคอและเหยียบหัวเอาไว้ ในขณะที่เสือขาวนอนอยู่บนพื้นอย่างเชื่อฟังโดยไม่ไหวติงเมื่อเห็นเสือขาวถูกควบคุม เย่ชิวหมิงซึ่งวิ่งหนีอย่างเหนื่อยล้าก
"ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า..."เย่ชิวหมิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ เขามองซูชิงอู่ด้วยดวงตาลึกล้ำ“เจ้าล้อเล่นหรือ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของซูชิงอู่หายไปในทันที"หม่อมฉันไม่ได้ล้อเล่น"ดวงตาของนางเย็นชาและเฉียบแหลม ปราศจากเสน่ห์ดั้งเดิมที่นางเคยมีเหลือเพียงดวงตาคมราวกับใบมีดเย่ชิวหมิงคิดไม่ถึงว่าจะถูกสตรีจ้องมองเช่นนี้ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนคล้ายจะหายไม่ออกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซูชิงอู่จะร้องขอเช่นนั้นด้วยตัวเองได้ คงเป็นเย่เสวียนถิงที่ขอให้นางพูดเช่นนั้นเขาหันไปมองทางเย่เสวียนถิงและพูดว่า "ข้ายอมรับเงื่อนไขแรกได้ ข้าจะมอบเสือขาวให้เจ้า แต่ข้าไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขสองข้อที่เหลืออย่างแน่นอน!"ซูชิงอู่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันดวงตาของนางมืดมิดราวกับเหวลึก นางยกแขนเรียวยาวอ่อนนุ่มขึ้น นิ้วขาวของนางเปล่งประกายระยิบระยับ นางคว้าคอของเย่ชิวหมิงได้อย่างง่ายดายเย่ชิวหมิงตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงสมองของเขาก็ว่างเปล่าเช่นกันเขาคิดไม่ถึงว่าซูชิงอู่ที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอ จะสามารถลุกขึ้นมาโจมตีเขาทันทีได้เช่นนี้!เขาไม่เคยแม้แต่คิดจะฝันถึงมันเลยสักครั้งรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนปรากฏขึ้นอีกคร
"แต่ข้า...ข้าไม่มีกระดาษติดตัวมาเลย ข้าเขียนไม่ได้...""ข้าเอามาด้วย"ซูชิงอู่หยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกออกจากอาภรณ์เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใส่อะไรไว้มากนัก แต่นางก็มีข้าวของมากมายอยู่ในอาภรณ์นั้นเขาไม่รู้ว่านางเอาขวดและของทั้งหมดไปใส่ไว้ที่ส่วนใดเย่ชิวหมิงไม่อาจรอช้าได้ เขาจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มเขียนทันทีไม่ไกลนัก เย่เสวียนถิงก็เห็นภาพนี้ด้วยตาของเขาเอง รูม่านตาเขาขยายออก ตกใจกับการกระทำของซูชิงอู่เช่นกันแต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเป็นปกติ นิ้วของเขาจับเชือกไว้แน่น คิ้วและดวงตาเขาลดลงราวกับจมอยู่ในห้วงความคิดเย่ชิวหมิงยื่นกระดาษที่เขาเขียนพร้อมลงนามแล้วให้กับซูชิงอู่ นางเก็บกระดาษแผ่นนั้นไปอย่างระมัดระวัง“เอาล่ะ ไปขอโทษท่านอ๋องเสีย”เมื่อชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของใครบางคน เย่ชิวหมิงจึงต้องก้มหัวเจียมตัว เขาเดินไปหาเย่เสวียนถิง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ เขาก้มศีรษะและโค้งคำนับ "น้องรอง... ข้าขอโทษ"ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงเย็นชาของซูชิงอู่ก็ดังมาจากด้านหลัง"คุกเข่า"ขาของเย่ชิวหมิงอ่อนแรง เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันทีราวกับว่าสิ่งที่ซูชิงอู่พ
เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังมาจากพื้นที่ล่าสัตว์ เย่เสวียนถิงกำลังจะไปที่นั่นทันใดนั้นดวงตาของซูชิงอู่ก็มืดลง แม้ว่านางจะคาดเดาไว้แล้วว่ากลุ่มกบฏจะมาลอบสังหารพวกเขาในระหว่างการล่าสัตว์ครั้งนี้ แต่นางก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาจะมาเร็วถึงเพียงนี้!แม้ว่าแคว้นหนานเย่จะดูสงบสุขจากภายนอก แต่เบื้องหลังกลับมีคลื่นใต้น้ำรุนแรง กลุ่มกบฏมักจะก่อปัญหาในสถานที่ต่าง ๆ อ้างการฟื้นคืนราชวงศ์ก่อนหน้านอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ลอบสังหารไว้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อีกไม่นาน ฮ่องเต้องค์ก่อนจะมัวเมาในทักษะการเล่นแร่แปรธาตุของราชครู*(ปรมาจารย์)จากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากเขาไม่ได้ว่าราชการมาเป็นเวลานานแล้ว สถานการณ์ภายในแคว้นจึงตึงเครียดและเข้าขั้นวิกฤตเป็นอย่างมาก มากเสียจนเย่เสวียนถิงต้องนำกองกำลังทหารไปปราบการกบฏเพื่อประชาชนในแคว้นหนานเย่เองนี่เป็นเหตุผลหลักว่าเหตุใดนางจึงได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นในภายหลังซูชิงอู่วาดปลายนิ้วออกคว้าเย่เสวียนถิงไว้“เสวียนถิง มีปรมาจารย์มากมายคอยคุ้มครองฮ่องเต้อยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้อ
เย่ชิวหมิงอุทาน “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงกล้าหาญได้เพียงนี้? จะเป็นเช่นไรหากนางแก้เชือกที่มัดเสือออกแล้วทำให้มันคลุ้มคลั่งจนทำร้ายผู้คน!แม้แต่เขายังสู้กับเสือดุร้ายตัวนี้ไม่ได้ แล้วซูชิงอู่ที่เป็นเพียงสตรี…เย่ชิวหมิงหดคอเขาลืมไปได้เช่นไร?!เขาเพิ่งได้รับการสั่งสอนจากสตรีซูชิงอู่ผู้นี้ไปเองเป็นเพราะรูปลักษณ์ของซูชิงอู่นั้นเหลือเชื่อเกินไป นางมีความงามที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนมากกว่าสตรีทั่วไปลักษณะใบหน้า รูปร่าง หรือส่วนสูงของนางนับว่าไร้ที่ติดวงตาสีลูกท้อของนางกลมโต คิ้วโก่งดั่งคันศร ผิวขาวราวเปลือกไข่ ผมสีดำขลับจัดทรงอย่างประณีตและมัดเป็นมวยอ่อนโยนที่ด้านหลังของศีรษะ…นางสวมอาภรณ์สีขาวโอบรอบเรือนร่างอันเพรียวบางและสง่างามของนาง อีกทั้งยังมีเสน่ห์แห่งความงามอันอ่อนช้อยตั้งแต่การเดิน การนั่ง ตลอดจนท่วงท่าการนอนเสือขาวหลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นซูชิงอู่ตบหัวเสือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ลุกขึ้น อย่ามาแกล้งตาย!"ดวงตาของเย่ชิวหมิงเบิกกว้าง และเห็นว่าเมื่อซูชิงอู่พูดจบ เสือขาวก็ยกแขนขาของมันขึ้นจากพื้นและยืนขึ้นทั