ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกว่างเปล่าในฝ่ามือของนางเย่เสวียนถิงไม่ได้มองหน้านาง ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อยเขาเดินกะเผลกลากขาที่เคยได้รับบาดเจ็บไปข้างหน้า แผ่นหลังของเขาดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวเจ้าสิบเจ็ดเหลือบมองท่านอ๋องแล้วมองไปที่ซูชิงอู่เขาลดเสียงลงและพูดกับซูชิงอู่ว่า “ท่านอ๋องอาจเป็นเช่นนี้เพราะปัญหาของเขาเอง กระหม่อมอยู่กับท่านอ๋องมาหลายปีแล้ว เขาเป็นคนเฉยชา พระชายาได้โปรดอย่าเข้าใจท่านอ๋องผิดไป!”ดวงตาของซูชิงอู่จ้องมองไปยังใบหน้าของเจ้าสิบเจ็ดทันใดนั้น นางก็มีความชื่นชอบเล็กน้อยต่อองครักษ์เงาตัวน้อยผู้ภักดีที่อยู่ข้าง ๆ เย่เสวียนถิงนางยกยิ้มมุมปากเบา ๆ มองดูเจ้าสิบเจ็ดด้วยสายตามีความหมาย จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าเพื่อไล่ตามเย่เสวียนถิง“ท่านอ๋อง รอข้าด้วย!”นางไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ยอมเข้ามา นางจึงเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าใกล้มากยิ่งขึ้นแทนในชีวิตนี้ นางเป็นเพียงคนที่ไม่คู่ควรจะได้อยู่เคียงข้างเย่เสวียนถิงเมื่อเขาตกเป็นเป้าหมายของนางแล้ว นางก็ไม่อาจปล่อยให้เขาหลุดมือไปไหนได้นางคล้องแขนของเย่เสวียนถิงเอาไว้ เขาจึงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ทัน
"แต่……"เย่เสวียนถิงชะงักเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าซูชิงอู่จะใช้วิธีการเช่นไรแม้ว่าเขาจะจับเสือขาวได้ แต่ก็ไม่มีร่องรอยใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือเขา ในเวลานั้นมีเพียงทหารองครักษ์แค่สองคนเท่านั้น พวกเขาจึงไม่อาจเป็นพยานให้ได้เช่นนั้นแล้ว เย่ชิวหมิงจึงนำเสือขาวตัวนั้นไปหาฮ่องเต้และป่าวประกาศความเป็นเจ้าของต่อหน้าธารกำนัล แม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธ แต่ก็ทำได้เพียงกลืนความโกรธนี้ลงไปเท่านั้นเป็นเพราะทักษะของเขาด้อยกว่าคนอื่น ๆ และเขาก็ไม่ฉลาดแกมโกงเหมือนกับเย่ชิวหมิงซึ่งเขายอมรับได้ซูชิงอู่ขอให้เจ้าสิบเจ็ด เผาควันไล่หมาป่าในป่าก่อนจากนั้นนางก็ดึงเย่เสวียนถิง เพื่อขัดขวางเส้นทางของเย่ชิวหมิงและกลุ่มของเขาทหารองครักษ์หลายคนหยุดด้วยสีหน้าหวาดระแวงทันทีเมื่อเย่ชิวหมิงเห็นว่าเป็นเย่เสวียนถิงเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขายังคงเฉยชาเช่นเดิม ทั้งไร้รอยยิ้มและไม่เป็นมิตร“น้องรอง เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเจ้าถึงได้วิ่งมาขวางหน้าข้าเช่นนี้?”มุมปากของเย่เสวียนถิงขยับ แต่เขากลับไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาซูชิงอู่ยิ้มและพูดขึ้นว่า "หม่อมฉันเพิ่งเห็นว่าเสด็จพี่จับเสือขา
เสียงฝีเท้าเย่ชิวหมิงและคนอื่น ๆ หยุดเดินทันทีกลุ่มของพวกเขาได้เดินออกนอกบริเวณที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพื้นที่ล่าสัตว์และเข้าสู่ชายขอบของป่าลึกแล้วเดิมที เย่ชิวหมิงวางแผนจะหาสถานที่เงียบสงบไม่มีคนอาศัยอยู่เพื่อสังหารและถลกหนังเสือขาว ก่อนที่จะนำมันกลับมา"ท่านอ๋อง แย่แล้ว ในป่าแห่งนี้มีเสือขาวมากกว่าหนึ่งตัว!"เย่ชิวหมิงกัดฟันเล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่าแม้ว่ายังไม่มีร่องรอยของเสือขาว แต่เสียงคำรามของเสืออันน่าเกรงขามก็ทำให้ผู้คนต่างเสียวสันหลังพวกเขาไม่สามารถไปที่นั่นได้อีกแน่นอนเพื่อป้องกันไม่ให้เสือขาวเข้ามาใกล้ พวกเขาจึงไม่มีเวลาหากำลังเสริมได้ทันท่วงทีสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือกลับไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด!"ไปเถอะ กลับกันเดี๋ยวนี้!"แต่ทว่า จู่ ๆ เสือขาวที่ถูกหามอยู่ก็พยายามดิ้นรนมันเคยถูกปราบมาก่อนแล้ว แต่ในขณะนี้กลับระเบิดออกมาด้วยความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพียงชั่วครู่ แท่งไม้หนาที่แบกเสือไว้ก็ก็หักลง!"เหวอ!"ทหารองครักษ์ที่หามเสือขาวส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ และทุกคนก็ล้มลงกับพื้นเสือขาวเองก็ล่วงหล่นลงกับพื้นเช่นกัน มันเง
“น้องรอง ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถปราบเสือขาวตัวนี้ได้ ตราบใดที่เจ้าช่วยข้า ข้าจะยอมรับเงื่อนไขทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ!”เสือขาวตัวนั้นไม่ได้จัดการกับทหารองครักษ์เลยด้วยซ้ำมันวิ่งตามรอยเท้าของเย่ชิวหมิงมาอย่างแน่วแน่ดูเหมือนว่าเขาจะต้องถูกมันกินในฐานะผู้กระทำผิด!เสือขาวตัวนั้นฉลาดมาก ฉลาดกว่าสัตว์ป่าชนิดอื่น และรู้อย่างชัดเจนว่าใครคือศัตรู!ซูชิงอู่พยักหน้าให้เย่เสวียนถิงร่างของเย่เสวียนถิงก็เคลื่อนไหวทันทีในขณะที่เสือขาวรีบวิ่งไปข้างหน้า เมื่อมันเห็นเย่เสวียนถิง การเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแต่เดิมที่เร่งรีบก็หยุดลงขาทั้งสี่ก้าวถอยออกไปไกลเป็นระยะทางหนึ่งดวงตาของเสือมีความหวาดกลัวอย่างชัดเจน หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของเย่เสวียนถิง มันก็หันหลังกลับและอยากจะวิ่งหนีแต่ทว่า การเคลื่อนไหวของเย่เสวียนถิงนั้นเร็วกว่า เขาคว้าเชือกที่มันลากอยู่บนพื้นด้วยการดึงอย่างแรง เสือตัวใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าสามร้อยกิโลกรัมก็สะดุดและล้มลงกับพื้นเย่เสวียนถิงรัดคอและเหยียบหัวเอาไว้ ในขณะที่เสือขาวนอนอยู่บนพื้นอย่างเชื่อฟังโดยไม่ไหวติงเมื่อเห็นเสือขาวถูกควบคุม เย่ชิวหมิงซึ่งวิ่งหนีอย่างเหนื่อยล้าก
"ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า..."เย่ชิวหมิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ เขามองซูชิงอู่ด้วยดวงตาลึกล้ำ“เจ้าล้อเล่นหรือ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของซูชิงอู่หายไปในทันที"หม่อมฉันไม่ได้ล้อเล่น"ดวงตาของนางเย็นชาและเฉียบแหลม ปราศจากเสน่ห์ดั้งเดิมที่นางเคยมีเหลือเพียงดวงตาคมราวกับใบมีดเย่ชิวหมิงคิดไม่ถึงว่าจะถูกสตรีจ้องมองเช่นนี้ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนคล้ายจะหายไม่ออกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซูชิงอู่จะร้องขอเช่นนั้นด้วยตัวเองได้ คงเป็นเย่เสวียนถิงที่ขอให้นางพูดเช่นนั้นเขาหันไปมองทางเย่เสวียนถิงและพูดว่า "ข้ายอมรับเงื่อนไขแรกได้ ข้าจะมอบเสือขาวให้เจ้า แต่ข้าไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขสองข้อที่เหลืออย่างแน่นอน!"ซูชิงอู่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันดวงตาของนางมืดมิดราวกับเหวลึก นางยกแขนเรียวยาวอ่อนนุ่มขึ้น นิ้วขาวของนางเปล่งประกายระยิบระยับ นางคว้าคอของเย่ชิวหมิงได้อย่างง่ายดายเย่ชิวหมิงตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงสมองของเขาก็ว่างเปล่าเช่นกันเขาคิดไม่ถึงว่าซูชิงอู่ที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอ จะสามารถลุกขึ้นมาโจมตีเขาทันทีได้เช่นนี้!เขาไม่เคยแม้แต่คิดจะฝันถึงมันเลยสักครั้งรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนปรากฏขึ้นอีกคร
"แต่ข้า...ข้าไม่มีกระดาษติดตัวมาเลย ข้าเขียนไม่ได้...""ข้าเอามาด้วย"ซูชิงอู่หยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกออกจากอาภรณ์เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใส่อะไรไว้มากนัก แต่นางก็มีข้าวของมากมายอยู่ในอาภรณ์นั้นเขาไม่รู้ว่านางเอาขวดและของทั้งหมดไปใส่ไว้ที่ส่วนใดเย่ชิวหมิงไม่อาจรอช้าได้ เขาจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มเขียนทันทีไม่ไกลนัก เย่เสวียนถิงก็เห็นภาพนี้ด้วยตาของเขาเอง รูม่านตาเขาขยายออก ตกใจกับการกระทำของซูชิงอู่เช่นกันแต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเป็นปกติ นิ้วของเขาจับเชือกไว้แน่น คิ้วและดวงตาเขาลดลงราวกับจมอยู่ในห้วงความคิดเย่ชิวหมิงยื่นกระดาษที่เขาเขียนพร้อมลงนามแล้วให้กับซูชิงอู่ นางเก็บกระดาษแผ่นนั้นไปอย่างระมัดระวัง“เอาล่ะ ไปขอโทษท่านอ๋องเสีย”เมื่อชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของใครบางคน เย่ชิวหมิงจึงต้องก้มหัวเจียมตัว เขาเดินไปหาเย่เสวียนถิง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ เขาก้มศีรษะและโค้งคำนับ "น้องรอง... ข้าขอโทษ"ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงเย็นชาของซูชิงอู่ก็ดังมาจากด้านหลัง"คุกเข่า"ขาของเย่ชิวหมิงอ่อนแรง เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันทีราวกับว่าสิ่งที่ซูชิงอู่พ
เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังมาจากพื้นที่ล่าสัตว์ เย่เสวียนถิงกำลังจะไปที่นั่นทันใดนั้นดวงตาของซูชิงอู่ก็มืดลง แม้ว่านางจะคาดเดาไว้แล้วว่ากลุ่มกบฏจะมาลอบสังหารพวกเขาในระหว่างการล่าสัตว์ครั้งนี้ แต่นางก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาจะมาเร็วถึงเพียงนี้!แม้ว่าแคว้นหนานเย่จะดูสงบสุขจากภายนอก แต่เบื้องหลังกลับมีคลื่นใต้น้ำรุนแรง กลุ่มกบฏมักจะก่อปัญหาในสถานที่ต่าง ๆ อ้างการฟื้นคืนราชวงศ์ก่อนหน้านอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ลอบสังหารไว้ด้วยสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อีกไม่นาน ฮ่องเต้องค์ก่อนจะมัวเมาในทักษะการเล่นแร่แปรธาตุของราชครู*(ปรมาจารย์)จากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากเขาไม่ได้ว่าราชการมาเป็นเวลานานแล้ว สถานการณ์ภายในแคว้นจึงตึงเครียดและเข้าขั้นวิกฤตเป็นอย่างมาก มากเสียจนเย่เสวียนถิงต้องนำกองกำลังทหารไปปราบการกบฏเพื่อประชาชนในแคว้นหนานเย่เองนี่เป็นเหตุผลหลักว่าเหตุใดนางจึงได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นในภายหลังซูชิงอู่วาดปลายนิ้วออกคว้าเย่เสวียนถิงไว้“เสวียนถิง มีปรมาจารย์มากมายคอยคุ้มครองฮ่องเต้อยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้อ
เย่ชิวหมิงอุทาน “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงกล้าหาญได้เพียงนี้? จะเป็นเช่นไรหากนางแก้เชือกที่มัดเสือออกแล้วทำให้มันคลุ้มคลั่งจนทำร้ายผู้คน!แม้แต่เขายังสู้กับเสือดุร้ายตัวนี้ไม่ได้ แล้วซูชิงอู่ที่เป็นเพียงสตรี…เย่ชิวหมิงหดคอเขาลืมไปได้เช่นไร?!เขาเพิ่งได้รับการสั่งสอนจากสตรีซูชิงอู่ผู้นี้ไปเองเป็นเพราะรูปลักษณ์ของซูชิงอู่นั้นเหลือเชื่อเกินไป นางมีความงามที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนมากกว่าสตรีทั่วไปลักษณะใบหน้า รูปร่าง หรือส่วนสูงของนางนับว่าไร้ที่ติดวงตาสีลูกท้อของนางกลมโต คิ้วโก่งดั่งคันศร ผิวขาวราวเปลือกไข่ ผมสีดำขลับจัดทรงอย่างประณีตและมัดเป็นมวยอ่อนโยนที่ด้านหลังของศีรษะ…นางสวมอาภรณ์สีขาวโอบรอบเรือนร่างอันเพรียวบางและสง่างามของนาง อีกทั้งยังมีเสน่ห์แห่งความงามอันอ่อนช้อยตั้งแต่การเดิน การนั่ง ตลอดจนท่วงท่าการนอนเสือขาวหลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นซูชิงอู่ตบหัวเสือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ลุกขึ้น อย่ามาแกล้งตาย!"ดวงตาของเย่ชิวหมิงเบิกกว้าง และเห็นว่าเมื่อซูชิงอู่พูดจบ เสือขาวก็ยกแขนขาของมันขึ้นจากพื้นและยืนขึ้นทั
ชายบนหลังม้าตัวสูงและผิวที่เปลือยเปล่าของเขามีสีเข้มเล็กน้อย ใบหน้าของเขาคมคายและดวงตาที่เฉียบแหลม“เคยบอกว่ามีคนในเมืองหลวงเห็นเย่เสวียนถิงด้วยตาของพวกเขาเองไม่ใช่หรือ?”เหยียนจั๋วพูดเสียงเย็นและหลุบตาลงเล็กน้อย“ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ...”“หากข่าวที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ก็ว่าเป็นสถานการณ์จั๊กจั่นลอกคราบ ประการแรกคือเย่เสวียนถิงทั้งสองมีหนึ่งคนที่เป็นตัวปลอม ประการที่สองคือข่าวที่พวกเจ้าได้รับมาเป็นข่าวปลอม!”“เรียนท่านแม่ทัพ ข่าวนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอนขอรับ!”เหยียนจั๋วพยักหน้าเบา ๆ เขาเข้าใจความจริงของเรื่องนี้แล้วเขาเงยหน้ามองไปยังประตูชายแดน ขณะที่นั่งอยู่ท่ามกลางกองทหารนับหมื่น ม่านตาของเขาหดตัวลงด้านหลังก็มีราชรถถูกลากออกมา และม่านก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของบุคคลที่อยู่ข้างในองค์รัชทายาทแห่งแคว้นอู๋ตะวันตก สวมเครื่องแบบราชสำนักสีเหลืองสว่างขององค์รัชทายาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวตนของเขา เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างมาก มีรูปร่างผอมเพรียวและผิวค่อนข้างซีดเหยียนจั๋วได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ข้าง ๆ จึงหันกลับมาทันทีและทำความเคารพอย่างนอบน้อม “องค์รัชทายา
คนผู้นั้นถูกทุบตีจนจมูกช้ำ ใบหน้าบวม เขารู้สึกเสียใจมากคนของเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านอ๋องอยู่ที่นี่...ขณะนั้นเอง ทหารผู้นั้นก็ได้ยินเสียงแตรดังมาจากด้านนอกนั่นคือการแจ้งเตือนในค่ายทหารว่ามีการบุกโจมตีจากศัตรู!บรรดารองแม่ทัพที่เพิ่งเดินออกไปไม่นานก็แสดงสีหน้าหวาดกลัว และรีบไปที่ค่ายด้วยความตื่นตระหนก พยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบอาวุธให้เร็วที่สุดเมื่อพวกเขาออกมา เซียวเฝิงได้รวบรวมทหารทั้งหมดรออยู่ก่อนแล้วพลางมองผู้มาทีหลังด้วยสายตาเย็นชาแต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะในการฝึกช่วงนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของรองแม่ทัพเหล่านั้นคุ้นเคยกับการฟังคำสั่งของเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่นี่ตั้งแต่แรก“เมื่อครู่หน่วยสอดแนมเพิ่งมารายงานว่ากองทัพใหญ่แคว้นอู๋ตะวันตกกำลังใกล้เข้ามา ตอนนี้พวกเขายังอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้ ทุกคนจงตามข้ามาเพื่อเตรียมการป้องกัน!”ท่านอ๋องยังไม่กลับมา ดังนั้นจึงไม่ควรออกไปล้างบางตอนนี้ ปราการเจิ้นเป่ยเป็นสถานที่อันตรายที่ป้องกันได้ง่าย แต่โจมตีได้ยาก ท้ายที่สุดแล้ว การโจมตีนั้นยากกว่าการป้องกัน“ท่านแม่ทัพเซียว ทราบหรือไม่ว่าคนเหล่านั้นคือใคร?”เซียวเฝิง
เย่เสวียนถิงตัวแข็งทื่อทันทีม้าของเขาเดินหมุนเป็นวงกลม สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความลังเลอย่างชัดเจนซูชิงอู่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และพูดว่า "ข้าสัญญากับท่านว่าจะไม่ไปสถานที่อันตราย"เย่เสวียนถิงถอนหายใจ "ค่ายทหารไม่มีกฎให้สตรีเข้าร่วม"ซูชิงอู่ยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะปลอมตัวเป็นบุรุษ"เย่เสวียนถิง "..."เมื่อนึกถึงทักษะการปลอมตัวอันยอดเยี่ยมของซูชิงอู่ เย่เสวียนถิงก็ลังเลขึ้นมาอีกครั้งด้วยความสามารถของนาง คงไม่มีใครสามารถจับได้ว่านางปลอมตัวเป็นบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นการปลอมตัวหรือเปลี่ยนเสียง นางก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเย่เสวียนถิงเห็นความกระตือรือร้นในดวงตาของซูชิงอู่ พลางถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองนางอย่างจนใจและพูดว่า "ก็ได้ แต่เจ้ารับปากข้ามาก่อนว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ"ทันใดนั้นดวงตาของซูชิงอู่ก็ส่องประกาย "ท่านอ๋อง ไปกันเถอะ"นี่เป็นครั้งแรกที่ซูชิงอู่ไปที่ชายแดนชาติก่อนนางวางตัวเป็นกุลสตรี จึงแทบไม่ได้ออกจากเมืองหลวงเลยผู้คนนับหมื่นในเมืองฉี ก่อนหน้านี้ถูกพวกเขาพาไปอยู่เมืองอื่น และเมื่อเย่เสวียนถิงจากมาก็พาพวกเขามาด้วยอย่างน้อยผู้คนมา
นางออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ พ่อแม่ของนางเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนเหล่านั้น และนางต้องการแก้แค้นเย่เสวียนถิงเหลือบมองนาง จากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ“อาอู่ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวคนเดียว ไว้รอข้ากลับมาก่อน”ตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้ แคว้นอู๋ตะวันตกก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอนเพียงแต่ยังไม่ทราบว่าสงครามนี้จะกินเวลานานเท่าใดเย่เสวียนถิงได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาท ข่าวการกลับมาของเขาต้องแพร่กระจายออกไปแน่ สิ่งที่เขาต้องทำคือเคลื่อนไหวให้เร็วกว่าคนส่งข่าวเหล่านั้นซูชิงอู่ที่เห็นว่าเขาเปิดเผยใบหน้า นางก็รู้ได้ว่าเขากำลังจะจากไปตอนนี้ปัญหาของตระกูลเจียวได้รับการแก้ไขแล้ว ไม่มีอุปสรรคในราชสำนัก และนางไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของนางและคนอื่น ๆ อีกต่อไปเย่ชิวหมิงจะนำกองทหารที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงตามล่าตระกูลเจียวที่เหลือ และนางก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงแล้ว“เสวียนถิง ท่านจะออกเดินทางวันนี้ใช่หรือไม่?”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเขาเหลือบมองลูกชายอีกสองคนแล้วเดินไป แม้เขาจะไม่ได้กอดพวกเขา แต่อย่างน้อยก็ลูบหัวพวกเขาลูกชายคนโตเหมือนเขามากกว่าใบหน้าเล็ก ๆ ที่อ้วนท้วนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแ
เย่เสวียนถิงออกบ้านมานานถึงเพียงนี้ ทำได้แค่คอยไปแอบมองเด็ก ๆ ลับหลังเท่านั้น และไม่เคยแม้แต่จะเข้าไปอยู่ใกล้เด็ก ๆ เลยคราวนี้เขาถอดหน้ากากออกเพื่อเปิดเผยตัวตน ซึ่งทำให้หลายคนในห้องตกใจอวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงก้าวไปมองเย่เสวียนถิงด้วยสีหน้าตกใจซูชิงอู่เห็นเขายืนอยู่ข้างเตียงด้วยความระมัดระวัง และเห็นสายตาท่าทางของเขาที่กำลังจับจ้องไปเด็ก ๆ นางจึงยื่นตัวเจ้าหนูคนเล็กส่งให้อีกฝ่าย“มาสิ อุ้มลูกสาวท่านหน่อย”เด็กหญิงตัวเล็กผู้มีพี่ชายสองคนที่เกิดในเดือนเดียวกันหลังจากการเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่เดือน จากรูปร่างที่เล็กและบอบบางในตอนแรก นางก็กลายเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่แกะสลักด้วยหยกสีชมพูลักษณะหน้าตาของนางเหมือนซูชิงอู่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดดวงตาที่คล้ายองุ่นสีดำคู่นั้นงดงามราวกับอัญมณีที่บริสุทธิ์ที่สุดในใต้หล้าเย่เสวียนถิงรู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้าหนูคนเล็ก และใจของเขาก็ห่อเหี่ยวทันทีเมื่อเขานึกถึงการที่ซูชิงอู่เกือบจะประสบเหตุตอนที่นางให้กำเนิดเด็กคนนี้เขาแตะปลายจมูกของเจ้าหนูคนเล็กอย่างระมัดระวังสัมผัสที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น“ฮัดชิ่ว
เย่เสวียนถิงไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่ยังไว้ซึ่งท่าทีเคารพนอบน้อม “เสด็จแม่ทรงไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ”“แม่จะไม่กังวลได้อย่างไร”ซูไทเฮาตอบกลับ แต่นางก็รู้เช่นกันว่านางทำอะไรไม่ได้ “ตอนนี้เจ้ากลับมาเช่นนี้ หลายคนก็น่าจะเห็นแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหากทางชายแดนได้รับข่าวหรือ?”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ "กลับมาคราวนี้ ประการแรกก็เพื่อความปลอดภัยของอาอู่ และประการที่สอง เพื่อล่องูออกจากรูและจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งตัว ไม่สำคัญว่ากระหม่อมจะอยู่ที่ชายแดนหรือไม่ ขอเพียงกระหม่อมปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมก็พอพ่ะย่ะค่ะ”ซูไทเฮาตกตะลึง “ช่างเถอะ ข้าก็ค่อยไม่เข้าใจกลยุทธ์ในสนามรบของพวกเจ้านัก ขอเพียงพวกเจ้าทุกคนปลอดภัย ก็ดียิ่งกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว"ซูไทเฮายังไม่รู้ว่าเจียวกุ้ยเฟยทำอะไรลงไป เมื่อซูชิงอู่ตามเข้าไปข้างใน นางก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนและหลังให้ซูไทเฮาฟังเมื่อซูไทเฮาได้ยินว่าเจียวกุ้ยเฟยแอบพาสตรีนางหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ออกจากพระราชวัง และซ่อนนางไว้ในสำนักสงฆ์ฮุ่ยชิง ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด“หรือที่ตระกูลเจียวทำเช่นนี้เพราะต้องการก่อกบฏ?”ซู
ทหารม้าของตระกูลหลิ่วและเมืองฉีต่างหิวโหย พวกเขาเร่งฝีเท้าตามมาทันที เพื่อเตรียมหาสถานที่พักฟื้นเมื่อเย่ชิวหมิงเห็นภาพนี้ นิ้วมือของเขาที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวก็กระชับขึ้นเล็กน้อยเขามองลงไปที่พื้น “ศพทั้งหมดในสำนักสงฆ์ฮุ่ยชิงถูกกำจัดไปแล้วหรือยัง?"“ทูลฝ่าบาท จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทุกศพถูกรวมไว้ด้วยกันและให้คนนำไปฝังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”คนที่ส่งข่าวหยุดชะงักและถามว่า “มีอยู่หนึ่งศพที่กระหม่อมและคนอื่น ๆ ไม่สามารถตัดสินใจได้ ขอฝ่าบาทโปรดทรงช่วยตัดสินใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ศพหนึ่งถูกลากมาศพมีเลือดออกจากทุกช่องทวาร และมีคราบเลือดทั่วร่างกายขุนนางชันสูตรศพผู้หนึ่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบศพแล้วจึงรายงานด้วยเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท สตรีนางนี้ตั้งครรภ์ได้เกือบสามเดือนแล้ว และนางก็สวมหน้ากากหนังมนุษย์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ขณะที่ขุนนางชันสูตรพูด เขาก็ถอดหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของอีกฝ่ายออกอย่างระมัดระวัง และเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางนางเป็นสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างงดงามเพียงแต่ว่าสภาพการตายของนางในเวลานี้ช่างน่าสังเวชอย่างยิ่ง สีหน้าของนางบิดเบี้ยว ริมฝีปากสีแดงของนางกลายเป็นสีดำ แ
ความรู้สึกนี้ว่างเปล่าเล็กน้อย และซูชิงอู่ก็รีบเดินออกจากประตูบ้านทันทีและมองออกไปข้างนอกเมื่อมองที่นี่ในเวลากลางวัน ทิวทัศน์ก็งดงามเป็นพิเศษไม่ง่ายเลยที่จะหาสถานที่เช่นนี้ในเขตชานเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงได้นางรีบวิ่งออกไป ไม่ไกลนัก นางเห็นเย่เสวียนถิงนำม้ามาที่นี่ เขาเร่งฝีเท้าเข้ามาหานาง พลางยื่นมืออุ้มนางขึ้นหลังม้า“เสวียนถิง ไปเอาม้ามาจากไหน?”เย่เสวียนถิงพูดข้างหูของนาง “เย่ชิวหมิงให้คนส่งมาให้”เมื่อได้ยินชื่อนี้ ซูชิงอู่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เขาน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักชีฮุ่ยชิงอันแล้ว ไปหาเขากันเถอะ"เย่เสวียนถิงไม่ได้สวมหน้ากาก และใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างยิ่งของเขาก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคนอย่างน่าประทับใจกองทัพเมืองฉีรู้ตัวตนของท่านอ๋องมานานแล้ว ดังนั้นสีหน้าท่าทางของพวกเขาจึงเป็นธรรมชาติมาก ทว่าเหล่าแม่ทัพและรองแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ชิวหมิงต่างก็เบิกตากว้าง“ทะ...ท่านอ๋องเสวียน!”“เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”"หากอ๋องเสวียนอยู่ในเมืองหลวง แล้วที่ชาย..."ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อมีเพียงเย่ชิวหมิงเท่านั้นที่พอจะคาดเดาความจริงได้แล้
ซูชิงอู่คว้าเสื้อคลุมที่เขาสวมบนตัวนางแล้วถามอย่างไม่สบายใจว่า “แล้วท่านล่ะ?"เย่เสวียนถิงหลุบสายตาลงเล็กน้อย มีแสงจันทร์สะท้อนในดวงตาของเขา "บนภูเขาไม่ปลอดภัย ข้าจะเฝ้าอยู่ข้างนอก"ซูชิงอู่ไม่ถามอะไรอีก นางเดินไปที่บ่อน้ำและถอดเสื้อผ้าของนางออกหากเย่เสวียนถิงไม่อยู่ที่นี่ นางคงไม่สามารถอาบน้ำในป่าได้ง่าย ๆเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ ซูชิงอู่จึงรู้สึกค่อนข้างปลอดภัยหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นเสื้อผ้าวางอยู่บนฝั่งขนาดกำลังพอดีสำหรับนาง ราวกับมันถูกเตรียมไว้เพื่อนางโดยเฉพาะหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนไหล่เขาขนาดไม่ใหญ่นัก นอกจากบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ในบริเวณบ้านพักแล้ว ก็มีบ้านเพียงห้าหลังเท่านั้นบ้านที่อยู่ตรงกลางคือหลังที่ใหญ่ที่สุด ซูชิงอู่เดินเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็พบว่าข้างในบ้านตกแต่งเรียบง่ายและสะอาดสะอ้านเดินเข้าไปข้างในก็คือบ้านที่ใช้อยู่อาศัย มีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง นอกจากตรงจุดนี้ที่ได้รับการทำความสะอาดแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเป็นชั้น เห็นได้ชัดว่าเย่เสวียนถิงเข้ามาทำความสะอาดให้เมื่อครู่ซูชิงอู่รู้สึกอบอุ่นใจทว่านางไม่ได้ออกปาก