สงครามครั้งนี้กินเวลานานกว่าหนึ่งปีและจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของแคว้นอู๋ตะวันตกในที่สุดบรรดาผู้คนที่เคยคิดว่าแคว้นหนานเย่ไม่เจียมตัวและยั่วยุแคว้นหนานเย่ต่างตกตะลึงทั้งสองแคว้นยุติการสู้รบ และองค์รัชทายาทแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกซึ่งเป็นผู้ถืออำนาจได้ลงนามในสัญญาสงบศึกด้วยตนเองจากนี้ไป แคว้นอู๋ตะวันตกไม่เพียงแต่ส่งตัวเชลยกลับไปยังดินแดนของแคว้นหนานเย่เท่านั้น แต่ยังจะให้เมืองชายแดนทั้งสิบสองเมืองส่งเครื่องบรรณาการให้ทุกปีกองทัพเขตเจิ้นเป่ยได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ช้าข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปยังเมืองหลวงของแคว้นหนานเย่หลังจากที่เย่ชิวหมิงผู้เป็นฮ่องเต้ได้รับข่าว เขาก็สั่งแต่งตั้งอ๋องเสวียนให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนแม้ต้องแบ่งใต้หล้าให้เขาก็ยินดีหนึ่งเดือนต่อมา ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงนำชัยชนะกลับมายังราชสำนักพร้อมกับกองทัพเขตเจิ้นเป่ยบางส่วนและคนที่ติดตามซูชิงอู่กลับมาด้วยก็ยังมีซูเชียนหมิงพี่รองของนางหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งก่อน ซูเชียนหมิงก็ได้พักฟื้นอยู่ในกองทัพ ด้วยความที่เขายังหนุ่มแน่นสุขภาพดี ตอนนี้จึงฟื้นตัวกลับมาได้มากกว่าครึ่ง และไม่ส่งผลกระทบกับการเคลื่อนไหวที
ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงรื้นทันที และนางก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กน้อยตัวอ้วนท้วมทั้งสองคน“สูงขึ้นถึงเพียงนี้แล้วสินะ อีกทั้งยังเดินได้ด้วย และเดินกันเก่งมาก!”ซูไทเฮาหัวเราะเบา ๆ และทันใดนั้นนางก็ก้มลงไปตบศีรษะเจ้าหนูคนโตและเจ้าหนูคนรองเบา ๆ “ไหน เรียกแม่ซิ”เด็กน้อยทั้งสองเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเหมือนลูกองุ่นสีเข้มเปล่งประกายสดใสเจ้าหนูคนโตมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูชิงอู่พลางยกมือคว้าปอยผมยาวของนางเขาไม่ได้ออกแรงดึง เพียงแต่พูดด้วยความประหลาดใจ “แม่...จ๋วย…”เจ้าหนูคนรองปล่อยมือของซูไทเฮา จากนั้นเดินเตาะแตะทีละก้าวไปหาซูชิงอู่ พลางอ้าแขนกอดนาง“ตั้นแม่...”ดวงตาของซูชิงอู่เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อเป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเด็กน้อยทั้งสองพูดแม้จะพูดไม่ชัดแต่ก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนนางรู้ว่าเด็ก ๆ กำลังบอกว่านางสวยซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วและหัวเราะแต่ก็ความรู้สึกผิดผุดขึ้นในใจเช่นกันนางอุ้มลูกทั้งสองคนของตนไว้ในอ้อมแขน“แม่ขอโทษที่ไม่ได้มีเวลาอยู่กับพวกเจ้านะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูไทเฮาก็กล่าวว่า “สำหรับเจ้าและเสวียนถิงแล้วมันไม่ง่ายเลย คราว
ข้างในมีแต่ความเงียบหรงหย่าที่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็ลุกขึ้นมา นางรีบเงยหน้ามองมาอย่างมีความสุขทันทีทว่านางไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ แต่กลับทำท่าบอกให้เงียบ ๆ และกระซิบว่า “พระชายา องค์หญิงน้อยกำลังหลับอยู่เพคะ”องค์หญิงน้อย?ลูกสาวของนางกลายเป็นองค์หญิงตั้งแต่เมื่อไร?เมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของซูชิงอู่ หรงหย่าจึงยิ้มและลดเสียงพูด“ไม่นานมานี้ ฝ่าบาททรงแต่งตั้งท่านอ๋องให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน และทรงพระราชทานคำเรียกว่าองค์หญิงให้กับท่านหญิงน้อย ได้รับการปรนนิบัติดุจองค์หญิงในราชวงศ์เพคะ”ซูชิงอู่พยักหน้าเล็กน้อยสื่อว่าเข้าใจนี่เป็นการซื้อใจนางของเย่ชิวหมิงต้องบอกว่าเย่ชิวหมิงเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ หลังจากได้เป็นฮ่องเต้แล้ว นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปซูชิงอู่มองไปยังเด็กน้อยสองคนแล้วทาบนิ้วที่ริมฝีปาก “เงียบเสียงหน่อยนะ น้องสาวกำลังหลับอยู่”เจ้าหนูคนโตเลียนแบบการท่าทางของซูชิงอู่พลางพูดกับเจ้าหนูคนรอง “น้อง... หลับ”เจ้าหนูคนรองเบิกตากลมโตของตนเองแล้วยกมือน้อย ๆ เนื้อขาวผ่องขึ้นมาปิดปากทันทีจากนั้นเขาก็ขยับตัวเหมือนหนูตัวน้อยที่มาขโมยของและเดินเข้าไปในห้องทีละก้าวเด็กน้อยท
“ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือ?”หรงหย่าพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่นานมานี้องค์หญิงน้อยไปเล่นซน และเป็นเพราะสาวใช้ในจวนเองก็ไม่ระมัดระวัง ถูกองค์หญิงน้อยดึงปิ่นปักผมออกมาจนบังเอิญทำให้มือน้อยบอบบางของนางเป็นแผลเล็ก ๆ หนึ่งแผล แต่แผลนั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร พระชายาไม่ต้องกังวล ตอนนี้นางหายดีแล้วและไม่เหลือรอยแผลเป็นแม้แต่น้อย ข้าถึงได้ค้นพบความผิดปกติขององค์หญิงน้อย”“เจ้าเคยพูดเรื่องนี้กับใครบ้างหรือไม่?”“ไม่มี ๆ ข้าจะกล้านำเรื่องที่เกี่ยวกับองค์หญิงน้อยไปพูดให้ใครฟังได้อย่างไร?”หรงหย่ารีบตอบซูชิงอู่ครุ่นคิด สภาพของลูกสาวนางเหมือนกับตอนที่นางยังเป็นเด็กทุกประการ“แล้วเด็กน้อยอีกสองคนล่ะ?”“ท่านชายน้อยทั้งสองไม่ต่างจากเด็กทั่วไป พวกเขามีเพียงแค่ร่างกายดีขึ้นและมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างมาก”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้างนางมีสิ่งหนึ่งที่สงสัยมาตลอดเหตุใดท่านแม่ที่ไม่ชอบอัครเสนาบดีซูแต่กลับให้กำเนิดลูกให้เขามากมายถึงเพียงนี้?แม้แรกเริ่มอัครเสนาบดีซูจะไม่ได้ทำความผิดใหญ่หลวงเช่นนั้น แต่ท่านแม่ของนางก็คงไม่ละเลยสุขภาพของตัวเองราวกับนางต้องการให้กำเนิด
ทันใดนั้นดวงตาของซูชิงอู่ก็เบิกกว้าง และนางก็ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยว“ข้าจะไปตรวจสอบอะไรหน่อย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หรงหย่าก็ถามอย่างสงสัย “พระชายาคิดอะไรออกหรือ?”“อืม ข้ากำลังคิดว่ามีเงื่อนไขอะไรในการคัดเลือกสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ความพิเศษของลูกสาวของข้าและตัวข้าอาจจะสืบทอดมาจากท่านแม่ของข้า แต่ท่านแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว และตอนนั้นข้าก็ยังเด็กมาก จึงไม่รู้ความจริงของเรื่องนั้น”ถึงอย่างไรหรงหย่าก็ไม่ได้เป็นคนในของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นสิ่งที่นางเข้าใจจึงไม่ชัดเจนแต่นางก็จับประเด็นสำคัญได้“พระชายา ท่านมีสายเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูชิงอู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพยักหน้าเบา ๆ “ไม่เพียงแค่นั้น ข้ายังคิดว่าทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์รู้ตัวตนของลั่วเอ๋อร์กับข้ามานานแล้ว”กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาเป็นศัตรูในเงามืดและพวกนางก็อยู่ในที่แจ้งมาโดยตลอดหมอตำแยที่ถูกติดสินบนตอนที่ทำคลอดนาง รวมไปถึงการลอบสังหารนับหลายครั้ง ล้วนมุ่งเป้าไปที่นางและลูกสาวของนางสายเลือดของทั้งสองมีบทบาทสำคัญต่อภูเขา
จากคำพูดของบ่าวชรานางนั้น ซูชิงอู่แน่ใจกับความจริงนั้นแล้วทว่าความจริงนี้กลับทำให้นางรู้สึกเศร้าท่านตาของนางเป็นคนดีมากคนหนึ่ง อีกทั้งเขากับท่านยายก็รักกันมาก และอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าโดยไม่เคยทะเลาะกันเลยตอนที่นางยังเป็นเด็ก ท่านแม่บอกว่านางอิจฉาท่านยายอย่างที่สุดที่ได้พบรักกับบุรุษเช่นท่านตาน่าเสียดายที่ท่านยายสุขภาพไม่ดีและจากโลกนี้ไปเร็วหลังจากที่นางจากไป ท่านตาก็เสียใจมาก และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็สิ้นใจตามนางไปความสัมพันธ์ของทั้งสองในตอนนั้นเป็นเรื่องราวที่ดีอย่างแน่นอนดวงตาของเย่เสวียนถิงขรึมลง“อาอู่ เจ้าอยากลากคนผู้นั้นออกมาหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้าแรง ๆ“กุ้ยเฟยแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกก็คงจะเป็นลูกสาวของคนผู้นั้น นางอายุพอ ๆ กับท่านแม่ของข้า แต่นางน่าจะเกิดมาจากสตรีอื่น นางมีสถานะสูงส่ง บางทีเราอาจได้รู้ความลับอย่างอื่นเพิ่มจากปากของนาง”เย่เสวียนถิงกล่าวว่า “นางหายตัวไปแล้ว”หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหลังจากที่สตรีนางนั้นถูกจับกุม นางก็หนีออกจากคุกหลวงของแคว้นอู๋ตะวันนตกไปอย่างไร้ร่องรอย นางก็คงถูกพวกเขาจับกลับมาด้วยแล้วซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท้องฟ้ากว
“?”ซูชิงอู่จ้องเข้าไปในดวงตาของเย่เสวียนถิง“ท่านอ๋อง ท่านเอาจริงรึ?”“อืม คิดว่าข้าล้อเล่นหรือ?”ท่าทางของเย่เสวียนถิงจริงจังมาก ดูไม่เหมือนว่าเขากำลังล้อเล่นซูชิงอู่คิดวิธีแก้ปัญหาไว้นับไม่ถ้วน แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่าเย่เสวียนถิงจเป็นฝ่ายออกความเห็น อีกทั้งยังบอกว่าเขาจะปลอมตัวเป็นนาง“แต่...ส่วนสูงท่านอ๋องกับข้านั้นห่างกันมาก มันจะถูกจับได้ง่าย ๆ เอานะ”เย่เสวียนถิงดูเหมือนจะคิดแผนมาดี“นั่งในรถม้าก็มองไม่ออกหรอก”โอ้นี่คือสิ่งที่ซูชิงอู่คิดไม่ถึงเย่เสวียนถิงวางท่าพลางมองไปที่ซูชิงอู่และพูดอย่างจริงจัง“ข้าจะจับทุกคนที่กล้าเข้ามาหา”ซูชิงอู่กะพริบตาปริบ ๆ“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่ากำลังจับแมลงวันหรือ?”เย่เสวียนถิงหัวเราะเบา ๆจากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปเกาจมูกของซูชิงอู่ด้วยความรักใคร่“การปกป้องเจ้าและเด็ก ๆ ให้ปลอดภัยเป็นสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำเพื่อพวกเจ้าได้”คำพูดเหล่านั้นทำให้ซูชิงอู่ประทับใจเพราะเย่เสวียนถิงไม่เคยทำแค่พูด“ก็ได้ คราวนี้ข้าจะทำตามแผนของท่านอ๋อง”ครั้งนี้งานเลี้ยงฉลองก็เสร็จสิ้นไปด้วยดีเช่นกันนี่เป็นครั้งแรกที่แคว้นหนานเย่ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ใน
นางดึงผ้าห่มด้านนอกออก เผยให้เห็นเพียงตุ๊กตาผ้าที่ดูน่ารักอยู่ข้างในองค์หญิงห้าเป็นคนทำตุ๊กตาตัวนี้ให้เสี่ยวลั่วเออร์ด้วยตัวเอง และครั้งนี้มันก็มีประโยชน์อย่างมากเพื่อให้ทุกอย่างดูสมจริงยิ่งขึ้น ซูชิงอู่จึงทิ้งห่อผ้าที่ห่อลูกสาวของนางไว้ระหว่างทางส่วนคนที่มารับนางไปคือเย่เสวียนถิงที่เดินทางมาช่วยเหลือทุกอย่างถูกดำเนินการด้วยความระมัดระวังซูชิงอู่มองออกไปข้างนอกและเห็นว่าท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้วช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงมือคือหลังฟ้ามืดเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าไร้ซึ่งแสงสว่างแล้ว ในที่สุดซูชิงอู่ก็อุ้มห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากห้องนางหลบสายตาของทุกคนมายังถนนด้านหลังเขาวัดเหลียงซาน และลงจากภูเขาไปเพียงลำพังเหตุผลที่ซูชิงอู่ทำเช่นนี้ก็เพราะเมื่อเดือนก่อน นางและเย่เสวียนถิงแอบตามหาคนมีความสามารถที่สามารถรักษาองค์หญิงน้อยได้จากนั้น เมื่อครึ่งเดือนก่อนก็ได้ยินมาว่ามีภิกษุเต๋าชราท่านหนึ่งเปี่ยมความสามารถและได้รักษาเด็กที่เป็นโรคทางสมองแต่กำเนิดมาหลายคนแล้วหลังจากติดต่อกับภิกษุเต๋าท่านนั้นไป ภิกษุเต๋าก็ได้กำชับให้ทั้งสองคนไปหาเขาในวันและเวลาที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ และห้าม
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้