ทันใดนั้นขุนนางชันสูตรศพก็พูดว่า "พระชายา ที่ศพมีกลิ่นหอมบางอย่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ กลิ่นดูคล้ายกับ...คล้ายกับของพระสนมมากเลยพ่ะย่ะค่ะ"ในเวลานี้ ฮ่องเต้เฒ่าได้พาคนรุดมาถึงที่นี่เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียด และฟังรายงานจากคนรับใช้ ฮ่องเต้เฒ่าก็พูดด้วยสีหน้าไม่แยแส "แค่นางบำเรอคนหนึ่งเท่านั้นเอง ตายแล้วก็ให้มันแล้วกันสิ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาองค์รัชทายาทและจับมือสังหาร อย่าเปลืองแรงไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญเช่นนี้!”ชายารัชทายาทฟังออกว่าฮ่องเต้เข้าข้างอีกฝ่ายกุ้ยเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมาหาจักรพรรดิเฒ่าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำใส ๆ ในฤดูใบไม้ร่วง นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ฝ่าบาท พระองค์ไม่จำเป็นต้องวิตกในเรื่องนี้เลยเพคะ หม่อมฉันจัดการเองได้ พระองค์เสด็จกลับไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ”ฮ่องเต้เฒ่าไม่แม้แต่จะมองศพที่อยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ“สนมที่รักของข้ารีบกลับนะ”“รับพระบัญชาเพคะ”ภาพที่พวกเขาสองคนกำลังกระหนุงกระหนิงไม่สอดคล้องกับบรรยากาศอีกด้านหนึ่งเลยเห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่ามีศพนอนทอดร่างอยู่ตรงนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ชายารัชทายาทได้รู้ว่าการได้รับความโปรดปรานนั้นคืออะไรไม่แปลก
ซูชิงอู่ปรากฏตัวต่อหน้าชายารัชทายาทในรูปลักษณ์เดิมนางยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าเห็นว่าระหว่างพระชายากับกุ้ยเฟยมีความขัดแย้งกัน อีกทั้งกุ้ยเฟยก็ข่มขู่ท่าน...""อื้อ..."เมื่อเห็นชายารัชทายาทต้องการจะพูดเย่เสวียนถิงก็ปล่อยนางชายารัชทายาทมีท่าทีสงบลงและไม่ได้กรีดร้อง เพียงแต่มองใบหน้าของซูชิงอู่อย่างระแวดระวังมอง ๆ ไปแล้ว แม้อีกฝ่ายจะเป็นสตรี แต่นางก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดูน่าทึ่งจริง ๆ“พวกเจ้าลอบเข้ามาในพระราชวังได้อย่างไร? ไม่สิ...เจ้าคืออวิ๋นอู่นี่!”ชายารัชทายาทนึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ และดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นในทันทีเมื่อซูชิงอู่เห็นว่าตัวตนก่อนหน้านี้ของตนถูกเปิดโปงก็ไม่ได้โกรธ ราวกับนางยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด จากนั้นก็นางหยิบกล่องน้ำยาประทินผิวออกมาจากอ้อมอกแล้ววางไว้ตรงหน้าชายารัชทายาท“ใช่ น้ำยาประทินผิวใช้ดีหรือไม่? พระชายา…”“พวกเจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”"จุดประสงค์?"เมื่อได้ยินคำถาม ซูชิงอู่ก็ยิ้มขึ้นมา“ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราจะไปมีจุดประสงค์อะไรได้ ที่นี่มีข้ากับท่านอ๋องเพียงสองคน แต่ในวังมียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น ท่านกลัวว่า
เมื่อชายารัชทายาทถูกปล่อย นางก็ไม่ได้ดิ้นรนหรือร้องตะโกนออกมา เพียงแต่หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านอย่างระมัดระวังเห็นข้อความเขียนไว้ในทุกแผ่นว่าเป็นยาสงบครรภ์“ยาสงบครรภ์...มีพระสนมคนใดในวังหลังตั้งครรภ์หรือ?”ซูชิงอู่ยิ้มเบา ๆ “พระชายาคิดว่าเทียบยานี้ถูกทำขึ้นมาให้ใครรึ?”ภายในวังหลัง สตรีที่ตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสามเดือนจะไม่มีการประกาศออกไปว่าตั้งครรภ์และจะถูกเก็บเป็นความลับดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาข้อมูลประเภทนี้เว้นแต่จะสอบถามกับคนสนิทม่านตาของชายารัชทายาทหดตัวลงเล็กน้อย และอารมณ์ต่าง ๆ ในดวงตาของนางก็ค่อย ๆ เริ่มสั่นคลอนเมื่อเห็นว่านางเข้าใจสิ่งที่ตนต้องการจะสื่อ ซูชิงอู่ก็ยิ้มและพูดว่า "ท่านรู้ภูมิหลังของกุ้ยเฟยหรือไม่?"ชายารัชทายาทส่ายหัวนางเพียงได้ยินมาว่ากุ้ยเฟยถูกฮ่องเต้พาตัวกลับมาจากข้างนอกเมื่อสิบปีก่อน และนางก็ได้รับความโปรดปรานนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหลังจากที่นางมาถึง ฮ่องเต้ก็หลงใหลในตัวนางอย่างสมบูรณ์และอยู่ในวังหลังมาเป็นเวลาหลายปีดังนั้นแม้แต่องค์ชายที่อายุน้อยที่สุดในตอนนี้ก็มีอายุสิบกว่าปีคนอื่นคิดว่าฮ่องเต้เฒ่าชราแล้ว คงจะมีทายาทไม่ได้ แต่ตอน
ชายารัชทายาทตกตะลึงเพราะท่าทางของซูชิงอู่แต่นางก็ไม่ละทิ้งความระมัดระวังซูชิงอู่ค่อย ๆ โน้มน้าว “พระชายาก็อยากจะจัดการกับกุ้ยเฟยด้วยนี่ ดังคำกล่าวที่ว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อบังคับให้พระชายาเช่นท่านทำสิ่งใดที่ทำให้แคว้นอู๋ตะวันตกเสียผลประโยชน์หรอก แค่ต้องการช่วยให้ท่านได้สิ่งที่เป็นของตัวเองคืนมา สิ่งที่ท่านต้องทำคือให้ที่หลบภัยที่ดีในระดับหนึ่งแก่พวกข้า”ชายารัชทายาทหรี่ตาลงเล็กน้อย "หากเป็นเช่นนั้น ใครไปจะรู้ เจ้าอาจจะทำอะไรให้แคว้นอู๋ตะวันตกต้องเสียหายก็ได้จริงหรือไม่"แม้ชายารัชทายาทจะเป็นสตรี แต่นางก็เข้าใจความหมายของการภักดีต่อประมุขของแผ่นดินและการรักชาติตอนนี้นางเป็นเพียงสตรีที่ขี้ขลาดอ่อนแอ แต่หากอีกฝ่ายคิดจะใช้ประโยชน์จากนางทำเรื่องชั่วช้าก็ถือว่าคิดผิดมหันต์ซูชิงอู่ไม่โกรธที่ชายารัชทายาทระมัดระวังมากถึงเพียงนี้ นางแค่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้ามีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นคือการจับกุ้ยเฟย ขอแค่เรื่องนี้เสร็จสิ้น พวกข้าก็จะไปจากที่นี่ทันทีและจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบาก”ตอนนี้อีกฝ่ายมีหลายวิธีที่จะทำอะไรกับนางก็ได้ทว่าท่าทีของซูชิงอู่ที่ไม่ก้า
นางยกมือสัมผัสใบหน้าของบุตรีอย่างเศร้าโศกและโกรธเคือง“ลูกไม่ต้องกังวลไปนะ ตอนนี้องค์รัชทายาทไม่อยู่ในตำหนัก แม่จะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อของเจ้าและให้เขาไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อขอความยุติธรรมให้กับเจ้า ใครหน้าไหนที่ทำร้ายลูกของข้าให้เป็นเช่นนี้ มันผู้นั้นจะต้องชดใช้!”ในที่สุดชายารัชทายาทก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหลังจากได้ยินคำพูดปกป้องของมารดา นางเองก็เป็นบุตรีที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง นางจะยอมคับข้องใจเพราะเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรอีกฝ่ายสาดยาอะไรก็ไม่รู้ใส่หน้านางกลางดึกจนเกือบทำให้ใบหน้าของนางเสียโฉม แม้จะบอกไม่ให้นางติดใจ แต่จะให้นางทำเช่นนั้นได้อย่างไร?แม้ซูชิงอู่จะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ชายารัชทายาทและกุ้ยเฟยก็แตกหักกันไปแล้ว!ซูชิงอู่ลุกขึ้นไปปิดประตูหลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟังอยู่ข้างนอก ชายารัชทายาทก็พูดกับมารดาของนางอย่างจริงจังว่า "ท่านแม่ ลูกพบบางสิ่งที่ผิดปกติเจ้าค่ะ กุ้ยเฟยน่าจะตั้งครรภ์และกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการวางแผนอนาคตให้กับลูกของนาง”ความลับนี้ทำให้ฮูหยินฉางหน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน“เจ้าพูดจริงหรือ?”เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์ทั
"กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ..."สีหน้าท่าทางของกุ้ยเฟยดูไม่สู้ดี ขณะที่นางกำลังจะเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากข้างนอกนางเห็นฮ่องเต้เดินมาที่ประตูตำหนักของนางพร้อมมองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม“กุ้ยเฟย เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าสักคำว่าเจ้าตั้งครรภ์? ข้าได้พาหมอหลวงมาตรวจร่างกายเจ้าให้แล้ว”ท่าทางของกุ้ยเฟยไม่สู้ดีแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนางที่จะปฏิเสธรับสั่งของฮ่องเต้นางยอบกายคำนับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นลุกมานั่งบนเก้าอี้ ให้หมอหลวงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้เฒ่าแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกที่อยู่อีกด้านหรี่ตาลงพลางมองไปที่หมอหลวง "เป็นอย่างไรบ้าง?"หมอหลวงตอบทันที “ทูลฝ่าบาท พระสนมตั้งครรภ์ได้ประมาณสามเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หัวใจของกุ้ยเฟยเต้นรัวเมื่อเห็นสีหน้าของฮ่องเต้เฒ่าเพราะนางเห็นว่าสีหน้ายิ้มแย้มแต่เดิมของฮ่องเต้เฒ่าตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นแต่เขาซ่อนมันได้ดีมากและต่อมาก็ทำสีหน้ากลับมาเป็นปกติ“ดีมาก ไปสั่งยาสงบครรภ์ชั้นดีให้กับกุ้ยเฟยด้วย”"ฝ่าบาทเพคะ!"กุ้ยเฟยลังเลที่จะพูด พลางมีสีหน้าแข็งค้างนางคาดไม่ถึงว่าความลับของนางจะถูกเปิดเผยเร็วถึงเพียงนี้ฮ่องเต้โบก
ฮ่องเต้เฒ่าหัวเราะเบา ๆ และรอยยิ้มนี้ทำให้กุ้ยเฟยรู้สึกขนลุกในช่วงเวลานั้นนางพยายามใช้สิ่งนี้ขู่ฮ่องเต้เฒ่าให้ทำสิ่งต่าง ๆ แทนนาง แต่กลับถูกเล่นงานและถูกส่งไปจองจำในตำหนักเย็นหากศิษย์พี่ของนางไม่มาช่วยเหลือ เกรงว่านางจะต้องอยู่ในที่คุมขังไปตลอดชีวิต“ข้าไม่สนใจว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าต้องการจะทำอะไร แต่หากมันส่งผลกระทบต่อแคว้นของข้า ข้าจะทำให้พวกเจ้ามีชีวิตที่เลวร้ายและทุกข์ทรมานแสนสาหัส”เขายกมือตบไหล่กุ้ยเฟยเบา ๆ“พรุ่งนี้ ข้าอยากได้ยินข่าวว่ากุ้ยเฟยสูญเสียองค์ชายในครรภ์ จงเชื่อฟังเสีย แล้วข้าก็จะโปรดปรานเจ้าเหมือนเช่นแต่ก่อน”เมื่อกุ้ยเฟยได้ยินเช่นั้น นางก็รู้สึกหวาดหวั่นจนเหงื่อไหลออกมาเต็มหลังตาแก่นี่!นางได้แต่คิดเช่นนั้นอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร หลังจากที่ฮ่องเต้เฒ่าจากไปแล้ว ขาของนางก็อ่อนแรงจนทรุดลงไปกับพื้นนางกัดฟัน สายตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งรออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นเมื่อทางศิษย์พี่ของนางเตรียมตัวพร้อม นางก็ไม่ต้องติดอยู่ในวังหลังของแคว้นอู๋ตะวันตกอีกต่อไป ทั้งยังสามารถทำภารกิจของพ่อบุญธรรมของนางได้สำเร็จ หลบหนีจากทะเลแห่งความทุ
แรงตบนี้เกือบจะทำให้กุ้ยเฟยเวียนหัวนางได้ยินเสียงอื้ออึงในหู สายตาของนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“ท่าน…”ก่อนที่นางจะได้พูดอะไร ฮองเฮาก็คว้าผมยาวของนางไว้“เจ้ากล้าลอบสังหารโอรสของข้าไม่พอยังจะแย่งตำแหน่งของเขาไปอีก แม้วันนี้ข้าจะต้องสละชีวิต ข้าก็จะจัดการเจ้าให้ได้!”กุ้ยเฟยคาดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะทำร้ายนางอย่างกะทันหันนางโกรธจนแสดงสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นนางก็เอื้อมมาคว้าข้อมือของฮองเฮาแล้วใช้แรงดึงนางออกไปฮองเฮาถูกผลักลงกับพื้นอย่างรุนแรง และแล้วสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดสองคนในวังหลังแห่งแคว้นอู๋ตะวันตกก็เข้าตบตีกันทว่าในท้ายที่สุด กุ้ยเฟยก็ยังเหนือกว่า แม้ฮองเฮาจะพานางกำนัลมาด้วยหลายคน แต่นางก็เทียบกับกุ้ยเฟยไม่ได้กุ้ยเฟยมีทักษะการต่อสู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เพราะไม่ได้ระวังในตอนแรกจึงถูกฮองเฮาทึ้งผม เมื่อได้มีโอกาสตอบโต้ นางก็กระแทกฮองเฮาและนางกำนัลที่ติดตามมาลงไปที่พื้นนางกำนัลหลายคนของนางเองก็เข้ามาช่วยด้วย ดังนั้นนางจึงได้เปรียบอย่างรวดเร็วขณะนั้นเองมีคนของตำหนักวิ่งไปรายงานฮ่องเต้ฮ่องเต้เฒ่ากำลังนั่งอยู่ในพระที่นั่งหย่างซินอ่านรายงานการรบล่าสุดที่ส่งมาจากชายแดนด้ว
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้