ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อยในตอนแรกนางรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงเข้าใจอะไรบางอย่างนางมองดูไทเฮาซึ่งตอนนี้ไทเฮาก้มหน้าลงมองไม่เห็นสีหน้า แต่ปล่อยมือจากกลไกฮ่องเต้รีบถาม “ที่ใด?”“ทูลฝ่าบาท อยู่ในตำหนักของหลี่ผิน* มีสาวใช้บอกว่าเห็น แล้วแอบมารายงาน!”หลี่ผิน?ซูชิงอู่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลนี้มาก่อนนางควรจะเป็นเพียงบุคคลที่ไม่เด่นในวังหลังเต๋อเฟยและฮุ่ยเฟยต่างก็เดินไปที่ด้านข้างของซูชิงอู่ เมื่อเห็นสีหน้างุนงงบนใบหน้าของซูชิงอู่ทั้งสองจึงอธิบายทันที“หลี่ผินคนนี้ไม่โดดเด่นอะไร แต่นางอยู่ในวังมาหลายปีแล้ว องค์ฮ่องเต้จะเสด็จไปที่เรือนของนางเป็นครั้งคราว พักนี้ได้ยินว่าในตำหนักเงียบสงบ มีข่าวลือว่านางตั้งครรภ์ แต่ยังไม่ถึงสามเดือนเลยยังไม่ได้ประกาศ”ซูชิงอู่เข้าใจแล้วไทเฮาจงใจโยนความผิดไปให้คนอื่นตั้งแต่การล่อทุกคนมาที่นี่ ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายเป้าหมาย ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างรอบคอบไทเฮาทรงมองการณ์ไกลยิ่งนัก นางไม่ทิ้งหลักฐานให้สาวมาถึงตัวเองได้เลยขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดร้อน ไม่แปลกใจที่นางจะรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งก่อนมาได้ถึงอย่างนั้นนางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“ไ
พระพุทธรูปทองคำองค์สูงใหญ่และหนักอึ้งถูกวางไว้ในห้องโถงด้านข้างของตำหนักหลี่ผินมีผ้าคลุมอยู่ด้านบน แต่ผ้าที่ใช้ปกปิดนั้นไม่สามารถซ่อนอะไรได้เลยหลี่ผินตกใจจนตะลึง เมื่อเห็นฮ่องเต้พาผู้คนเข้ามามากมาย นางก็สับสนอย่างสิ้นเชิงนางและนางกำนัลหมอบคลานและคุกเข่าลงบนพื้นหลี่ผินร้องไห้และพูดว่า “ฝ่าบาทหม่อมฉันไม่ได้ทำ ไม่ใช่ฝีมือของหม่อมฉันจริง ๆ นะเพคะ…”ยกเว้นฮองเฮาและกุ้ยเฟย ยังมีฮุ่ยเฟยและเต๋อเฟย นอกนั้นบรรดาสนมที่มีตำแหน่งต่ำกว่ากลับไปหมดแล้วดังนั้นหลี่ผินจึงพบพระพุทธรูปทองคำหลังจากที่นางกลับมานั่นเองนางเคยคิดจะให้คนยกสิ่งนี้ออกไป แต่ไม่อาจเคลื่อนย้ายมันได้เลยพระพุทธรูปนี้อย่างน้อยต้องใช้คนหลายคนถึงจะยกได้พระพุทธรูปสีทองปรากฏขึ้นมาเฉย ๆ หลี่ผินยังคงตกตะลึง นางคุกเข่าลงบนพื้นและรู้เพียงวิธีขอความเมตตาเท่านั้นหลังจากที่ฮ่องเต้เห็นรูปปั้นพระพุทธรูปทองคำใหญ่เท่าตัวคนอย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดมากเพราะถ้าคนที่เหตุไม่ใช่ตระกูลเจียว แต่เป็นคนที่มาสับเปลี่ยนพระพุทธรูป หลี่ผินจะต้องเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดอย่างแน่นอนเพราะถ้าเป็นตระกูลเจียว พวกเขาไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้
หลี่ผินส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง ริมฝีปากของนางสั่นเทานางคุกเข่าลงบนพื้น ตัวสั่นไปทั้งตัว พร้อมทั้งหน้าถอดสีฮ่องเต้เฒ่าหรี่ตาลงทันที “หลี่ผิน สิ่งที่ไทเฮาตรัสเป็นเรื่องจริงหรือ?”“ไม่จริง ไม่จริงเพคะ...”ฮ่องเต้ตรัสถาม “ไทเฮา พระองค์ตรัสว่าหลี่ผินมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ลูกไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”ไทเฮาทรงก้มหน้าลงพลางถอนหายใจ“เดิมทีหม่อมฉันไม่อยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้สั่งให้คนอื่นปิดเงียบเอาไว้และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คราวนี้หลี่ผินทำการลอบสังหารฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เข้ามา...”พระนางสั่งกะทันหันหลังจากนั้นไม่นาน หมอหลวงก็ถูกคนพาเข้ามาสีหน้าของหมอหลวงยิ่งไม่สู้ดีมากขึ้น ริมฝีปากของเขาซีด และตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อมองไปที่ไทเฮา“พูดมา เจ้าสมคบคิดกับหลี่ผินตั้งแต่เมื่อไหร่? จงทูลฮ่องเต้อย่างละเอียดทุกประการ!”เมื่อหลี่ผินได้ยินเช่นนั้น นางก็มองไปที่หมอหลวงที่ถูกจับตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเหลือเชื่อคนคนนี้เป็นหมอหลวงที่คอยดูแลนางอยู่บ่อย ๆ และทั้งสองคนก็...คุ้นเคยกันดีจริง ๆเพราะครอบครัวทั้งสองของพวกเขามีภูมิหลังที่คล้าย
ฮ่องเต้เฒ่าตรัสถามก่อน “วิธีอะไร?”ซูชิงอู่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตามวิธีโบราณในตำรับยาของตระกูลฟาง มีวิธีระบุญาติโดยการหยดเลือดซึ่งสามารถใช้เพื่อระบุว่าเลือดมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่เพคะ”หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไทเฮาก็ทรงส่งเสียงอย่างเย็นชา “ข้าเคยได้ยินวิธีนี้อยู่ แต่นั่นต้องรอให้เด็กเกิดไม่ใช่หรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “ใช่เพคะ เช่นนั้นก็ต้องรอจนกว่าเด็กจะเกิด”ไทเฮา “...”มุมปากของพระนางกระตุกและทรงจ้องเขม็งไปที่ซูชิงอู่ “วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอก อีกทั้งหากจะรอให้เด็กในท้องของนางคลอดออกมาก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี นางบังอาจลอบสังหารฮ่องเต้ จะให้นางมีชีวิตอยู่อีกได้อย่างไร!”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “แม้แต่อาชญากรร้ายแรงก็ยังถูกลงโทษประหารในช่วงหลังฤดูใบไม้ร่วง แต่กับเด็กในครรภ์ของหลี่ผินที่มีโอกาสเป็นโอรสของฮ่องเต้ ไทเฮาจะทรงรออีกหน่อยไม่ได้เลยหรือเพคะ?”“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”ไทเฮากำลังจะปกป้องตัวเอง แต่พระนางก็ได้ยินฮ่องเต้ตรัสขึ้นมา “ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของชิงอู่ เนื่องจากเราต้องรอจนกว่าเด็กจะเกิดออกมา ก่อนที่จะทำการตัดสินใดใดก็ให้จำคุกหลี่ผินไว้ก่อน!”“พ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์ที่อยู่ด้านหล
ดูเหมือนซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิงจะถูกคนส่งมาเพื่อเอาชนะนางไม่รู้ว่านางไปเอายาเลอะเทอะพวกนั้นมาจากไหน!ตอนนี้ในหัวใจของไทเฮากำลังเกิดคลื่นลูกใหญ่ แต่ใบหน้าของพระนางยังคงสงบพระนางทอดพระเนตรมองไปที่ฮ่องเต้แล้วตรัสว่า “หม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะทำร้ายฝ่าบาทเลยเพคะ”“ไม่เคยคิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? แล้วเรื่องมือสังหารจะทรงอธิบายอย่างไร? หรือไทเฮาทรงพยายามอย่างมากในการนำมือสังหารเข้ามาในวังเพียงเพื่อทำให้กระหม่อมกลัว”ต้องบอกว่าฮ่องเต้ทรงเดาถูกแล้วไทเฮากำลังทำให้เขากลัวเพื่อที่จะให้เย่อวิ๋นถูขึ้นทำหน้าที่โดยเร็วที่สุดพระนางทรงหลุบตาลง มีสีเข้มแวววาบไปทั่วดวงตาของพระนางอีกด้านหนึ่ง การสอบสวนผู้ลอบสังหารได้สิ้นสุดลงแล้ว“ทูลฝ่าบาท ผู้ลอบสังหารคนนั้นสารภาพแล้วว่าไทเฮาทรงเป็นผู้ส่งเขาไปแทงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจของฮ่องเต้ชราเหมือนกำลังจมลงสู่ก้นทะเลสาบบรรดาเสนาบดีที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้สึกโศกเศร้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นดูเหมือนว่าไทเฮาจะทรงหนีไม่รอดแล้วแม้ฮ่องเต้จะทรงเคารพพระนาง แต่ก็ไม่ได้เคารพมากพอที่จะเปิดเผยเรื่องนี้โดยตรงไทเฮาทรงหลุบตาลงและตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป็นฝีมือของหม่อมฉั
การทำงานให้กับองค์ชายใหญ่ก็ถือว่าไว้ใจได้ ดังนั้นเมื่อซูชิงอู่กลับมาที่จวนอ๋อง นางก็เห็นพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ที่นางโลภอยากได้แทบตายแม้ช่วงนี้นางจะทำเงินได้มากมายจากบรรดาสนมในวังโดยใการขายน้ำยาประทินผิว แต่เงินเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่ดีเท่ากับการได้รับพระพุทธรูปทองคำนางมองแล้วมองอีก รู้สึกชอบมากจนไม่สามารถวางมันลงได้เย่เสวียนถิงมองท่าทางของซูชิงอู่ สุดท้ายก็เห็นความเป็นเด็กน้อยผ่านภาษากายของนางตั้งแต่แต่งงานกับเขา บุคลิกทั้งหมดของซูชิงอู่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแม้จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาของนางที่เขาไม่เข้าใจอยู่เสมอความมืดหม่นและความเศร้าหมองที่ไม่เคยหายไปจากดวงตาของนาง แม้แต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่สามารถสัมผัสส่วนลึกที่สุดของหัวใจนางได้เย่เสวียนถิงไม่รู้ว่าซูชิงอู่เคยผ่านอะไรมาบ้างแต่สิ่งที่ทำให้นางเปลี่ยนไปมากมายก็คงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่นางถูกโจรลักพาตัวโชคดีที่เย่เสวียนถิงส่งคนมาปกป้องซูชิงอู่ และรู้ว่านางไม่ได้รับอันตรายมากนัก ดังนั้นเขาจึงเพียงคิดว่านางคงจะรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์นั้นเย่เสวียนถิงยืนอยู่ข้างหลังนาง คลี่ยิ้มเบา ๆ แล้วถามว่า
นางเคยพูดไว้นี่ บนโลกนี้จะมีคนใจดีขนาดนั้นได้อย่างไรอีกฝ่ายมอบสิ่งของล้ำค่าให้นางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำนางไม่ใช่คนโง่ อันที่จริงนางสงสัยมานานแล้ว ตอนนั้นที่หอหมื่นสมบัตินางถูกเด็กชายจากตระกูลมู่หรงมารบกวน เหตุใดองครักษ์ลับถึงไม่ปรากฎตัวตั้งแต่คราแรก และเขามาบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ ได้อย่างไร...ที่แท้ก็วางแผนไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแล้วนี่เอง!เย่เสวียนถิงมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยซูชิงอู่ จากนั้นเขาก็แตะจมูกตัวเองด้วยความเขินอายเขาเงยหน้าเล็กน้อยและพูดขอโทษ “อาอู่ เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรโกหกเจ้าเลย ข้ารู้แค่ว่าเจ้าชอบสิ่งของพวกนั้นมาก ข้าจึงปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น...หนึ่งในนั้นมีของที่เจ้าให้ข้าด้วย”ซูชิงอู่มีสีหน้าโกรธเคือง “ดีที่ข้าปิดเอาไว้ แต่จริง ๆ ท่านรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าข้าจะให้อะไรท่าน? แบบนี้มันก็ไม่น่าตื่นเต้นแล้วสิ น่าเบื่อชะมัด!”เย่เสวียนถิงยิ้มและจูบนางที่แก้มเมื่อรู้ว่านางไม่ได้โกรธจริง ๆ ดวงตาของเย่เสวียนถิงก็ฉายแววอ่อนโยนพ่อบ้านที่เห็นก็ตะลึงตาค้าง หันกลับมาและพยายามคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ล่องหนการทำเป็นไม
หมายความว่าแม่ของเย่เสวียนถิงไม่ใช่นางกำนัล แต่เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ย!ซูชิงอู่กะพริบตา “ท่านอ๋อง ข้าสับสนนิดหน่อย”เย่เสวียนถิงยิ้มเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาลากนางมานั่งที่เก้าอี้ และเลื่อนขนมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาตรงหน้านาง“เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดไม่ได้ แม่ของข้าเป็นบุตรที่เกิดจากอนุของตระกูลเสนาบดีเซี่ย และต่อมานางก็ได้เข้าวังและกลายเป็นนางกำนัล ส่วนหอหมื่นสมบัตินี้ มันเป็นของแม่ข้าทั้งหมด นอกเหนือจากสายเลือดแล้ว นางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเสนาบดีเซี่ยเลย ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำพูดพวกนั้นมากนัก พวกเขาแค่คนหน้าเงิน ข้าคร้านจะสนใจ”หลังจากที่เย่เสวียนถิงช่วยคลายความสับสนของซูชิงอู่ หัวใจของนางก็กลับสู่ความปกติอีกครั้งเพราะถึงอย่างไรไทเฮาเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสนาบดีเซี่ยเช่นกัน หากตระกูลเสนาบดีเซี่ยมาข้องเกี่ยวกับเย่เสวียนถิง ตอนที่ต้องจัดการกับพระนางก็คงจะลำบากใจมากแน่ ๆ“เช่นนั้นก็ดี ข้าก็คิดว่า...”เย่เสวียนถิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ข้าไม่ค่อยชอบใจตระกูลเสนาบดีเซี่ยมากนัก ดังนั้นอาอู่ไม่ต้องคิดมาก”ซูชิงอู่ยิ้มมุมปากแ