แม้ซูชิงอู่จะไม่แปลกใจ แต่นางก็ถอนหายใจเล็กน้อยอยู่ในใจนางคิดว่างานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้คงจะมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม แต่นางคาดไม่ถึงว่าแม้จะผ่านมาสองชาติแล้ว บางสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็ยังเกิดขึ้นตามเดิมด้วยเหตุนี้นางจึงได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นเหมือนกับชาติก่อนอย่างแน่นอน...ซูชิงอู่ไม่ยอมจากไปแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแทน “ให้ข้าเข้าไปเถอะ หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรับผิดชอบเองและจะไม่ให้เดือดร้อนไปถึงเจ้า”เมื่อนางกำนัลผู้นั้นเห็นว่าซูชิงอู่ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้าไป นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลีกทางให้เมื่อซูชิงอู่เปิดประตู นางก็ได้ยินเสียงไอซูเฟยร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ฤดูกาลจะผันเปลี่ยนไปเป็นฤดูใบไม้ผลิ ก็มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้ลมหนาวพัดมาได้ง่ายดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยสาเหตุอาการป่วยของซูเฟยเย่เสวียนถิงที่เดินตามหลังซูชิงอู่ หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว เขาก็ปิดประตูด้วยตัวเองเข้ารับรู้การเคลื่อนไหวของซูชิงอู่ในครั้งนี้มาล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเย่เสวียนถิงจึงรู้จุดประสงค์ของนางในการมาท
การที่จะหานางกำนัลที่ลงมือทำมันง่าย แต่เรื่องราวสกปรกในวังหลังมันมีมากมาย แม้จะจับตัวมาได้ก็ยากที่จะถามหาความจริงแทนที่จะทำให้ศัตรูรู้ตัว ไม่สู้รอดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ จับตามองหมากตัวนั้นและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าพวกเขาค้นพบมันแล้ว จึงจะสามารถได้รับประโยชน์สูงสุดได้ซูชิงอู่รู้ดีว่าจุดประสงค์ของฮองเฮาคืออะไร นางกล่าวเสียงเบา “ซูเฟย ท่านป่วยแล้ว ไทเฮาก็จะมอบหมายทุกอย่างในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดนี้ให้ฮองเฮาจัดการ”“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”เมื่อได้ยินคำถามของซูเฟย ซูชิงอู่ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “นั่นหม่อมฉันพูดไม่ได้ หม่อมฉันให้คนต้มยามาให้ท่านแล้ว สำหรับอาการไข้หวัดแบบนี้ได้ผลดีมาก กินสักประมาณสองวันพระนางก็จะทรงดีขึ้น พระนางทรงไม่สบายอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นใดอีก”ซูเฟยดูตะลึง "เจ้าเด็กคนนี้นี่!"นางเงยหน้าขึ้นมาและรอฟังสิ่งที่ซูชิงอู่จะพูด แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับทำให้ต้องรอคอยอีกแล้ว!ซูชิงอู่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าทำแบบนี้มันผิดแต่อย่างไร หลังจากทิ้งความสงสัยไว้ให้ซูเฟยแล้ว นางก็ออกไปพร้อมกับเย่เสวียนถิงใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงวันประสูติแล้วขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและทหารของราชวงศ์ก็มารวมตัวกันใน
ในขณะที่เขากำลังพูด ก็มีคนเข้ามาจากด้านหลังและคลี่ม้วนภาพให้ทุกคนดูอย่างระมัดระวังซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อมองภาพนั้น สีหน้าพวกเขาก็แปลกไปเล็กน้อยนางกระซิบข้างหูเย่เสวียนถิงว่า “ภาพวาดนั้น...ดูเหมือนจะเป็นของปลอมนะ”เย่เสวียนถิงเลิกคิ้ว เขายังจำได้ว่าภาพวาดของจริงซูชิงอู่มอบให้ซูหัวจิ่น และซูหัวจิ่นก็ถวายแก่ฮ่องเต้ไปแล้ว...ดังนั้น...เขาไม่พูดอะไร และพาซูชิงอู่ไปหาที่นั่งคนที่อยู่ด้านข้างเกิดความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมามือเปล่า อีกทั้งคนรับใช้ที่อยู่รอบตัวก็ไม่ได้เอาอะไรมาเลยทุกปีในงานเลี้ยงวันประสูติของฮ่องเต้และไทเฮา สิ่งของต่าง ๆ ที่เหล่าองค์ชายและองค์หญิงมอบให้จะกลายเป็นจุดสำคัญของการแข่งขันใครก็ตามที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้และไทเฮา ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นวันเกิดไทเฮาในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนต่างอยากหยิบสิ่งของล้ำค่าที่สุดออกมา เพื่อให้ไทเฮาสนใจแต่เพราะภาพที่เย่อวิ๋นถูนำออกมา ข้าราชการทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋นต่างก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่เพราะมีสมบัติมากมายที่ไม่สามารถประเมินค่าด้วยเงินได้แม้แต่พระพุทธ
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขา ไทเฮาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นหรือฝ่าบาท?”ฮ่องเต้แตะมัน แววตาของเขาดูโกรธจัดเขาจำได้ว่าภาพวาดนี้เป็นของขวัญที่บุตรชายคนโตของตระกูลซูถวายมาให้ตอนแรกเขามัวแต่ดีใจจนไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ตอนนี้มาเห็นอีกภาพที่เหมือนกันทุกประการ จะไม่ให้เขาคิดมากได้อย่างไรแม้ว่าวันนี้จะเป็นงานเลี้ยงวันประสูติไทเฮา และไม่ควรที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าวในที่สาธารณะ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถกลืนความโกรธนี้ลงไปได้หากภาพนั้นเป็นของปลอมจริง ๆ ซูหัวจิ่นก็เท่ากับทำความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้!เนื่องจากมีอคติมาก่อน ฮ่องเต้จึงไม่เคยคิดว่าคนที่ส่งของปลอมมาคือเย่อวิ๋นถู...ซูหัวจิ่นไม่มีเส้นสาย และไม่มีเงิน เขาจะโชคดีเพียงใดที่ได้ภาพวาดนั้นมา?ดวงตาของฮ่องเต้หนักอึ้ง ทันใดนั้นเขาก็พูดกับขันทีที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “ไปเอาภาพวาดจากคลังสมบัติของข้ามา”ขันทีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบตอบ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”เขาดุขันทีตัวเล็กที่อยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ขอให้พวกเขาเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นหลังจากนั้นไม่นานภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ในคลังของฮ่องเต้ก็ถูกนำมาวางต่อหน้าผู้คนฮ่องเต้หยิบมั
แนวทางเกือบจะเหมือนกันทุกประการนางลดสายตาลง จับมือของเย่เสวียนถิงเบา ๆ รอผลการถกเถียงเกี่ยวกับภาพวาดทั้งสองนางอยากเห็นเย่อวิ๋นถูอับอายต่อหน้าสาธารณชน!แน่นอนว่าเมื่อฮ่องเต้เฒ่าได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ“ซูหัวจิ่น น่าชื่นชมนัก!”ตอนนี้ไม่มีพี่น้องซูคนใดอยู่ในวัง ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถพูดแทนพวกเขาได้เลยแต่ในเวลานี้จู่ ๆ ก็มีคนในหมู่ขุนนางกล่าวขึ้น“เหตุใดฝ่าบาทจึงคิดว่าภาพวาดของใต้เท้าซูเป็นของปลอมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อได้ยินเสียงพูดขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทุกคนก็หันไปมองทันทีก็เห็นข้าราชการหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสง่างามคนหนึ่งเดินออกมา มองภาพวาดทั้งสองอย่างใจเย็นฮ่องเต้ตกใจเล็กน้อย “อวิ๋นเซียงหรูเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ใบหน้าของอวิ๋นเซียงหรูสงบและน้ำเสียงของเขาก็สงบ “เพราะในความคิดของกระหม่อม ภาพวาดที่องค์ชายสามมอบให้ไทเฮาต่างหากที่เป็นของปลอม”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่อวิ๋นถูก็มองเขาอย่างเย็นชาทันที “เจ้าพูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายข้า!”สวีชิงโม่ก็แทรกออกมาจากฝูงชน ยืนอยู่ข้างอวิ๋นเซียงหรูและเอ่ยด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท กระหม่อมพอ
ภาพทิวทัศน์อีกภาพถูกนำมาให้ผู้คนได้เห็นในไม่ช้าสวีชิงโม่วางภาพวาดทั้งสามลงบนโต๊ะทันทีเขายืนอยู่ข้างฮ่องเต้ เปรียบเทียบภาพวาดทั้งสามอย่างละเอียด“ฝ่าบาทโปรดตรวจดูตราประทับนี้ให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ สาเหตุที่หลายปีมานี้ไม่มีใครสามารถเลียนแบบจิตรกรไป๋ได้ก็เป็นเพราะเหตุนี้เป็นหลัก แท่นหมึกที่จิตรกรไป๋ใช้นั้นทำขึ้นเอง สามารถปล่อยกลิ่นหอมออกมาได้ แม้จะทิ้งไว้นานหลายปี ก็ยังได้กลิ่นชัดเจน”“นอกจากนี้พู่กันและหมึกที่ใช้ในภาพเขียนนี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากมาก เส้นที่วาดออกมาก็มีความเรียบเนียนและสวยงามมาก ในรายละเอียดบางส่วนในภาพทั้งสองภาพใช้ทักษะเดียวกันทุกประการ ส่วนภาพสุดท้ายจะเห็นได้ชัดว่าเป็นของด้อยคุณภาพ มองเผิน ๆ เหมือนกัน แต่ดูละเอียดแล้วเทียบกันไม่ได้”สวีชิงโม่พูดอย่างชัดเจน วิจารณ์ภาพปลอมจนไม่เหลือดีคนอื่น ๆ ต่างเงียบ แม้ว่าสิ่งที่สวีชิงโม่พูดจะค่อนข้างเกินจริง แต่ใครก็ตามที่มีสมองจะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง...ภาพวาดที่เย่อวิ๋นถูส่งมานั้นเป็นของปลอมแน่นอน จะสังสัยอะไรได้อีก?บรรยากาศเงียบสงัดชั่วขณะ ทุกคนมองไปทางองค์ชายสามอย่างไม่ตั้งใจเห็นว่าใบหน้าของเย่อวิ
ในราชวงศ์ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมักจืดจาง ในสายตาของเย่เสวียนถิง ไม่มีใครสำคัญเท่ากับซูชิงอู่อีกแล้วกลยุทธ์นี้ช่างยอดเยี่ยม จนทุกคนที่ยังคงให้ความสนใจกับเรื่องก่อนหน้าของภาพวาดจริงหรือปลอม หันเหความสนใจไปที่เย่เสวียนถิงทันทีแม้มีคนจำนวนมากจับตามอง แต่การแสดงออกของเย่เสวียนถิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในวันนี้เขาไม่ได้นำของขวัญวันประสูติมาเลยสักชิ้นแม้แต่การมาที่นี่ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าของซูเฟยไทเฮาทรงยิ้ม ดูไม่พอใจเล็กน้อยนางกล่าวว่า “ข้าเพียงต้องการรับรู้ถึงความตั้งใจ สำหรับความมีค่าของของขวัญ ข้าไม่ใส่ใจอะไรนักหรอก”ซูชิงอู่ลุกขึ้นยืนทันทีนางมองไปที่ไทเฮาด้วยรอยยิ้มทันใดนั้นเอง หลายคนจับจ้องไปที่ท้องของนางด้วยส่วนนูนที่เห็นได้ชัด ทุกคนจึงรู้ว่าพระชายาตั้งครรภ์แล้วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากแต่งงาน นางก็ตั้งครรภ์เสียแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าข่าวลือเกี่ยวกับความรักระหว่างท่านอ๋องและพระชายาเป็นเรื่องจริงนางยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าหม่อมฉันย่อมต้องนำของขวัญมาด้วย และมันก็เป็นของขวัญที่พิเศษมากทีเดียว”ไทเฮาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ซูชิงอู่“เช่นนั้นข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าม
พระเนตรของไทเฮากะพริบ “เจ้าตั้งใจจะใช้เข็มเงินเหล่านั้นแทงที่ตัวข้าเช่นนั้นหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “มันเป็นเพียงวิธีการ หม่อมฉันรับประกันว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ไทเฮาพอใจแน่นอนเพคะ”ไทเฮาหัวเราะเยาะ “หากข้าเป็นอะไรไป เจ้ารับผิดชอบได้หรือ?”ซูชิงอู่แตะท้องของนาง "หม่อมฉันรับผิดชอบไม่ได้ แต่เขารับผิดชอบได้แน่เพคะ”ความหมายชัดเจนในตัวเองซูชิงอู่พูดเช่นนี้เพื่อให้ไทเฮาทรงมั่นใจ ว่าตอนนี้นางมีเรื่องต้องห่วง ไม่กล้าลงมือกับไทเฮาแน่ยิ่งไปกว่านั้นรอบข้างมีคนมากมาย หากนางทำให้ไทเฮาเป็นอะไรไป นางคงไม่สามารถหนีออกจากพระราชวังได้อย่างปลอดภัยซูชิงอู่แสดงท่าทีจริงใจอย่างยิ่งไทเฮาไม่ไว้วางใจซูชิงอู่เลย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวนางยิ้มมุมปาก "ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจของแบบนี้”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินสิ่งนี้ นางก็แสดงสีหน้าผิดหวัง“นี่เป็นของขวัญวันประสูติที่ท่านอ๋องและหม่อมฉันเตรียมไว้ให้ไทเฮา หากพระนางปฏิเสธ ก็เท่ากับทำลายความตั้งใจของท่านอ๋องและหม่อมฉันสิเพคะ”มุมปากของไทเฮากระตุก นางคงต้องโง่ถึงจะยอมรับข้อเสนอที่ไม่สมเหตุสมผลของซูชิงอู่“ข้ารับรู้ถึงความตั้