ซูชิงอู่ "หือ?""เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน"ซูชิงอู่ "ใช่แล้ว"นางสัมผัสท้องของตัวเองเบา ๆ และความสุขก็ปกคลุมไปทั่วร่างกายของนางในทันทีนางหลับตาลง แม้แต่คิ้วก็ยังแย้มยิ้ม มุมริมฝีปากของนางยกขึ้นอย่างเต็มไปด้วยความสุขนางเองก็มีความสุขมากเช่นกันเย่เสวียนถิงลดเสียงลงและวางคางไว้บนซอกคอของซูชิงอู่เขาพูดด้วยเสียงต่ำ เสียงของเขาทั้งต่ำและแหบแห้ง “ข้าดีใจจนแทบบ้า...”ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งในร่างกายของเขา และร่างกายที่ประหม่าและสั่นเทาเล็กน้อย นั่นทำให้นางรู้สึกสงสารนางเบะปากแล้วหัวเราะ “ข้าก็เหมือนกัน”เย่เสวียนถิงจับนางและสูดดมกลิ่นกายของนาง ความตื่นเต้นนี้ทำให้เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้งดูเหมือนเขาจะจำอะไรบางอย่างได้ในทันใด ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองนางด้วยสายตาที่ต่ำลง "เจ้ารู้เรื่องการตั้งครรภ์เมื่อไหร่?"ซูชิงอู่กะพริบตา "เมื่อคืนนี้ ทำไมหรือ?"เย่เสวียนถิงไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว และใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่มีท่าทางที่เย็นชาและสูงส่งเหมือนในอดีตอีกต่อไปมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้น แปรเปลี่ยนให้น้ำค้างแข็งและหิมะละลายลง และทุกสิ่งดูคล้ายกลับเข้าสู
ซูชิงอู่กล่าวว่า “ข้าได้โค่นล้มผู้คนส่วนใหญ่ในวัดเหลียงซานลง แต่ยังมีพระภิกษุหนุ่มสองสามคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับวั่งเหยียน พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของข้า ดังนั้นข้าจึงขอให้พวกเขาช่วย”"ช่วยอะไร?"ซูชิงอู่ลดสายตาลงและริมฝีปากโค้งเบา ๆ"ในวัดเหลียงซานมีวัตถุระเบิดจำนวนมากฝังอยู่ ไม่เพียงแต่ในห้องใต้ดินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่อื่นด้วย ข้าฝังวัตถุระเบิดไว้ใกล้ ๆ ตราบใดที่ข้าออกคำสั่ง พวกมันก็จะระเบิด พอที่จะระเบิดทุกสิ่งที่อยู่ในบริเวณนั้นกระจายไปบนฟ้าได้เลย"จู่ ๆ ม่านตาของเย่เสวียนถิงก็หดตัวลง “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็…”ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าเห็นว่าท่านไม่ได้คิดจะฆ่าข้า ข้าก็เลยไม่ขัดขืน ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็ไม่อยากตายไปพร้อมกับข้า นักฆ่าเหล่านั้นคงหวงแหนชีวิตของตัวเองมาก”แม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ซูชิงอู่ก็ยังมั่นใจมากกว่าเจ็ดถึงแปดส่วนว่าน่าจะสามารถปกป้องชีวิตของตัวเองได้แม้ว่าการมาถึงของนักฆ่าจะเป็นเหตุไม่คาดฝัน แต่ซูชิงอู่ได้คำนวณความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบไว้แล้วถ้าอีกฝ่ายไม่เชื่อ นางก็จะขอให้ใครสักคนจุดระเบิดบนภูเขาอันไกลโพ้นลูกนั้นเพื่อแสดงให้อีกฝ่า
เย่เสวียนถิงส่งเสียงฮึมฮัม "อีกอย่าง หากอาอู่จะปลอมตัวอีกครั้ง อย่าลืมทำเครื่องหมายบนร่างกายที่มีเพียงเจ้าและข้าที่รู้เท่านั้นด้วย..."เขากำลังจะพูดต่อเมื่อจู่ ๆ เขาก็หยุดชั่วคราว "ไม่จำเป็นหรอก"ซูชิงอู่สับสน “ทำไม? ข้าคิดว่านี่ฟังดูเข้าท่านะ”เย่เสวียนถิงกล่าวว่า “คราวนี้มันเป็นแค่เหตุสุดวิสัย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะปลอมตัวเป็นพระหนุ่ม” เขาปัดผมของซูชิงอู่ขึ้นจากหน้าผากของนาง จากนั้นมองลึกเข้าไปในดวงตาของซูชิงอู่“ครั้งต่อไป ข้าจะจำเจ้าได้อย่างรวดเร็ว และจะไม่มีข้อผิดพลาดอีก ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเครื่องหมายอะไรทั้งนั้น”ซูชิงอู่ประหลาดใจ “จะเป็นไปได้ยังไง?”นางยังคงมั่นใจในทักษะการปลอมตัวของนางมากเย่เสวียนถิงกล่าวว่า “เป็นไปได้แน่ ไม่มีทางเกิดเรื่องประหลาดอะไรขึ้นอีก”เพราะตราบใดที่เขามองเข้าไปในดวงตาของซูชิงอู่ เขาก็จะจำนางได้ครั้งที่แล้วเขาประมาทและประเมินชายาของเขาต่ำไปทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็เริ่มสนใจ "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปเปลี่ยนรูปลักษณ์ของข้า ลองดูไหมว่าท่านจะค้นหาข้าท่ามกลางผู้คนมากมายได้หรือไม่ ดีไหม?"เย่เสวียนถิงมองดูใบหน้ากระตือรือร้นของนางและกดศีรษะลงบนหมอน"
รถม้าคันหนึ่งหยุดอยู่นอกประตูข้าราชบริพารในวังเข้ามาทันทีและประกาศว่า "ฝ่าบาท พระชายา มีสารจากพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่าพระองค์ทรงตั้งครรภ์ ซูเฟยรู้สึกปิติยินดีมาก จึงส่งคนมาเชิญพระองค์เข้าวังด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ... ”เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วทันที“อาอู่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรขยับร่างกายมากนัก เหตุใดตอนนี้ท่านแม่ถึงได้เรียกหานางล่ะ?”ทุกคนตกตะลึงหลังจากที่ซูเฟยได้รับข่าว นางก็มีความสุขมากจนอยากพบพระชายา นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?แต่เมื่อมองดูหน้าท่านอ๋อง บ่าวรับใช้ทุกคนก็ไม่กล้าปริปากพูดเย่เสวียนถิงมีสีหน้าเคร่งขรึม และคอยประคองซูชิงอู่ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่เขาเดินออกไป สายตาของเขาดูเป็นปรปักษ์กับทุกคนเล็กน้อยดูเหมือนว่าหากมีใครเข้าใกล้ซูชิงอู่ ก็แปลว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายนางได้ซูชิงอู่คิดว่าความรู้สึกนี้นับว่าวิเศษมาก ดูเหมือนว่าจู่ ๆ นางก็ได้กลายเป็นทรัพย์สมบัติแสนเปราะบางที่พร้อมจะพังทลายลงถูกสัมผัส นางได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาจากมังกรยักษ์ และไม่มีใครแตะต้องนางได้คิ้วของนางยกสูง และนางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากนั้น เย่เสวียนถิงอุ้มนางขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง เขา
ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเริ่มจริงจังและแสดงความเคารพทันทีฮ่องเต้เฒ่ากำลังนั่งอยู่ข้างเตาในพระราชวังตำหนัก กำลังเล่นหมากรุกกับซูเฟยเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวที่ประตู เขาก็มองไปทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยรอยยิ้มและโบกมือให้ซูชิงอู่ "สาวน้อยชิงอู่ มานี่หน่อย"ซูชิงอู่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า "เพคะ เสด็จพ่อ"ฮ่องเต้เฒ่าวางตัวหมากรุกลงแล้วมองไปที่ซูชิงอู่ และในที่สุดก็เพ่งความสนใจไปที่ท้องของนางในฐานะฮ่องเต้ เขามีหูมีตามากมาย ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ใดที่เกิดขึ้น ของเขาย่อมล่วงรู้ทั้งสิ้น“ข้าจะได้หลานชายหรือไม่?”ซูชิงอู่หรี่ตาลง "หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าเป็นเด็กในท้องเป็นลูกชายหรือลูกสาว เช่นนั้นหม่อมฉันจึงไม่แน่ใจเพคะ"“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต่างกันหรอก เจ้าสองคนมีความสามารถมากพอกัน ถ้าทารกที่เกิดในท้องของเจ้าเป็นเด็กผู้ชาย เขาจะเป็นหลานชายคนโตของฮ่องเต้เชียวนะ”แสงในดวงตาของซูชิงอู่เป็นประกายเล็กน้อยทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเด็กในท้องของนางจะสร้างความกดดันให้กับใครหลายคนจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่านี่จะใช่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควรหลานชายองค์โตของฮ่องเต้…แม้ว่าตำแห
“ข้าตัดสินใจไปแล้ว ให้เป็นไปตามนั้น”ฮ่องเต้เฒ่ามักจะเผด็จการอยู่เสมอ เช่นนั้นเขาจะล้มเลิกแผนการที่วางไว้เพียงเพราะคำพูดของซูชิงอู่ได้อย่างไรซูชิงอู่ขมวดคิ้ว รู้สึกรำคาญเล็กน้อยจู่ ๆ เย่เสวียนถิงก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า "เสด็จพ่อยังไม่แก่ชราและยังมีโอกาสได้เลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง อีกทั้งกระหม่อมยังได้ยินมาว่าสนมในวังบางคนตอนนี้ตั้งครรภ์แล้ว"ฮ่องเต้เฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย“เสด็จพ่อ ไม่จำเป็นต้องมาแย่งลูกจากลูกชายของตัวเองเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้เฒ่าเลิกตาขึ้นมองเย่เสวียนถิงแล้วยิ้มทันที "แต่ข้าชอบหลานชายตัวน้อยของข้า เจ้าสองคนยังเด็กอยู่ หากลูกคนแรกถูกทิ้งไว้ในวัง เจ้าก็ยังจะมีลูกเพิ่มได้อีกไม่ใช่หรือ?"ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นชาของเย่เสวียนถิงก็ดังขึ้น “ที่เสด็จพ่อเสนอความคิดนี้ ไม่ได้ต้องการที่จะเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อยไว้ใกล้ตัว และก็ไม่ใช่เพราะเห็นคุณค่าในตัวเขา แต่เพราะต้องการที่จะกุมจุดอ่อนของลูกไว้มากกว่า”ทันใดนั้นดวงตาของฮ่องเต้ผู้เฒ่าก็มืดลง และเสียงของเขาแสดงความโกรธ "ดูเหมือนว่าข้าจะให้ท้ายเจ้ามากเกินไป ถึงได้ปล่อยให้เจ้ามาพูดจ้าตำหนิข้าได้เช่นนี้"เย่เสวียนถิงเ
นางยืนขึ้นและส่งฮ่องเต้เฒ่าออกไปด้วยตนเอง จากนั้นปิดประตูแล้วมองดูคนสองคนที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ในห้องซูเฟยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูเศร้าสร้อยเล็กน้อยนางช่วยซูชิงอู่นั่งบนเก้าอี้ทันที“ชิงอู่ เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ต่อไปเวลาเข้าวังอยากได้ทำพิธีการไร้สาระพวกนี้อีก สุขภาพของเจ้าสำคัญที่สุด”ซูชิงอู่กล่าวว่า “ขอบพระทัยซูเฟยที่ทรงเป็นห่วงเพคะ”ซูเฟยโบกมือให้เย่เสวียนถิง "เอาล่ะ เสวียนถิงเราเองก็มานั่งด้วยสิ"เย่เสวียนถิงพยักหน้าและนั่งลงที่ด้านข้างของซูชิงอู่ดูเหมือนว่าชั้นน้ำแข็งจะควบแน่นภายในม่านตาสีเข้มของเขา และมือของเขาก็กำแน่นไม่ยอมคลายซูเฟยเห็นว่าทั้งสองคนได้แต่เงียบและบรรยากาศก็มึนตึงเล็กน้อย นางเทน้ำใส่แก้วให้ซูชิงอู่ทันทีและพูดว่า "เดิมทีนี่เป็นข่าวดี แต่กลายเป็นเรื่องไม่น่าพอใจไปเสียได้ ฝ่าบาทนี่ก็จริง ๆ เลย ไม่รู้เหตุใดเขาถึงหยิบเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูด”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้น "เพราะเสด็จพ่อมั่นใจมากว่ากระหม่อมจะมอบจุดอ่อนให้เขาด้วยมือของกระหม่อมเอง""นี่…"ซูเฟยรู้สึกประหลาดใจ มองดูเย่เสวียนถิงแล้วพูดว่า "หากไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ฝ่าบาทจะทรงสามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้อีกเ
จุดประสงค์ของเจียวกุ้ยเฟยที่นำผู้คนมาที่นี่ ล้วนชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วแม้ว่านางจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตาของนางก็เย็นชาความเป็นพันธมิตรระหว่างสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในอันตรายซูชิงอู่ไม่แยแสต่อความกังวลของเจียวกุ้ยเฟย ท้ายที่สุด นี่คือพันธมิตรที่เจียวกุ้ยเฟยร้องขอหมอหลวงซุนวางผ้าเช็ดหน้าบนข้อมือของซูชิงอู่ จากนั้นจึงคลำดูอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยุดและพูดว่า "ชายาเสวียนมีชีพจรครรภ์จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ อาจมีอายุครรภ์มากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว"แม้ว่านางจะทราบผลลัพธ์อยู่ก่อนแล้ว แต่ซูเฟยก็ยังคงมีความสุขในดวงตา เมื่อได้ยินคำวินิจฉัยของหมอหลวงซุนนางยิ้มแล้วพูดว่า "นั่นหมายความว่าข้าจะมีหลานชายในเดือนตุลาคมปีนี้ใช่หรือไม่?""ขอแสดงความยินดีกับซูเฟย ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"หมอหลวงซุนลุกขึ้นและประสานมือซูชิงอู่ตอบกลับ "ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องลำบาก หมอหลวงซุน"นางกะพริบตาแล้วถามว่า "ทารกในครรภ์มีอะไรน่าห่วงหรือไม่?"หมอหลวงซุนพยักหน้า "อย่าได้กังวลไปพะยะค่ะ พระชายา ท่านร่างกายสุขภาพแข็งแรงดี และเด็กในครรภ์ของท่านก็สบายดีเช่นกัน"นางจงใจถามให้เย่เสวียนถ
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้