คำพูดนั้นพุ่งเป้ามาที่ซูชิงอู่ ทำให้ทุกคนเริ่มหันมาสนใจซูชิงอู่ยิ้มและพูดอย่างไม่รีบร้อน “หม่อมฉันรู้เพียงนิดเดียวเท่านั้นเพคะ”องค์หญิงสี่ปิดปากด้วยสีหน้าตกตะลึง “บางทีรอยชั่วร้ายนี่อาจจะเป็น…”นางพูดเพียงครึ่งหนึ่งของประโยค แต่นั่นก็ทำให้ผู้คนคิดตามบางคนที่มีสีหน้าหวาดกลัวและโกรธอยู่แล้ว เมื่อมองซูชิงอู่ก็ทำสีหน้าราวกับกำลังเจอกับโรคระบาดซูเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล ทันใดนั้นนางก็ก้าวไปหาซูชิงอู่พร้อมดึงเสื้อของนางอย่างระมัดระวังและส่ายหัวให้นางเล็กน้อยไทเฮาและฮ่องเต้ทรงเกลียดคาถาอาคมประเภทนี้มากที่สุด หากซูชิงอู่แปดเปื้อนด้วยเรื่องนี้ มันจะต้องทิ้งภาพลักษณ์ที่ไม่ดีไว้อย่างแน่นอนซูชิงอู่แสดงสีหน้ามั่นใจกับซูเฟย หันไปเผชิญหน้ากับสายตาของทุกคนแล้วพูดว่า “หมหลวงซุน ดูทีสิว่านี่คืออะไร?”หมอหลวงซุนเดินเข้ามาหยิบยาเม็ดสีดำจากมือของซูชิงอู่อย่างระมัดระวังจากนั้นก็บดและดมกลิ่นมันคิ้วของเขายิ่งขมวดแน่นขึ้น และหลังจากคิดอยู่นาน เขาก็แสดงสีหน้าเข้าใจในทันที“มีน้ำสกัดจากหญ้าก้านดำอยู่ในนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”ซูชิงอู่พยักหน้า นางเงยหน้าเชิดคางมองไปที่ฮ่องเต้“ในบันทึกยาของตระกูลฟา
“กราบทูลไทเฮา เมื่อครู่หมอหลวงซุนก็ได้ทูลไปแล้วไม่ใช่หรือเพคะว่ารอยดำบนร่างกายของพระองค์และสนมคนอื่น ๆ จะหายไปในเช้าวันพรุ่งนี้”ไทเฮาทรงเลิกคิ้ว “ของชั่วร้ายเหล่านั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของข้าก็ได้ใครจะรู้”เมื่อเห็นว่าไทเฮาทรงตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำเช่นนั้น ซูชิงอู่ก็พุ่งเป้าไปที่องค์หญิงสี่ทันที“ได้เพคะ ให้คนมาลองการรักษาของหม่อมฉันดีไหมเพคะ?”นางยิ้มมุมปากแล้วพูดทันที “องค์หญิงสี่ รบกวนมาทางนี้หน่อยเพคะ”นางตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งนางอ้าปากค้าง สีหน้าของนางดูไม่ค่อยสู้ดี ทันใดนั้นนางก็ปิดปากและไออย่างรุนแรง“ขะ...ข้าไม่สบายนิดหน่อย ไม่นานมานี้เป็นหวัดโดยไม่ทันได้ระวังตัว เกรงว่าจะร่วมการทดลองไม่ได้...”ซูชิงอู่ยิ้มและพูดว่า “พอดีเลยเพคะ วิธีรักษาของหม่อมฉันไม่เพียงแต่สามารถกำจัดรอยดำเหล่านั้นได้ แต่ยังรักษาโรคของท่านได้ด้วย”เย่หมิงเยว่กัดฟัน ปากและฟันของนางสั่นเล็กน้อยขณะที่นางมองหน้าของซูชิงอู่ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่ซูชิงอู่พูดในโบสถ์...ตัดมือให้เจ้าสัตว์กิน ตัดแขนขาออก แล้วทำให้กลายเป็นหมู...ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่าบุตรีคนเล็กของตระกูลซูไม่ใช่ดอกไม้สีขาวท
ซูชิงอู่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อนาง นางหยิบเข็มออกมาจากกล่องของหมอหลวงซุนอย่างไม่ได้จริงจังอะไร และฝังมันไว้บนศีรษะของเย่หมิงเย่วดวงตาของเย่หมิงเยว่เบิกกว้าง นางอยากจะกรีดร้องแต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้นางมีอาการปวดหัวแทบแตกและรู้สึกราวกับศีรษะของนางถูกแยกออกความเจ็บปวดดูคล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด นิ้วของนางกำอะไรบางอย่างไว้แน่น และความเจ็บปวดนั้นมากมายอย่างยิ่งซูชิงอู่พูดขณะฝังเข็ม "หมอหลวงซุน การทำเช่นนี้สามารถช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยขับให้พิษแปลกปลอมออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว"หมอหลวงซุนมองวิชาการฝังเข็มของซูชิงอู่ และอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่ามารดาของซูชิงอู่เป็นแพทย์ยอดฝีมือ และก็สืบทอดทักษะทางการแพทย์ของตระกูลฟางมา แต่เขาไม่เคยมีโอกาสพบนางเลยในตอนที่เขาขึ้นเป็นเป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวงคนตระกูลฟางก็จากไปแล้วทักษะทางการแพทย์ระดับตำนานที่ครั้งหนึ่งเคยสูญหายไปและไร้ผู้สืบทอด ในตอนนี้ซูชิงอู่ได้แสดงพรสวรรค์ออกมาหลายครั้ง นั่นนับว่าน่าตกใจจริง ๆ“พระชายาเสวียนทำได้ดีมาก”เย่หมิงเยว่ได้ยินเสียงของคนข้าง ๆ นางนางไม่คาดคิ
ฮ่องเต้ตรัสเสียงเรียบ "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาหาร อาภรณ์ และข้าวของเครื่องใช้ของซูเฟย ให้มีเทียบเท่ากับฮองเฮาทุกประการ"เมื่อนางสนมคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัส พวกนางก็ตกใจทันทีซูเฟยเป็นหนึ่งในสี่พระสนมแล้ว ตำแหน่งของนางไม่อาจสูงส่งไปกว่านี้ได้แล้ว นับตั้งแต่โบราณกาล มีฮองเฮาและกุ้ยเฟยได้เพียงตำแหน่งละหนึ่งคนเท่านั้น และนางก็ไม่อาจก้าวไปสู่ตำแหน่งเหล่านั้นได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบเคียงกับการมอบสินน้ำใจที่ฮ่องเต้ทรงตรัส เท่ากับบอกเป็นนัยว่าต่อไปซูเฟยมีศักดิ์เท่าฮองเฮาใช่หรือไม่?ยังไม่พูดถึงว่าตอนนี้นางเป็นตัวแทนของหกตำหนักฝ่ายใน และแม้แต่เจียวกุ้ยเฟยก็ไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้หลังจากที่ซูชิงอู่เริ่มที่จะขจัดริ้วสีดำบนร่างไทเฮา กลุ่มนางสนมในวังก็เข้ามาล้อมรอบนางทันทีผู้ที่เคยช่วยองค์หญิงสี่บีบคั้นซูชิงอู่ก็อยู่ในหมู่พวกนางด้วยเพียงแต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของทุกคนแดงก่ำและสีหน้าของพวกนางก็ดูค่อนข้างเขินอายแต่ถึงกระนั้น เพื่อสุขภาพของพวกนางเอง พวกนางจึงได้แต่มองซูชิงอู่ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือซูชิงอู่เหลือบมองใบหน้าของคนเหล่านั้นนางเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นม
ราชครูหลินออกจากวังและกลับมาที่จวนราชครูทันทีเมื่อลงจากรถม้าเดินไปที่ประตู เขาเอามือไพล่หลังแล้วพูดกับคนรับใช้ว่า “ไปตามฮูหยินและคุณหนูมาที่โถงเสีย”"ขอรับ!"คนรับใช้รีบไปรายงานทันที ไม่นานหลังจากนั้น หลินซื่อและหลินเสวี่ยอิ๋งก็ยืนรออยู่ที่โถงกลางแล้วเมื่อนางเห็นราชครูหลินกลับมา นางก็ทักทายเขาทันที "นายท่าน!" อย่างไรก็ตาม หลินซื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึม ราชครูหลินมองหลินเสวี่ยอิ๋ด้วยสายตาโกรธขึง“เจ้าเลี้ยงลูกสาวได้ดีจริง ๆ!”หลินซื่อตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ นายท่านถึงโกรธมาก ทั้งที่เพิ่งกลับมาหลินเสวี่ยอิ๋งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังมารดาทันทีราชครูหลินมองดูพวกนางด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขาหรี่ตาลง "ต่อไป เจ้าต้องจำไว้ว่าอย่าไปสร้างปัญหาให้กับอ๋องเสวียนและชายาของเขา อย่าลืมว่าตอนนี้ตระกูลหลินและจวนอ๋องเสวียนผูกติดอยู่ในเชือกเส้นเดียวกัน ถ้าไม่อยากตายก็จงใช้สมองให้มาก”“ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไร ท่านอยากให้ข้าลืมเรื่องที่ซูชิงอู่ สตรีนางนั้นทำงั้นหรือ? ไม่มีทาง!”ซูชิงอู่ทำให้นางสูญเสียแต้มพรหมจรรย์ของนางไป และทำให้นางขายหน้าหลายครั้ง จนตอนนี้นางกลายเป็นตัวตลกของคนทั่วทั้งเมือ
แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ นางเก็บเงินได้สองแสนห้าหมื่นตำลึง พอนางคิดถึงเรื่องนี้ก็มีความสุขเหลือเกินเมื่อไม่มีหนี้ก็เบาตัว นางตั้งใจจะส่งเงินกลับไปที่หอมหาสมบัติในเช้าวันพรุ่งนี้ซูชิงอู่อาบน้ำแล้วนอนบนเตียง แต่ไม่ได้จุดตะเกียงน้ำมันภายในห้องมืดสนิท นางเพิ่งหลับตาไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงบางอย่างในห้อง ร่างที่เย็นเล็กน้อยก็เข้ามาแนบแผ่นหลังของนาง ทั้งสองร่างถูกคั่นด้วยผ้าห่ม แต่ราวกับสามารถส่งผ่านความอบอุ่นได้ ซูชิงอู่ขยับเล็กน้อย หันไปหาด้วยเสียงที่อ่อนล้า ภายใต้แสงจันทร์ เย่เสวียนถิงเอนศีรษะพิงเตียง มองดูนางอยู่ดวงตาสีเข้มนั้นร้อนผ่าวด้วยความอบอุ่นอันน่าหลงใหลจู่ ๆ ซูชิงอู่ก็รู้สึกเขินอายเมื่อเห็นเขา นางก้มหน้าลงแล้วถามว่า "ทำไมท่านกลับมาดึกนัก?"“ข้ากำลังจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่วัดเหลียงซาน”จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็จำบางสิ่งบางอย่างได้ และดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นในทันที“ว่าแต่ ผู้เคราะห์ร้ายอยู่ที่ใดกัน?”เย่เสวียนถิงลูบหน้าผากของนางแล้วพูดว่า “พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”หลังจากเข้าไปในพระราชวังมีหลายสิ่งที่นางต้องทำจนนางเกือบลืมไปเสียสนิทเมื่อคิดถึงตอนนี้ ซูชิงอู่ก็ไม่อ
“เดี๋ยวก่อน ไม่จำเป็นหรอก!”ตัวนางเองก็เป็นหมอ จะเอาหมอหลวงมาทำอะไร?แม้ว่าคนเป็นหมอจะรักษาตัวเองไม่ได้ แต่สามารถวินิจฉัยอาการของตัวเองได้ซูชิงอู่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด และสังเกตชีพจรของตนเองอย่างระมัดระวังแม้จะใช้เวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ชีพจรอาจไม่ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังสัมผัสได้ความยินดีอย่างยิ่งทำให้ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอออกหน่อย และมีประกายเล็ก ๆ จากดวงตาของนางเร็วมาก!แต่ใช่ ในชีวิตนี้นางไม่เคยดื่มยาคุมกำเนิดเลย และร่างกายของนางก็อยู่ในสภาพดีเยี่ยมยิ่งไปกว่านั้น นางกับเย่เสวียนถิงอยู่ด้วยกันแทบจะทุกวัน อีกทั้งเย่เสวียนถิงไม่ใช่คนไร้น้ำยาดังนั้นแม้จะไม่ได้สำเร็จในครั้งเดียว แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่นางจะตั้งครรภ์หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น หน้าอกของซูชิงอู่ก็สั่นไหวเย่เสวียนถิงยกเลิกคำสั่ง ไม่ให้ไปตามหมอหลวง แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง เขาก็ยังไม่คลายกังวลเขาเพียงกอดนางไว้ในอ้อมแขนของตัวเองและปลอบใจนาง“ถ้าเจ้าเดินไม่ไหว เจ้าต้องบอกข้า”ซูชิงอู่ดึงสติสัมปชัญญะกลับมาได้อีกครั้ง นางรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเย่เสวียนถิงที่กกกอดนางไว้ และดันเขาอ
เสียงแหบเล็กน้อยและยังอยู่ในช่วงเสียงแตกหนุ่ม ทำให้แยกแยะเพศชายกับหญิงได้ยากซูชิงอู่เลิกคิ้ว “เจ้ากลัวความเจ็บปวดรึไม่?”“ไม่กลัว”เสียงของเขานุ่มนวลและชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลนางมองไปที่ชายหนุ่มและคล้ายจะเห็นตัวเองในตัวเขาหน่อย ๆชีวิตเล็ก ๆได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และในที่สุดนางและลูกน้อยก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...หัวใจของซูชิงอู่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักของแม่ และดวงตาของนางก็อ่อนโยนขึ้นเมื่อมองดูเด็กชายหากลูกของนางยังมีชีวิตอยู่ ในอนาคตเขาจะเติบโตเป็นเด็กที่มีหัวจิตหัวใจเข้มแข็งเช่นนี้อย่างแน่นอนนางอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง โดยลืมไปเลยว่าตอนนี้อายุของนางตอนนี้ไม่ได้มากไปกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าสักเท่าไรนางหยิบเข็มเงินออกมาจากกล่อง ขอให้ใครสักคนถอดเสื้อผ้าท่อนบนของเขาออก ช่วยพยุงให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงเริ่มกำจัดพิษหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เกือบจะทำให้เด็กชายกลายเป็นเม่นตัวน้อยไปเสียแล้วร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง ดีที่คนงานในร้านยาตัวน้อยสองคนคอยช่วยพยุง เขากระตุกสองครั้ง ก่อนจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดโชคดีที่ซูชิงอู่คาดการณ์เอาไว้แล้ว จึงให้มีคนเตรียมอ่างไม้ไว้ล่วงหน้าจากนั้น เด็ก