“ท่านน้า ท่านแม่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านโกรธ คืนนี้เป็นวันส่งท้ายปี ครอบครัวของเราน่าจะได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกัน”การแสดงออกของซูเฟยเห็นได้ชัดว่าไม่อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อนดูเหมือนคำพูดไม่กี่คำที่ฮูหยินหลินพูดออกมาได้กลืนกินความอ่อนโยนและความกระตือรือร้นของนางไปจนหมดนางยกมือขึ้นเพื่อปล่อยมือของหลินเสวี่ยอิ๋งและให้พวกเขาออกไป ซูเฟยพูดอย่างใจเย็น "ไม่ คืนนี้ข้าไม่อยากกินอะไรแล้ว"นางเดินตรงเข้าไปในโถงด้านในโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งสองแม่ลูกตระกูลหลินไว้ที่ประตูด้วยความอับอายและใบหน้าบอกบุญไม่รับผู้คนในตำหนักมากมายกำลังเฝ้าดูพวกนาง แม้จะไม่ได้ขับไล่พวกนางออกไปตรง ๆ แต่ภายใต้การจ้องมองเช่นนี้ สองแม่ลูกไม่อาจทนได้หลินเสวี่ยอิ๋งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานี้ ท่าทีของท่านน้าที่มีต่อนางและซูชิงอู่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากนางมองหน้ามารดาของตนด้วยใบหน้าซีดเซียว "ท่านแม่ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าท่านน้าเลือกอยู่ข้างซูชิงอู่และญาติผู้พี่..."ฮูหยินหลินกำมือแน่นแล้วดึงนางออกมา ด้วยไม่อยากทำให้ตนต้องขายหน้าคนในตำหนักอีกต่อไปขณะที่นางเดินออกไป นางก็พูดขึ้นว่า "เจ้าต้องบอกเรื่องนี้ให้พ่อเจ้ารู้
ซูชิงอู่ยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ คิ้วของนางโค้งขึ้น "ท่านนี่โลภจริง ๆ"เย่เสวียนถิงก็ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของนางเช่นกัน นั่นทำให้เขาหัวเราะเบา ๆ ใบหน้าของเขายังคงความอ่อนเยาว์และความมีชีวิตชีวาที่เป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มสาว และดูสดใสยิ่งขึ้นเมื่อเขาผ่อนคลายลงได้แม้ว่าเขาจะค่อนข้างแตกต่างไปจากความเป็นผู้ใหญ่และอารมณ์ที่มั่นคงที่เขามีในไม่กี่ปีต่อจากนี้ แต่ร่างกายของเขาไร้ซึ่งกำแพงหนา อีกทั้งใบหน้าก็ไม่ได้แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ทุกการเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความมุ่งมั่นที่หาได้ยาก“อย่างนั้นอย่าได้ให้รางวัลข้าเลย อย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรเล่าว่าข้าจะทำให้เจ้าห่างจากความกังวล ข้าจะปล่อยให้เจ้าอารมณ์ไม่ดีเพราะคนของตระกูลหลินได้อย่างไร”ซูชิงอู่ถอนหายใจและส่ายหัว "ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร"เย่เสวียนถิงตกตะลึง“ข้าไม่ชอบฟังคนอื่นพูดถึงท่านแบบนั้น ท่านอ๋องเป็นได้อย่างทุกวันนี้เพราะความอุตสาหะของท่านเอง ท่านไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากใคร ท่านไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ในกองทัพโดยอาศัยความแข็งแกร่งของตนเอง คนที่จะทำเช่นท่านได้ มีไม่มากหรอกเจ้าค่ะเย่
เย่เสวียนถิงคว้าตัวนางกำนัลประจำตำหนักข้าง ๆ เอาไว้ แล้วถามว่า "เหตุใดไฟจึงไหม้ได้"นางกำนัลตัวสั่นด้วยความกลัว "หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ แต่หม่อมฉันเพิ่งได้ยินเสียงระเบิดครั้งใหญ่ แล้วไฟก็เริ่มไหม้ ซูเฟยน่าจะติดอยู่ข้างใน หม่อมฉันควรทำอย่างไรดี?"ซูชิงอู่มองไปที่ผู้คนรอบตัวนาง "มัวทำอะไรอยู่? ไปเอาน้ำมาดับไฟสิ!""เพคะ!"ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ พวกเขาแยกย้ายกันไปและพยายามตักน้ำมาดับไฟอย่างเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามบ่อน้ำในตำหนักจิ้งอี๋นั้นอยู่ห่างออกไปพอสมควร ทำให้ต้องเสียเวลาเดินไปมาอย่างมากกว่าพวกเขาจะตักน้ำมาดับไฟได้ ไฟก็คงลามจนไหม้ไปทั้งตำหนักแล้วเย่เสวียนถิงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งไปยังเรือนภายในที่ถูกไฟไหม้ เขาต้องช่วยเหลือคนก่อนเป็นอันดับแรกซูชิงอู่อ่านความคิดของเขาได้ ริมฝีปากเม้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ห้ามเขานางติดตามเขาไป เนื่องด้วยต้องการเข้าไปด้วยกันไฟไหม้ครั้งนี้นับว่าแปลกประหลาดจริง ๆ เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ กลับลามไปได้ไกลเพียงนี้ ข้อสันนิษฐานแรกคงมีสาเหตุเพราะตัวเรือนไม้ของตำหนักจิ้งอี๋นั้นเก่ามาก และข้อสันนิษฐานที่สองคงเป็นฝีมือมนุษย์เย่เสวียนถิงได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้า
วินาทีต่อมาชายที่แทงเขาด้วยกริชก็ตกตะลึงเย่เสวียนถิงไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไป เขาหันไปด้านข้างแล้วยกมือขึ้นเพื่อจับข้อมือของชายคนนั้น จากนั้นครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงดังแกร๊กและหักมันโดยไม่ลังเล"อ๊า!"ชายคนนั้นกรีดร้องสั้น ๆ และตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในเวลานี้ เย่เสวียนถิงจึงได้เห็นใบหน้าของนางกำนัลในตำหนักอย่างชัดเจนนางกำนัลคนดังกล่าวตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าใบหน้าของนางถูกเปิดเผย นางกัดถุงพิษในปากของตนอย่างไม่ลังเล ด้วยตั้งใจจะฆ่าตัวตายแต่ผลลัพธ์ที่ได้... “เพียะ!”นางถูกตบเข้าอย่างแรงซูชิงอู่ไม่ได้ใช้กำลังใด ๆ เลย และฟันด้านซ้ายของนางกำนัลที่มีถุงพิษก็กระเด็นออกจากปากของนางในทันทีปากของนางกำนัลเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะกระแทกเสาจนหมดสติไปซูชิงอู่ถูมือของตนเองแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อยพวกเขาทั้งสองแสดงกระบวนท่าประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซูชิงอู่ลงมือเกือบจะทันทีที่เย่เสวียนถิงคว้าข้อมือของนางกำนัลผู้นั้นเอาไว้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดรวดเร็วปานสายฟ้าแม้แต่เย่เสวียนถิงก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งเขากับซูชิงอู่จะร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ซูชิงอู่ปิดริมฝีปากของนางและไอเ
หมอหลวงซุนรายงานว่า "ฝ่าบาท ซูเฟยเพียงหมดสติไปเท่านั้น ร่างกายของพระนางไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเจียวกุ้ยเฟยเห็นฉากนี้และอดไม่ได้ที่จะพูดแทนซูเฟยว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับซูเฟย ไฟไหม้ใหญ่โตเช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้อย่างไร?!"ฮ่องเต้ตั้งเป้าไปที่นางกำนัลซูชิงอู่คุกเข่าลงและไม่รู้ว่านางสัมผัสร่างกายของนางกำนัลบริเวณใด ร่างกายของนางกำนัลสั่นเทิ้มและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจากนั้นนางมองดูใบหน้าของซูชิงอู่ที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยความหวาดกลัว“เอ่อ...กึกกึก...”ฟันในปากของนางหักไปครึ่งหนึ่งในขณะนี้คำพูดของนางกำนัลไม่ค่อยชัดเจนซูชิงอู่ยกมือขึ้น ลูบคางของนางกำนัล และพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว "ขอโทษที เมื่อครู่ข้าหนักมือไปหน่อย ถ้าเจ้าพูดไม่ได้ก็เขียนเอา"นางกำนัลส่ายหน้าทันทีซูชิงอู่สับสน "เจ้าเขียนไม่ได้หรือ?"นางกำนัลพยักหน้าซูชิงอู่ถอนหายใจ "อย่างนั้นก็ลำบากแล้ว ในเมื่อเจ้าเขียนไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าเก็บมือไว้เลย"สิ้นน้ำเสียงสงบ นางหยิบมีดสั้นที่นางกำนัลเพิ่งหยิบออกมาต่อหน้าทุกคนออกม
ไทเฮาก็ทรงประหลาดใจเช่นกัน นางเข้ามาหาฮ่องเต้แล้วทูลว่า “ฝ่าบาท โปรดให้คนตรวจสอบที่มาของนางกำนัลคนนี้ก่อนเถิด”ฮ่องเต้พยักหน้า เรียกนางกำนัลอาวุโสในวังและให้ฮุ่ยเฟยและคนอื่น ๆ เข้ามาไฟที่นั่นเกือบจะดับแล้ว และนางกำนัลและคนรับใช้คนอื่น ๆ ของตำหนักจิ้งอี๋ที่ไม่ได้รับผลกระทบก็เข้ามาคุกเข่าเป็นแถวเพื่อรอการสอบสวนไม่นานหลังจากนั้น ฮุ่ยเฟยก็วิ่งมาและคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อคารวะฮ่องเต้และไทเฮาทันที“ถวายพระพรฮ่องเต้และไทเฮาเพคะ!”ฮ่องเต้ถามว่า “ฮุ่ยเฟย นางกำนัลผู้นี้อยู่ในตำหนักของเจ้าหรือไม่?”ฮุ่ยเฟยหันกลับมามองและเห็นใบหน้าของนางกำนัลซึ่งมีใบหน้าบวมไปหมดแม้ว่านางจะจำมันได้ไม่ชัดเจน แต่นางก็รู้สึกตงิดใจกับใบหน้านี้เล็กน้อยนอกจากนี้ นางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ยังพยักหน้าให้นางด้วย ฮุ่ยเฟยจึงเอ่ยตอบอย่างกล้าหาญว่า "เพคะ"ดวงตาของฮ่องเต้เริ่มเฉียบคมอย่างเห็นได้ชัด "เจ้าโกรธซูเฟยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับองค์ชายหกหรือ? เช่นนั้นเจ้าจึงตั้งใจที่จะเผานางจนตายใช่ไหม ซูเฟยเห็นเจ้าเป็นน้องสาว ดังนั้นจึงมีเพียงคนของเจ้าเท่านั้นที่เมื่อมาที่นี่แล้ว ซูเฟยจะไม่ทันได้ระแวดระวัง!”ฮุ่ยเฟยรู้สึ
อย่าว่าแต่ตอนนี้นางไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย แม้ว่านางจะมีหลักฐานแต่ก็ยังมีปัญหามากมายนางถอนหายใจเล็กน้อยและกำลังจะยอมรับชะตากรรมของนางและถูกพาตัวไปขัง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ไม่ไกลฮ่องเต้ได้ยินเสียงนั้นโดยธรรมชาติและหันหน้าไปมองซูชิงอู่ซูชิงอู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางเม้มริมฝีปากและดวงตาของนางแทบจะปิดด้วยเสียงหัวเราะฮ่องเต้ขมวดคิ้ว "มีอะไรน่าขันหรือ?"นางยืนอยู่ข้างหลังเย่เสวียนถิงและพูดว่า "หม่อมฉันหัวเราะให้กับทักษะการแสดงของนางกำนัลน่ะเพคะ"เมื่อนางกำนัลผู้คนนั้นได้ยินดังนั้น ปากของนางก็กระตุกนางเผลอจิกบาดแผลโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้สีหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด“การแสดงหรือ?”ดวงตาของฮ่องเต้จ้องมองไปที่ใบหน้าของนางกำนัล และคิ้วของเขาก็ขมวดลึกยิ่งขึ้นซูชิงอู่ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและพูดออกมาเพื่อช่วยฮุ่ยเฟย "ฮุ่ยเฟยไม่ใช่คนโง่ หากนางต้องการทำร้ายซูเฟยจริง ๆ แล้วนางจะจัดการให้ 'หนึ่งในคนของนาง' มาฆ่าใครสักคนอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไรกันล่ะเพคะ?"“ในตอนที่ท่านอ๋องและหม่อมฉันเข้าไปในตำหนักของซูเฟยเพื่อช่วยเหลือคน นางกำนัลผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ท
แม้แต่หมอหลวงซุนก็ยังเคยเผชิญหน้ากับนักฆ่าหรือมือสังหารคนอื่น ๆ ที่ฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ แต่พิษที่พวกเขาได้รับนั้นแตกต่างกันออกไปดังนั้นจากองค์ประกอบของพิษจึงสามารถรู้ได้อย่างคร่าว ๆ ว่าคนเหล่านี้อยู่กลุ่มเดียวกันหรือไม่ในฐานะที่เป็นคนใหญ่คนโตในวังมาหลายปี หมอหลวงซุนเป็นผู้รอบรู้และพิษที่เขาพบในครั้งนี้ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบสองปีที่แล้วทันใดนั้นดวงตาของฮ่องเต้ก็เริ่มจริงจัง“สิบสองปีที่แล้ว? มันเรื่องอะไรกัน?!”เรื่องนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ผ่านไปพักใหญ่ฮ่องเต้ก็ยังไม่สามารถเชื่อมโยงอะไรกับการลอบสังหารในปัจจุบันได้เสียงของหมอหลวงซุนนับว่าแผ่วเบา แต่ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงซึ่งอยู่ไม่ไกลยังคงได้ยินอยู่“คือ...การเสียชีวิตของฮูหยินซูจวนอัครเสนาบดีซู...”ฮูหยินซู…เมื่อซูชิงอู่ได้ยินสามคำนี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันทีนางเดินไปหาหมอหลวงซุน และจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลึกและมืดมนโดยไม่ลังเลเลย “ท่านหมายความว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการตายของแม่ข้างั้นหรือ?”เมื่อหมอหลวงซุนเห็นซูชิงอู่เข้ามา เขาก็รีบก้มศีรษะลงแล้วพูดด้วยความเคารพ "กระหม่อมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันหรื