ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยหากวันนี้ไม่ใช่วันฉลองปีใหม่ เขาคงจะไม่สามารถออกมาจากจวนอ๋องอวิ๋นได้ขาที่บาดเจ็บนั้นแม้พักฟื้นมากกว่าครึ่งเดือนก่อนจะกลับมาเดินได้ แต่การเดินของเขาไม่ค่อยมั่นคงนัก และตอนนี้เขาก็ถูกเย่ชิวหมิงเอาเปรียบและทำให้อับอายโดยใช้ทุกวิธีที่ทำได้แม้เย่อวิ๋นถูจะโกรธมาก แต่เขาก็ต้องยอมทนกล้ำกลืนตอนนี้ตระกูลมู่หรงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้หากก้มหัวได้ก็ต้องทำ“เสด็จพี่ใหญ่กล่าวมาเช่นนี้ ทำเอาน้องสามเองก็อยากชมความยิ่งใหญ่ของท่านด้วยเสียแล้ว”เย่ชิวหมิงเลิกคิ้ว “ข้ากับเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอดทั้งปี หากเจ้าอยากจะชมก็มีโอกาสอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่งานเลี้ยงครอบครัวหรอก น้องสามว่าเช่นนั้นหรือไม่?”สองพี่น้องต่างพากันเรียกร้องความสนใจผู้คนมากมายให้มาชม แต่กลับไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นตามใจปากดูท่าว่าหนึ่งในสองคนนี้มีแนวโน้มที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์มากที่สุดส่วนเย่เสวียนถิง เขายังคงเป็นคนพิการในความคิดของทุกคน และอำนาจที่คอยหนุนหลังเขาไม่ได้หยั่งรากลึกเท่ากับของตระกูลเจียวและตระกูลมู่หรงเขาจึงไม่เข้าใกล้เกณฑ์ที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัช
เสือขาวถูกขังไว้ในกรง รูปร่างสูงใหญ่และดุร้ายของมันทำให้ผู้คนในวังหลายคนแตกฮือเหล่าพระชายาต่างมองไปที่เสือขาวอย่างหวาดกลัวและตั้งตารอที่จริงพวกนางส่วนใหญ่จะได้เห็นสัตว์ร้ายชนิดนี้จากระยะไกลเท่านั้น แต่ตอนนี้มันอยู่ใกล้พวกนางมาก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮ่องเต้“ใช่แล้ว เสือขาวตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอ๋องเสวียนได้ทุ่มเทดูแลมันอย่างเต็มที่”เย่เสวียนถิงไม่ได้แสดงสีหน้ากับคำเยินยอของฮ่องเต้ทันใดนั้นสถานการณ์ก็คึกคักขึ้นเนื่องจากการปรากฏตัวของเสือขาว ในขณะนั้นเองไทเฮาก็เดินออกมาจากด้านหลังม่านโดยมีราชครูเฒ่าคอยประคองฮ่องเต้ทรงลุกขึ้นพาบรรดาพระชายาและสนมทำความเคารพในทันที “ลูกขอถวายความเคารพเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ที่ยืนขึ้นทำเคารพอยู่ด้วยมองไปยังคนที่เจอตัวได้ยากเช่นไทเฮาเฒ่าผู้นั้นไทเฮาเฒ่าเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน พระเกศาของพระนางเปลี่ยนเป็นสีเทาสนิทอีกทั้งริ้วรอยบนใบหน้าของพระนางไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป ทว่านางแต่งตัวอย่างหรูหราและสง่างามอย่างยิ่ง ทำให้ทรงดูอ่อนกว่าวัยไปมากท่า
โชคดีที่ซูชิงอู่ไม่ได้เพิกเฉยต่อพันธมิตรของตัวเองหลังจากการฝึกฝนในช่วงนี้ เสือขาวก็ไม่ทำร้ายคนตามใจชอบแล้วเย่ชิวหมิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าเสือขาว เมื่อเห็นว่ามันไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา เขาจึงรู้สึกโล่งใจคนที่อยู่ข้าง ๆ ยื่นเชือกคล้องคอเสือให้เขาเย่ชิวหมิงใช้มือลูบหัวเสือโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ลูบอีกครั้ง…จนกระทั่งไป๋เฟิงรู้สึกรำคาญเขาจึงถอนมือออก จากนั้นก็มองไปยังทิศทางของฮ่องเต้เฒ่า หลังพระองค์พยักหน้าให้ เขาก็พลิกตัวขึ้นนั่งบนหลังเสือขณะที่เขานั่งบนหลังของไป๋เฟิง เย่ชิวหมิงก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาการที่เขายอมเป็นแพะรับบาปนั้นคุ้มค่าเพียงใด!ชาตินี้เขาได้เป็นหนึ่งในคนที่มีโอกาสขี่หลังเสือด้วย!มีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เขา ทันใดนั้นเย่ชิวหมิงก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอาจกล่าวได้ว่าตลอดชีวิตของเขา เย่ชิวหมิงไม่เคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เลยแม้แต่วันเดียวเมื่อก่อนคนที่มักจะเปล่งประกายตามงานหรือโอกาสต่าง ๆ ก็คือเย่อวิ๋นถูฮ่องเต้เฒ่าทรงยืนขึ้นพร้อมตรัสออกตัวว่า “เอาล่ะทำได้ดีมาก เขาคือลูกของข้าจริง ๆ ท่านลุงเห็นแล้วหรือไม่? เสือขาวตัวนี้หายาก อีกทั้งในหมู่สัตว์ร้ายด้วยกันยังมีน
ไม่คาดคิดว่าในตอนนี้สัตว์ร้ายจะกล้าร้องคำรามใส่เขาสีหน้าของเย่อวิ๋นถูดูไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็ไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียวคนที่อยู่ใกล้ ๆ จับโซ่ที่ล่ามเสือขาวเอาไว้ ทำให้ทุกอย่างอยู่ในระยะที่ปลอดภัยดวงตาของเย่อวิ๋นถูมีแววดุร้าย เขายิ้มมุมปากเขาแอบหันข้างมองไปยังฮ่องเต้เฒ่าที่นั่งอยู่บนสุดฮ่องเต้เฒ่าเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยปริศนา จากนั้นจึงทรงพยักหน้าเล็กน้อยทันใดนั้นเย่อวิ๋นถูก็ก้าวไปข้างหน้า คว้าเชือกแล้วพลิกตัวขึ้นบนหลังเสือดวงตาของเสือขาวเบิกกว้าง อีกทั้งยังมีท่าทีต่อต้าน มันถึงกับจะอ้าปากใหญ่ ๆ กัดเย่อวิ๋นถูเมื่อเห็นท่าทางที่ดุร้ายของเสือขาว หลายคนก็ถอนหายใจ“เสือขาวตัวนี้ดุร้ายเสียจริง ขอองค์ชายสามอย่าได้รับบาดเจ็บเลยเถอะ…”“ดูสิดู องค์ชายสามขี่หลังเสือขาว!”มีคนอุทานเพราะเห็นว่าเย่อวิ๋นถูกำลังขี่หลังเสือ ทว่าเสือขาวที่แข็งแรงมีชีวิตชีวากลับตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ในขณะนี้ ราวกับมันกำลังถูกบางอย่างกระตุ้นอย่างรุนแรงเม็ดเหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากของเย่อวิ๋นถู แต่เขาก็ไม่ได้รีบลงมาจากหลังเสือ แต่กลับเงยหน้ามองเย่ชิวหมิงด้วยท่าทียั่วยุเย่อวิ๋นถูเยาะ
เดิมทีทรงคิดว่าเย่ชิวหมิงจะสามารถทำให้พระองค์ภูมิใจได้ แต่ไม่คาดคิดว่าเสือขาวตัวนี้จะเป็นเพียงแมวป่วยที่ถูกเลี้ยงให้เชื่อง ช่างธรรมดาเสียจริงอาจกล่าวได้ว่าการกระทำของเย่อวิ๋นถูดึงความสนพระทัยของฮ่องเต้เฒ่าที่เอนเอียงไปทางองค์ชายใหญ่กลับมาอีกครั้งเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ขาของเขาจะเจ็บมากกว่าเดิมหลังจากอดทนมานาน แต่เพื่องานเลี้ยงในครอบครัวในวันนี้ก็ยังถือว่าคุ้มค่าซูชิงอู่หลุบตาลงซ่อนความโมโหโกรธาทั้งหมดเอาไว้นางกำจอกด้วยแรงเล็กน้อยเพื่อระงับความคิดบ้า ๆ ที่หมุนวนอยู่ในหัวของนางทว่าในขณะนี้ มีมือใหญ่มากุมมือของนาง ฝ่ามือนั้นเต็มไปด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัดทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นไปเห็นดวงตาเหยี่ยวของเย่เสวียนถิงที่หรี่มองมาเล็กน้อย ริมฝีปากบางของเขาขยับเบา ๆ “อาอู่ รอดูไปก่อน”ซูชิงอู่ตกตะลึง นางมองไปยังเย่อวิ๋นถูและเสือขาวอีกครั้งทันใดนั้น เย่อวิ๋นถูก็ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรงในขณะที่เขากำลังจะลงจากหลังเสือเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตาจนเขาไม่มีเวลาได้ตั้งตัวหลังของเย่อวิ๋นถูกระแทกเสาอย่างแรง จากนั้นเขาก็ร่วงลงมาอย่างหมดสภาพภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง“โฮก!”ไป๋
เมื่อได้ยินคำสั่งของราชครูเฒ่า องครักษ์ทุกคนก็พร้อมใจหยิบดาบออกมาชี้ไปที่เสือขาวไป๋เฟิงไม่โง่ มันตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังวิ่งหนีไปมันวิ่งตรงไปทางซูชิงอู่ในใจของมัน ซูชิงอู่เป็นสัตว์สองขาที่ทรงพลังที่สุด มันจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอนหากซ่อนตัวอยู่กับนาง!เนื่องจากมีโต๊ะจัดเลี้ยงขวางทาง ไป๋เฟิงจึงวนอยู่รอบ ๆ ก่อนจะกระโดดข้ามไปเย่หมิงเยว่ที่กำลังหวาดกลัวไม่คาดคิดว่าเสือขาวจะพุ่งเข้ามาหานาง นางจึงกรีดร้องด้วยความตกใจ“กรี๊ด!!!”แต่แล้วก็หลบไม่พ้นไป๋เฟิงกระโดดชนโต๊ะคว่ำโดยไม่ได้ตั้งใจ น้ำแกงและของเหลวอื่น ๆ ที่อยู่บนโต๊ะกระเด็นใส่หน้าองค์หญิงสี่อย่างจังเย่หมิงเยว่ตัวแข็งอยู่กับที่ เสื้อผ้าสวย ๆ ของนางสกปรก เหมือนนางเพิ่งเอาตัวไปจุ่มน้ำมัน ๆ มา“องค์หญิง!”บรรดานางกำนัลและแม่นมรีบวิ่งเข้ามาพานางไปยังสถานที่ปลอดภัยด้วยความตื่นตระหนก พวกนางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวของนางอย่างไม่หยุดหย่อนไป่เฟิงได้ไปถึงจุดหมายปลายทางของมันแล้ว ซึ่งก็คือด้านหลังของซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงดวงตาวาวราวกับระฆังทองแดงของเสือตัวนั้นมองมาที่ซูชิงอู่อย่างน่าสงสาร อีกทั้งมันยังเอาหัวไถตัวน
เย่เสวียนถิงละสะสายตาอันอ่อนโยนที่กำลังมองซูชิงอู่และเสือขาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นพลางพูดว่า “เสด็จพ่อหมายถึงเรื่องไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ด้านเย่อวิ๋นถูนั้นถูกนำตัวไปรักษาแล้วแต่เหตุการณ์สะเทือนใจที่เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ยังคงทำให้ผู้คนหวาดกลัวราชครูเฒ่าเอ่ยอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องเสวียน เสือขาวตัวนี้ถูกนำมาจากจวนของท่าน เมื่อครู่มันทำให้องค์ชายสามได้รับบาดเจ็บ ท่านยังจะอยากปกป้องสัตว์ร้ายอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เย่เสวียนถิงมองราชครูเฒ่าอย่างไม่แยแสพลางพูดเสียงเย็น “ก็จริงอยู่ที่ข้าเป็นคนเลี้ยงดูเสือขาว และอาหารที่ข้าใช้เลี้ยงนั้นเป็นสัตว์ที่มีชีวิตทั้งหมดเพื่อรักษาความดุร้ายตามธรรมชาติของมันเอาไว้ แต่ท่านไม่ได้คำนวณเลยหรือว่ามีความเป็นไปได้ที่มันอาจจะทำร้ายเย่อวิ๋นถู?”ในดวงตาของราชครูเฒ่าทวีความโกรธเพิ่มมากขึ้น การที่เขาทำอะไรอ๋องเสวียนไม่ได้ก็เกินพอแล้ว นี่เขายังไม่สามารถทำอะไรเสือขาวนั่นได้อีกน่ะหรือ?“ฝ่าบาท สัตว์ดุร้ายเช่นนี้ควรถูกกำจัดทันที อย่าว่าแต่สัตว์ร้าย แม้จะเป็นมนุษย์ก็ควรต้องทำพ่ะย่ะค่ะ การทำร้ายองค์ชายถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตร ตามความเห็นของกระหม่อม
เมื่อราชครูเฒ่าเห็นสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในฐานะองค์ชาย สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่การทำผิดพลาด แต่เป็นการที่ฮ่องเต้ทรงคิดว่าตนเองเป็นคนไม่เอาไหน และทรงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก“ฝ่าบาท ชีวิตของสัตว์ร้ายจะเทียบกับชีวิตขององค์ชายสามได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เย่เสวียนถิงหรี่ตาเหยี่ยวของเขาอย่างไร้ความปราณีพร้อมโต้กลับอย่างเย็นชา “การฆ่าสัตว์ร้ายที่ไม่เข้าใจภาษามนุษย์สามารถลบล้างความจริงที่ว่าองค์ชายสามไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์ร้ายได้หรือ?”ราชครูเฒ่า “...”“สิ่งที่อ๋องเสวียนพูดก็มีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องโต้ตอบกับสัตว์ร้ายที่ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เมื่อเจ้าเป็นผู้เลี้ยงดูมัน ในภายภาคหน้าเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่สัตว์ร้ายตัวนี้ทำ!”เย่เสวียนถิงหลุบสายตาลง “ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”เนื่องจากความบ้าคลั่งอย่างกะทันหันของเสือขาวเกิดจากการที่องค์ชายสามวางยามัน ฮ่องเต้จึงไม่ติดพระทัยและสืบสาวเรื่องราวต่อพระองค์เพียงแค่สั่งให้เย่เสวียนถิงพาเสือขาวออกไปเพื่อที่งานเลี้ยงในวังจะได้ดำเนินต่อไปซูชิงอู่ลูบหัวของต้าไป๋ ในใจของนางรู้สึกมีความสุขถึงที่สุด นางยิ้มมุมปากเบา ๆ และเมื่อ