5
หนทางแก้ไข
ฝ่ามือเล็กกุมแก้มเนียนของตนเองไว้มือสั่นเทาไม่คลาย แววตาวูบไหว ความรู้สึกในอกสั่นระคนเสียใจ นางรู้ดีว่าเหตุการณ์นี้ตนเองมีความผิด แต่หากบิดามีใจเมตตาสักน้อยก็ควรฟังนางเสียหน่อย
เดิมทีคิดอยากแก้ตัวแต่เห็นเช่นนี้มิสู้เงียบไว้ ถูกลงโทษให้สาสมไปเลยดีกว่า
“ท่านพ่อ พี่สาวมิได้ตั้งใจท่านอย่าโกรธไปเลย” หญิงสาวที่มาใหม่กล่าวด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน ห้ามปรามบิดากลาย ๆ ไม่ให้เอาโทษพี่สาว เหลียงฟางหรงเป็นเช่นนี้เสมอนางมักวางแผนให้เหลียงฟางหรูถูกบิดามารดาเอาโทษ สุดท้ายจึงแสร้งมาขอร้องอ้อนวอนให้บรรเทาโทษ
เพราะเป็นเช่นนี้เหลียงฟางหรูจึงไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมน้องสาว ยังหลงคิดว่านางเป็นสตรีจิตใจดีแต่ซุกซนอยู่เสมอก็เท่านั้น
“ฟางหรงเจ้าไม่ต้องพูดแทนนาง มีสตรีใดในเมืองบ้างที่ยังไม่ออกเรือนแต่อยู่นอกจวนทั้งคืนดั่งนาง”
“พี่สาวสำนึกแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ อย่าได้เอาเรื่องอีกเลย ลงโทษก็ลงโทษไปแล้ว” หญิงสาวกล่าวจบผินไปหน้ามองพี่สาวต่างมารดาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นโถงเยียบแข็ง แต่เย็นอย่างไรก็ไม่เทียบเท่าความรู้สึกที่บิดามีต่อนาง เหลียงฟางหรงเหลือบมองครู่เดียวก็ยกมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะแสดงท่าทางเห็นอกเห็นใจพี่สาวผู้นี้เสียเหลือเกิน
น้ำตามากมายหลั่งไหลพรั่งพรูจากขอบตา เหลียงฟางหรูยังคงนั่งกุมใบหน้าตนเองอยู่บนพื้น ร้องไห้เงียบไม่มีเสียงอยู่ลำพัง แขนเรียวถูกจับไว้หลวม ๆ ด้วยมือน้องสาว นางประคองเหลียงฟางหรูให้ยืนขึ้น
“พี่ฟางหรูอย่าได้ฟูมฟายไป บิดาโกรธเพียงชั่วครู่ก็หายแล้ว ท่านพ่ออย่าลงโทษพี่สาวอีกเลยนะเจ้าคะ ถือว่าฟางหรงขอพี่สาวสีหน้าไม่สู้ดีเกรงจะมีไข้”
“ผู้ใดอยู่ข้างนอก พานางออกไปขังไว้ในเรือนตนวันนี้ไม่ต้องกินข้าว”
“ท่านพี่อย่าใจร้ายนักเลย อย่างไรเสียนางก็ยังป่วยอยู่”
“พวกเจ้าไม่ค้องคัดค้าน นี่คือคำสั่งข้า ข้าตัดสินใจไปแล้ว” น้ำเสียงแข็งกร้าวประกาศลั่นกลางโถงใหญ่ เหลียงฟางหรูเหยียดยิ้มหยันให้กับตนเองครู่หนึ่งก่อนจะยอบตัวรับคำสั่งลงโทษของบิดา ถีเยว่สือและเหลียงฟางหรงจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก
สาวใช้เข้ามาประคองเหลียงฟางหรูออกไปตามคำสั่งนายท่านตระกูลเหลียง นางยินยอมโดยง่ายมิได้ต่อเถียงหรือตัดพ้อสิ่งใดอีก เป็นอย่างนี้ก็ดีจะได้ไม่ต้องถูกบิดาดูถูกเหยียดหยามต่อหน้าบ่าวไพร่
เดิมทีก็ไม่มีหน้าให้ต้องรักษา ยามนี้ยิ่งไม่หลงเหลือฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเหลียง นี่นับว่านางไม่มีวาสนาเอง
“เจ้าไปเถอะ ข้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก” แววตาสั่นไหวมองตรงไปยังสาวใช้ข้างเตียง จะว่ามองหน้าสาวใช้ก็มิใช่เสียทีเดียว นางมองเลยผ่านไปคล้ายไม่ได้จับจ้องสิ่งใดแต่กังวลอยู่ในห้วงคำนึงภายในความรู้สึกตนเองเสียมากกว่า
สาวรับใช้ผู้นั้นนึกสังเวชคุณหนูใหญ่ตระกูลเหลียงไม่น้อย ทั้งที่เป็นบุตรสาวอีกคนแต่กลับได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันมากถึงเพียงนี้ แต่เมื่อไม่มีคำสั่งบ่าวในจวนจะกล้าทำเกินคำสั่งได้อย่างไร
นางรับคำแล้วเดินออกจากห้องพักส่วนตัวที่เก่าและทรุดโทรม หากเป็นคิมหันต์ฤดูก็อุดอู้อบอ้าว หากเป็นเหมันต์ฤดูก็หนาวจนถึงขั้วหัวใจ คานไม้เก่าแตกตรงนั้นไม่ได้รับการซ่อมแซมมานาน เห็นยามใดก็ต้องทอดถอนหายใจเมื่อนั้น
จากนั่งพิงหัวเตียงอยู่นิ่ง ๆ เหลียงฟางหรูขยับขาขึ้นมานั่งกอดเข่าตนเองรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งภายนอกและภายใน ไม่ต้องเรียกหมอก็รับรู้ว่านางกำลังไข้ขึ้น
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนประสบสิ่งใดมากันจึงได้มีไข้ในขณะที่อากาศร้อนมากถึงเพียงนี้
“ชีวิตที่ท่านแม่ขอเอาไว้ ลูกไม่รู้เลยว่ามันดีหรือไม่” ก่อนตายยามนั้นมารดาได้ก้มลงโขกศีรษะกับพื้นขอให้บิดาดูแลนางไว้ในจวน เพราะนอกจากมารดานางไม่มีญาติที่ใดอีก หลายครั้งนึกว่าอยากตายไปเสีย
แต่เมื่อได้นึกถึงภาพมารดาโขกศีรษะอย่างยากลำบากก่อนตายนางก็ไม่กล้าทิ้งชีวิตนี้ไป จำใจทนอยู่อย่างอดสูเช่นนี้มาตลอด...
สองมือลูบประสานกันกระทั่งสัมผัสโดนบางอย่างบนนิ้วกลางข้างขวาของตนเอง ความสงสัยพลันเกิดขึ้นในใจ นางไม่เคยมีเครื่องประดับใดติดกาย ไม่มีเลยสักชิ้นแล้วที่อยู่บนมือนี่คือสิ่งใดกัน
นัยน์ตาสีดำลุ่มลึกละจากหน้าต่างบานเล็กมามองบนเรียวนิ้วตนเอง นิ้วโป้งซ้ายลูบไล้ไปมาบนแหวนหยกสีชาดสลักลวดลายวิจิตร ลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
ของสิ่งนี้มาตั้งแต่เมื่อใด…? หรือว่ามาจากเขาผู้นั้น ผู้ที่นางเอ่ยถ้อยคำน่าอายออกไป
เจ้าของจวนเหลียงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปมอยู่ตรงตำแหน่งเจ้าบ้าน ซ้ายมือมีถีเยว่สือ ขวามือมีบุรุษสองคนหน้าตาถมึงทึงน่าเกรงกลัวไม่น้อย ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์แต่เพียงมองผ่านบรรยากาศในห้องโถงก็รับรู้แล้วว่าเหตุการณ์นี้เคร่งเครียดมากเพียงใด
“เหลียงซ่างซู หากท่านไม่ชำระหนี้ภายในวันนี้ เกรงว่านายของพวกข้าต้องแจ้งเรื่องนี้แก่ทางการแล้ว” หนึ่งในสองคนกล่าวขึ้นพลางยื่นหนังสือสัญญายืมเงินให้เหลียงจินฮ่าวดู
เหลียงจินฮ่าวแม้เป็นขุนนางสำคัญแต่กลับมีนิสัยชอบเล่นการพนัน ยามว่างก็เข้าบ่อนพนันเงินมีเท่าใดก็ล้วนแต่ลงกับโรงบ่อนเสียหมด ไม่นานนี้เล่นเสียมากจึงกู้ยืมเงินผู้อื่น สองเดือนแล้วก็ไม่มีคืนจึงได้ถูกเจ้าหนี้ตามมาถึงจวนเช่นนี้
“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าต้องคืนให้แน่”
“แต่นี่สองเดือนแม้แต่ดอกเบี้ยท่านเหลียงก็ไม่ยินยอมจ่ายแม้เหรียญเดียว หากเป็นเช่นนี้ต่อนายข้าคงต้องร้องเรียนทางการเป็นแน่ เรามาแจ้งก่อนก็ถือว่าปราณีและเห็นแก่หน้าท่านมากแล้ว”
“หากแจ้งทางการคิดหรือว่าจะได้เงินคืน” เหลียงจินฮ่าวกล่าวด้วยโทสะ อย่างไรเขาก็เป็นถึงขุนนางหากชินอ๋องรู้เกรงว่าจะถูกลงทัณฑ์ แม้กลัวก็ทำใจกล้าไม่แสดงท่าทีหวั่นไหวให้ผู้ทวงหนี้ทั้งสองเห็น
“ท่านเหลียงคงไม่คิดว่านายของพวกข้าเป็นคนธรรมดากระมัง หากเป็นคนธรรมดานายข้าคงมิกล้าให้มาทวงเงินถึงจวน อีกสองวันหากท่านไม่ชำระหนี้เกินครึ่งของเงินทั้งหมด เรื่องคงไม่จบเพียงเท่านี้ พวกข้าเพียงมาแจ้งแทนผู้เป็นนายเท่านั้น ลาท่านซ่างซู” ชายอีกคนกล่าวพร้อมประสานมือลา
เหลียงจินฮ่าวนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงตำแหน่งไม่ขยับไปไหน มีเพียงถีเยว่สือลุกจากที่นั่งมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล นางแตะแขนผู้เป็นสามีแผ่วเบาถามเขาเสียงขุ่นเล็กน้อย “ท่านพี่ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ นี่มันเรื่องใดกันเจ้าคะ”
“หุบปากเสีย ข้ากำลังใช้ความคิด” เหลียงจินฮ่าวตวาดลั่น พลางยกมือขึ้นมากุมขมับทั้งสองข้าง ไม่รู้ว่าจะอย่างไรต่อ ของที่พอจะขายใช้หนี้ทั้งหมดได้ก็ไม่มีเหลือแล้ว
ถีเยว่สือถูกตวาดก็เงียบปากไปทันที ขณะมองสามีนั่งเงียบอยู่สาวใช้ในจวนก็วิ่งเข้ามาในโถงอย่างรีบร้อน แม้จะรู้ว่าไม่ควรเข้ามาแต่จะไม่เข้ามาเรื่องนี้ก็เร่งด่วนเกินนางจะรับมือได้
“เจ้าเข้ามาทำสิ่งใด”
“คนของอำมาตย์ฮุยมาเจ้าค่ะ บ่าวไม่กล้าปล่อยให้รั้งรอจึงจำต้องเข้ามาแจ้ง” ชายวัยกลางคนได้ยินคำว่าอำมาตย์ก็ถลึงตัวลุกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว รีบไล่ให้สาวใช้ไปเชิญคนมา อำมาตย์ฮุยนับเป็นนายกึ่งหนึ่งของเขา ตระกูลเหลียงนับเป็นหนึ่งในหลายตระกูลที่อยู่ฝ่ายเดียวกับอำมาตย์ฮุย
“คารวะเหลียงซ่างซู” ผู้มาใหม่ยืนอยู่กลางโถงประสานมือกล่าว ใบหน้ามีรอยยิ้มแฝง ท่าทีเคารพนอบน้อมอยู่ในที เหลียงจินฮ่าวยืนขึ้นผายมือเชิญเขานั่งที่เก้าอี้ด้านขวามือที่ยังไม่หายอุ่น
“พ่อบ้านฮุย ท่านอำมาตย์มีสิ่งใดจะสั่งข้าหรือ เหตุใดจึงมาด้วยตนเองเช่นนี้ ซ้ำยังนำข้าวของมามากมาย” เจ้าบ้านตระกูลเหลียงกล่าวด้วยท่าทีให้ความเคารพอยู่บ้าง แม้ในหัวจะเคร่งเครียดเรื่องหนี้ก่อนนี้แต่ก็ไม่ทำกิริยาลบหลู่พ่อบ้านฮุยให้เห็น
“ข้าน้อยขอกล่าวตามตรง ข้าวของพวกนี้ล้วนเป็นนายท่านฮุยให้นำมาให้ท่านเหลียง รวม ๆ แล้วก็ห้าร้อยตำลึงเงิน เป็นสินเล็กน้อยหากท่านเหลียงจะสนับสนุนให้บุตรสาวของตนเองแต่งเข้าจวนเป็นฮูหยินสิบเอ็ดของนายท่านฮุย” ถีเยว่สือเบิกตาโพลง บุตรสาวของนางเพิ่งเลยวัยปักปิ่นจะให้แต่งกับบุรุษที่อายุอานามราวบิดาได้อย่างไรกัน
“บุตรสาวของข้าเพิ่งเลยวัยปักปิ่นเพียงปีเดียวเท่านั้น เช่นนี้จะรวดเร็วไปหรือไม่” แม้จะรักบุตรสาวแต่อีกฝ่ายเป็นถึงอำมาตย์จะตอบปฎิเสธไม่ไว้หน้าเลยก็ยากยิ่ง เหลียงจินฮ่าวทำได้แต่พูดจาตะล่อมไปเท่านั้น
ถีเยว่สือมองหน้าสามีกระอักกระอ่วน ไม่เต็มใจให้บุตรสาวแต่งกับบุรุษแก่คราวบิดาเช่นนั้น
“ขออภัยท่านเหลียง ตัวข้ากล่าวไม่ชัดเจน นายท่านของข้าถูกใจบุตรสาวคนโตของท่านเหลียง” ความคิดชัดเจนดั่งฟ้าใสหลังฝนพรำ เดิมทีเครียดเรื่องหนี้สี่ร้อยตำลึงที่ยืมมา อีกทั้งผู้ที่มาก็มีอำนาจมากหากต้องการเหลียงฟางหรงเขาเองก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ พอรู้ว่าเป็นเหลียงฟางหรูบุตรสาวไม่ได้ความผู้นั้น
ถีเยว่สือและเหลียงจินฮ่าวก็ยิ้มอย่างพอใจ เพียงชื่อเดียวก็สามารถขจัดปัญหาได้จนหมดสิ้น ดียิ่ง! นางออกจากจวนเมื่อวานกลับสร้างความชอบแทนเสียอย่างนั้น
“อำมาตย์ฮุยเป็นผู้สู่ขอข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”
6หนี“ท่านแม่ เหตุใดนางจึงโชคดีเช่นนี้กัน” เหลียงฟางหรงกล่าวกับมารดาหลังได้ยินเรื่องราวก่อนนี้จากมารดา นางเกลียดพี่สาวต่างมารดาไม่อยากเห็นนางได้ดี หากนางแต่งออกก็อยากให้แต่งกับบุรุษไร้อำนาจ ไร้สามารถ เสเพลด้วยยิ่งดีแต่นี่นางกลับได้รับการสู่ขอจากอำมาตย์ที่มีอำนาจมากกว่าบิดาเสียอีก นางยังต้องเรียกสตรีผู้นั้นว่าฮูหยินสิบเอ็ด เป็นการยกฐานะนางขึ้นมาจากเดิมและไม่แน่นางงดงามเพียงนี้ หากอำมาตย์ฮุยรักใคร่นางมากกว่าฮูหยินคนอื่น วาสนานางมิยิ่งกว่าพระชายาหรอกหรือ“ก็ดีกว่าผู้ที่ต้องแต่งเป็นลูกแม่มิใช่หรือ” ใบหน้าของหญิงสาวหงิกงอ มารดากล่าวจบก็อดยกมือลูบไล้แก้มเนียนอย่างเอ็นดูไม่ได้ เหลียงฟางหรงสะบัดหน้ามองมารดาคิ้วขมวดมุ่นมิสู้ให้นางแต่งเองเสียยังดีกว่าสำหรับนางหากต้องออกเรือนย่อมต้องออกกับผู้มีอำนาจเงินทอง มิเช่นนั้นไม่ออกเสียยังดีกว่า แต่เมื่อบิดารั
7โจรป่าเหลียงฟางหรงช่วยวางแผนให้พี่สาวหอบสมบัติหนีออกจากจวนก่อนวันที่จะมีเกี้ยวจากตระกูลฮุยมารับ เช่นนี้เหลียงฟางหรูก็ไม่ต้องเข้าเป็นฮูหยินสิบเอ็ดอีกแล้วอากาศยังคงร้อนอบอ้าวทั้งที่อีกไม่กี่เค่อพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว เหลียงฟางหรูผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่ได้มาจากน้องสาว อาภรณ์นี้เป็นของบุรุษหากนางออกจากจวนด้วยอาภรณ์สตรีเกรงว่าจะไปได้ไม่ไกลก็ถูกจับกลับมา“ซ่วนซ่วน เจ้าไปยกสำรับมาที” เหลียงฟางหรงกล่าวกับสาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง พลางใช้สายตากดดันนางตรง ๆ สาวใช้รับรู้ท่าทีกดดันจึงพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกไปทางครัวโอกาสนี้ดียิ่งนัก เพื่อที่จะได้ออกไปโดยไม่มีผู้ใดเห็น เสียงฝีเท้าลับไป หญิงสาวทั้งสองภายในห้องจึงมองหน้ากันพยักหน้าเตรียมตัวดำเนินการตามแผน“พี่ฟางหรู พี่ต้องหนีให้พ้นนะ ข้าขอโทษที่ช่วยพี่ได้เพียงเท่านี้” หญิงสาวกล่าว
8หลบหนีห้องนอนกลางเก่ากลางใหม่คือสิ่งแรกที่นางเห็นหลังลืมตาตื่นขึ้น เมื่อวานนางถูกทำให้สลบไปหลังจากพยายามดิ้นรนอยู่นาน จำได้เพียงพวกเขาพานางไปทางถนนอวิ๋นซานทิศประจิมนั่นคือเขตที่มีสิ่งของนอกกฎหมายมากที่สุดผ่านทั้งเนินเขา ลำธารแถบชายป่านางรับรู้จากเสียงที่ได้ยิน เวลาเดินทางคงมากกว่าสามชั่วยาม เหลียงฟางหรูมองสำรวจไปทั่วห้อง หากยังอยู่ที่นี่ต่อก็คงไม่แคล้วต้องเป็นเมียโจร นางจำเป็นต้องหาทางหนี หนีจากที่ที่ไม่คุ้นเคย ซ้ำยังไม่รู้ว่าต้องหนีไปที่ใดอีกเหลียงฟางหรูรีบแสร้งนอนหลับต่อไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหน้าห้อง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยเข้าจมูกทำให้ร่างกายนางตอบรับสิ่งนั้น“หากเจ้าตื่นแล้วก็กินนี่เสีย ข้าไม่ใช่บ่าวของเจ้า” แป้งย่างที่ติดตัวมานอกจากไม่ได้กินยังหายไปแล้ว ไม่รู้ว่านางหลับไปนานเพียงใดร่างกายจึงหิวโหยเพียงนี้ เหลียงฟางหรูหยัดกายลุกขึ้นนั่งมองหญิงสา
9ได้พบพานอีกคราชายหนุ่มนัยน์ตาเฟิ่งหวงลึกล้ำดำสนิทมองจ้องไปยังต้นไม้นอกหน้าต่าง ขณะกำลังเอนกายพิงตั่งไม้แดงอยู่ในห้อง หวนคำนึงถึงโฉมสะคราญที่เคยรวมเตียงเมื่อวันวานเหตุใดนางจึงรีบหนีไปเสียก่อนยังไม่ได้เอ่ยถ้อยคำต่อกันแม้แต่น้อย ชื่อแซ่ก็มิได้บอกไว้มีเพียงแหวนหยกสีชาดของเขาที่ติดตัวนางไปด้วย ไม่รู้ว่าจนป่านนี้นางถูกต่อว่าลงโทษแล้วหรือไม่ ให้คนสืบข่าวก็ยังไม่ได้เรื่อง“คุณชายขอรับ” บ่าวรับใช้เอ่ยเรียกผู้เป็นนายเสียงเบา เกรงว่าจะขัดอารมณ์อีกฝ่าย ผู้ถูกเรียกผินหน้ามองเชื่องช้าไร้อารมณ์บนใบหน้า จากนั้นพยักหน้าคล้ายอนุญาตให้รายงานต้าซานเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะรายงานเรื่องราวบางอย่างแก่เจ้าของเรือนสุราใต้เชิงเขาเทียนกวางที่สูงละลิ่วแห่งนี้ “พบแม่นางผู้นั้นแล้วขอรับ”ร่างสูงโปร่งงดงามสลักเสลาผุดลุกจากตั่งไม้แดงเร็วรี่เมื่อได้ยินสิ
10เรื่องเป็นเช่นนี้“กินสิ หรือยังอยากตายอยู่” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแกมหยอกล้อทำผู้ฟังขมวดคิ้ว นางกับเขาจะว่ารู้จักก็ไม่รู้จักเหตุใดจึงกล่าวเย้าหยอกนางเช่นนี้ ชั่งใจอยู่สักครู่จึงอ้าปากดื่มยาที่เขาป้อน จากนั้นยื่นมือไปรับถ้วยยามาดื่มเอง“มีอะไรจะถามหรือ”“คุณชายเรื่องวันนั้น”“จำไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก วันนั้นเจ้าถูกวางยาปลุกกำหนัดทำให้มีความใคร่ในตัวบุรุษ” เพ่ยเลี่ยงหลินกล่าวราบเรียบ ยังสังเกตท่าทีของนางอยู่เสมอ หลังได้ยินคำพูดเมื่อครู่คิ้วเรียวก็ขมวดกันแน่นสนิทเพราะเหตุใดเล่าเหตุใดนางจึงถูกยาเช่นนั้นได้ ในเมื่อนางไม่ได้แตะต้องสิ่งใดเลย นอกเสียจาก...ชาถ้วยนั้น แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน“สงสัยผู้ใดหรือไม่” เห็นใบหน้างดงามอยู่ในห้วงความคิดจึงสงสัยว่านางอาจรู้ว่าได้รับยา
11เบื้องหลังตระกูลเหลียง“มู่หรง เป็นอย่างไรบ้าง” หลังกลับมาที่ห้องตนเองเพ่ยเลี่ยงหลินก็เรียกหาองครักษ์ประจำองค์ เขามู่หรงไปสืบข่าวเรื่องของเหลียงฟางหรูเพิ่ม เขาไม่ได้ถามนางเรื่องยาปลุกกำหนัด แต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่อยากรู้ว่าเหตุใดสตรีที่ไม่เคยออกจากจวนอย่างนางถึงถูกยาเช่นนี้ได้มู่หรงประสานมือย่อกายชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง มองหน้าเพ่ยซื่อจื่อสักครู่ เรื่องที่เขาได้ความมาฟังดูแปลกประหลาดจึงไม่รู้ว่าจะบอกเล่าดีหรือไม่ “ไม่ต้องมากพิธี รีบรายงาน”“คุณหนูเหลียงเป็นบุตรสาวคนโตของเหลียงซ่างซูจริงขอรับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกจากจวนจนล่วงเลยวัยปักปิ่นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจวน มีผู้คนเล่าลือกันว่าเหลียงซ่างซูไม่โปรดบุตรสาวผู้นี้เพราะมารดานางคบชู้ นางอาจไม่ใช่บุตรสาวแท้ ๆ ของเหลียงซ่างซู”“เช่นนี้ก็แปลกนัก หากนางมิใช่บุตรสาวเหตุใดยังเก็บ
13คืนให้ข้าเถอะใกล้เข้าสู่สารทฤดูช่างเหมาะแก่การหมักสุราเป็นอย่างยิ่ง เรือนสุราแห่งนี้เดิมทีเพ่ยเลี่ยงหลินใช้สำหรับพักผ่อน และซ้อนเร้นตนเองจากสิ่งวุ่นวาย เขามักใช้เวลาหมักบ่มสุราอยู่ใต้เขาเทียนกวางแห่งนื้ยามพบเจอสถานที่แห่งนี้ หลังเรือนสุรามีแอ่งน้ำขนาดเล็กรสชาติดี หลังจากนั้นจึงให้คนสร้างเรือนพักผ่อนบดบังแอ่งน้ำนั้นไว้สำหรับหมักสุรา“คุณชาย เตรียมของเสร็จแล้วขอรับ” ต้าซานรายงานผู้เป็นนายขณะอีกฝ่ายนั่งมองม่านหน้าต่างสีน้ำทะเลของเรือนพัก ม่านของทั่วเรือนสุราแห่งนี้เป็นเหลียงฟางหรูที่ใช้เวลาว่างเย็บปักเองทั้งนั้นที่น่าแปลกใจคือม่านและผ้าทุกผืนลวดมีลวดลายไม่ต่างกันมากนัก ลวดลายทุกผืนล้วนเกี่ยวข้องกับต้นบ๊วยชายหนุ่มพยักหน้าแล้วหันมองบ่าวคนสนิท จากนั้นจึงเดินตามต้าซานไปยังลานกลางเรือน บริเวณกลางเรือนมีไหสุรา วัตถุดิบอื่นวางเรียงรายอย
12ข้ากล่าวผิดหรือ“คุณหนูอาหารม...คุณชาย” เสี่ยวไป๋ส่งเสียงร้องบอกหญิงสาวที่อยู่ในห้อง ทั้งที่ตนเองยังมาไม่ถึงห้อง นางอายุยังน้อยจึงชอบมีแววตาและยังคงทำตัวร่าเริงอยู่ พอถือถาดอาหารเดินเข้ามาเจอเพ่ยซื่อจื่อนั่งอยู่ด้วยก็หุบยิ้มทำหน้านิ่ง มือกำขอบถาดแน่นย่อกายลงแล้วเดินเข้าไปจัดวางอาหารไว้บนโต๊ะ“คุณชายจะทานอาหารที่นี่หรือเจ้าคะ”“ไม่ได้หรือ” ชายหน่มวางถ้วยชาแล้วหันไปถามเด็กสาวข้าง ๆ พอเขาผินหน้ามามองจากอากาศร้อนอบอ้าวก็พลันเย็นยะเยือกขึ้นมาเสี่ยวไป๋รู้สึกหวาดกลัวใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของเขายิ่งเพราะนางเป็นพวกร่าเริงยามต้องเจอคนเงียบขรึมเย็นชาจึงไม่คุ้นชิน“ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปนำมาให้เดี๋ยวนี้” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ยื่นมือไปหยิบตะเกียบตรงหน้าเหลียงฟางหรูมาถือเอาไว้ นางใช้มือได้เพียงข้างเดียว ข้อม
หรูซิน สามปีแล้ว หลังจากให้กำเนิดบุตร เพ่ยเลี่ยงหลินพาเหลียงฟางหรูและบุตรสาวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง คอยช่วยผู้เป็นน้องชายดูแลราชกิจต่าง ๆ เพ่ยฮุยหวงสละบรรดาศักดิ์ให้เพ่ยเลี่ยงหลิงสืบทอดตำแหน่งชินอ๋องครองแคว้นจิ้งขึ้นเป็นจิ้งอ๋อง ส่วนเพ่ยเลี่ยงหลินยังคงเป็นท่านชายของแคว้นพ่วงตำแหน่งที่ปรึกษาบ้านเมืองสงบขึ้นมากหลังจากสองพี่น้องช่วยกันดูแลบ้านเมือง เพ่ยฮุยหวงยินดียิ่งที่ได้เห็นบ้านเมืองเจริญขึ้น ชาวประชาก็มีสุขบัดนี้ยังมีหลานสาวให้คอยดูแลอีกด้วย เพ่ยหรูซินบุตรสาวคนเดียวของเพ่ยเลี่ยงหลินและเหลียงฟางหรู นางเป็นที่รักไม่ว่าผู้ใดเห็นก็เอ็นดู ยิ่งกับเพ่ยฮุยหวงเรียกร้องให้บุตรชายพาหลานสาวเข้าวังทุกวัน“ซินเอ๋อร์”“ท่านอา” เด็กสาวหันกลับไปมองผู้ที่ส่งเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ร้องออกมา ก่อนจะวิ่งถลาเข้าใส่อ้อมกอดผู้เป็นอา เพ่ยเลี่ยงหลิงอุ้มยกเด็กสาวโยนขึ้นสูงแล้วพากันหัวเราะชอบใจ เขาอุ้มเพ่ยหรูซินเดินไปพี่ชายและพี่สะใภ้“เหตุใดหลังท่านพี่เข้า
ตอนพิเศษ นรกทั้งเป็น “ข้าบอกให้ซักเบา ๆ มิใช่หรือ” หญิงสาวตรงหน้าต่อว่าเสียงดังพลางโยนอาภรณ์สีเหลืองอ่อนใส่สตรีวัยใกล้เคียงกันที่นั่งอยู่ตรงอ่างไม้ ในมือข้างหนึ่งถือไม้ซักผ้าไว้ มืออีกข้างก็จับอาภรณ์เปียกน้ำ เมื่อถูกโยนอาภรณ์ใส่หัวอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยโดน ของทุกอย่างในมือจึงถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีอีก ใบหน้างดงามขมวดเกร็งหมายจะเอาคืนสักที ไม่ทันคิดให้รอบครอบฝ่ามือเปียกชื้นก็ตวัดฟาดเสี้ยวแก้มของหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มตรงหน้าอย่างแรง “เป็นแค่คณิกาชั้นต่ำ ข้าทำให้ก็เป็นบุญของเจ้าแล้ว อย่าได้คืบจะเอาศอก” “เจ้ากล้าตีข้าเชียวหรือ ข้าจะฟ้องนายท่าน” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคณิกายกมือประคองใบหน้าตน พลางกัดริมฝีปากทดสอบว่ากลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งนี้มาจากริมฝีปากนางใช่หรือไม่ “สตรีต่ำช้า เป็นแค่อนุกลับกล้าวางท่าราวกับตนเองเป็นนายหญิงของตระกูล” เหลียงฟางหรงกล่าวเสียงต่ำพลางพุ่งเข้าไปใช้มือจิกกลุ่มผมของสตรีตรงหน้าอย่างแรง
56ข้าเองก็เช่นกัน ขุนนางกังฉินทั้งหมดถูกโบยคนละหนึ่งร้อยไม้ ผู้ที่รอดจากการโบยก็ถูกเนรเทศจากแคว้นพร้อมครอบครัว ทรัพย์สินถูกยึด มีเพียงเหลียงจินฮ่าวและฮุ่ยฉีเลี่ยที่ถูกโบย ถูกวาดอักษรกังฉินไว้บนหน้า ขับไล่ไปเป็นทาสที่แถบชายแดนซึ่งกำลังสร้างกำแพงเมืองอยู่เหลียงจินฮ่าวถูกพาไปเป็นทาสใช้แรงงานพร้อมถีเยว่สือที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอลงมาก เพราะก่อนหน้านี้ถูกคุมขังในคุกนาน ถูกลงโทษได้แผลมาไม่น้อยหากไม่ใช่เพราะเหลียงฟางหรูตั้งครรภ์จึงไม่เอยากเอาชีวิตผู้ใด คนเหล่านี้คงถูกประหารไปจนสิ้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้รับโทษน้อยเลยโทษตายเว้นได้แต่โทษเป็นนั้นยากหลีกหนี เหลียงจินฮ่าวและถีเยว่สือต้องใช้แรงงานของตนเพื่อแลกอาหารกิน เหลียงฟางหรูไม่แม้แต่จะเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาตอนถูกขับไล่ นางเพียงปลายตามองแวบเดียวก็กลับไป แต่เพราะเหลียงฟางหรงเป็นคนสกุลเฉิงไปแล้วจึงมิได้ถูกเนรเทศขับไล่ไปเป็นทาสด้วย“เจ้าพอใจหรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามขณะกอดประคองนางอยู่บนกำแพงเ
55ข่าวดีหลังข่าวร้าย การไต่สวนเหล่าขุนนางมากมายเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ละคนล้วนให้การกล่าวโทษผู้อื่นเพียงเพื่อให้ตนเองมีโทษน้อยที่สุด เพ่ยเลี่ยงหลิงที่ไม่ได้มีความอดทนดังผู้เป็นพี่ชายจึงใช้วิธีทรมานเพื่อให้ได้รับคำสารภาพเดิมการทรมานเพื่อให้รับผิดไม่ควรถูกใช้ แต่ยามนี้เป็นยามที่ราชสำนักต้องกำจัดสิ่งไร้ประโยชน์จิ้งอ๋องจึงยอมหลับตาข้างหนึ่ง ท่านชายรองยิ่งชอบใจที่ทำแล้วไม่ถูกผู้เป็นบิดาดุด่าไม่เกินสามวันจึงได้คำตอบที่น่าพึงพอใจให้แก่ชาวประชาทั่วแคว้น สามวันก่อนเพ่ยซื่อจื่อรีบเร่งกลับตำหนักเพื่อไปดูเหลียงฟางหรูที่อยู่ ๆ ก็หมดสติ เขาคงไม่กังวลมากนักหากมิใช่เพราะนางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ภายในใจร้อนดังถูกเปลวไฟแผดเผา ขณะที่ยืนรอฟังหมอหลวงอยู่หลังฉากกั้นก็เดินวนไปวนมา หลังฉากกั้นมีเสี่ยวไป๋และซ่านซ่านคอยดูนางอยู่เกือบสองเค่อจึงเดินออกมาจากหลังฉากกั้น หมอหลวงทำท่าจะคุกเข่ารายงาน แต่เพ่ยซื่อจื่อร้อนใจจนไม่อาจทน
54ทั่วทั้งแคว้นมีเพียงท่านชายรอง “กล่าวว่าก่อกบฎก็ไม่ถูกนัก อย่างไรเสียท่านชายรองก็เป็นบุตรชายของพระชายาเอก มีสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจิ้งอ๋องได้อย่างชอบธรรม” เพ่ยเลี่ยงหลิงยืนนิ่งปล่อยให้ฮุ่ยฉีเลี่ยเป็นผู้ออกหน้าเอ่ยวาจาทั้งหมดเอง ฮุ่ยฉีเลี่ยเดิมทีกังวลว่าจะถูกประหารเพราะจิ้งอ๋องคงตรวจพบความผิดเขาจากบันทึกของเหลียงจินฮ่าว แต่เมื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงปรากฎตัวความกลัวก็มลายหายไป เปลี่ยนเป็นขวัญกล้ากล่าวทุกสิ่งออกมา“ท่านชายใหญ่แม้จะเป็นบุตรพระชายาแต่ก็ไม่มีความชอบมากเท่าท่านชายรอง แคว้นนี้ยังคงต้องการท่านอ๋องที่ปรีชาสามารถ ออกรบไม่เกรงกลัว ควบคุมทหารได้ดุจเทพเซียน เช่นนี้ทั่วทั้งแคว้นก็มีเพียงท่านชายรองเท่านั้น แต่ท่านอ๋องไม่ทรงทอดพระเนตรใช้เพียงความชอบของพระองค์แต่งตั้งซื่อจื่อโดยไม่ดูความเหมาะสม อย่าได้กล่าวโทษข้าเลย”“เช่นนั้นผู้ที่วางยาซื่อจื่อก็เป็นเจ้าเองใช่หรือไม่ฮุ่ยฉีเลี่ย หลิงเอ๋อร์เจ้าเองก็ร่วมมือกับฮุ่ยฉีเลี่ยลอบทำร้ายพี่ชายตนเองหรือ” จิ้งอ๋องถามขึ้นอย่างปวดใจ น้ำเสียงแ
53อย่าทรงมีโทสะ บุรุษใกล้วัยชราภาพเต็มทีเดินเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม มาถึงได้ก็ถวายบังคมจิ้งอ๋องพลางกล่าวเชยชมก่อนยื่นฎีการายงานความผิดของเหลียงซ่างซู“ถวายบังคมท่านอ๋อง ยามนี้ซื่อจื่อถูกพิษจ็บป่วยไม่รู้ชะตา เรื่องนี้สืบไปสืบมาก็มิพ้นตระกูลเหลียง ข้าน้อยในฐานะขุนนางของพระองค์จึงได้เร่งตรวจสอบการทำงานของเหลียงจินฮ่าว พบว่าเหลียงจินฮ่าวผู้นี้ทุจริตเงินและรับสินบนจำนวนมากตลอดการเป็นขุนนางจึงนำรายงานมาถวายให้ท่านอ๋อง” จิ้งอ๋องได้ฟังจนจบก็พยักหน้าให้กงกงรับฎีกาและบันทึกรับสินบนจากอำมาตย์ฮุ่ยมาดู อ่านฎีกาและบันทึกรับสินบนอยู่ครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าเครียดเกร็ง วางกระแทกสิ่งของในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง“ต่ำช้านัก แม้แต่เสบียงบรรเทาภัยพิบัติก็ไม่เว้น ข้าเลี้ยงขุนนางสวะเช่นนี้ไว้มีประโยชน์อันใดต่อประชา” จิ้งอ๋องผรุสวาทออกมาเสียงดังลั่นห้องทรงอักษร น้ำเสียงมีเพียงเกรี้ยวกราด ฮุ่ยฉีเลี่ยเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มย่องในใจ ใส่ใจอีกเพียงเล็กน้อยไม่แคล้วเหลียงจินฮ่าวถูกสั่งประหาร
52เกลียดนางถึงพียงนี้เลยหรือ เพ่ยเลี่ยงหลิงสั่งการเสร็จจึงหันมามองสองสามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า เพื่อสอบสวนต่อเหลียงจินฮ่าวและถีเยว่สือสบนัยน์ตากันครู่หนึ่ง เพียงเท่านั้นก็ราวกับเข้าใจกันลึกถึงก้นบึ้ง“เหตุใดพี่ชายข้าจึงถูกพิษ”“ต้องเป็นเพราะเหลียงฟางหรูเป็นแน่ นางไม่เต็มใจสมรสจึงต้องการลอบวางยาซื่อจื่อ” ถีเยว่สือร้องขึ้นเสียงแหลม เพ่ยเลี่ยงหลิงสะบัดฝ่ามือหนึ่งครั้งแส้เส้นใหญ่ก็ถูกฟาดลงกลางหลังอีกครา“ข้าไม่ได้ถามเจ้า ผู้ใดอนุญาตให้สอดปาก” ชายหนุ่มกล่าวสียงทุ้มปนแข็งกร้าว เขารู้ดีว่านางจงใจโยนความผิดเหล่านี้ให้บุตรสาวที่ไม่รู้เป็นตายอย่างไรแต่หากนางยืนยันเพียงลำพังข้อกล่าวหานี้ก็เป็นอันจบ ผู้ใดจะเชื่อถือย่อมต้องให้สามีกล่าวเช่นเดียวกันเท่านั้นนางกล่าวขึ้นมาก่อนก็เพื่อให้ผู้เป็นสามีเข้าใจเจตนา และเป็นทางรอดเดียวในยามนี้“ใช่แล้ว เป็นเพราะเหลียงฟางหรูไม่เต็มใจสมรสกับซื่อจื่อ จึงจงใจทำเช่นนี้เพื่อให้พวกข้า
51จะตายก็ได้ แขนขาทั้งสองถูกผูกติดกับขาเก้าอี้กลางห้องเพื่อไม่ให้ผู้ถูกสอบสวนขัดขืนสิ่งใดได้ ดวงตาสองข้างของนางพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำบาง ๆ ตื่นกลัวอย่างที่สุด ไม่รู้เลยว่าตนเองจะถูกทรมานมากเพียงใดจากน้ำมือชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้า“ข้าถาม เจ้าตอบ หากดื้อดึงไม่ตอบดังสตรีคนเมื่อครู่ก็อย่าหาว่าใจร้ายไม่เห็นแก่หน้าซื่อจื่อเลย”“ตอบเจ้าค่ะ ข้าจะตอบทั้งหมด” นางกระวีกระวาดตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอย่างไรขอเพียงตนเองรอดเหลียงฟางหรูนั่นจะเป็นเช่นไรนางไม่สนใจ“ดี เช่นนั้นตอบข้ามาว่ารู้เรื่องที่ซื่อจื่อถูกพิษหรือไม่” เพ่ยเลี่ยงหลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่รอบกายกลับมีไอเย็นแผ่ออกมาพร้อมรังสีอำมหิต ราวกับกำลังนั่งจ้องหน้ากับพญายมราชอย่างไรอย่างนั้น“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้เลยท่านชายรองโปรดเชื่อ ทุกสิ่งเป็นเพราะนางเหลียงฟางหรูผู้เท่านั้น เดิมทีสามีข้ากับท่านอำมาตย์ฮุ่ยก็อยู่ฝั่งเดียวกัน หากไม่ใช่เพราะนางสามีข้าจะทรยศต่อท่านอำมาตย์ได้อ
50ไม่รู้เป็นตาย เสียงอึกทึกก่อนนี้เงียบลงทันทีเมื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงกล่าวจบ จิ้งอ๋องผินมองหน้าบุตรชายคนรองสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งก็กลับมาราบเรียบเช่นเดิม“ไต่สวนให้ดี” ผู้ครองแคว้นกล่าวจบก็เดินออกไป เพ่ยเลี่ยงหลิงยิ้มรับพลางค้อมตัวน้อมส่งบิดา ฮุ่ยฉีเลี่ยเงยหน้ามองเพ่ยเลี่ยงหลิงหลังเหลือเพียงบรรดาขุนนางและแม่ทัพเพ่ย“ที่เหลือฝากท่านอำมาตย์แล้ว ข้าต้องรีบไปสอบสวนเรื่องราวเสียหน่อยว่าผู้ใดกันที่วางยาพิษท่านพี่ของข้า”“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ท่านชายโปรดวางใจ” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จ้องมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า เขาสวมอาภรณ์สีม่วงเข้มปักลวดลายวิจิตรงดงามท่าทางน่าเกรงขามไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้คู่ควรกับอำนาจยิ่ง กระทั่งเพ่ยเลี่ยงหลิงเดินลับสายตาไปเหล่าขุนนางในท้องพระโรงถกเถียงพูดคุยกันอีกไม่นานก็แยกย้ายกันกลับ ยามนี้มีเรื่องที่พวกเขาควรไตร่ตรองให้แน่ชัด บางคนคิดว่านี่คงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงตำแหน่งซื่อจื่อที่มั่นคงมานานเสียทีบางตระกูลย