“ท่านแม่ทัพ”
เสี่ยวเตี๋ยดีใจจนออกนอกหน้า หลายเดือนมานี่ ท่านแม่ทัพมาเยือนเรือนฉีอิงบ่อยมาก ทั้งที่วันนี้คุณชายสามมา ท่านแม่ทัพก็ยังแวะเวียนมาที่เรือน โดยที่เจ้านายของนางไม่อยู่แท้ ๆ นอกเสียจากเขาจะมาเพื่อพบหน้าผู้อื่น สาวใช้แอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ภายในใจ
“ฮูหยินเล่า นางยังมิเสร็จอีกหรือ” แม่ทัพหนุ่มถามหาภรรยา
“เอ่อ...คือฮูหยิน ออกไปยังเรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ เพื่อ...”
ชายหนุ่มหมุนกายจากไปทันที โดยไม่รอฟังให้จบก่อน ทำให้เสี่ยวเตี๋ยถึงกับหน้าม่านไปเลยทีเดียว นางคิดว่าที่ผ่านมาชายหนุ่ม มายังเรือนนี่บ่อยครั้ง เพื่อมาพบหน้านาง
แม่ทัพหนุ่มถึงกับชะงักเท้าในทันที เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากห้องรับแขก ใบหน้าที่เคยนิ่งสนิทอยู่เป็นนิจ บัดนี้กลับมืดครึ้มลงหลายส่วน ‘ไยกับข้า เจ้ามิเคยหัวเราะด้วยเช่นนี้’ ชายหนุ่มคิดขบเขี้ยวอยู่ในใจ
ก่อนจะสูดหายใจลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แม่ทัพหนุ่มก้าวเท้าหนัก ๆ ตรงเข้าไปภายในห้องรับแขก ภาพที่เขาเห็นคือภรรยาในชุดสีขาวลายดอกมู่ตานสีชมพู ซึ่งขับเน้นให้นางดูงดงามยิ่งนัก
แต่สิ่งที่ทำให้เขา แถบจะถลาเข้าคว้าตัวนาง แล้วพากลับไปขังไว้ในเรือน นั่นคือเนินอกอวบอิ่ม ที่ถูกดันจนแทบทะลักออกมาจากเสื้อเลยก็ว่าได้ จริงอยู่ว่าชุดแบบนี้ สตรีมากมายก็สวมใส่ แต่ทำไมเมื่อมันมาอยู่บนกายของนาง กลับทำให้เขาไม่ชอบใจถึงเพียงนี้
“พี่รอง ท่านมาพอดีเลย ข้ากำลังชวนพี่สะใภ้ไปล่าสัตว์ ในเทศกาลที่ใกล้จะถึงนี้”
“ไม่ได้!”
จ้างซือถง เผลอปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอันดัง ก่อนจะมองภรรยาและน้องชาย รวมถึงพ่อบ้านและสาวใช้ของภรรยา ที่พากันมองเขาเป็นตาเดียว
“เอ่อ...คือข้าหมายถึง นางขี่ม้าไม่ได้”
จ้านซือถงรีบแก้ตัว ก่อนจะก้าวเข้าไปรวบเอวภรรยา ให้แนบกายแกร่ง ซึ่งทุกคนที่อยู่ภายในห้อง ถึงกับตาค้างกันเลยทีเดียว ด้วยคนเช่นจ้านซือถงนั้น ถูกขนานนามว่าบุรุษไร้ใจ
ด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมา คนผู้นี้ไร้ซึ่งความรักเลยก็ว่าได้ เขาไม่เคยคบหาสตรีใด หรือพึงพอใจบุตรสาวบ้านใดเลยสักคน แม้จะมีหญิงสาวมากมาย ทอดสะพานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ทว่าทุกคนก็จำต้องล่าถอย เมื่อชายหนุ่มมุ่งอยู่แค่เพียงงานเท่านั้น
จนเมื่อสองปีก่อน เกิดเรื่องราวทำให้ ชายหนุ่มจำต้องแต่งหลี่ฉีอิงเจ้าจวน ในฐานะภรรยาเพียงหนึ่งเดียว
ซึ่งทุกคนรู้กันเป็นอย่างดีว่า ชายหนุ่มทำเพียงเพื่อรักษาเกียรติของฝ่ายหญิงเท่านั้น มิได้มีใจชอบพอแต่อย่างใด
“ท่านพี่ ของแบบนี้มันฝึกฝนกันได้นะเจ้าคะ น้องสามบอกว่าจะสอนข้าขี่ม้าด้วยตนเอง มิรบกวนท่านพี่อย่างแน่นอน”
ฉีอิง เอ่ยกับสามี ด้วยน้ำเสียงร่าเริง จนทำให้คนฟัง อยากที่จะปิดปากนางเอาไว้เสีย ‘เจ้ามิพูด ก็ไม่มีผู้ใดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะฉีอิง’ ซือถงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ภายในใจ
“เช่นนั้นรึ น้องสามเอาเป็นว่าเรื่องนี้ เราค่อยคุยกันอีกครั้งก็แล้วกัน พี่สะใภ้ของเจ้าระดูยังไม่มา พี่ว่าอย่าเพิ่งเสี่ยงให้นางฝึกขี่ม้าจะดีกว่า”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยอย่างหน้าตาเฉย เรื่องระดูของสตรี ทำให้ฉีอิงถึงกับทำตาโต ส่วนเสี่ยวเจี้ยนได้แต่ก้มหน้านิ่ง ด้วยมิคิดว่าเจ้าของจวนจะเอ่ยเรื่องเช่นนี้ โดยไม่กระดากอายแม้แต่น้อย
“ห๊ะ! นะ...นี่หมายความว่า...” จ้านซือเถา มีอาการตกใจ ก่อนจะสบตากับพี่ชายสลับกับมองหน้าพี่สะใภ้
“ใช่...นางอาจมีหลานให้เจ้า”
ฉีอิงกำลังจะเอ่ยปากโต้ตอบ ทว่าสามีกลับคว้าขนมในจานมาป้อนนางหน้าตาเฉย ‘อะไรยังไม่เคยเข้าหอ จะมาท้องได้ยังไง บ้าไปแล้ว’ ฉีอิงได้แต่โว้ยวายอยู่ภายในใจ แต่ยังไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เพราะสามีของนางทั้งขนมและชา จ่อปากนางอยู่ในตอนนี้
“อย่าได้ทำสามีเสียหน้า ภรรยาคนดี” จ้านซือถงกระซิบข้างหูภรรยา ด้วยน้ำเสียงกดดันคนฟังเป็นที่สุด
“ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนักพี่รอง แล้วผู้ใดกันกล้าปล่อยข่าวลือ ว่าท่านพี่ทั้งสอง ยังมิเคยร่วมหมอนกันสักครั้ง”
จ้านซือเถาทุบกำปั้น ลงบนฝ่ามือของตน เขาและครอบครัว ได้ยินข่าวลือเรื่องพี่ชายคนรอง กับภรรยาที่แต่งงานกันมานาน ยังมิร่วมหอกันเลยสักครั้ง
“การสร้างลูก จำเป็นต้องทำเฉพาะยามค่ำคืน หรืออย่างไรกัน”
ฉีอิงแทบอยากจะกรีดร้อง เมื่อได้ยินคำพูดของสามี เขาไปกินดีหมีมาหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้พูดจามากกว่าทุกวันเล่า
จ้านซือเถา มองหน้าพี่ชายกับพี่สะใภ้ สลับไปมาอีกครั้ง เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิด แต่จากท่าทางใส่ในหวงแหนของพี่ชาย ก็เป็นการยืนยันที่ดีในคำพูด
ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็น เวลาทั้งคู่ออกงาน หรืออยู่ร่วมกันต่อหน้าผู้อื่น พี่ชายของเขาหาได้ใส่ใจภรรยาสักนิด
ฉีอิงได้แต่ทำตาปริบ ๆ เพราะไม่ว่าตอนนี้นางเอ่ยสิ่งใดออกไป ก็ถือว่าเป็นการแก้ตัวอยู่ดี
หญิงสาวได้หันเข้าหาอกแกร่งของสามี นิ้วเรียวงามทำเพียงเขี่ยเสื้อของชายหนุ่มเล่นไปมา ไม่ใช่นางเก้อเขิน แต่นางอายเสียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
“เจ้าเชื่อข่าวลือไร้สาระพวกนั้น ตั้งแต่เมื่อใดกัน มีคนรักย่อมมีคนเกลียดชัง ข้อนี้เจ้าน่าจะรู้ดีนะน้องสาม”
‘ยังมิหยุดอีกนะ จ้านซือถง’ ฉีอิงคิดอยู่ในใจ ใบหน้างามแดงก่ำ ด้วยความรู้สึก ไม่พอใจทว่ามิอาจทำสิ่งใดได้
“ข้ามิได้หูเบาถึงปานนั้นพี่รอง ยิ่งได้เห็นพี่รองกับพี่สะใภ้รักกันดี ข้าก็เบาใจ ท่านพ่อกับท่านแม่ เป็นห่วงท่านพี่ทั้งสองมากนะขอรับ”
จ้านซือเถาเอ่ยยิ้ม ๆ เขาไม่เคยเห็นพี่ชายเป็นแบบนี้มาก่อน อันที่จริงการมาเยือนในวันนี้ จุดประสงค์ก็เพราะข่าวที่มีคนส่งไปนั่นเอง ว่าหลายเดือนมานี้ พี่ชายนั้นไปเรือนฉีอิงแทบทุกวัน แม้มิได้ค้างคืน ทว่าก็ใช้เวลาอยู่กับพี่สะใภ้ของเขาอยู่นาน
“เอาล่ะ เราไปกินข้าวกันได้แล้ว เสี่ยวเจี้ยน เอาเสื้อคลุมของฮูหยินมาให้ข้า”เสี่ยวเจี้ยนรีบนำผ้าคลุมของผู้เป็นนาย ส่งให้แก่แม่ทัพหนุ่ม ก่อนจะถอยกลับไปยืนเคียงข้างพ่อบ้าน จ้านซือถงจัดแจงห่มผ้าคลุมให้แก่ภรรยาอย่างเบามือ“ท่านพี่เราจะไปกินข้าวกันแค่เพียงห้องข้าง ๆ ไยต้องสวมผ้าคลุมเล่าเจ้าคะ”“นี่คือฤดูหนาว เจ้าควรดูแลตัวเองให้มากสักหน่อย หากป่วยไข้มาจะเป็นอันตรายเอาได้”ปากก็พูดกับภรรยา ทว่ามือนั้นยังพยายามที่จะดึงผ้าคลุม ให้ปกปิดเนินอกขาวเนียนนั้น ให้พ้นสายตาของผู้อื่น ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับแขก ต่างพากันหันมองไปทางอื่น เพราะดูเหมือนว่าฮูหยินของบ้าน จะเริ่มมีใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงลำคอแล้วในตอนนี้มือบางจึงยกขึ้นช่วยสามีจัดการกับผ้าคลุม โดยการเบี่ยงไปด้านข้างเล็กน้อย ทำให้ชายผ้าปิดเนินอกอวบของนาง ฉีอิงจึงได้เห็นแววตาพึงพอใจของสามี ก่อนที่เขาจะคว้าเอวขอดของนาง พาเดินไปยังห้องอาหารที่อยู่ติดกัน“ข้าว่าอีกไม่นาน พวกเจ้าคงมีงานเพิ่ม”จ้านซือเถาหันไปเอ่ยกับพ่อบ้านของพี่ชาย และเสี่ยวเจี้ยน ที่ตอนนี้พากันยืนยิ้มจนตาปิดเลยทีเดียว“หากเป็นเช่นนั้น ข้าน้อยจะย
สำหรับฉีอิงนั้น จูบถือเป็นเรื่องปกติของคู่รักที่จะกระทำมันอยู่แล้ว นางมาจากโลกเสรีในอนาคต การตอบสนองของภรรยา ทำให้ซือถงคำรามอยู่ในลำคอ ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะก้มลงดูดเม้าริมฝีปากล่างอย่างหิวกระหาย มือหนาข้างหนึ่ง ยังคงนวดเฟ้นเต้างามสลับใช้นิ้วโป้ง บี้ยังเม็ดบัวสีหวานนั่นอย่างเมามันฉีอิงสะท้านไปทั้งกายด้วยความรัญจวน จากการปลุกเร้าอารมณ์ของสามี เรียวขางามกวัดรัดขาแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ทั้งยังแอ่นกายส่วนล่าง ขึ้นบดเบียดกับแท่งหยกที่กำลังขึงขัน แนบชิดตัวนางอยู่ในตอนนี้ชายหนุ่มยังลงอ้อยอิ่งอยู่ที่ลำคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนลงสู่อกอวบอิ่มอีกครั้ง ทว่าครานี้ ชายหนุ่มหาได้หยุดอยู่ยังสองเต้าเต่งตึงไม่ จมูกคมเลื่อนเลยผ่านลงจนถึงสะดือเล็กน่ารักของนาง ก่อนจะตวัดลิ้นสาก หยอกเย้ามันอยู่นาน ทำให้ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน มือบางทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนแน่นเสียงครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกเล้าโลมจากปลายลิ้นร้ายกาจของชายหนุ่ม มือหน้าจับต้นขางามของภรรยา แยกออกเพื่อให้เขาได้มองเห็นดอกไม้งามที่อวบอูมด้านล่าง ก่อนที่ปลายลิ้นของเขาจะตวัด ยังกลีบอ่อนด้านนอกจนเปียกชื้น นิ้วเรียวก
“ท่านแม่ทัพ สายแล้วนะเจ้าคะ”ในที่สุดเสี่ยวเตี๋ยก็นำตัวเองขึ้นบนแท่นประหาร ฉีอิงลอบยิ้มอยู่กับอกของสามี เสียงงัวเงียเหมือนลูกแมวของนาง เป็นการบอกแก่สามีว่าต้องลงดาบเสียที“บังอาจ! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไร จึงเข้ามาในห้องนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันเสี่ยวเตี๋ย เพียงบ่าวไยหาญกล้าทำเช่นนี้กัน”ตึก! เสี่ยวเตี๋ยรีบคุกเข่าลงในทันที พร้อมเสียงสะอื้นไห้ปานใจจะขาด ทว่าฉีอิงยังคงนอนหลับตานิ่ง ขยับตัวเพียงเล็กน้อย ยิ่งเป็นการเพิ่มโทสะให้แก่ชายหนุ่ม“ท่านแม่ทัพ เสี่ยวเตี๋ยเพียงเป็นห่วงท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” เสี่ยวเตี๋ยละล้ำละลักพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น“ไม่ผิดที่บ่าวจะห่วงใยในตัวนาย แต่เจ้ากลับมิเป็นเช่นนั้น ฮูหยินของข้าคือนายของเจ้า แต่เจ้ากลับบังอาจรบกวนยามหลับของนาง ทั้งยังรุกล้ำเข้ามาในเวลาส่วนของนายเช่นนี้ เจ้าลองบอกข้ามาสิ ว่ามันเหมาะสมหรือไม่”เสี่ยวเตี๋ยถึงกับหนาวสะท้านไปทั้งกาย นางรู้ชะตาตนเองแล้วในตอนนี้ ว่าอย่างไรเสียก็คงถูกลงทัณฑ์จากแม่ทัพหนุ่มอย่างแน่นอน นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนแห่งนี้ นางมิเคยเห็นท่านแม่ทัพ เอ่ยวาจามีโทสะถึงเพียงนี้สักครั้ง“ฮูหยิน ชะ...”“ออกไป!”สาวใช
ก็มิต่างกับว่าเขากำลังจะสูญเสีย จึงต้องรีบไขว่คว้าเอาไว้กับตัว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานั้น นางให้ความสนใจกับทุกคน ยกเว้นเขาที่นางไม่เคยสนใจเลย ซึ่งมันมิต่างจากการเติมเชื้อไฟในใจของสามี ทว่านางไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาจะตัดสินใจร่วมทำเรื่องระหว่าสามีภรรยา อาจด้วยเพราะฤทธิ์สุรา ที่เขาและนางดื่มไปด้วยสำหรับนางแล้ว เรื่องเช่นสักวันมันจะต้องเกิด หากเล่นตัวมากจนเกินไป ก็จะดูไม่งามเอาได้ ยั่วยวนมากไปเหมือนเจ้าของร่าง ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าค้นหา นางแค่ใช้หลักจิตวิทยาจากชีวิตเก่า มาลองปรับใช้กับสามีหัวแข็งก็เท่านั้นเอง ‘ท่านมิได้ไร้ใจ ทว่าท่านไร้รักต่างหากสามีข้า’ นางสืบเรื่องของเขาอยู่นาน กว่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว จ้านซือถงใช่ว่าจะไม่มีหัวใจ เขามีความรักอันมั่นคงต่อสตรีนางหนึ่งทว่าฝ่ายหญิงกลับเลือกสามีที่ทำให้ตนเองสูงส่ง มากกว่าจะเลือกเพียงบุตรชายคนรอง ที่เวลานั้นเป็นเพียงทหารตำแหน่งเล็ก ๆ ในกองทัพ ความเจ็บปวดหล่อหลอมเขา ให้กลายเป็นคนที่ไม่เคยรักใครเลย ในสายตาของผู้คนหญิงสาวคนนั้น นางรู้ดีว่าเป็นผู้ใด และมันควรถึงเวลาปลดปล่อยสามีของนาง จากความเจ็บปวดเสียที ‘
กึ๊ก! ทว่าประตูห้องหาได้เปิดออกไม่ ซึ่งดูเหมือนว่าด้านในจะลงดานประตูเอาไว้ หญิงสาวสูดหายใจแรง ๆ เพื่อข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงที่ประตูห้องนอนหลายทีแม่ทัพหนุ่ม ที่กำลังนวดเฟ้นร่างกายให้แก่ภรรยา ที่นอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าทะมึนตึงขึ้นในทันที เมื่อถูกรบกวนเป็นครั้งที่สองภายในวันเดียว“ใคร! มีเรื่องอันใด ไยกล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า”เสียงที่แฝงไปด้วยโทสะของชายหนุ่ม ทำให้คนด้านหน้าประตูถึงกับหนาวสะท้าน หลิวหลิงไม่เคยเห็น หรือได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ จากชายหนุ่มสักครั้งเลยในชีวิต“น้องรอง เป็นข้าเองหลิวหลิง”หลิวหลิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยอย่างมีจริต นางรู้ใจชายหนุ่มดี ว่าหากนางทำเสียง เหมือนตกใจหรือกำลังหวาดกลัว ชายหนุ่มต้องรีบที่จะเข้ามาปลอบโยนอย่างแน่นอน‘ข้ากับเจ้ามันต่างกันฉีอิง เจ้าก็แค่มอบกายปรนเปรอเขา ส่วนข้ามิต้องทำสิ่งใด ก็อยู่ในใจของเขา’“พี่สะใภ้ ไยมิให้บ่าวไพร่มาแจ้งก่อน แล้วเหตุใดจึงมาเรือนของฮูหยินข้า โดยทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้”หลิวหลิงถึงกับใบหน้าซีดเผือก มือบางกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือด ไยชายหนุ่มจึงได้ตำหนินางรุนแ
“ท่านพี่อิ่มหรือยังเจ้าคะ” ฉีอิง เอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ“หึ ๆ เจ้าทำให้แขกของเรารอนานแล้วนะ” แม่ทัพหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยถึงสิ่งรบกวนที่เวลาของทั้งคู่“ห่วงนางมาก ก็ไปสิเจ้าค่ะ”ฉีอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด เมื่อสามีเอ่ยถึงหญิงสาว ที่มาเยือน โดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า ทั้งยังพยายามที่จะบุกเข้ามาในห้องของนาง“ที่ใดกัน นางมิได้สำคัญเท่าปากท้องของภรรยาพี่เสียหน่อย นางมาเองรอได้ก็รอ รอมิได้ก็แล้วแต่นาง เจ้าเหนื่อยหรือไม่ พักเสียหน่อยดีไหม”“ข้าเหนียวตัวเจ้าค่ะ”สิ้นคำพูดของภรรยา แม่ทัพหนุ่มได้พลิกกายมาอยู่ด้านบนแทน ก่อนจะถอดถอนแท่งหยกออกจากายนาง ชายหนุ่มขยับลงจากเตียง ก่อนจะหันกลับมาช้อนอุ้มร่างอ่อนระทวยขึ้นสู่วงแขน เท้าหนาก้าวตรงไปยังส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำจ้านซือถงวางภรรยาลงในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะก้าวตามลงไป เพื่อช่วยถูกกายให้แก่นาง สองสามีภรรยาช่วยกันอาบน้ำอย่างอ้อยอิ่ง โดยไม่ได้ใส่ใจถึงคนที่มารอพวกเขาอยู่ฉีอิงยกยิ้มน้อย ๆ หลังจากทาชาดสีหวานลงบนเรียวปากงาม นางไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าใด ๆ เลย หลี่ฉีอิงมีความงดงาม โดยไม่ต้องแต่งแต้มใดเพิ่มเติมให้มากมาย เพียงชาดสีอ่อนก็ข
“พี่สะใภ้ โปรดระวังคำพูดด้วย ข้าและท่านมิได้มีอันใดต่อกัน ที่ต้องใช้คำว่าหมางเมิน”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บ่งบอกถึงความหนักแน่นในคำพูดยิ่งนักฉีอิงในตอนนี้ ไม่ได้แสร้งบีบน้ำตา หรือทำท่าทางหวาดกลัว ทว่าหญิงสาวกลับยืดตัวตรง ด้วยท่าทางของนางพญา ก็ในเมื่อนี่คือบ้านของนาง สามีก็ของนาง เหตุใดต้องเกรงกลัวคนนอกเช่นพี่สะใภ้ ที่อยากได้สามีของนางเป็นชู้รักด้วยเล่าสายตาของฉีอิง ทำให้หลิวหลิงพุ่งเข้าอีกฝ่าย ด้วยความโกรธกริ้ว นางอ่านสายตาเย้ยหยันของฉีอิงได้เป็นอย่างดี หมับ! ฟึ่บ! แม่ทัพหนุ่มคว้าจับข้อมือบางของหลิวหลิงได้ทันก่อนจะถึงตัวภรรยา และได้สะบัดหญิงสาวออกห่างตัว ประหนึ่งของร้อนที่ไม่ควรจับต้องจ้านหลี่พุ่งเข้ารับตัวหลิวหลิงเอาไว้ได้ทัน หากเขาเป็นน้องชายในตอนนี้ คงไม่ใจดีทำเพียงแค่สะบัดออกเช่นนี้เป็นแน่ หลิวหลิงขืนกายออกจากอ้อมแขนสามี หญิงสาวเหมือนกำลังสติหลุดแล้วนั่นเองฉีอิงไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ หญิงสาวทำเพียงนั่งสงบนิ่ง มองพี่สะใภ้คนงาม ที่กำลังฟูมฟายต่อหน้าทุกคน ‘ถึงเวลาที่จะจัดให้ทุกอย่าง อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น’“จำไว้ฉีอิง เจ้าได้เพียงร่างกายของเขาเท่านั้น แต่ใจของเขาเจ้า
“อ่ะ ๆ อย่าเพิ่งร้อนตัว ฟังข้าให้จบก่อน ในอดีตนั้นเราทุกคนก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เรื่องของความรักใคร่ชอบพอ มันก็เหมือนการละเล่นตามช่วงวัย แต่ในวันนี้เราต่างเติบโตมีครอบครัว ท่านเองก็มีบุตรแล้ว ยังคิดไม่ได้อีกหรือ ว่าใครกันแน่ ที่ท่านควรใส่ใจและดูแล การที่ท่านมาโว้ยวาย กรีดร้องเสมือนคนวิปลาสถึงในจวนข้า ทั้งยังมารื้อฟื้นวามรักครั้งในอดีตขึ้นมา เพื่อสร้างความอัปยศให้แก่ตนเอง ไยท่านหาญกล้าจะทำมัน เพียงแค่กลัวจะเสียหมาก ที่ท่านเคยเขี่ยทิ้งไปเมื่อในอดีตเล่า”ซือถง ก้าวเข้าโอบร่างภรรยาแนบอกแกร่ง มือหนาลูบเบา ๆ ยังต้นแขนบอบบาง เพื่อเป็นการปลอบประโลม ความรู้สึกผิดที่เขาได้กระทำต่อนาง เวลานี้เขาพร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินจากนางแล้วเช่นกัน“เจ้า...คือ...ท่านพี่”หลิวหลิง เหมือนจะเริ่มคิดได้ ว่าเวลานี้นางอยู่ในฐานะอะไร สิ่งที่นางพูดและกระทำออกไปนั้น มีผลต่อชีวิตของนางเป็นอย่างมาก ยิ่งเห็นสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มทำอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเมื่อครั้งที่คบหากับนาง เขามิเคยแม้แต่จะจับมือของนางด้วยซ้ำไป ทุกอย่างคือการให้เกียรตินาง“กลับกันเถอะ”จ้านหลี่ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกใด ๆ หลิวหลิง
เวลาผ่านพ้นไปกว่าสิบปี ร่างสูงของท่านอ๋องน้อยเสวี่ยอี้ ได้ก้าวตาเสียงร้องที่ดังอยู่อีกด้านของจวน ด้วยวันนี้เขาได้จัดงานวันเกิดเล็ก ๆ ที่มีผู้ร่วมงานเพียงเล็กน้อย เฉพาะคนที่สนิทเท่านั้นร่างกลมป้อมในชุดสีม่วงเข้ม กำลังห้อยตัวอยู่เหนือพื้นดิน เด็กหนุ่มตกใจรีบพุ่งเขาคว้าตัวร่างกลมเอาไว้ในอ้อมแขน“ไยจึงซุกซนได้ถึงเพียงนี้ หลานอิง”เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม ทว่าท่อนแขนแกร่งกลับกระชับร่างป้อมเอาไว้แน่น ท่านอ๋องน้อยรับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นอยู่แนบอก“ฮึก ๆ”“หยุดร้องได้แล้ว พี่อี้อยู่นี่แล้ว หลานอิงคนดีไม่เป็นไรแล้วเด็กดีของพี่”เสวี่ยอี้ เอ่ยปลอบโยนเด็กน้อยในอ้อมแขน ด้วยถ้อยคำหวานหู ซึ่งทั่วทั้งเมืองหลวง นอกจากจ้าวหลานอิงแล้ว ไม่มีหญิงสาวหรือเด็กหญิงคนใด ได้ใกล้ชิดท่านอ๋องน้อยเลยแม้แต่คนเดียว เสมือนกับว่าอ้อมกอดของเขา มีไว้ให้เพียงร่างกลมป้อมนี้เท่านั้น“หลานอิง เพียงอยากเก็บดอกท้อให้แก่พี่อี้”“โธ่! เด็กดี เจ้ามิต้องมอบสิ่งใดให้แก่พี่เลย เพียงแค่เจ้ายิ้มพี่อี้ก็พึงพอใจมากแล้ว”ลู่เหลียนฮวา ยืนซับน้ำใส ๆ ที่เอ่อล้นขอบตา นางไม่คิดเลยว่าลูกในอีกร่าง จะเกิดความรักในตัวของบุตรสาวนาง ที่เกิดในร่างของลู
“เช่นนั้น รบกวนท่านแม่ทัพโม่รอข้าสักครู่ ข้าจะเข้าครัวปรุงอาหารให้ท่านเสนาบดี”“ขอบคุณพี่สะใภ้”บุรุษทั้งสองมองตามร่างอวบอิ่มของลู่เหลียนฮวา ด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั้นคือความนับถือในน้ำใจของนางที่มีต่อโม่ลี่อิงเมื่อก้าวพ้นชายหนุ่มทั้งสองมา หญิงสาวได้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แผนการทั้งหมดของนางราบรื่น เพราะสามีและโม่หยางเป็นผู้ช่วยเหลือ แม้ว่าวันนี้นางจะบอกความจริงทั้งหมดไม่ได้แต่อย่างน้อยบุตรชายอันเป็นที่รัก ได้กลับสู่ชาติกำเนิดอันแท้จริง พร้อมคืนความเป็นธรรมให้แก่ร่างเก่าของนาง ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นกับจวนอ๋องเจ็ดมีฟงเป็นคนคอยจัดฉากต่าง ๆ มากมาย สตรีก็คือสตรี ความริษยามักนำพาให้ถึงจุดจบของชีวิต เมื่อพระชายาทั้งสอง ตกอยู่ในวังวนเหล่านั้น โดยมีคนของนางเป็นผู้ชักใยอยู่ลับ ๆ ความผิดพลาดก็พลันบังเกิดกับพระชายาทั้งสองการที่จวนอ๋องพุ่งเป้าหมายมาที่แม่ทัพจ้าวหลาง ก็เพราะคนบงการอยู่เบื้องหลังคือนางเอง คิดจะทำให้คนโลภหลงเข้าสู่กลลวง ก็ต้องรู้จักที่จะทะลวงหัวใจของคนเหล่านั้นนับตั้งแต่ให้คนของนาง เข้าไปอยู่ข้างตัวของโม่หลันและมารดา จากนั้นก็ทำการช่วยเหลือคนทั้งคู
จวนอ๋องเจ็ด ภายในห้องนอน ร่างสูงได้แต่นอนมองภรรยา ที่กำลังร่ำไห้โดยในมือถือมีดสั้นอยู่ ใจของเขาตอนนี้แทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ เมื่อสบเข้ากับสายตาของนาง“เพราะอะไรกัน ทำไมกันเจ้าคะ ท่านพี่ถึงทำเช่นนี้ รู้ไหมหากตอนนั้น ท่านพี่ทำทุกอย่างให้ถูกต้องเสียแต่แรก ลูกเราก็คงไม่ตาย”“ฮ่า ๆ เสวี่ยอี้ของท่านพี่ยังอยู่ แล้วหลงเอ๋อร์ของข้าเล่า”ทุกคำพูดของโม่หลันนั้น เริ่มที่จะเลื่อนลอยเข้าทุกขณะ ดวงตาที่เคยสดใส เวลานี้หาได้เป็นเช่นเดิมไม่ สิ่งที่ทำให้ใจของเขาเจ็บปวดที่สุด คือข่าวที่ได้รับการยืนยัน ว่าบุตรชายคนโตยังมีชีวิตอยู่จริงแล้วที่เขาลงมือสังหารไปนั้นคือผู้ใดกัน เมื่อทบทวนทุกสิ่งอย่าง ชายหนุ่มถึงกับดวงตาเบิกโพลง สายตาและรอยยิ้มของอดีตภรรยาฉายเข้ามาให้หัวภาษาปากที่โม่ลี่อิงพูดไว้วันนั้น เป็นเรื่องเขาไม่คาดคิดเลยว่าสตรีบอบบางเช่นนาง จะมีความคิดซับซ้อนได้ถึงเพียงนั้น เป็นเขาเองสินะที่มองข้ามภรรยาผู้อ่อนโยนไปเขารักภรรยามิเท่าเทียม ไม่เว้นแม้แต่ลูก เขาก็หาได้รักในตัวเสวี่ยอี้แม้แต่น้อย ในวันที่ลงมือสังหารบุตรชายแรกเกิดนั้น เขาจึงไร้ซึ่งรู้สึกเสียใจใด ๆ ทว่าในวันนี้กลับเป็นเขาที่ถูกลืมเลือนและบุ
โม่หลันจ้องไปยังคนที่ขวางทางนางอยู่ในตอนนี้ รอยยิ้มเสแสร้งของพระชายาสาม ทำให้โม่หลันกัดริมฝีปากแน่น เพื่อระงับโทสะที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อมองตามมือบางของอีกฝ่าย ที่เลื่อนไปวางยังหน้าท้องแบนราบ ซึ่งในมิช้ามันจะขยายใหญ่ขึ้น “เยี่ยหลิงคารวะพี่หญิงเพคะ” “หลีกไป! เจ้าน่าจะรู้ฐานะของตนเองเสียบ้างก็ดีนะ” “หม่อมฉันย่อมรู้ดีสิเพคะ ว่าอนาคตหม่อมฉันจะอยู่ในสถานะใด” “เจ้าทำเป็นพูดดีไปเถอะ มินานเจ้าจะได้รู้ว่าความผยองของเจ้ามิได้ช่วยอันใดเจ้าได้เลย” ปึก! ไหล่บางของพระชายาสาม ชนร่างบางของโม่หลันอย่างจงใจ ทำให้หญิงสาวเซจนเกือบจะล้มลง หากมิได้สาวใช้รับเอาไว้ได้ทัน นางคงบอบช้ำไปมากกว่านี้ นับตั้งแต่พระชายาสามตั้งครรภ์ ท่านอ๋องเจ็ดได้ส่งกำลังคุ้มกัน พระชายาเยี่ยหลิง จนเรียกได้ว่าแม้แต่แมลงสักตัวก็หาได้ต้องกาย ‘ท่านอ๋องเจ็ด ท่านมันอสรพิษอย่างแท้จริง เมื่อข้าและลูกไร้ซึ่งประโยชน์ ท่านก็คิดจะอาศัยอำนาจขององค์หญิงต่างแคว้นทำลายข้า’ เมื่อรู้ถึงจุดประสงค์ของสามี โม่หลันรู้สึกแค้นเคืองจนแทบกระอักเลือด ข
“ฮูหยินของเจ้าก็มีกลิ่นนี้” “ข้ารู้...หากข้าจะบอกเจ้าว่าที่ข้าแต่งงานกับฮวาเอ๋อร์นั้น ในคราแรกที่พบเจอนาง ข้ารู้สึกเหมือนคนผู้นั้นกลับมาแล้ว ข้ามิเคยปิดบังฮวาเอ๋อร์ แม้แต่เรื่องในอดีตว่าข้ารักผู้ใดมาก่อน” “แล้วนาง รับมันได้หรืออย่างไรกัน” “หากมิได้...มีหรือ ข้าจะยังได้โอบกอดนางในทุกค่ำคืนเช่นนี้เล่า” “พี่สะใภ้ของข้า มิได้โง่เขลา เช่นที่ชาวเมืองลำลือใช่หรือไม่” โม่หยางเอ่ยถามถึงความข้องใจของตนเอง “หึ ๆ ในสายตาเจ้า คิดเห็นเป็นเช่นไรเล่า” จ้าวหลางหัวเราะในลำคอ “แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้อื่นเห็น ย่อมต่างจากสายตาเราทั้งคู่ และต่อให้มีผู้อื่นที่มองเห็นอยู่บ้าง ก็คงคิดว่านางเพียงเสแสร้งหาได้เชื่อว่านางฉลาดล้ำอันใด” หลังจากวันนั้นเพียงสองวัน เรื่องสะเทือนใจก็ได้เกิดขึ้นยังจวนอ๋อง เมื่อท่านชายที่ถือกำเนิดจากอดีตพระชายาเอกโม่ลี่อิง ได้สิ้นใจลงด้วยยาพิษ โดยยังมิอาจจับตัวคนร้ายเอาไว้ได้ สิ่งที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ นั่นคือเหตุใดพระชายารอง จึงดูเศร้าโศกเสียใจจนคลุ้มคลั่งเจียนตาย จริงอยู่ว่าท่านชายน้อยคือหลานแท้ ๆ
“นายหญิงของข้าฝากแจ้งแก่ท่าน แม้ร่างดับสูญแต่จิตวิญญาณหาสิ้นไม่ ทุกสิ่งนางทำเพื่อทวงความเป็นธรรม ให้แก่ตัวนางและบุตรชาย ทั้งยังปกป้องคนที่นางรักอีก จงระวังตัวให้มากท่านแม่ทัพโม่” ร่างในชุดดำก้าวชิดภูเขาจำลอง ก่อนจะพูดในสิ่งที่ผู้เป็นนายแท้จริงได้ฝากให้แจ้งแก่ชายหนุ่ม “เจ้ามีนายหลายคนเหลือเกินนะ” “นายข้ามีเพียงหนึ่ง หาได้คิดทรยศต่อผู้ใดไม่ คนฉลาดเช่นท่านย่อมรู้ว่าข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่” ตุ๊บ! มีบางอย่างตกลงตรงหน้าของโม่หยาง ก่อนที่ชายชุดดำจะหายไปในความมืด โม่หยางก้มลงเก็บของสิ่งนั้น เข้าไว้ภายใต้แขนเสื้อ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทาง ก้าวไปยังเรือนของตนด้วยหัวใจเต้นรัว ด้วยคำพูดของชายชุดดำนั้น ไม่ต้องบอกจนหมดเขาก็รู้ว่าหมายถึงผู้ใดโม่หยางคลี่ผ้าผืนงามออก สายตาไล่ไปตามตัวอักษร ทุกถ้อยคำนั้นกระชับได้ใจความ มือหนาสั่นสะท้าน‘มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ท่านชายน้อยเสวี่ยอี้มิใช่หลานชายของข้าเช่นนั้นรึ’ เพียงครู่เดียว ร่างในชุดดำได้คุกเข่าลงตรงหน้าของโม่หยาง เพื่อรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย “สืบเรื่องนี้มาให้กระจ่าง อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา สองสามีภรรยาหาได้สนใจเรื่องของผู้อื่นไม่ แม่ทัพหนุ่มสรรหาแต่ของบำรุง เรียกได้ว่าทุกสิ่งอย่างที่ว่าดีต่อลูกเมีย แม่ทัพหนุ่มจัดหามาจนแทบจะทั้งสิ้นลู่เหลียนฮวา กำลังนั่งอ่านจดหมายลับ ที่คนของนางได้นำมามอบให้ นับตั้งแต่ตื่นมาในร่างของลู่เหลียนฮวา นางก็ได้หาคนที่ซื่อสัตย์เอาไว้ใช้ทำงานลับนี้อยู่หลายคนเพื่อประสานงานกับคนของนางเมื่อครั้งชีวิตเก่า ทุกอย่างถูกกระทำขึ้นในนามของสหายลับในอดีตพระชายา เรื่องการกลับมาของนาง มิอาจแพร่งพรายออกไปได้ ด้วยหลากหลายเหตุผลทุกตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ ทำให้ใบหน้างามดูเรียบตึงกว่าที่เคย ความเจ็บแค้นปะทุขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามมิอยู่ “พี่ใหญ่ ลี่อิงไร้สามารถที่จะปกป้องท่านพ่อ ทุกสิ่งอย่างอยู่ในมือของท่านแล้ว” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหย่อนกระดาษในมือลงสู่กระถางที่มีถ่านแดงร้อนอยู่ภายใน “ฮูหยินเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพให้มาแจ้งว่า มื้อค่ำท่านแม่ทัพโม่หยางจะมาร่วมด้วยเจ้าค่ะ” เป็นแม่นมจู ที่ก้าวเข้ามารายงานผู้เป็นนาย “เช่นนั้น ข้าจะเข้าครัวด้วยตนเอง” ลู่เหลียนฮวา ดีใจจนแทบจะเก็บอาก
“หากฮวาเอ๋อร์ ถามท่านพี่สักเรื่อง ท่านพี่จะขุ่นเคืองหรือไม่เจ้าคะ” “สามีภรรยาคือคน คนเดียวกัน เหตุใดพี่ต้องขุ่นเคืองด้วยเล่า” “ท่านพี่ คิดเช่นไรกับพระชายารอง” “หึ ๆ เรื่องนี้เองรึ ที่วันนี้เจ้ามิค่อยเต็มใจในเรื่องระหว่างเรา” “จะมิให้ฮวาเอ๋อร์คิดได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ก็เมื่อหัวค่ำท่านพี่มองนางเสียขนาดนั้น” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ใช่นางไม่เห็นสายตาที่สามีมองยังอดีตคู่หมั้น ที่รั้งตำแหน่งพระชายารองในท่านอ๋องเจ็ด “ฮ่า ๆ เจ้าหึงพี่ เช่นนั้นแสดงว่าเจ้ารักพี่ใช่หรือไม่” “ท่านพี่รู้ดีกว่าผู้ใดนี่เจ้าค่ะ” “ฟังพี่นะเด็กโง่ พี่ไม่เคยคิดอันใดกับนางเลย และนางมิเคยอยู่สายตาของพี่เลยสักครั้ง” “แล้วเหตุใดท่านพี่ จึงยอมหมั้นหมายกับนางมาก่อนเล่าเจ้าคะ” “นั่นเพราะพี่เพียงต้องการ จะปกป้องใครอีกคนก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนจะไร้ความหมาย ในเมื่อสิ่งที่พี่ทำไปมิอาจรั้งชีวิตนางเอาไว้ได้” “ผู้ใดกันเจ้าคะ” ลู่เหลียนฮวาจ้องตาสามีเพื่อรอคำตอบ จ้าวหลางไม่คิดที่จะปิดบังภร
ร่างบางถูกวางไว้บนเตียง หญิงสาวถึงกับใบหน้าแดงก่ำ เมื่อเสียงประตูปิดลง ซึ่งเป็นผู้ใดไปไม่ได้ นอกเสียจากสาวใช้ของนางเอง สิ้นเสียงประตู ชายหนุ่มได้ก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นของภรรยา ก่อนจะเลื่อนมือไปกระตุกสายคาดเอวของคนใต้ร่าง เพียงครู่เดียวร่างบางในตอนนี้ไร้ซึ่งอาภรณ์ ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวด้วยความรัญจวน เมื่อถูกสามีปลุกเร้าด้วยลิ้นอุ่นร้อน ทั้งยังมือหยาบกร้านของสามี ที่ลูบไล้สลับบีบเคล้นไปทั่วร่าง ลู่เหลียนฮวาพยายามข่มกลั้นเสียงครางเอาไว้ ด้วยเกรงสาวใช้หรือทหารด้านนอกจะได้ยิน “พวกเขาไม่มีใคร หาญกล้าอยู่ใกล้เรือนอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบาหวิว ข้างใบหูของภรรยา ก่อนจะขบเม้มเบา ๆ ยังติ่งหู สิ้นคำพูดของสามี ลู่เหลียนฮวาจึงได้ปลดปล่อยเสียงครางออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้ เมื่อถูกล่วงล้ำจากสามี จ้าวหลางขยับกายอย่างเชื่อช้า ก่อนจะเพิ่มความเร้าร้อนขึ้นตามแรงกระตุ้นจากภรรยา เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน สองร่างกระตุกเกร็งพร้อมส่งเสียงครางอย่างสุขสม จ้าวหลางยังคงกอดภรรยาไว้แนบกาย ก่อนจะค่อย ๆ ถอดถอนแท่งหยกออกจากช่องทางเล็กแคบข