“จัดการหาเลขาคนใหม่มาให้ฉันด้วยนะ ไม่เอาแบบคนเก่านะ” เพลิงพิษเอ่ยสั่งขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาเอาเอกสารสำหรับประชุม ซึ่งรับหน้าที่เป็นเลขาชั่วคราวแทนคนเก่าที่เขาเพิ่งไล่ออกเมื่อวันก่อน เจ้าหล่อนไม่ใช่เพียงแค่อ่อยและยั่วเขาเท่านั้น ยังขยันสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เอาชื่อเขาไปข่มขู่คนอื่นอีก จนต้องเล่นยาแรง ยื่นใบลาออกให้เซ็นแบบโดยดี ถ้าหากไม่ยอม เขาก็จะสั่งให้ทุกบริษัทไม่ต้องรับเจ้าหล่อนทำงานและไม่มีที่ยืนในสังคม
เลขาแต่ละคนที่รับเข้ามา ไม่ได้เรื่องเลยสักคน
ไม่อ่อยเขา ก็อ่อยลูกน้อง หรือไม่ก็พนักงานในบริษัทนี่แหละ งานการก็ทำไม่เรียบร้อย จนเขาต้องจัดการเองทั้งหมด
“ครับ” ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่ง พลางหมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วไปยังฝ่ายบุคคลทันที เพื่อเร่งให้หาเลขาคนใหม่ให้เจ้านาย ก่อนที่ระเบิดชุดใหญ่จะลง
-------------
“แม่จ๋า... วันนี้หนูจะไปสัมภาษณ์งานเป็นเลขาของบริษัท xxx นะแม่” หญิงสาวเจ้าของเสียงนามว่า ‘ภารดา’ บอกกับมารดาขึ้น เมื่อเธอได้รับเมลตอบกลับจากบริษัทที่ส่งประวัติไปสมัครงานในตำแหน่งเลขา ทำให้เธอตื่นเต้นจนรีบตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปสัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้บอกให้พ่อกับแม่รู้
“จะดีเหรอลูก นั้นบริษัทของมาเฟียเลยนะ” มารดาของภารดาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อลูกสาวคนเดียวของหล่อนบอกว่าจะไปสัมภาษณ์งานในบริษัทของมาเฟียทำเอาหล่อนรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา กลัวว่าบุตรสาวจะได้รับอันตราย แถมลูกสาวของหล่อนก็แทบไม่สู้คนด้วยซ้ำ
“ดีสิคะแม่ เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็เพียบ โบนัสก้อนโตด้วย จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงล่ะคะแม่” ภารดากล่าวเมื่อนึกถึงผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าตำแหน่งอื่น ๆ จนทำให้เธอไม่อาจที่จะพลาดโอกาสนี้ไปได้ และยังช่วยให้พ่อแม่ของเธอไม่ต้องทำงานหนักอีกด้วย จะได้มีเวลาพักผ่อน
“คิดดีแล้วใช่ไหมลูก แม่ไม่อยากให้หนูทำงานหนักสักเท่าไร กลัวว่าจะไม่ได้พักผ่อนเอา” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ไม่คิดมากสิจ๊ะแม่ หนูทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่สบาย ถ้าทำให้แม่กับพ่อไม่ต้องเหนื่อย หนูถือว่าคุ้มมากเลยค่ะ” เนื่องจากท่านทั้งสองก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ไม่อยากให้ทำขนมขายแบบนี้ทุกวัน เธออยากให้พวกท่านพักบ้าง เรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านเธอจะเป็นคนจัดการเอง ถ้าหากได้งานนี้จะได้มีเงินพาพวกท่านไปเที่ยวพักผ่อนกัน
“แม่สงสารเอ็งเหลือเกินเลยภาที่ต้องมาลำบากแบบนี้” มือบางลูบศีรษะลูกสาวอย่างแผ่วเบา ภารดาเป็นเด็กดีมาตลอด เรียนก็เก่ง ขยันหาออร์เดอร์ขนมมาให้ สำหรับหล่อนแล้วคนเป็นแม่ย่อมมักเป็นห่วงลูกเสมอ ยิ่งรู้ว่าไปสมัครงานกับบริษัทของมาเฟียแล้วด้วย... ความเป็นห่วงมากเพิ่มทวีคูณ ไม่อยากให้ลูกต้องไปพบเจอกับอันตราย
“หนูไม่ลำบากเลยจ้ะแม่ หนูไปก่อนนะคะ ฝากบอกพ่อด้วย”
“โชคดีนะลูก แม่ขอให้ได้งานนะ” หล่อนกล่าว แล้วเดินไปทำขนมต่อ
ทางด้านของภารดาใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงโดยเรียกแท็กซี่จากแกรบมารับถึงหน้าบ้าน วันสัมภาษณ์งานไม่มีใครอยากไปสายกันหรอก ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดีแม้กระทั้งตอนออกมาจากบ้าน เธอถือเคล็ดข้อสำคัญนี้มาก
บริษัท XXX
“ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยถามพลางมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไร แล้วยังทำท่าทางเหม่อลอยราวจิตหลุด
“ดิฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ” ภารดาได้สติรีบบอกทันทีพลางส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย เมื่อกี้เธอกำลังตกตะลึงในความสวยของคนตรงหน้า คนอะไรช่างสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์จุติมาเกิด ทำเอาเธอละสายตาไม่ได้เลย จนเผลอแสดงความป้ำเป๋อของตัวเองออกมาจนขายขี้หน้า
“อ๋อ... เชิญตามมาทางนี้เลยค่ะ” หญิงสาวบอก แล้วเดินนำหน้าพาไปยังชั้นทำงานของท่านประธาน ซึ่งมีลูกน้องคนสนิทของท่านเป็นคนสัมภาษณ์เอง
ภารดาเดินตามอย่างรวดเร็ว เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจตัวเองให้มากที่สุด อีกไม่กี่วินาทีตรงหน้า เธอก็จะได้รู้แล้วตำแหน่งเลขาจะตกเป็นของเธอหรือเปล่า
เธอเหลือบตามองคนข้าง ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดด้วย
เมื่อประตูลิฟต์ถูกเปิด พนักงานประชาสัมพันธ์ก็พาเธอเดินตรงมานั่งโต๊ะทำงานของใครคนหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางเดินหน้าห้อง โดยมีผู้ชายใบหน้าหล่อเหลากำลังนั่งอ่านเอกสารในมืออยู่
“สวัสดีค่ะคุณเอกภพ” หญิงสาวเอ่ยทักทายพลางส่งยิ้มให้
“สวัสดีครับ แล้วพาใครมาด้วย” ชายหนุ่มเงยหน้าตอบกลับ พลางหันมองผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความสงสัยปนตกใจ
“ผู้หญิงคนนี้บอกว่ามาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของบอสค่ะ”
“อ๋อครับ... ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้”
เสร็จหน้าที่ของตนเอง พนักงานสาวประชาสัมพันธ์เดินหันหลังไปยังลิฟต์ เพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ
“สวัสดีค่ะ” ภารดายกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พลางยกมือขยับแว่นให้เข้าที่
“เชิญนั่งลงก่อนเลยครับ ผมชื่อ เอกภพ หรือเรียกว่าเอกก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัว พลางมองสำรวจหญิงสาวที่จะมาสัมภาษณ์ในตำแหน่งเลขาของเจ้านายด้วยความตกใจอย่างมาก เขาขมวดคิ้วพลางมองสำรวจการแต่งกายของหญิงสาว ซึ่งไม่ต่างอะไรคุณป้าคุณยายเลยสักนิด กรอบแว่นสีดำหนาเตอะ กระโปรงตัวยาวกับคัชชูส้นสูง เสื้อสายดอกสีเหลืองอีกต่างหาก โอ้โฮ!!! มนุษย์ป้าของแท้เลย ซึ่งสวนทางกับอายุของหญิงสาวมาก
เขาสะบัดศีรษะเบา ๆ เพื่อมองชัด ๆ อีกรอบว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ตาฝาดหรือตาลายไปใช่ไหม หญิงสาวอายุเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น
ก็ยังวัยรุ่นอยู่เลย ทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้...
หรือว่ารสนิยมของคนเราไม่เหมือนกัน
“ฉันคือ ภารดา ชื่อเล่นชื่อว่า ภา ค่ะ” เธอแนะนำตัวกับชายหนุ่มตรงหน้า พลางส่งยิ้มเพื่อเป็นการผูกมิตร
“คุณรู้หรือเปล่าครับว่าจะมาทำงานให้กับใคร”
“รู้สิคะ ทำไมเหรอคะ” ถามกลับด้วยความสงสัย ทำงานกับมาเฟียแล้วไง ก็แค่เป็นเลขา ไม่ต้องออกไปสู้รบกับใคร
“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาอีกรอบ” เอกภพยิ้มออกมาเล็กน้อยกับความใสซื่อของหญิงสาว
“มีปัญหายังไงเหรอคะ ภาต้องวิ่งหลบหนีกระสุนหรือว่าต้องเรียนการต่อสู้ไว้ เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาจะได้เอาตัวรอดได้” เธอบอกไปตามที่คิด เธอไม่เคยทำงานกับมาเฟียเลยไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง แต่ถ้าให้เธอจัดการผู้ชายหลาย ๆ คน เธอไม่เอาด้วยหรอกนะ เธอสู้ไม่ไหว จะให้วิ่งหลบหนีกระสุน เธอก็ไม่เอาด้วย ยิ่งวิ่งไม่เร็วเหมือนชาวบ้านชาวช่อง กลัวโดนยิงตายก่อนนะสิ
“ไม่ใช่ครับ เลขาคนก่อนทำเรื่องเอาไว้เยอะเลย แต่ผมคิดว่าคนอย่างคุณภาไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้ปวดหัวแน่นอน” เขายอมใจกับความคิดของผู้หญิงคนนี้เลยจริง ๆ คิดไปไกลยันสามโลก จนเขาถึงกับเหวออ้าปากค้าง
“ผู้หญิงเฉิ่ม ๆ อย่างภาจะไปทำอะไรได้คะ ภาน่ะไม่สนใจอะไรหรอกค่ะ ขอแค่มีงานทำก็พอแล้ว”
ทุกวันนี้มีข้าวให้กิน มีงานให้ทำ มีที่ซุกหัวนอน พ่อแม่อยู่สบาย เธอก็หมดห่วงแล้ว ใครจะบ้าบอหาเรื่องใส่ตัวเองล่ะ ยิ่งทำงานกับมาเฟียด้วย ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ดี ๆ เกิดทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมา เดี๋ยวจะโดนสั่งเก็บเอาได้ เธอกลัวตาย
“สมมุติว่าถ้ามีใครมาด่าคุณภาหรือจะทำร้าย คุณภาพร้อมสู้กลับไหมครับ” อันนี้เป็นคำถามสำคัญเลยก็ว่าได้ เขาต้องถามทุกครั้งเวลามีการสัมภาษณ์เลขาและส่วนใหญ่ก็ทำได้
“นิดหน่อยค่ะ ทำไมเหรอคะ” เธอเอียงคอเล็กน้อยถามด้วยความสงสัย
“ท่านประธานมีผู้หญิงมากมายเข้ามาพัวพัน ไม่ว่าจะเป็นนางแบบ ลูกคุณหนู คุณภารับมือไหวไหมครับ” เสียงทุ้มบอก ถ้าหากรับมือไม่ไหว เขาจะได้ให้ทดลองงานซะ 1 อาทิตย์ แล้วค่อยมาพิจารณาดูใหม่ว่าสมควรรับไว้ทำงานดีหรือเปล่า เพราะเลขาของเจ้านายเขาต้องสู้รบตบมือกับพวกผู้หญิงซะส่วนมาก ถ้าหากอ่อนแอไม่สู้คน ก็จะโดนผู้หญิงเหล่านั้นเล่นงานคืนเอาได้
“ไหวค่ะ แค่นี้สบายมากอยู่แล้ว” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่ลึก ๆ ก็อดกังวลไม่น้อย เธอไม่ค่อยตบหรือทะเลาะกับใครเลย กลัวว่าจะแพ้อีกฝ่ายได้ แต่เงินเดือนในตำแหน่งเลขาสูงลิบลิ่วขนาดนี้ คนอย่างภารดาพร้อมรับมือทุกรูปแบบ ต่อยมาต่อยกลับ ไม่ยอมให้ทำฝ่ายเดียวหรอกนะ!
“งั้นผมรับคุณภาเข้าทำงานครับ ส่วนเรื่องเงินเดือน บริษัทจ่ายให้เดือนละสองแสนบาท ไม่รวมสวัสดิการ โบนัส เบี้ยขยันและอีกสารพัด ถ้าหากคุณทำงานดี”
“สองแสน!!!! คุณไม่ได้ล้อภาเล่นใช่ไหมคะ” ร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจกับจำนวนเงินที่ได้รับ เล่นเอาเธอแทบเป็นลมล้มพับไปเลย
เงินเดือนขนาดนี้ ยังไม่รวมค่าต่าง ๆ อีก ไม่ต่ำกว่าสามแสนแน่ เธอสามารถเปิดร้านขนมให้พ่อกับแม่ได้เลยนะเนี่ย
“พูดจริงครับ เงินเดือนคุณภาสองแสนบาท” เขาอยากจะหัวเราะออกมากับท่าทางของหญิงสาวเมื่อกี้
“ภาจะเป็นลม ไม่คิดว่าเงินเดือนจะเยอะขนาดนี้ ตอนแรกในประกาศบอกว่าห้าหมื่นถึงหนึ่งแสน” มือบางล้วงยาหอมขึ้นมาสูดดมเข้าปอดลึก ๆ กลัวว่าจะเป็นลมเอาจริง ๆ
“แค่คุณภาทำงานของตัวเองให้ดีและจัดการพวกผู้หญิงของบอสได้ ผมถือว่าเงินเดือนแค่นี้ยังน้อยไปเลยครับ” เขาเชื่อมั่นเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยกว่าเลขาคนเก่า ๆ ที่ผ่านมา เพราะเขาเห็นถึงความตั้งใจในแววตาคู่นั้นและที่สำคัญเธอไม่มีทางอ่อยเจ้านายเขา รับประกันฟังธง!
“คุณเอกเชื่อในฝีมือภาได้เลยค่ะ ไม่มีวันผิดหวังแน่นอน แล้วจะให้ภาเริ่มทำงานได้วันไหนคะ”
“วันพรุ่งนี้เลยครับ วันนี้คุณภากลับไปพักผ่อนแล้วเตรียมตัวรับมือกับงานดีกว่านะครับ รับรองได้เลยว่าปวดหัวเข้าขั้นสมองระเบิด”
เพราะว่าพรุ่งนี้จะมีคู่ขาของบอสและพวกลูกคุณหนูหลายคนแวะเวียนมาหา อยากให้หญิงสาวได้กลับไปเตรียมอกเตรียมใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะได้ตั้งรับไว้ถูก
“งั้นภาขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะ เอ่อ! ลืมบอกไปเลยค่ะว่าพ่อกับแม่ของภาขายขนมไทย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหิ้วมาฝากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลาชายหนุ่มอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างมีความสุขเมื่อได้งานทำเรียบร้อย โดยไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ต้องรับมือกับศึกหนักอันใหญ่หลวงตรงหน้าชนิดที่ว่า ยาพาราร้อยเม็ดก็เอาไม่อยู่
ช่วงบ่าย
“แม่จ๋า หนูกลับมาแล้ววว” เสียงหวานตะโกนลั่นบ้าน สองมือถือของใช้ส่วนตัวที่เพิ่งซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน
“เป็นยังไงบ้างนังหนู เอ็งได้งานหรือเปล่า” เสียงของบิดาเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่ภรรยาเดินมาบอกว่าลูกสาวไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของมาเฟีย ทำให้เขาค่อนข้างเป็นห่วงและกังวลเล็กน้อย
“พ่อคิดว่ายังไงล่ะ” วางของลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างท่าน
“ได้อยู่แล้ว ลูกสาวพ่อเก่งจะตาย” บอกเลยว่าเรื่องอวยลูกเนี่ย เขามาที่หนึ่งเลย ชมลูกให้เพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงฟังไม่หยุดปาก
“ตามนั้นเลยค่ะพ่อ หนูได้งานแล้ว และรู้ไหมคะว่าเงินเดือนเท่าไร”
“ไม่รู้...” ส่ายหัวพลางมองหน้าลูกสาวอย่างรอคำตอบ
“สองแสนบาทค่ะ”
“สองแสนบาท เอ็งไม่ได้ล้อพ่อกับแม่เล่นใช่ไหมนังหนู”
ทั้งเขาและภรรยาต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พลางหันมองหน้ากันสลับมองหน้าลูกสาว จำนวนเงินเมื่อกี้ เขาได้ยินไม่ผิดแน่นอน ทำไมมันช่างมากมายขนาดนี้
“ใช่จ้ะ เงินเดือนหนูสองแสนบาท”
“แม่ไม่เคยเห็นใครได้เงินเดือนเยอะขนาดนี้มาก่อน เอ็งต้องตั้งใจทำงานให้ดี ๆ ละ รู้ไหม เจ้านายจะได้รักและเอ็นดูมาก ๆ” ไม่ลืมย้ำกำชับหนักแน่น
การได้ค่าตอบแทนมาก นั้นหมายความว่าลูกสาวเขาต้องมีคุณสมบัติมากพอที่ทางบริษัทยอมจ่าย
“จ้ะแม่ เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็เพียบ ใครปล่อยให้หลุดมือก็บ้าแล้ว หนูจะพยายามทำอย่างเต็มที่ จะได้มีเงินมาเปิดร้านให้พ่อกับแม่ไงจ๊ะ”
“ไม่ต้องเลย... แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้ว แค่เอ็งมีงานทำ พ่อกับแม่ก็สบายใจ”
“จ้า แต่ว่าตอนนี้มีอะไรให้กินบ้างจ๊ะ หิวมากเลย”
“ไปดูในตู้กับข้าวเลย แม่ทำของโปรดไว้ กินเสร็จจะได้มาช่วยแม่ทำขนมต่อ”
“รับทราบค่ะแม่” เธอยิ้มแล้วลุกจากเก้าอี้ หยิบถุงของใช้ส่วนตัวเดินขึ้นห้องนอนเพื่ออาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่น แล้วค่อยมาลงกินข้าวและช่วยมารดาทำขนมให้เสร็จ ก่อนถึงเวลาจัดส่งให้ลูกค้า
เช้าวันต่อมาภารดาตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นกับการทำงานวันแรก วันนี้เธอเลือกสวมเดรสสีดำตัวยาวถึงข้อเท้า เกล้าผมมัดขึ้น สภาพไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ป้าเลยสักนิด ทว่าสิ่งที่ทำมักมีเหตุผลเสมอพ่อกับแม่ไม่อยากให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของพวกผู้ชายหื่นกาม ทว่าความเป็นจริงเธอมีใบหน้าสะสวยจนทำให้เพื่อนหมั่นไส้ ผู้ชายตามจีบจนน่ารำคาญ ไหนจะเพื่อนที่คอยจ้องจะอิจฉาแทงข้างหลัง พอเรียนจบพ่อเลยสั่งให้เปลี่ยนลุคการแต่งตัวใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แม้ว่าท่านจะเป็นนักมวยคอยสอนศิลปะการต่อสู้ ทว่าบางครั้งเธอก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ตัวคนเดียวแถมยังตัวเล็กอีกต่างหากจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับคนหลายคน การแต่งตัวมิดชิดแบบนี้ถือว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวเธอ“พร้อมไปทำงานแล้วค่ะ” เธอเดินลงมาจากห้องนอนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลางนั่งลงข้างมารดาที่กำลังตักข้าวต้มหอมฉุยใส่ถ้วย“มา ๆ โด๊ปพลังงานก่อนเลย วันนี้ลูกสาวแม่น่ารักที่สุด”“ไข่กี่ฟองดีลูก สองหรือสามดี” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามพลางหยิบไข่ลวกขึ้นมาโชว์“เอาสามฟองแล้วกันค่ะ จะได้อยู่ท้อง ทำงานวันแรกด้วยไม่อยากหิ้วของไปกินบนโต๊ะ เกรงใจเจ้านาย”ผู้เป็นบิดาเลื่อนถ้
วันต่อมา เมื่อคืนคุณเอกภพไลน์มาบอกเธอว่าให้เตรียมตัวไว้ดี ๆ เผื่อว่าคู่ขาของบอสจะเข้ามาหาในวันนี้ ทำเอาเธอคิดไม่ตกเลยจะต้องจัดการยังไงดี ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีเรื่องตบตีกับใคร นอกจากด่าผู้ชายแถวบ้านนี่แหละที่คอยมากวนตีนตลอด พอมาถึงบริษัทเลยรู้สึกกดดันตัวเองอย่างไรไม่รู้“แกทำได้อยู่แล้วยัยภา ใจเย็น ๆ” เธอพยายามเรียกขวัญกำลังตัวเองให้มากที่สุดทว่าทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเอกภพตลอด ชายหนุ่มนั่งสังเกตพฤติกรรมของหญิงสาวมาได้สักพักจึงเอ่ยถาม“คุณภาเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมสีหน้าไม่ค่อยจะดีเลย”“ภาเครียดนิดหน่อยค่ะ คิดไม่ออกว่าจะรับมือกับคู่ขาของบอสยังไงดี”“ทำไมเหรอครับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เขาเองได้สืบประวัติของหญิงสาวมาแล้วและได้รู้ว่ามีพ่อเป็นครูสอนมวย มีหรือที่หญิงสาวจะไม่ได้วิชามาจากพ่อ“ภาไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อนเลยค่ะ กลัวว่าจะสู้ไม่ไหว” ถึงแม้ว่าจะมีวิชาทางด้านการต่อสู้ แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้เลยสักครั้ง ส่วนมากเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการตบตีกัน“ทำไมถึงไม่มั่นใจในตัวเองแบบนั้นล่ะครับ ผมเชื่อว่าในตัวของคุณภามีเลือดนักสู้อยู่ อย่าลืมนึกถึงโบนัสก้อนโตอีกสามเดือนข้างหน้านะคร
การทำงานของเธอผ่านไปอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใด ๆ ได้เรียนรู้งานจากเอกภพเยอะแยะและได้ฝึกทักษะการป้องกันตัวอีกตัว บางวันก็ออกไปพบปะลูกค้ากับบอสเพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น จนตอนนี้ชำนาญออกไปพบลูกค้าคนเดียวได้และดูเหมือนว่าตั้งแต่วันที่เธอจัดการกับคุณวีนัส คู่ขานางเอกคนสวยแอ๊บแบ๊วของบอส หญิงสาวก็ไม่โผล่หน้ามาอีกเลย เธอได้ข่าวมาว่าต้องไปโมหน้าใหม่ที่เกาหลีเพราะดั้งหักจากการโดนเธอต่อย คงทำให้หญิงสาวเข็ดหลาบไม่กล้าโผล่หน้ามาอีกใช่ว่าจะหมดแค่นี้ ยังมีมาอีกเรื่อย ๆ ทว่าเธอก็หาวิธีจัดการได้หมด โดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยช่วงพักกลางวันเธอเดินลงมาหารุ้งวิไล เพื่อนสาวประชาสัมพันธ์ หลังจากได้ผูกมิตรกันเมื่อตอนมาสัมภาษณ์งาน ณ ปัจจุบันเป็นเพื่อนสนิทกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหญิงสาวก็แวะเวียนมานอนค้างบ้านเธอบ่อย สมัครเป็นลูกสาวอีกคนเรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ต่างรักและเอ็นดูมาก ดีใจยกใหญ่ที่เธอมีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง“วันนี้กินอะไรดีรุ้ง ภาคิดไม่ออกเลย” เดินวนรอบโรงอาหารสามสี่รอบก็ยังเลือกไม่ได้สักที แต่ละร้านก็กินมาหมดแล้วจนเริ่มรู้สึกเบื่อ“ไปกินส้มตำไหม มีร้านหนึ่งอร่อยมากเลยนะ รุ้งรับประกั