วันต่อมา
เมื่อคืนคุณเอกภพไลน์มาบอกเธอว่าให้เตรียมตัวไว้ดี ๆ เผื่อว่าคู่ขาของบอสจะเข้ามาหาในวันนี้ ทำเอาเธอคิดไม่ตกเลยจะต้องจัดการยังไงดี ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีเรื่องตบตีกับใคร นอกจากด่าผู้ชายแถวบ้านนี่แหละที่คอยมากวนตีนตลอด พอมาถึงบริษัทเลยรู้สึกกดดันตัวเองอย่างไรไม่รู้
“แกทำได้อยู่แล้วยัยภา ใจเย็น ๆ” เธอพยายามเรียกขวัญกำลังตัวเองให้มากที่สุด
ทว่าทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเอกภพตลอด ชายหนุ่มนั่งสังเกตพฤติกรรมของหญิงสาวมาได้สักพักจึงเอ่ยถาม
“คุณภาเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมสีหน้าไม่ค่อยจะดีเลย”
“ภาเครียดนิดหน่อยค่ะ คิดไม่ออกว่าจะรับมือกับคู่ขาของบอสยังไงดี”
“ทำไมเหรอครับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เขาเองได้สืบประวัติของหญิงสาวมาแล้วและได้รู้ว่ามีพ่อเป็นครูสอนมวย มีหรือที่หญิงสาวจะไม่ได้วิชามาจากพ่อ
“ภาไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อนเลยค่ะ กลัวว่าจะสู้ไม่ไหว” ถึงแม้ว่าจะมีวิชาทางด้านการต่อสู้ แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้เลยสักครั้ง ส่วนมากเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการตบตีกัน
“ทำไมถึงไม่มั่นใจในตัวเองแบบนั้นล่ะครับ ผมเชื่อว่าในตัวของคุณภามีเลือดนักสู้อยู่ อย่าลืมนึกถึงโบนัสก้อนโตอีกสามเดือนข้างหน้านะครับ ถ้าคุณภาจัดการได้บอสจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
“จริงเหรอคะ งั้นภาจะพยายามจัดการให้ได้แล้วกันนะคะ แต่อย่าห้ามหรือเอ็ดภานะ ถ้าหากทำรุนแรงเกินไป” เมื่อคิดถึงโบนัสก้อนโตก็ทำให้เธอตาลุกวาว มีหรือที่คนอย่างภารดาจะปล่อยให้โบนัสก้อนนั้นหลุดลอดออกจากมือไปได้ ฝันไปเถอะ!
ช่วงบ่าย
“คุณภาครับ เตรียมพร้อมแล้วยังครับ” เอกภพเดินปรี่มาหาหญิงสาวทันทีเมื่อลูกน้องรายงานว่าคู่ขาของบอสเดินมาภายในบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เจ้านายของเขาก็กำลังติดสายคุยงานกับลูกค้าต่างชาติ ไม่อยากให้ใครมารบกวน
“ทะ... ทำไมคะ” ถามกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ตกใจกับท่าทางของเอกภพ
“คู่ขาของบอสมาแล้วครับ ทำยังไงก็ได้อย่าให้เข้ามาในห้องเป็นอันขาด” ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“รับทราบค่ะ” เธอสูดลมหายใจลึก ๆ เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“ผมเชื่อในฝีมือคุณภานะครับ สู้ ๆ” พูดเสร็จเขาก็หมุนตัวเดินไปยังลิฟต์เพื่อทำงานอื่นต่อให้เสร็จ โดยไม่ลืมจะสั่งให้ลูกน้องเฝ้าดูสถานการณ์ตลอดห้ามให้คาดสายตา เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าภารดาจะรับมือกับคู่ขาของเจ้านายยังไง
พอเอกภพไปเธอก็รวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมด ยังไม่ทันจะได้คิดหาวิธีรับมือก็มีหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งมายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานแล้วยังมองเธออย่างดูแคลนอีกด้วย
“นิ! ยัยป้า คุณเพลิงอยู่หรือเปล่า” เอ่ยถามพลางเท้าสะเอว
“อยู่ค่ะ กำลังคุยงานอยู่กับลูกค้า ไม่ทราบว่ามีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พลางเงยหน้ามองคู่ขาของเจ้านายชัด ๆ พบว่าเธอคนนี้เป็นนางเอกละครหลังข่าว สายตาคู่นั้นมองมายังเธอด้วยดูแคลน เห็นแล้วรู้สึกเสียดายที่เคยเอ่ยปากชม
ต่อหน้านักข่าว หน้ากล้อง คงจะแกล้งทำตัวเรียบร้อยสินะ พอมาอยู่ในที่ไม่มีแสงส่องก็เผยธาตุแท้ออก
“ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร” หญิงสาวเชิดหน้ากอดอกขึ้นถาม
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีภาเพิ่งมาทำงานเป็นเลขาของคุณเพลิงพิษ ไม่ทราบหรอกค่ะว่าคุณคือใคร”
“ฉันชื่อว่าวีนัส บอกเพลิงหน่อยสิว่าวีนัสมาหา” หญิงสาวหงุดหงิดเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่รู้จักตัวเอง ทั้งที่เธอเป็นถึงนางเอกชื่อดัง
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าบอสติดสายอยู่กับลูกค้า ไม่สามารถเข้าไปรบกวนได้ ถ้าหากภาเดินเข้าไปบอกตอนนี้มีหวังได้โดนไล่ออกตกงานพอดี”
“เอ๊ะ! แล้วไง ฉันไม่สนหรอกนะ ไปบอกเพลิงเดี๋ยวนี้ว่าวีนัสมาหา”
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงคะ ว่าบอสติดสายกับลูกค้าอยู่ ไม่เข้าใจตรงไหนเหรอคะ แค่นั่งรอแป๊บเดียวจะตายหรือไง หน้าตาก็ดี ไม่น่านิสัยเสียแบบนี้ ถ้าหากนักข่าวรู้ธาตุแท้ของคุณนะ...... มีหวังได้กลายเป็นนางเอกตกอับ หนำซ้ำยังโดนสังคมประณามอีกนะ โต ๆ กันแล้วก็หัดคิดซะบ้าง ไม่ใช่มีสมองไว้ประดับหัวอย่างเดียว”
“กรี๊ดดด ยัยป้า!!! แกด่าใครว่าโง่ฮะ” หญิงสาวกรีดร้องกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างไม่พอใจเมื่อโดนอีกฝ่ายหลอกด่า
“อ้าว! จะให้ภาไปด่าผีที่ไหนล่ะคะ ตรงนี้ก็มีแค่คุณวีนัสคนเดียว” เธอเชิดหน้าด่าใส่พลางส่ายหัวเล็กน้อย คนอะไรโง่จริง ๆ
“แก!! กล้ามากเลยนะที่หลอกด่าฉัน รู้ไหมว่าเลขาคนก่อนหน้านี้ โดนฉันจัดการยังไงบ้าง อยากลองดีกับฉันหรือไง”
“ภาไม่ได้อยากลองดีกับคุณวีนัสเลยนะ ภาแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น คุณวีนัสก็อย่าเพิ่งใจร้อนสติแตกสิคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะตกใจเอาได้ว่า นี่เหรอ...นิสัยที่แท้จริงของนางเอกชื่อดัง ไม่เรียบร้อยเหมือนตอนออกทีวีเลย”
“ฉันจะพูดอีกครั้งเดียวนะ ไปบอกเพลิงเดี๋ยวนี้ว่าฉันมาหา”
“ไม่ได้ค่ะ อยากเจอก็ต้องรอให้บอสคุยงานเสร็จก่อน รู้จักไหมคะ มารยาทอันดีงาม”
“วอนโดนตบมากไปแล้วนะยัยเฉิ่ม”
“โครม!!”
ไม่ทันไรหญิงสาวจัดการกวาดเอกสารบนโต๊ะลงพื้นกระจัดกระจายไปทั่ว หนำซ้ำยังเขวี้ยงแฟ้มเอกสารสำคัญอีกด้วย ไม่สนใจเลยว่าใครจะมองยังไง
“คุณวีนัส!!! ทำบ้าอะไรเนี่ย เอกสารของฉันเสียหายหมดแล้ว” เธอรีบเข้าไปดึงตัวหญิงสาวให้ออกห่างจากโต๊ะทำงานของเธอ ทว่าก็ไร้ผล อีกฝ่ายจะคงสนุกกับการทำลายข้าวของ
“เรื่องของแก! เอ๊ะ! นี่อะไรอ่ะ อี๋... กระเป๋าโลโซสกปรก ฟิ้ววว” ฉวยหยิบกระเป๋าได้มา พอรู้ว่าเป็นของใครก็เบะปากมองอย่างรังเกียจ ก่อนจะโยนทิ้งลงพื้นทำเอาของในกระเป๋าร่วงหล่นออกมา
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคะคุณวีนัส” เธอกำมือแน่น พยายามระงับอารมณ์ให้มากที่สุด ไม่อยากต่อปากต่อคำหรือโวยวายตามอีกฝ่ายหรอกนะ แม้ว่ากระเป๋าใบนั้นจะเป็นของรักก็ตาม
“เหรอ... สำหรับฉันแค่นี้มันยังน้อยเกินไป ถ้าแกยังอยู่เฉย ๆ ไม่บอกเพลิงว่าฉันมาหา รับรองได้เลยว่าฉันจะเล่นงานแกให้หนักกว่านี้
“ไม่ค่ะ ภายังคงยืนยันคำเดิมว่า ให้เข้าไม่ได้ หัดเป็นผู้รอและมีมารยาทบ้างสิคะ ไม่ใช่เอะอะก็จะเอาแต่ใจตัวเอง ถ้าเกิดงานเสียหายขึ้นมารับผิดชอบไหวเหรอคะ”
“นั่นมันเรื่องของแก ไม่ใช่เรื่องของฉัน” พูดจบเดินสะบัดตัวไปยังประตูไม่ทันจะได้เอื้อมมือเปิดแม่เลขาก็วิ่งเข้ามาขวางหน้าเสียก่อน ยิ่งทำให้เธอโมโหมากกว่าเดิม
“เข้าไม่ได้นะคะ ภาไม่ให้เข้า” ยืนกรานเหมือนเดิม
“หลีกไปยัยเฉิ่ม!!!”
“ไม่ค่ะ”
“ฉันนับ 1 - 3 นะ ถ้าแกไม่หลีก โดนตบแน่ 1 2” หญิงสาวแสยะยิ้มเล็กน้อยแล้วใส่ส้นสูงเหยียบเข้าที่เท้าของยัยเลขาหน้าเฉิ่มอย่างแรงโทษฐานที่กล้ามาขวางทางเธอ
ผลัวะ!!!
หมัดเล็กพุ่งกระแทกเข้าใส่จมูกโด่งที่เพิ่งเสริมมาได้ไม่นาน ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเซล้มลงไม่ทันได้ตั้งตัว
“กรี๊ดดด”
กรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงไหลออกจากจมูกเป็นทางยาว นั่นยังทำให้ไม่เจ็บเท่า จมูกของเธอเบี้ยว!!!
“ภะ... ภาไม่ได้ตั้งใจนะคะ ก็คุณวีนัสมาเหยียบเท้าภาก่อน ภาเลยสะดุ้งตกใจสวนหมัดเข้าใส่”
ยกมือไหว้โทษขอโพกยกใหญ่ เธอไม่ได้ตั้งใจจะต่อยคุณวีนัสเลยนะ พลาดพลั้งไปก็เท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วก็สมควรโดนแบบนี้นั่นแหละ
หน้าตาก็ดี แต่ชอบดูถูกเหยียดยามคนอื่น คิดว่าเป็นคนดังแล้วจะทำอะไรใครก็ได้หรือไง
เธอเป็นคนไม่ยอมใครหรอก ใครมาดีก็ดีด้วย ใครมาร้ายก็ร้ายกลับ อย่างเช่น คุณวีนัสไง ดันมาทำร้ายร่างกายเธอก่อนเอง ช่วยไม่ได้
“นะ... นังเลขา” พยายามดันตัวขึ้นจากพื้น ทว่าไม่ทันจะได้เอื้อมมือตบ ฝ่ามือก็ลอยละลิ่วกระทบเข้ากับใบหน้าเธออีกรอบ
เผียะ!!!
“ภะ.... ภาไม่ได้ตั้งใจนะคะ พอดีมือภาลั่นไปหน่อย”
อีกครั้งที่เธอเผลอตบคนตรงหน้า ช่วยไม่ได้อยากจะมาตบเธอก่อนเอง
“ละ...เลือด กรี๊ดดด นังเลขา แกทำฉันเลือดออก อีนังบ้า!!!” เลือดสีแดงสดไหลออกทั้งทางปากและทางจมูก ใบหน้าสะบักสะบอมดูแทบไม่ได้
แทนที่เธอจะได้จัดการ กลับเป็นฝ่ายโดนเล่นงานแทน
“อีเหรอ... เมื่อกี้คุณวีนัสเรียกภาว่าอีเหรอ มันจะมากเกินไปแล้วนะ ภารดาคนนี้จะไม่ใจดีอีกต่อไป” ความอดทนที่มีขาดสะบั้นเมื่อได้ยินคำว่า อี หลุดออกมาจากปากของหญิงสาว เธอไม่ชอบให้ใครมาเรียกจิกหัวแบบนี้หรอกนะ เธอเกลียดที่สุด
เธอโน้มตัวลงเอื้อมมือไปจิกเส้นผมมาได้เต็มกำมือ จากนั้นก็ลากพาไปยังตรงหน้าลิฟต์อย่างไม่สนใจเลยว่าหญิงสาวจะเจ็บปวดหรือเปล่า ขอเพียงแค่ไปให้พ้นหูพ้นตาในตอนนี้ก็พอแล้ว
“โอ๊ยยย นังเลขาบ้า แกปล่อยผมฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” วีนัสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พยายามสะบัดตัวให้หลุด ทว่ากลับสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ คราวนี้เธอกลับเป็นฝ่ายโดนกระทำแทนโดยไม่สามารถสู้กลับได้
“ไม่ปล่อยค่ะ คุณกล้าดียังไงมาเรียกภาว่าอี พ่อแม่ภาไม่เคยเรียกแบบนี้เลยนะคะ ภาไม่ยอมเด็ดขาด”
“โอ๊ยยย แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย ฉันเจ็บ”
“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยค่ะ อย่าให้ภาต้องลากคุณลงไปชั้นล่างให้อับอายพนักงานหรือว่าอยากจะลองดีกับภาอีกรอบก็เชิญนะคะ เพราะรอบนี้จะไม่ออมมือค่ะ” เธอเดินมาหยุดตรงหน้าลิฟต์ ปล่อยมือออกจากเส้นผมของคุณวีนัสแล้วกดลิฟต์
“แกมันบ้า ฉันจะฟ้องเพลิง!” หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากพื้น พลางตวัดสายตามองยัยเลขาอย่างไม่พอใจพร้อมกับพูดจาข่มขู่หมายจะให้กลัว
“เชิญฟ้องเลยค่ะ ถ้าคุณวีนัสไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ภามีหลักฐานหมดนะคะว่าคุณทำอะไรไว้บ้าง ความแอ๊บเรียบร้อยของคุณอาจจะโป๊ะแตกออกมาให้สังคมได้เห็น ระวังจะไม่มีใครจ้างงานนะคะ แม่นางเอกขาวีน”
เสียแรงที่เคยแอบชอบ ไม่คิดว่าเธอจะสันดานเสียขนาดนี้ เรียกจิกหัวคนอื่นราวกับว่าตัวเองสูงส่งนั่นแหละ ก็เป็นแค่ของเล่นของมาเฟียก็เท่านั้น ทำมาเชิดหน้าชูคอเหมือนเป็นเมียเขานั่นแหละ
“นังเลขา! แกขู่ฉันเหรอ”
“ไม่ได้ขู่ค่ะ แต่ทำจริงด้วย ถ้าหากภายังเห็นคุณวีนัสมาหาคุณเพลิงอีก ภาเป็นคนลากคุณออกไปจากบริษัทเอง โดยไม่ต้องให้ รปภ. มาจัดการ หรือไม่ก็...... โพสต์คลิปที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ลงเฟซบุ๊ก แค่นี้อนาคตเส้นทางบันเทิงของคุณก็ดับลงทันที อย่าลืมนะคะว่าคุณสร้างภาพตอแหลให้แฟนคลับเห็นแบบไหน ถ้าเขาได้เจอตัวตนที่แท้จริงคงรับไม่ได้เหมือนกัน”
“แก!!!!” กำมือแน่น หน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธ เธอไม่สามารถด่าหรือทำอะไรยัยเลขาได้เลย
“ภาเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ค่อยจะทำร้ายใครก่อนหรอกค่ะ แต่ถ้าใครมายุ่งวุ่นวายและมาหาเรื่องก่อน ภาก็ต้องป้องกันตัว และที่สำคัญนอกจากทำงานเป็นเลขาแล้ว ภายังต้องช่วยบอสกำจัดคู่ขาทุกคนออกไปจากชีวิต ถ้าหากไม่ทำตามก็โดนไล่ออกพอดี เป็นเพียงแค่ลูกน้องจะขัดคำสั่งเจ้านายได้ยังไงคะ ภาไม่กล้าหรอก ภาเป็นพนักงานที่ดีต้องทำงานที่เจ้านายมอบหมายให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นจะโดนไล่ออกได้ งานสมัยนี้ยิ่งหากยากอยู่ด้วย เข้าใจกันด้วยนะ”
“คอยดูเถอะ ฉันจะมาเอาคืนแกภายหลัง” สะบัดหน้าเดินเข้าลิฟต์ไม่วายทิ้งคำขู่ไว้อีก
“รีบ ๆ มาเอาคืนนะคะ แล้วอย่าลืมไปทำดั้งใหม่ด้วยนะ ดูจากสภาพแล้วคงหักแน่”
“กรี๊ดดด อีบ้า!!!” รีบกดปิดลิฟต์หนีอย่างรวดเร็ว กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาจัดการเธออีกรอบ สภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็อับอายมาเกินพอแล้ว
“เฮ้อ...... หมดแรง ให้ตายเถอะ! ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย” เธอเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานฟุบใบหน้าลงกับต้นแขนอย่างหมดแรง ไม่เคยทำงานไหนเหนื่อยเท่านี้มาก่อน
ก็ว่าแล้วทำไมถึงได้เปลี่ยนเลขาหลายคน
เฮ้อ.... เข้าใจแล้วจริง ๆ
ต้องมานั่งรับมือกับผู้หญิงพวกนี้ แค่เพียงไม่กี่นาทีก็สูบแรงไปหมด
และที่สำคัญเจ้านายของเธอก็เป็นถึงมาเฟียรวยมหาศาล ใคร ๆ ก็อยากจะมาเป็นเลขาเพื่อหวังสูงจะได้ออกเชิดหน้าชูตาหรือไม่ก็แค่คู่นอนเล่นคลายเหงาแลกกับของตอบแทนมูลค่าสูง มีใครบ้างจะไม่อยากทำ
เข้าใจแล้วจริง ๆ ว่าทำไมคุณเอกภพถึงได้ตั้งความหวังเธอไว้มาก
ไม่ทันจะได้นั่งพักหายเหนื่อย ประตูห้องทำงานของคุณเพลิงพิษก็ถูกเปิดพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินออกมาหน้าตาแตกตื่นราวกับเจอผีมาอย่างนั้นแหละ
“นิ! ยัยเฉิ่ม เมื่อกี้เธอผีเข้าหรือไง จัดการวีนัสซะราบคาบเลย”
เขานั่งมองเหตุการณ์ภายในห้องและได้เห็นทุกอย่างชัด ๆ ได้แต่นั่งอ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เคยมีเลขาคนไหนจัดการกับวีนัสได้เลยสักคน ยัยเฉิ่มคนแรกนี่แหละที่ทำได้ ตอนแรกคิดว่าเขาคงจะตาฝาดไป พอลองขยี้ตาใหม่อีกรอบ เต็มชัดสองตา ยัยเฉิ่มตบวีนัสหน้าคว่ำไปเลย ดูทรงแล้วคงมือหนักไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นเลือดคงไม่ออกหรอกนะ
เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากทำอะไรให้ไม่พอใจขึ้น จะโดนยัยเฉิ่มตบเหมือนวีนัสหรือเปล่า
ขนาดเขาเป็นมาเฟียยังกลัวเลย
“เปล่าค่ะ พอดีคุณวีนัสมากวนบาทาก่อน แล้วยังทำร้ายข้าวของโยนกระเป๋าสุดรักของภาด้วย หนำซ้ำยังเรียกภาว่า อีนังบ้าอีก ภาไม่ชอบให้ใครมาเรียกด้วยคำหยาบหรือจิกหัวเรียกแบบนี้ ภาเลยโมโหต่อยเข้าให้” เธอยิ้มแห้ง แล้วนั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง ไม่แคร์เลยว่าเจ้านายจะยืนอยู่ตรงหน้า สภาพของเธอตอนนี้แทบจะเป็นลม
เธอเข้าใจแล้วแหละว่า ทำไมคุณเอกภพถึงได้ย้ำนักย้ำหนาถึงเรื่องนี้ และคาดหวังไว้เยอะ
เพราะการรับมือกับผู้หญิงพวกนี้ ไม่ใช่แค่มีความอดทนอย่างเดียวนะ ต้องมีไหวพริบและกล้าหาญมากพอจะสู้รบตบมือกับพวกหล่อนได้
“สุดยอดมากยัยเฉิ่ม ฉันจะจ่ายโบนัสสามเดือนให้เธอทันที ฉันภูมิใจในตัวเธอจริง ๆ ทำงานดีมาก” เขาอดที่จะเอ่ยปากชมไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขามองภารดาไปอีกแบบ เลือดนักสู้ในตัวเธอร้อนแรงเหลือเกิน
นี่แหละเลขาที่เขาต้องการ
ขอแค่มีใครสักคนมาช่วยจัดการคู่ขาของเขาได้หมด เอาแบบไม่ต้องมาวุ่นวายอีก แค่นี้เขาก็ดีใจมากพอแล้ว แค่ทุกวันนี้ปวดหัวกับงานก็มากพอแล้ว ยังต้องมารับมือกับสาว ๆ พวกนี้อีก เขาไม่ไหวหรอกนะ
เขาผิดเองแหละที่คั่วไปทั่ว พอเบื่อก็สลัดออกไม่ได้ พวกหล่อนเกาะเขายิ่งกว่าปลิงเสียอีก ว่างไม่ได้ต้องมาหาเขาตลอด ลูกน้องแต่ละคนก็เอือมระอาไม่อยากรับมือด้วย เขาเลยฝากความหวังให้กับเลขาคนใหม่ค่อนข้างสูง
“คุณภาเก่งมากเลยนะครับ ไม่เคยใครคนไหนจัดการกับคุณวีนัสได้เลย คุณภาคือคนแรกด้วยซ้ำ” เอกภพยกนิ้วให้เลย ขนาดตัวเขาเองยังจัดการรับมือไม่ได้ ทว่าหญิงสาวกลับจัดการได้อย่างง่ายดาย ปิดจ๊อบแบบรวดเร็ว แล้วยังไม่เจ็บตัวอีกต่างหาก
“ขออนุญาตพักสักแป๊บ ได้ไหมคะ เพลียหมดแรง” เธอบอกด้วยน้ำเสียงโรยแรง พลางถอนหายใจหนัก ๆ
“วันแรกของการงานเธอทำได้ถูกใจฉันมาก จัดการงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดี ถ้าเหนื่อยก็กลับไปนอนพักที่บ้านเถอะ ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษสำหรับเธอโดยเฉพาะ”
เขาเองก็อดสงสารไม่ได้ สภาพยัยเฉิ่มตอนนี้ยิ่งกว่าโดนหมาฟัดเสียอีก ถ้าจะให้ทำงานต่อก็กระไรอยู่ เขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ทำงานดีแบบนี้ต้องดูแลกันหน่อย เลขาฝีมือดียิ่งหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก เขาไม่มีทางให้หลุดมือไปได้
“ไม่เป็นไรค่ะบอส ภาแค่อยากสักพักชั่วโมงก็พอ ยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำความเข้าใจ”
“ตามใจเธอแล้วกัน งั้นให้ไอ้เอกพาไปห้องพักแล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะบอส”
เอกภพประคองภารดาไปยังห้องพักรับรองซึ่งอยู่อีกชั้นของห้องทำงาน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคอนโดขนาดย่อม เขาเองก็พักบ้างในช่วงที่ต้องทำงานหนัก
“ยัยเฉิ่มนี่ใช่ได้จริง ๆ ร้ายลึกไม่เบา” เพลิงพิษเกาคางอย่างใช้ความคิดพลางอดชื่นชมในความเก่งของยัยเฉิ่มไม่ได้ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนร้ายเท่านี้มาก่อน นอกจากแม่และน้องสาวเขา แบบนี้ที่เขาอยากจะร่วมงานด้วย
การทำงานของเธอผ่านไปอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใด ๆ ได้เรียนรู้งานจากเอกภพเยอะแยะและได้ฝึกทักษะการป้องกันตัวอีกตัว บางวันก็ออกไปพบปะลูกค้ากับบอสเพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น จนตอนนี้ชำนาญออกไปพบลูกค้าคนเดียวได้และดูเหมือนว่าตั้งแต่วันที่เธอจัดการกับคุณวีนัส คู่ขานางเอกคนสวยแอ๊บแบ๊วของบอส หญิงสาวก็ไม่โผล่หน้ามาอีกเลย เธอได้ข่าวมาว่าต้องไปโมหน้าใหม่ที่เกาหลีเพราะดั้งหักจากการโดนเธอต่อย คงทำให้หญิงสาวเข็ดหลาบไม่กล้าโผล่หน้ามาอีกใช่ว่าจะหมดแค่นี้ ยังมีมาอีกเรื่อย ๆ ทว่าเธอก็หาวิธีจัดการได้หมด โดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยช่วงพักกลางวันเธอเดินลงมาหารุ้งวิไล เพื่อนสาวประชาสัมพันธ์ หลังจากได้ผูกมิตรกันเมื่อตอนมาสัมภาษณ์งาน ณ ปัจจุบันเป็นเพื่อนสนิทกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหญิงสาวก็แวะเวียนมานอนค้างบ้านเธอบ่อย สมัครเป็นลูกสาวอีกคนเรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ต่างรักและเอ็นดูมาก ดีใจยกใหญ่ที่เธอมีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง“วันนี้กินอะไรดีรุ้ง ภาคิดไม่ออกเลย” เดินวนรอบโรงอาหารสามสี่รอบก็ยังเลือกไม่ได้สักที แต่ละร้านก็กินมาหมดแล้วจนเริ่มรู้สึกเบื่อ“ไปกินส้มตำไหม มีร้านหนึ่งอร่อยมากเลยนะ รุ้งรับประกั
“จัดการหาเลขาคนใหม่มาให้ฉันด้วยนะ ไม่เอาแบบคนเก่านะ” เพลิงพิษเอ่ยสั่งขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาเอาเอกสารสำหรับประชุม ซึ่งรับหน้าที่เป็นเลขาชั่วคราวแทนคนเก่าที่เขาเพิ่งไล่ออกเมื่อวันก่อน เจ้าหล่อนไม่ใช่เพียงแค่อ่อยและยั่วเขาเท่านั้น ยังขยันสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เอาชื่อเขาไปข่มขู่คนอื่นอีก จนต้องเล่นยาแรง ยื่นใบลาออกให้เซ็นแบบโดยดี ถ้าหากไม่ยอม เขาก็จะสั่งให้ทุกบริษัทไม่ต้องรับเจ้าหล่อนทำงานและไม่มีที่ยืนในสังคมเลขาแต่ละคนที่รับเข้ามา ไม่ได้เรื่องเลยสักคนไม่อ่อยเขา ก็อ่อยลูกน้อง หรือไม่ก็พนักงานในบริษัทนี่แหละ งานการก็ทำไม่เรียบร้อย จนเขาต้องจัดการเองทั้งหมด“ครับ” ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่ง พลางหมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วไปยังฝ่ายบุคคลทันที เพื่อเร่งให้หาเลขาคนใหม่ให้เจ้านาย ก่อนที่ระเบิดชุดใหญ่จะลง-------------“แม่จ๋า... วันนี้หนูจะไปสัมภาษณ์งานเป็นเลขาของบริษัท xxx นะแม่” หญิงสาวเจ้าของเสียงนามว่า ‘ภารดา’ บอกกับมารดาขึ้น เมื่อเธอได้รับเมลตอบกลับจากบริษัทที่ส่งประวัติไปสมัครงานในตำแหน่งเลขา ทำให้เธอตื่นเต้นจนรีบตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปสัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้บอกให้พ่อกับแ
เช้าวันต่อมาภารดาตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นกับการทำงานวันแรก วันนี้เธอเลือกสวมเดรสสีดำตัวยาวถึงข้อเท้า เกล้าผมมัดขึ้น สภาพไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ป้าเลยสักนิด ทว่าสิ่งที่ทำมักมีเหตุผลเสมอพ่อกับแม่ไม่อยากให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของพวกผู้ชายหื่นกาม ทว่าความเป็นจริงเธอมีใบหน้าสะสวยจนทำให้เพื่อนหมั่นไส้ ผู้ชายตามจีบจนน่ารำคาญ ไหนจะเพื่อนที่คอยจ้องจะอิจฉาแทงข้างหลัง พอเรียนจบพ่อเลยสั่งให้เปลี่ยนลุคการแต่งตัวใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แม้ว่าท่านจะเป็นนักมวยคอยสอนศิลปะการต่อสู้ ทว่าบางครั้งเธอก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ตัวคนเดียวแถมยังตัวเล็กอีกต่างหากจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสู้กับคนหลายคน การแต่งตัวมิดชิดแบบนี้ถือว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวเธอ“พร้อมไปทำงานแล้วค่ะ” เธอเดินลงมาจากห้องนอนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลางนั่งลงข้างมารดาที่กำลังตักข้าวต้มหอมฉุยใส่ถ้วย“มา ๆ โด๊ปพลังงานก่อนเลย วันนี้ลูกสาวแม่น่ารักที่สุด”“ไข่กี่ฟองดีลูก สองหรือสามดี” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามพลางหยิบไข่ลวกขึ้นมาโชว์“เอาสามฟองแล้วกันค่ะ จะได้อยู่ท้อง ทำงานวันแรกด้วยไม่อยากหิ้วของไปกินบนโต๊ะ เกรงใจเจ้านาย”ผู้เป็นบิดาเลื่อนถ้