ตึกๆ ตึกๆ
เสียงรองเท้าย้ำไปกับพื้นถนน ก่อนที่ร่างบอบบางสวมแว่น จะขึ้นไปยืนบนฟุตบาททันทีที่ข้ามถนนได้ ยืดอกให้ดูผ่าเผยขึ้น มือกำเอกสารสำคัญของตัวเองไว้แน่น สูดลมหายใจลึกๆ จึงก้าวเดินอย่างมาดมั่น เข้าไปในตึกขนาดใหญ่ เพื่อไปสัมภาษณ์งาน
“สวัสดีค่ะ มาตามนัดสัมภาษณ์งานค่ะ”
นิรายกมือไหว้คนที่เคยเจอแล้วตอนมากรอกใบสมัคร
“ตอนนี้ท่านไม่อยู่ มีธุระด่วน เดี๋ยวติดต่อไปใหม่ หรือไม่ก็ไปสมัครที่อื่นเถอะ” คนสวยตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้มเหยียด ใช่ รอยยิ้มเหยียดหยัน! ที่นิรามองเห็นชัดเจน
“แต่พี่คนที่อยู่ข้างๆ เมื่อวานนัดมานะคะ หนูขอรอได้ไหมคะ” เธอเอ่ยขอร้องอีกครั้ง ถ้าเธอกลับไป เธออาจจะพลาดงานนี้ก็ได้ ทั้งที่เมื่อวานพี่คนที่รับเรื่องเธอ พูดเหมือนว่าจะรับเธอเข้าทำงานแล้วด้วยซ้ำ
“ท่านไม่กลับเข้ามาง่ายๆหรอก น่าจะอีกนานอะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิด เมื่อยัยเฉิ่มข้างหน้าดูท่าจะเข้าใจอะไรยาก
“งั้นเหรอคะ งั้นหนูลาเลยนะคะ” นิรารีบยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทันที เธอเสียเวลามามากแล้ว ไม่ได้ที่นี่ก็ต้องหาที่ใหม่ต่อ แต่ในใจก็นึกโกรธคนเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้าไม่พร้อมจะสัมภาษณ์เธอ ไม่รู้จะนัดเธอมาทำไมแต่เช้าแบบนี้
“โอ้ย! !” นิราเดินออกมาตะโกนหน้าตึกขนาดใหญ่ ไม่สนใจรอบข้างเลยสักนิด ตอนนี้เพิ่งจะ 07.50 น. เธอมาก่อนเวลาตั้งชั่วโมง แต่กลับไม่ได้งาน มันทำให้เธอหงุดหงิดมาก
แต่ก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เสียงเครื่องมือสื่อสารของนิราก็ดังขึ้น
Tru Tru Tru
[ยัยนิรา~ มาอยู่กรุงเทพทำไมไม่บอกเพื่อนสักคำ] เสียงตะโกนอย่างดีใจดังลอดออกมา จนนิราแทบไม่ต้องแนบโทรศัพท์ไปกับหูเลย
“ก็เพิ่งมา เลยยังไม่ได้บอก” นิรายืมเจื่อนๆ ให้โทรศัพท์ เธอลืมบอกเพื่อนไปเลย
[แล้วนี่มาอยู่คนเดียวเหรอ ได้งานทำหรือยัง มาทำกับเราไหม มีตำแหน่งว่าง เย็นนี้มาเจอกันหน่อยไหม คิดถึง] ปลายสายพูดอย่างอารมณ์ดี
“นิวอยู่กับพี่ที่เคยทำงานด้วยจ้า คอนโดพี่เขาต้องการคนเช่าพอดี นิวกำลังหางานอยู่ แต่คืนนี้นิวไม่ว่างจ้า” บอกเพื่อนสาวไปเสียงเบา ตอนนี้กำลังก้าวเท้าออกเดิน จากหน้าตึกที่มีเจ้าของเฮงซวยนี้
[งั้นวันไหนที่นิว หางานด้วยตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ได้ ติดต่อมานะ เรายินดีช่วยเสมอ] ปลายสายพูดด้วยความหวังดี รู้ดีว่าเพื่อนไม่อยากพึงพาเธอ เพราะเกรงใจเธอมาตลอด แต่เธอกลับอยากช่วยด้วยความเต็มใจเสมอ
“ขอบคุณจ้าทับทิม เดี๋ยวถ้านิวหางานไม่ได้ นิวจะให้ทับทิมช่วยคนแรกเลย” นิรายิ้มแย้มขึ้นมาทันที ทับทิมคือเพื่อนสมัยเด็ก ที่พ่อแม่พาย้ายมาอยู่กรุงเทพตอนเข้ามหาลัย แม้จะเรียนคนละที่ แต่ความรักและหวังดีก็ยังมีให้นิราไม่เปลี่ยนแปรง
[จ้า ว่างๆ เข้ามาหาที่บ้านบ้างนะ คิดถึง พ่อกับแม่ก็บ่นหานิวทุกวันเลย] ทับทิมเจ้าของเสียงหวานๆ ที่เข้ากับใบหน้าพูดอย่างอารมณ์ดี นี่ถ้าเธอไม่อ่านเจอสตอรี่ของนิรา ก็คงไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนกำลังลำบากหางานอยู่ในเมืองกรุงคนเดียว
“จ้า โอ้ย!” เพราะมัวแต่คุย นิราเลยสะดุดล้มเพราะพื้นต่างระดับ แว่นตาหลุดกระเด็นไปที่ไหนสักที่ทันที
กร๊อบ!
“อ๊า~ แว่นจ๋า” นิรามองแว่นของตัวเอง อยากจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง ให้แว่นสุดรักของตัวเองที่มันไปกองอยู่แทบเท้าของใครสักคน แถมอยู่ในสภาพที่แหลกละเอียดเป็นที่เรียบร้อย
“เป็นอะไรไหมครับ” ชายคนนั้นไม่สนใจแว่นของนิราเลย เพราะเขารีบเข้ามาพยุงร่างของนิราให้ลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามอง
“คุณ ฮือ แว่นฉัน” เธอไม่ได้ด่าแต่คำพูดเหมือนฟ้องผู้ชายรูปหล่อที่เอาแต่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ แว่นคุณมันวิ่งเข้ามาใต้เท้าผมเองนะ” เขาทอดสายตาลงมองใบหน้าที่ปราศจากแว่นยิ้มๆ ทำไมคนตรงหน้าเขา ถึงเลือกใส่แว่นอันใหญ่บดบังดวงตาสีสวยขนาดนี้ด้วยนะ
“ฉันสะดุดเถอะ ใครมันจะไปตั้งใจให้แว่นวิ่งไปอยู่ใต้เท้าคุณละ” นิรายังคงเถียงใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกร่างสูงประคองไว้ เพราะมัวแต่เถียงกับเขา เรื่องแว่นของเธอที่ถูกเขาเหยียบจนมันแตกละเอียด
“ท่านค่ะ เดี๋ยวต้องเข้าประชุมแทนท่านประธานนะคะ”
ขณะที่นิรากำลังจะเค้นหาคำมาเถียงคนตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงหวานๆ เรียกอยู่ไม่ไกลนัก เห็นผู้ชายคนนี้พยักหน้าหงึกหงัก ทั้งยังปล่อยมือออกจากร่างนุ่มนิ่มของเธอ
“มาสมัครงานที่นี่เหรอ” ชายหนุ่มถามเธอนิ่งๆ เห็นเธอกอดเอกสารไว้แน่น เธอไม่ใช่คนในบริษัทเขาแน่ๆ เขาไม่เคยเห็นเธอ เพราะเขาไม่มีทางพลาดจากของสวยๆ งามๆ ตรงหน้านี้แน่
“อืม แต่ไม่ได้งานหรอก คนที่นัดสัมภาษณ์เทฉันไปแล้ว” นิราแค่อยากบ่นให้ใครสักคนฟัง ถึงความไม่ยุติธรรมที่เธอได้รับ และพอดีชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ก็แค่นั้น
“งั้นไปกับผม ผมจะสัมภาษณ์เอง ชดเชยที่ทำแว่นคุณพัง”
พูดจบก็จับมือนิรา เดินเข้าไปในตึกใหญ่นี่ทันที ตามด้วยผู้หญิงสวยๆ ที่ทำหน้าเรียบนิ่ง เดินตามคนทั้งคู่ไป
ตลอดทางที่ชายคนนี้กับนิราเดินผ่านจนกระทั่งขึ้นลิฟไปชั้นบนสุด มีแต่คนทักทายและก้มหัวให้ เขาทำแค่พยักหน้ารับ ส่วนนิราตัวลีบตัวหดหมดแล้ว เขาคนนี้เป็นใครกันแน่
“เอ่อ ท่านรองค่ะ จะพาเด็กคนนั้นไปไหน” หญิงสาวที่ยืนอยู่โต๊ะก่อนถึงหน้าห้องที่เขียน ‘ว่ารองประธาน’ พูดขึ้น
ผู้หญิงที่นิราเพิ่งเจอ
“ผมจะสัมภาษณ์เธอเอง หลังจากประชุมเสร็จแล้ว หาน้ำไปให้เธอด้วย อย่าให้คนไล่เธอไปไหน คุณเจน ผมขอเอกสารการประชุมด้วยครับ” ชายหนุ่มสั่งเลขาชั่วคราวของท่านประธาน ก่อนจะหันมายิ้มให้เลขาตัวเอง แล้วรับเอกสารที่เธอยื่นมาให้
“ไปรอผมในห้องนั้น แล้วเตรียมตัวให้ดี หวังว่าผมจะไม่ผิดหวังที่พาคุณมาด้วยตัวเอง” เขาชี้มือบอกนิราไปรอที่ห้องของรองประธาน ก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วเดินจากไปทางห้องประชุมที่เธอกับเขาเพิ่งเดินผ่านมา
“เข้าไปสิ จะยืนเช่อทำไม ยัยบ้านนอก” พูดเสียงดังให้ได้ยิน ก่อนจะเหยียดปากใส่เด็กสาวตรงหน้า ดูยังไงก็บ้านนอกชัดๆ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เชยแสนเชย แถมผิวก็คล้ำกว่าเธอมาก
“เห้อ!”
นิราเดินเข้าไปนั่งรอในห้องทันที ไม่หวังน้ำดื่มอย่างที่ชายคนนั้นบอก แค่ไม่โดนไล่ออกไปตอนนี้ก็ดีแล้ว นิรานั่งอยู่เงียบๆ เธอไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอก เพราะเตรียมมาแล้วนั่นเอง
นิราก้มมองร่างกายตัวเองอีกครั้ง สภาพเธอไม่ได้แย่สักหน่อย เธอใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงสีดำ ซึ่งมันก็ดูเหมาะสมกับการสัมภาษณ์งานนี่นา แล้วเธอบ้านนอกตรงไหน หรือเพราะไอ้สีผิวของเธอที่มันโผล่พ้นเสื้อแขนยาวสีขาวนี่เหรอ มันคล้ำกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในนี้ เลยดูบ้านนอกเหรอ นิราคิดอย่างสงสัยในคำพูดของผู้หญิงคนนั้น
เธอยอมรับว่าตัวเองมาจากต่างจังหวัด ไม่ได้มีผิวสีขาวเนียนละเอียดเหมือนคนในกรุงเทพ แต่เธอคิดว่าถ้าเธออยู่กรุงเทพนานกว่านี้ เธอต้องขาวขึ้นแน่นอน บางทีเธออาจจะขาว และสวยกว่าผู้หญิงที่ดูถูกเธอด้วยซ้ำ
นิรามองมือตัวเองที่มันคล้ำ เพราะตากแดดช่วยแม่ทำงาน แต่ไม่เคยนึกรังเกียจความดำของมันสักนิด ยิ่งมองดูมัน ยิ่งคิดถึงคนเป็นแม่ ถ้าไม่ใช่เพราะหนี้ก้อนโต เธอคงไม่ต้องทิ้งแม่มาหางานทำในกรุงเทพคนเดียว
3 ชั่วโมงต่อมาร่างสูงสง่าดูภูมิฐานของนรสิงค์ หรือคุณสิงค์ ผู้นั่งตำแหน่งรองประธานบริษัทนำเข้าและส่งออกขนาดใหญ่แห่งนี้ เดินอย่างเร่งรีบเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง หลังจากเสียเวลาอยู่ในห้องประชุมนานกว่าปกติวันนี้เขาต้องเป็นประธานในการประชุม แทน คุณพยัคฆ์ หรือเสือ พี่ชายที่หนีไปหาคู่หมั่นคนสวยตั้งแต่เช้า หรือบางทีอาจจะตั้งแต่เมื่อคืน“คุณรอนานไหมครับ”นรสิงค์ถามผู้หญิงที่นั่งผงกหัวกับโซฟา เธอคงจะง่วงเพราะรอเขาตั้งนาน ไหนจะตาหวานเยิ้มที่มองเขานั่นอีก นี่เธอตื่นรึยังเนี้ย“ต้องถามด้วยเหรอคุณ คุณก็น่าจะรู้เรื่องเวลาดีที่สุด”นิราบ่นให้คนที่ดูนาฬิกาก่อนจะถามเธอด้วยซ้ำ“อ่า งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ คุณมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเลขาของท่านประธานสินะครับ ผมชื่อนรสิงค์ หรือสิงค์ เป็นรองประธานที่นี่ครับ”นรสิงค์เอ่ยแนะนำตัว ก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์เธอทันที“ชื่อนิรา อายุ 25 จบโทบริหาร พูดได้ 3 ภาษา จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น” นรสิงค์ทวนข้อมูลในเรซูเม่ของเธอช้าๆ การศึกษาเธอดีมากแม้จะจบจากมหาลัยต่างจังหวัดก็เถอะ ถือว่าใช้ได้ทีเดียว“คุณพร้อมเริ่มงานวันไหน” นรสิงค์ถามนิราที่นั่งเงียบ นี่เขาสัมภาษณ์งานหรือแค่อ่านปร
“คุณเจนช่วยด้วยค่ะ ฉันยังไม่ได้เริ่มงาน แต่กำลังจะเป็นหนี้ก้อนโตซะแล้ว” นิราหันมาเกาะแขนเจนจิราที่เดินรั้งท้าย“ทุกอย่างวันนี้ฟรีค่ะ” เจนจิรายิ้มขำกับคนที่อายุน่าจะเท่ากันกับเธอ ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเธอจะต้องทำงานชดใช้ค่าของพวกนี้เหรอ เปล่าหรอกเจ้านายตั้งใจซื้อทั้งหมดนี้ให้ยังไงละ“แต่มันแพงนะคะ ฉันไม่กล้าใช้ค่ะ”นิรายังคงบอกเจนจิราที่กำลังเลือกครีมบำรุงผิวให้เธอ แต่เจนจิราไม่สนใจ ทั้งยังเดินไปหยิบเครื่องสำอาง ที่เหมาะกับสภาพผิวของนิรามาให้อีกหลายอย่าง“แต่ต้องใช้ค่ะ คุณเสือไม่ชอบให้เลขาตัวเองหน้าจืด” เจนจิราไม่ได้ตามใจคุณสิงค์ แต่เธอกำลังทำเพื่อคุณเสือ ท่านประธานต่างหาก“เสร็จหรือยังคุณเจน” นรสิงค์ที่เดินไปนั่งรอ เดินกลับมาอีกครั้ง เมื่อมองเห็นตระกร้าขนาดใหญ่ในมือเจนจิรา“เรียบร้อยค่ะ” เธอบอกก่อนจะวางทั้งครีมทั้งเครื่องสำอางราคาแพงไว้บนเคาน์เตอร์คิดเงิน“ทั้งหมดหนึ่งแสนสองหมื่นบาทค่ะ” พนักงานบอกยอดสินค้าทั้งหมด“คะ? … เดี๋ยวค่ะ” นิรารีบไปหยิบของที่พนักงานอีกคนกำลังแพคใส่ถุงกระดาษอย่างดีไว้แน่น ตบมือป้าบกับหน้าผากตัวเอง อย่างคนตกใจทำอะไรไม่ถูกกับยอดเงินมหาศาล“ไม่เอาแล้วได้ไหมคะ ครีมอะไ
“แรดบ้างเถอะ อายุ 25 แล้ว ยังไม่มีแฟนเลย วันนี้เจ้จะแต่งให้นิราของเจ้ ถูกใจผู้หล่อๆ รวยๆ สักสิบคนไปเลย” เจ้พิมพูดแซวอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจที่นิราบอกสักนิด“ถ้าเยอะอย่างเจ้ว่าจริงๆ หนูได้ตายก่อนแน่เลยค่ะ” นิรายิ้มให้กับความคิดของเจ้พิมอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเจ้พิมหยุดมือลง“โซนวีไอพีนะ แล้วก็ห้องพิเศษ” เจ้พิมสั่งงานอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปดูร้าน เพราะตอนนี้ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาแล้วนิราเดินไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นงาน โดยเริ่มที่โซนวีไอพีก่อนที่แรก เพราะห้องพิเศษนั้นลูกค้าที่จองไว้ยังไม่มาเลย“น้อง! เหล้าเพิ่มครับ”“น้องชงเหล้าหน่อยครับ”น้อง น้อง !นิราถูกเรียกตลอดเวลาจนไม่มีเวลาพักเลย รู้สึกหิวนิดๆ เพราะนี่ก็ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วที่เธอทำงาน เธอกินข้าวตั้งแต่เช้าก่อนไปสัมภาษณ์งาน และกินแซนวิชไปอันเดียวก่อนจะงีบหลับ ตอนนี้เธอรู้สึกหิวมากจนจะทนไม่ไหว“พี่ค่ะ นิวขอไปหาอะไรกินก่อนได้ไหมอะ”นิราถามพี่อีกคนที่ทำโซนเดียวกัน พี่คนนั้นยิ้มแล้วพยักหน้าให้ทันที ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแล้ว เพราะลูกค้าเริ่มเมาได้ที่แล้ว เหลือแต่ห้องพิเศษที่ยังไม่มาถึงนิราเดินหลบไปหลังร้านที่เป็นโซนห้องครัว ก่อนจะล
“เห็นไหมคะ อร่อยมากเลย” นิราบอกแขกด้วยใบหน้าแดงนิดๆ ก่อนจะยิ้มโชว์เขา ว่าเหล้าที่เธอแนะนำมันอร่อยสุดยอดแค่ไหน“อร่อยก็ยกอีกสิ” แล้วแก้วที่สอง ที่สามก็ตามมา เหล้ายิ่งหวานลิ้นเท่าไหร่ ยิ่งดื่มง่ายและเมาเร็วเท่านั้น“เห็นไหมคะ ว่าอร่อย” นิราเลียริมฝีปากเก็บเอาเหล้าที่เลอะขอบปากเธอออก หลังจากยกแก้วที่สี่หมดลงไปแล้ว ตอนนี้สติที่เธอเคยมี แทบจะปลิวหายไปหมดแล้ว“ไม่เห็นจะอร่อยเลย ไหน ‘เอาของเธอ’ มาชิมสิ” เขาพูดเบาๆ พลางกระตุกยิ้ม ร่างสวยที่นั่งอยู่ใกล้มาตลอด ขยับเข้ามาใกล้จนตัวชิดกัน ก่อนเธอจะยกแก้วเหล้าของตัวเองยื่นไปตรงหน้า ผู้ชายรูปหล่อที่กำลังยกยิ้มชั่วร้ายใส่เธอ“เอาสิคะ ชิมเลย” นิรายื่นแก้วเหล้าไปให้นานแล้ว แต่เขาไม่รับมันไปสักที นิราจึงขยับหน้าไปใกล้มากขึ้น เมื่อร่างสูงเอาแต่นั่งมองเธอนิ่งๆ“ชิมแบบนี้ดีกว่า”พูดจบก็เทเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมด ก่อนจะเหลือไว้ในปากนิดหน่อย แล้วดึงเธอเข้ามา บดริมฝีปากตัวเองลงไป บนกลีบปากเล็กๆ ของเธอทันที“อ๊ะ อื้อ~”นิราครางเสียงแผ่ว เมื่อโดนริมฝีปากหยักสวยกดทับลงมาอย่างรวดเร็ว เธอได้แต่อยู่นิ่งๆไม่รู้จะทำยังไงดี ร่างกายที่ควรขัดขืนไร้แรงต้านทาน มีเพียงควา
“ง่วงแล้วค่ะ แม่” เธอยกหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลาก่อนระบายรอยยิ้มหวานส่งไป เมื่อคิดว่านอนกอดแม่ที่จากมาทำงานในเมืองกรุง“ยั่วเก่ง” เสือพูดเบาๆกับตัวเอง มองใบหน้าสวยที่ยกยิ้มหวานหยดย้อยให้เขา เพราะคิดว่าเขาเป็นแม่ซะงั้น“ฝันดีนะคะ” นิราพูดจบก็หลับตาลงอีกครั้ง เธอยังอยู่ในความฝันแสนหวาน ฝันที่ว่าได้นอนในอ้อมกอดแม่ที่เธอคิดถึงสำหรับเธอจะมีอะไรดีไปกว่านี้“ชิบหายละ!” เสือมัวแต่มองหน้าเธอ จนเผลอปล่อยเธอหลับไปอีกแล้ว นี่เขาต้องปลุกเธอยังไงดี เธอถึงจะตื่น“เธอบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ”เสือพลิกร่างเย้ายวนไปอีกด้านของโซฟา เกยร่างคร่อมทับตัวเธอไว้ กดจูบลงไปตามซอกคอขาวผ่อง แม้หน้าเธอจะไม่ขาวมาก แต่คอและผิวเนื้อที่อื่นกลับขาวเนียนละเอียดน่าฟัด“อื้อ จะ เจ็บค่ะ” นิราครางเสียงแผ่วเบา เพราะเสือกัดผิวเนื้อเธอแรงๆ เธอเลยต้องลืมตาจากฝันแสนหวาน เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง“อ๊ะ เจ็บนะคะ อื้อ” นิราดุร่างสูงเลือนรางที่คร่อมทับเธออยู่ เสือจึงต้องเงยหน้าขึ้นมองเธอ ตอนบอกเขาว่าเจ็บนิรายอมรับเลยว่าตัวเองฝันดี ผู้ชายที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้โคตรหล่อ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอใจเต้นโครมคราม แถมยังทำให้รู้ส
“อ๊ะ อื้อ” นิราเช็ดเหงื่อตามซอกคอตัวเองออกแรงๆ ก่อนจะครางแผ่วเบาอย่างไม่ชอบใจ สภาพอากาศตอนนี้ เธอร้อน เธออยากได้แอร์เย็นๆ“อ่ะ อื้อ ร้อน” นิราบ่นกับตัวเอง เธอร้อนมาก แต่ไม่มีแรงจะเดินไปเปิดแอร์ ที่นี่ที่ไหน ขออากาศเย็นๆให้นิราหน่อย“ฮึ่ม!” นิราย่นคิ้วลง เมื่ออากาศในห้องไม่ได้เย็นขึ้นสักนิด เธอเปิดเปลือกตามองรอบกาย โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นใครสักคน ที่ยืนมองเธออยู่ทางด้านหัวเตียงเลยอ่า! นี่ห้องเธอเอง งั้นแก้ผ้านอนคงไม่มีใครว่าหรอกมั้งนิราไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง แต่ในสติอันน้อยนิดบอกว่าห้องนี้คือห้องของเธอเอง เธอคงเมานั่นแหละ เจ้พิมคงลากมาส่ง แต่เจ้พิมลืมเปิดแอร์ให้ไง โคตรร้อน“อื้อ อ่า” นิราครางอื้ออึง เมื่อพยายามถอดชุดรัดรูปของตัวเองออกจากตัว เมื่อถอดมันไม่ได้ เธอก็กระชากมันออกแรงๆ จนผ้าบางๆมันขาด จากนั้นก็ก้มลงไปดึงถุงน่องสีดำ ที่มันทำให้คันยุบยิบนั่นทิ้ง ตอนนี้ทั้งร่างของนิรา เหลือเพียงบรากับกางเกงชั้นในลูกไม้เข้าชุด“แม่งยั่วสัส! กูต้องทนไหม ก็ไม่นะ”เสือที่ยืนมองการกระทำของเธอเงียบๆ พูดกับตัวเองแผ่วเบา เขาเห็นหมดเลย ตั้งแต่เธอถอดชุดตัวเองออก ไหนจะถอดไปด้วยครางไปด้วย ม
เสือพูดจบก็จับร่างเธอดึงมาปลายเตียง ส่วนเขาลงไปยืนรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากถอดกางเกงในที่เหลือของตัวเองเสร็จ ใช้มือจับแท่งเนื้อขนาดใหญ่ถูไถเบาๆ เข้ากับร่องรักของเธอ ไม่นานก็กดมันลงไปอย่างไม่ยั้งแรง“กรี๊ด! เจ็บ ปล่อย! / แม่งเอ้ย! แน่นสัส” เสือหยุดไว้แค่ส่วนหัวที่เข้าไปได้เพียงน้อยนิด เพราะโดนร่องของเธอบีบรัดแก่นกายเขาอย่างหนักอ่า~ หมอที่ไหนวะ ทำได้อย่างเนียน เขาจะบอกเด็กๆ ของเขาให้ไปทำบ้าง“เจ็บ ฮือ/ อย่าเกร็ง ทำไมไม่ให้หมอทำแบบพอดีๆ หน่อยวะ”เสือดุนิราที่เอาแต่ร้องไห้ส่ายหน้าไปมาเพราะความเจ็บ ก่อนที่เสือจะใช้ข้อมือบดขยี้เม็ดเนื้อสีสวยของเธอ ใกล้แท่งเนื้อขนาดใหญ่ของตัวเอง“อ๊ะ อ่า/แม่งสวย”นิราครางกระเส่าเพราะสัมผัสที่เสือทำ ส่วนเสือก็เอ่ยชมกลีบเนื้อสีสวยที่มันค่อยๆ หายเข้าไปพร้อมกับแท่งเนื้อของเขา แม่งเอ้ย ของเธอเหมือนของเด็ก“อ่า”เสือครางอย่างพึงพอใจกับจุดซ่อนเร้นแสนสวย ก่อนจะเสียบพรวดเข้าไปใหม่อีกครั้งเมื่อเธอผ่อนคลายขึ้น แท่งเนื้อขนาดใหญ่ชำแรกผ่านเยื่อบางๆของหญิงสาวไป แล้วไปหยุดอยู่นิ่งๆ เมื่อเข้าไปจนสุดลำ“อ่า!/ อร้าย ฮือ” เสือครางอย่างสุขสมเขาเป็นคนแรกของเธอ ในขณะที่เธอเอาแต
วันรุ่งขึ้นติ๊ติด ติ๊ติด ติ๊ติดนิราตื่นขึ้นมาคว้านมือหานาฬิกาปลุก ที่แผดเสียงดังอยู่หัวเตียง ก่อนจะเพ่งสายตาที่เหนื่อยอ่อนไปดูเวลาในหน้าปัด“อร้าย สายแล้ว งานวันแรกของชั้น!”นิราแผดเสียงร้องดังลั่นห้องเมื่อมองนาฬิกา ตอนนี้มันบอกเวลา 07.30 น. แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงเธอจะต้องไปอยู่ที่ทำงาน มันจะทันได้ไงกับเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แค่อาบน้ำก็เกินแล้ว“อ๊ะ อา เจ็บ” นิราที่ขยับลุกจากเตียงเพื่อจะไปอาบน้ำทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องทันทีที่เธอทำแบบนั้น นี่เธอเมาแล้วไปลากใครเข้าห้องด้วย ร่างกายถึงได้มีสภาพแบบนี้“บ้าเอ้ย ทำบ้าอะไรลงไปเนี้ย” นิราไม่มีเวลาคิดเรื่องเมื่อคืน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอกำลังจะพลาดงานสำคัญ นิราลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทน งานนั่นสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เพราะมันคือรายรับเดียวที่เธอจะใช้จ่ายในสิ้นเดือนนี้“ชุดอะไรวะเนี้ย” นิราออกมาจากห้องน้ำ ค้นหาชุดที่เจนจิราเลือกให้เมื่อวาน มันใช้ไม่ได้เลยสักชุด เธอต้องการชุดที่มันสามารถปกปิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่เธอเห็นตามตัวตอนอาบน้ำ“ไปสภาพเดิมก็ได้วะ”ตอนนี้เหลือเวลาแค่ 5 นาที นิราจึงเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวในตู้ กับกาง