หลังจากกิจกรรมรับน้องเสร็จก็คือการเปิดสายรหัส ไม่รู้ว่าพี่รหัสฉันจะเป็นใครแล้วเขาจะใจดีไหม
“ฟองจันทร์ แกว่าใครจะเป็นพี่รหัสแกวะ” ไอ้แสตมป์ถามฉันอย่างคนกำลังตื่นเต้น ตอนนี้พวกเรานั่งรวมกันที่ลานเกียร์ รอเวลาที่พี่รหัสจะมาเปิดสาย
“ไม่รู้โว้ยใครก็ได้แต่ไม่เอาอิพี่คิงหน้าโจรป่านะน่ากลัวเกิน”
“พี่เขาเรียนอยู่ปี 3 จะเป็นพี่รหัสแกได้ไงไอ้ฟองจันทร์” ติวเตอร์เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์มาคุยกับฉันและแสตมป์ที่นั่งคุยกันอยู่อย่างออกรส
“เอ้าก็เผื่อเป็นสายรหัสอะไรแบบเนี้ย ก็คนมันไม่อยากเจอหน้าตาอย่างกับโจรป่า” ฉันทำท่าขนลุกขนพองอย่างคนกำลังเจอสิ่งที่เรากลัวมากๆ
“แกก็ไปว่าพี่เขา!” ติวเตอร์มันปกป้องพี่คิงโดยการผลักหัวฉันเกือบหงายหลัง เห็นมันตัวเตี้ยๆ แบบนี่แรงเยอะซิบ ฉันยกมือขึ้นกำลังจะเอาคืนไอ้ติวเตอร์
“น้องๆ ครับจัดแถวตามสาขาและรหัสนักศึกษาเลยนะครับ!”
พี่หัวหน้าสันทนาการชื่อพี่บีม ไม่ต้องแปลกใจที่มีแต่ผู้ชายทำกิจกรรมของวิศวะเพราะคณะวิศวะผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงรุ่นพี่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นพยาบาลค่อยช่วยอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยออกมาสั่งอะไรน้องๆ ปีหนึ่งกันหรอก
พวกเราสามคนเรียนสาขาเครื่องกลเหมือนกันแต่พวกเราทั้งสามคน รหัสนักศึกษาไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยไอ้ติวเตอร์รหัสอยู่คนแรกของสาขาเครื่องกล ฉันอยู่คนที่ 35 ส่วนแสตมป์ อยู่คนที่ 48 เกือบคนสุดท้าย ปีนี้สาขาเครื่องกลมีทั้งหมด 50 คน โดยที่มีผู้ชาย 43 คน ผู้หญิง 7 คน
“นั่งลงได้ครับ!” พี่บีมสั่งให้พวกเรานั่งลง
“หวัดดีจ๊ะฟองจันทร์!” ผู้ชายไม่แท้ที่นั่งข้างหน้าฉันหันมาคุยด้วย
“หวัดดีจ๊ะรู้จักชื่อเราด้วยเหรอ” ถามไปด้วยสีหน้างงๆ ยิ้มเขินให้กับเพื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย
“คือเรารู้จักกับนิดหน่อยอ่ะ นางก็เรียนเครื่องกลนรหัสที่ 50 อยู่หลังสุดนู่น”
“อ้าวจริงเหรอหลังจากถูกลงโทษก็ไม่ได้เจอกับนิดหน่อยเลย ฟองนึกว่านิดหน่อยเรียนสาขาเคมีชะอีก” ก็อย่างที่บอกนิดหน่อยเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผอมบาง หน้าตาหมวยดูบอบบางไม่น่าจะเรียนเครื่องกล
“พอดีเรากับนิดหน่อยเรียนจบม.ปลายห้องเดียวกันเลยบังคับนางลองสอบวิศวะเครื่องกลด้วยกัน พอสอบติดนางก็เลยมาเรียน” เพื่อนใหม่อธิบายให้ฉันฟัง
“อ่อๆ ว่าแต่แกชื่อไร” ฟองจันทร์ถามชื่อเพื่อนใหม่
“ฉันชื่อป๋องแป้งค่ะ ที่เรียนเครื่องกลไม่ใช้ชอบอะไรหรอกนะเธอ แต่เป็นลูกชายคนเดียวเตี่ยเปิดอู่ซ่อมรถแถวปทุม เรียนเพื่อสืบทอดกิจการและผู้ชายเยอะดีเลยยอมเรียนเผื่อจะได้สารมีไปฝากเตี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอ่อ!!! ไอเดียดี” ฉันที่กำลังคุยเม้าท์มอยกับป๋องแป้งอย่างสนุก จนลืมไปว่าวันนี้มาเปิดสายรหัสไม่ใช้มานั่งคุยกับเพื่อน อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนมาสะกิดด้านหลัง
“น้องฟองจันทร์” เสียงตะโกนอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ข้างหลังเป็นใครไปไม่ได้...ถ้าไม่ใช่พี่คิงหน้าโจรป่า เฮดว้ากของพวกเราปี1ไงละ
“เฮ้ยพี่อย่าบอกนะว่า…” ตอนนี้ฟองจันทร์นั่งหน้าเหวอ อ้าปากค้างพูดไม่ออก
“ใช่พี่เป็นพี่รหัสปี 3ของเราเอง ยินดีที่ได้รู้จักไอ้ตัวแสบอย่างคิดว่าพี่ลืมที่เราแลบลิ้นใส่พี่นะ”
“จะตะโกนทำไมเนี่ยพูดเบาๆ ก็ได้ยินคะพี่คิง” ฉันรีบยกมือปิดปากพี่คิงทันที แต่พี่คิงดึงมือเธอออกแล้วหันไปพูดกับเพื่อนๆ ปี 1
“มองอะไรครับ!” แค่นั้นแหละทุกคนหันหน้าไปสนใจพี่รหัสตัวเองหมดทันทีโดยไม่ต้องพูดซ้ำ
“พี่คิงหวัดดีค่ะ” ป๋องแป้งพูดเสียงเล็กเสียงน้อย พร้อมกับอาการของคนกำลังตัวสั่น
“อืมหวัดดี..น้องป๋องแป้ง เดี่ยวพี่รหัสน้องก็มามันไปซื้อพิซซ่ามาให้น้อยอยู่ใจเย็นนะ มันชื่อโอมเพื่อนพี่เอง” พี่คิงหันไปพูดกับป๋องแป้งที่นั่งอยู่ข้างหน้าฟองจันทร์
“ค่ะ ครับ” แล้วป๋องแป้งก็หันหน้าไปตามเดิม
“พี่คิงแล้วพี่รหัสปี2 หนูละพี่เขาไปไหนทำไมยังไม่มา” ฉันถามอย่างสงสัย ก็คนอื่นเขามีพี่รหัสปี2กันหมดแต่ไอ้ฟองจันทร์มีแค่พี่คิงที่เป็นพี่ปี3คนเดียว
“อ่อคือว่า...พี่รหัสปีสองของเราเป็นแฟนของพี่เองแหละชื่อน้ำผึ้ง ตอนนี้ซิ่วไปเรียนพยาบาลที่มอเอกชนแถวซานเมือง วันนี้ไม่ว่างมาไม่ได้”
“อ้าวแฟนพี่คิงซิ่ว” ฉันมองหน้าพี่คิงที่พี่เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อยเมื่อฉันถามว่าแฟนเขาซิ่วแต่เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็กลับมาทำหน้าโหดตามแบบฉบับพี่ว้ากเหมือนเดิม...
“ใช่ก็แบบเทคแคร์แบบพี่น้องไปๆ มาๆ เลยได้เป็นแฟนแต่ไม่ต้องห่วงวันเสาร์นี้พี่นัดเราเลยนะไปกินเหล้าที่ผับกับพวกพี่ เดี๋ยวถ้าไม่รู้ทางพี่กับน้ำผึ้งจะไปรับ เป็นการเลี้ยงสายรหัสโอเคนะ” พี่หน้าโจรป่าของฉันเขินหูแดงหมดแล้ว ท่าทางจะอาการหนักเหมือนคนละคนกับที่ว้ากฉันวันแรกลิบลับ
วันเสาร์>>>
“ฮัลโหลพี่คิงถึงไหนแล้วคะ หนูรออยู่ที่หน้าคอนโดนะ” วันนี้มีเลี้ยงสายรหัสอย่างที่บอกไป ทีแรกว่าจะให้แสตมป์กับติวเตอร์ไปเป็นเพื่อนแต่มันสองคนดันมีนัดไปนั่งชิวกับเพื่อนในสาขาทำให้ไปด้วยไม่ได้
“โอเคพี่กับน้ำผึ้งกำลังจะไปคอนโดฟองจันทร์นะ”
“แค่นี้นะคะ”
“ครับๆ” วันนี้ฉันแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีขาวโชว์ไหล่โชว์หน้าท้องนิดพอเซ็กซี่นิดหน่อย แนววัยรุ่นทั่วไปปล่อยผมโดยไม่ดัดใส่รองเท้าส้นสูงสีดำประมาณ4นิ้วมีรถพอร์ชสีขาวสี่ประตู ขับมาจอดตรงหน้าฉันที่ยืนรอพี่คิงอยู่ แล้วก็ลดกระจกลงมาพร้อมโผล่หน้าออกมา
“ขึ้นรถเลยน้องฟองจันทร์” พี่คิงนั้นเองที่เป็นเจ้าของรถหรู เบาะข้างคนขับมีผู้หญิงหน้าตาสวยหวานแต่แต่งหน้าแนวสาวสายฟอดูเซ็กซี่
“สวัสดีค่ะ พี่น้ำผึ้งคนสวยของหนู” พอเข้ามานั่งภายในรถฉันก็โผล่หน้าไปทักทายพี่รหัสคนสวย ตั้งแต่วันเปิดสายพี่น้ำผึ้งก็วีดีโอคอลมาหาฉันพวกเราสองคนคุยกันแบบถูกคอทีเดียวประมาณผู้หญิงนิสัยคล้ายๆ กันเลยไปกันได้
“สวัสดีค่ะ น้องฟองจันทร์ของพี่ตัวจริงสวยเชียวนะเนี้ย!” แล้วเราสองคนก็เมาท์ตลอดทางโดยที่พี่คิงไม่มีปากเสียงทำหน้าที่เป็นผู้ฟังเงียบๆ และเป็นคนขับรถไปตลอดทาง
ผับแถวทองหล่อ
“ว้าว!ทำไมคนเยอะจังคะพี่คิง” ภายในผับหรูตกแต่งสไตล์ยุโรปแนวดาร์กๆ ที่ฉันเข้ามาได้ทั้งที่อายุไม่ถึง 20 นั้นเหรอเพราะเพื่อนสนิทพี่คิงเป็นเจ้าของผับและที่หน้าตะลึงกว่านั้นก็คือพี่เขาเรียนหมออยู่ปี 3 เรียนที่มหาลัยเดียวกันกับฉัน
“ว้าวๆ ทำไมน้องรหัสมึงปีนี่สวยจังวะไอ้คิง ขอได้ไหมเดี๋ยวพี่เปย์เองนะครับ” พี่ผู้ชายหน้าตาหล่อตี๋ ท่าทางทะเล้นพูดขึ้น ขนาดที่ในอ้อมแขนของพี่เขาก็มีสาวสวยอยู่ เธอคนนั้นมองมาที่ฉันด้วยสายตาจิกกัด
“หยุดๆ เลยนะนี่น้องรหัสน้ำผึ้ง พี่เจมส์” พี่น้ำผึ้งที่นั่งข้างฉัน เอาตัวของเธอที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมาบังฉันไว้อย่างปกป้อง สุดยอดพี่รหัสเลยค่าหนูรักพี่มาก
“อะไรวะ พี่แค่ใจดีจะเปย์ช่วย ไม่ได้จะทำอะไรชะหน่อย” พี่เจมส์กำลังเถียงกับพี่น้ำผึ้งเหมือนจะเป็นสงครามขนาดย่อมๆ
“ไปเปย์น้องรหัสหมอนู่น ได้ข่าวว่าเป็นผู้ชายอีกแล้วนิปีนี่”
“พูดให้เจ็บซ้ำน้ำใจทำไมเนี่ยยย” พี่เจมส์โอดโอยอย่างเกินจริง
“หยุดๆ ทะเลาะเลยคะที่รัก มึงด้วยไอ้เจมส์!” พี่คิงเบรกศึกระหว่างพี่น้ำผึ้งของฉันกับพี่เจมส์จอมกะล่อน
“หึ!สองมาตรฐานวะทีกับเมียนี่พูดคะขากับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ประถมตะโกนใส่หน้าเพื่อนไอ้เพื่อนเลว!” พี่เจมส์พูดด้วยน้ำเสียงกระแทกแล้วสะบัดหน้าไปคุยกับสาวในอ้อมกอดแทน
“ไม่ต้องงอนเป็นตุ๊ดเลยไอ้เจมส์ ว่าแต่ไอ้พะนายไปไหนวันนี้มันเข้ามาดูผับแทนเฮียพะนานิ”
“มันตรวจบัญชีอยู่บนห้องทำงานเดี่ยวก็ลงมา” พี่เจมส์หันมาคุยกับพี่คิง
“น้องฟองจันทร์ จะดื่มเหล้าหรือน้ำอัดลมครับ” พี่คิงหันมาคุยกับฉันขนาดที่ยื่นแก้วให้พี่น้ำผึ้ง
“เหล้าก็ได้ค่ะ ฟองจันทร์ดื่มได้” แล้วพี่คิงก็ยื่นแก้วเหล้าให้ฉันจากนั่งฉันก็หันไปคุยกับพี่น้ำผึ้งตามประสาคนเป็นแฟนกัน แต่อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงหน้าตาน่ารักดูแบ๊วๆ เดินเข้ามาหาพี่คิง
“คิงคะ ไม่ได้เจอกันตั้ง3ปี น้ำอิงคิดถึงจัง” อยู่ๆ เธอคนนั้นก็เข้าไปกอดพี่คิงที่นั่งเอ่อนิ่ง...ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากพี่คิงแต่พี่คิงกับปล่อยให้ยัยนั้นกอดตัวเองโดยไม่ผลักไส ส่วนพี่น้ำผึ้งของฉันเหมือนจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครเพราะมองด้วยสายตาโกรธน้ำตาคลอ งานเข้าพี่หน้าโจรป่าของฉันแล้วแน่เลยและท่าจะเป็นงานช้างมากชะด้วย
“พี่น้ำผึ้งจะไปไหนคะ!?” ฉันพูดขึ้นขณะที่พี่รหัสของฉัน เธอกำลังจะลุกออกจากโต๊ะโดยที่มีพี่คิงมองด้วยสายตาเหมือนคนอยากจะพูดอะไรชักอย่าง...แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา มือก็พยายามแกะมือผู้หญิงชื่อน้ำอิงที่ดูท่าจะเหนียวยิ่งกว่าปลาหมึกนั้นออกจากแขนตัวเอง
“เราไปเต้นข้างล่างกันเถอะฟองจันทร์ ไม่ต้องตามไปนะพี่คิง ผึ้งอยากไปกันตามปะสาสาวๆ” พี่น้ำผึ้งชวนฉันแล้วหันไปพูดกับพี่คิงด้วยน้ำเสียงกระแทกตรงคำว่าสาวๆ เรื่องยาวแน่ๆ คะงานนี้
“ครับๆ” พี่ว้ากหน้าโจรป่ากลายเป็นหมาหงอยชิงานนี้...
โซนหน้าเวที…
“ขอชนแก้วด้วยคนได้ไหมครับสาวๆ” ผู้ชายหน้าตาหล่อแต่ดูจะร้ายกาจไม่เบามาขอฉันกับเจ้น้ำผึ้งชนแก้ว ตอนนี้เราสนิทกันจากพี่จึงเป็นเจ้
“ได้ค่ะ!” จากนั้นพวกเราก็เต้นโดยที่ผู้ชายคนนั้นเหมือนพยายามจีบเจ้น้ำผึ้ง พอใกล้เวลาผับจะปิดไม่ต้องพูดถึงสภาพฉันกับเจ้บอกเลยเละสุดๆ
เมาจนแทบยืนกันไม่ไหวทั้งคู่สนุกสุดเหวี่ยงเลย พี่คิงก็ไม่รู้หายไปไหนขนาดที่ผู้ชายหน้าหล่อแต่นิสัยดูร้ายกาจคนนี้กำลังโอบเอวเจ้น้ำผึ้งและกำลังจะก้มลงจูบ! แต่ตัวเขากับโดนกระชากออกไปอย่างแรง
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
“ว้าย! หยุดบ้านะพี่คิง” เจ้น้ำผึ้งดึงพี่คิงที่กำลังสติแตกออกจากผู้ชายคนนั้น แต่โดนพี่คิงกระชากแขนจนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดพี่แก
“มึงอย่ามายุ่งกับเมียกูอีกถ้าไม่อยากเจ็บตัวไปมากกว่านี่” ผู้คนที่เต้นอยู่ต่างหยุดเต้นแล้วหันมามองทางเรากันใหญ่อยู่ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาหล่อมาก สูง ท่าทางโหดๆ เดินมาพร้อมการ์ดอีกห้าคนมาหยุดตรงที่เกิดเรื่อง
“มีเรื่องไรกันไอ้คิง!?” ผู้ชายคนนั้นถามพี่คิง แต่เหมือนเขาจะรู้สถานการอยูแล้วถึงได้มีการ์ดมาด้วยหลายคนขนาดนั้น
“มึงมาก็ดีไอ้พะนาย! มึงเคลียร์กับไอ้นั้นให้กูที เรื่องค่ารักษาพยาบาลเดี่ยวเอามาให้ กูจะรีบไปเคลียร์กับเมีย” พี่คิงหันไปคุยกับเพื่อนของเขา แล้วกำข้อมือของเจ้น้ำผึ้งเอาไว้แน่นดูจากสีหน้าพี่หน้าโจรป่าน่ากลัวกว่าวันว้ากน้องปีหนึ่งคูณสิบเท่าได้เลย
“ได้ๆ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทางนี่กูจัดการให้” ผู้ชายที่ชื่อพะนายพูดกับพี่คิงด้วยท่าทางสบายๆ
“เออเกือบลืมกูฝากมึงไปส่งน้องรหัสกูให้หน่อยดิ ชื่อฟองจันทร์อยู่คอนโดโครงการของที่บ้านไอ้เจมส์แถวหน้ามอเรา”
“เอ่อๆ ได้ คนนี้ใช่ป่ะ” พี่หน้าหล่อมากชี้นิ้วมาทางฉันที่สติเริ่มจะเบลอ เหมือนพื้นในผับลอยได้ยังไงไม่รู้ เหมือนพี่คิงจะคุยอะไรชักอย่างกับพี่หน้าหล่อแล้วก็กระชากแขนเจ้น้ำผึ้งที่โวยวายออกไปแล้วเหลือแต่ฉันที่ไม่รู้จะไปไหนดีจนอยู่ๆ ก็เหมือนลอยอยู่บนอากาศไม่ใช่ละพี่หน้าหล่อต่างหากที่อุ้มฉันเดินไปที่ไหนชักที่แต่ตอนนี้ฟองจันทร์รู้สึกเหมือนจะท้องไส้ปั่นป้วนเหมือนมีมวลคลื่นมหาสารกำลังจะชัดออกมาจากในท้องแล้วสุดท้ายมันก็ พุ่งออกไปเต็มๆ เสื้อพี่หน้าหล่อที่อุ้มฉันเดินอยู่
“อ๊วก! อ๊วก! แหวะ ฮึก!”
“เฮ้ย!ยัยขี้เมา มาอ้วกใสเสื้อฉันได้ยังไงวะเนี้ย คนอุตส่าห์อุ้มมาเห็นว่าเดินไม่ไหวทำบุญบูชาโทษชัดๆ” เสียงใครมาโวยวายเนี้ยคนจะหลับจะนอนไม่มีมารยาทเลย เดี่ยวตบคว่ำเลย
“เงี๊ยบหน่อยดิ๊ คนจ่าหลาบ จ่านอนอย่ารบกวนนนน” เสียงคนเมาพูดออกมาอย่างฟังไม่รู้เรื่อง
“อ้าวอย่าพึ่งหลับ ฉันยังไม่รู้เลยว่าห้องเธออยู่ชั้นไหนตื่นมาก่อนยัยขี้เมา โว้ยมันอะไรกันวะเนี้ยหน้าตาก็สวยแต่เมาเละ”
บันทึกของหมอพะนายหมอพะนาย ธีรพิชญ์ หลี่หมิง นักศึกษาแพทย์ปี 3 อายุ 21 ปีรูปร่างสูงหุ่นดีตามสไตล์ผู้ชายออกกำลังกายหน้าตาหล่อเหลาเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกง ที่บ้านทำธุรกิจสถานบันเทิง มีสาขาทั้งในประเทศไทยและฮ่องกงปู่เป็นเจ้าพ่อกาสิโนที่ฮ่องกง ทั้งบ้านมีพี่น้อง 3 คน เขาเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายชื่อ พะนา อายุ 25ปี น้องสาวชื่อพะนาง อายุ18ปีเรียนอยู่เกรด 12ไฮสคูลที่ฮ่องกงอยู่กับปู่ตั้งแต่อายุ 16 ที่พวกเขาสามพี่น้องมีชื่อแบบไทยกันทุกคนเพราะต้นตระกลูของแม่เขาเป็นขุนนางในวังเลยอยากให้พวกเขาพี่น้องมีชื่อเล่นแบบไทยกันทุกคน ที่เลือกเรียนหมอทั้งที่บ้านทำธุรกิจสีเทาเพราะชอบอยากช่วยเหลือคนกลับสู่ปัจจุบันที่มียัยผู้หญิงขี้เมามาอ้วกใสเสื้อแถมหลับหนีความผิดไปแล้ว“เอาไงดีวะเนี้ย” เขาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาไอ้พี่รหัสตัวดีของยัยขี้เมาเพื่อจะถามหมายเลขห้องยัยขี้เมา“ตูด…ตูด…ตูด… ติ๊ด!”“อ้าวไอ้เพื่อนเลวแค่เสียเวลาที่เคลียร์กับเมียมารับโทรศัพท์เพื่อนชักนิดก็ไม่ได้ แม้ง!” พอไม่รู้จะเอายังไงผมเลยตัดสินใจพายัยขี้เมาไปนอนที่คอนโดผมแล้วกันพรุ่งนี้มีเรียนเลคเชอร์ตอนแปดโมงเช้าอีก ในขนาดที่คณะอื่นเขายังไม่เปิดเรียนที่นอ
เงียบช็อกค่ะ พวกเราสามสหายสบตากันสื่อสารทางสายตาโดยไร้เสียงพูดคุยออกมา แอร์ในร้านก็เปิดจนหนาวระเยือกเย็นเข้าหัวใจรู้สึกว่าขนทั่วกายลุกชันเมื่อคนที่พวกเรากำลังนินทามายืนอยู่ตรงหน้าใครจะไปคิดว่าคนที่พวกเรากำลังเมาท์เขาอยู่กันอย่างสนุกปากเขาจะมาอยู่ใกล้ๆเรา ตายแน่ไม่รู้พี่หมอจะได้ยินอะไรไปบ้าง“อ้าวทำไมเงียบกันหมดล่ะครับน้องๆ ไม่คุยกันต่อเหรอดูกำลังสนุกกันอยู่เลยฮึ”พี่เจมส์ที่โผล่หน้ามาพูดเกือบชนเข้ากับใบหน้าของไอ้ติวเตอร์ส่วนไอ้ติวเตอร์มันก็ผละออกแทบจะหงายหลัง จ้องหน้าติวเตอร์แล้วยิ้มทะเล้นให้“เปล่าๆครับพี่ พวกเราแค่คิดว่าอาจจะคุยกันเสียงดังรบกวนหรือเปล่าแฮ่ๆ”“อ้าว! น้องฟองจันทร์แต่งตัวแบบนี้น่ารักจังเลยนะครับ”หลังจากที่พี่เจมส์ที่จ้องหน้าไอ้ติวเตอร์แบบแปลกแล้วก็หันมาแซวฉันต่อ เสียงหวานเยิ้มเชียวพี่เจมส์นี่หน้าม่อจริงๆ“ขอบคุณค่ะพี่เจมส์” ฉันพูดยิ้มๆให้พี่เขา“ตกลง ล็อกห้องพี่หรือยังครับ”ทำไมต้องทำเสียงโหดอย่างงั้นกับเขาด้วยอ่า หนูกลัวนะไม่ได้ไปยกเค้าห้องของพี่มาชะหน่อย“ล็อกแล้วค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงหนูไม่ได้ขโมยอะไรออกมาแน่ๆ”ไม่ได้ร้อนตัวไปเองนะแค่อธิบายให้เข้าใจทั่วกันเท่านั้นเองจริง
“พวกเราจะเอาไงกันดี ใครมีไอเดียอะไรเสนอไหม” ติวเตอร์พูดอย่างเป็นงานเป็นการตามหน้าที่ประธานสาขาเครื่องกล ปี1“ป๋องแป้งแต่งหน้าทำผมเป็นแล้วก็รู้จักร้านเสื้อผ้าสำหรับละครแนวมนต์รักลูกทุ่ง” ป๋องแป้งที่นั่งอยู่ข้างนิดหน่อยยกมือเสนอความคิดเห็น“งั้นให้ป๋องแป้งอยู่ฝ่ายแต่งตัวนักแสดงนะ”“โอเคค่ะ”“แล้วนักแสดงสมทบตามบทที่หามาคร่าวๆ ต้องการคนแสดงอีก 8 คน ขอผู้หญิง4คนผู้ชาย 4คนนะ” ติวเตอร์ทำการบ้านเร็วมากค่ะเพื่อนรายละเอียดหามาครบเลย จากนั้นก็มีทั้งเพื่อนที่อยากแสดงและเพื่อนที่โดนเพื่อนบังคับสุดท้ายก็ได้คนครบตามบท โดยนิดหน่อยเล่นเป็นสายใจตัวร้ายเสนอโดยป๋องแป้งเพื่อนรัก“แล้วเรื่องฉากมีใครจะอาสาไหม” ติวเตอร์หน้าเครียดเชียวก็เพราะมันสำคัญและยากสุด“เราวาดรูปได้เดี๋ยวรับเอง” บิ๊กเสนอตัวและก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่พอมีฝีมือวาดรูปไปทำฉากกันหลายคนทีเดียว“โอเคตกลงตามนี้นะส่วนเรื่องเงินจะคำนวณแล้วส่งให้ในไลน์สาขาแล้วเราค่อยมาออกเงินช่วยกัน แยกย้ายไปกันกลับไว้เจอกันวันเสาร์โอเค” หลังจากพวกเราตกลงกันเสร็จเรียบร้อยฉันก็กลับคอนโดโดยมีแสตมป์ไปส่งติวเตอร์มันประชุมกับประธานสาขาชั้นปี1น่าจะกลับดึกตอนนี้ฉันกำลังนั
วันเสาร์เวลา 09.30นาทีวันนี้พวกเรานัดรวมตัวกันที่สาขาเครื่องกลเพื่อเตรียมการแสดงในการประกวดดาวเดือนคณะวิศวกรรม เพื่อนๆ เริ่มมากันหลายคนแล้ว“ไอ้ฟองทำไมสภาพแกเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืนเลยว่ะ”ตอนนี้พวกเราที่มาถึงแล้วก็นั่งรวมกันอยู่ใต้อาคาร ภายในใต้อาคารจะมีโต๊ะชุดยาวเรียงเต็มใต้ตึกเพื่อเอาไว้ให้นักศึกษานั่งรอเข้าเรียนหรือทำกิจกรรมต่างๆภายในสาขา“ก็เออนะสิคือเมื่อคืนตอนกลับจากร้านนั่งชิวฟองเจอพี่หมอพะนาย”ฉันหันไปตอบติวเตอร์แล้วฟุบหลับลงกับโต๊ะ ง่วงนอนมากแต่ต้องอาบน้ำแต่งตัวตอนเก้าโมงเพื่อมานั่งอยู่ใต้ตึกสาขา ตอนเก้าโมงครึ่งโถชีวิตนักศึกษาวิศวะ“มันเกี่ยวอะไรกับพี่หมอพะนายวะ”แสตมป์สายเผือก ถามขึ้นแล้วมันก็ตักข้าวเซเว่นที่ซื้อมากินไปจนเต็มปาก“กะ...ก็คือแบบว่า…” จากที่ง่วงหายเป็นปลิดทิ้งกลายเป็นเขินแทนเลยทีนี้“ว่าอะไรเล่ามา!” ประสานเสียงพร้อมกันเลยนะเพื่อนติวเตอร์เพื่อนแสตมป์“คือเมื่อคืนที่เจอพี่หมอพะนายแล้วพี่เขาก็บอกฝันดีฟอง…”เล่าเป็นฉากๆ เลยที่นี่ เขินจนหน้าร้อนไปหมดบิดตัวจนจะตกโต๊ะอยู่แล้ว“แล้วตกลงเมื่อคืนได้กันยังว่ะ”ไอ้แสตมป์จำเป็นต้องพูดเสียงดังจนเพื่อนที่มาจะครบแล้วหันหน้ามามอง
เวลา 18.40น.หลังจากที่ซ้อมเสร็จฉันก็กำลังเก็บของที่วางไว้โต๊ะเดิมตั้งแต่ตอนเช้า กลับก่อนทุ่มหนึ่งจริงๆนะแต่ก่อนแค่ 20นาทีวันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากแถมง่วงนอนมากด้วยตาจะปิดอยู่แล้วเนี้ย“ไอ้ฟองป่ะกลับ เก็บของเสร็จยัง”ติวเตอร์ที่เก็บของเสร็จแล้วกำลังจะกลับโดยที่แสตมป์ไปส่งเหมือนเดิม ส่วนนิดหน่อยกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทยอยกันกลับแล้ว“ฟองจันทร์กลับพร้อมเฮียนะ”อ้าวนี่พี่หมอพะนายยังไม่กลับอีกเหรอ เมื่อสักครู่นี้เห็นเขาเดินออกไปพร้อมกับพี่คิงแล้วนิ แล้วทำไมเดินกลับมาชวนฉันไปด้วย“อ้าวยังไงวะเนี้ยฟองจันทร์ตกลงคบกับพี่หมอพะนายแล้วเหรอว่ะ”ไอ้แสตมป์สายเผือกเจ้าเดิมกระซิบฉันที่ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ มัน บอกตามตรงนี่ก็งงเหมือนกันค่ะเพื่อน“บะบ้าเปล่าไม่มีไร”ฉันพูดเสียงสั่นๆแก้มเริ่มร้อนขึ้นมาเมื่อพี่หมอเดินมาหยุดที่ตรงหน้าฉัน แล้วเขาก็แย่งกระเป๋าในมือฉันไปถือ“วันนี้พี่จะไปส่งเพื่อนพวกน้องเองนะ” แล้วหันไปพูดกับแสตมป์และติวเตอร์“ตามสบายเลยครับพี่!”ไอ้แสตมป์มันพูดอย่างเต็มใจ แล้วยังพลักฉันไปชนกับพี่หมอพะนายจนหน้าฉันไปชนหน้าอกพี่เขาเลย ไอ้เพื่อนอสรพิษนี้มันไม่คิดจะห่วงฉันบ้างเลยเหรอ ห้ามกันบ้างนี่เพื่อนสวย
“อย่ามาล้อฟองเล่นนะคะพี่หมอพะนาย” พี่หมอพะนายขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉัน แล้วจับตัวฉันไว้ไม่ให้ขยับหนีเขา“จริงจังครับ!” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคำพูดจริงๆ แล้วเขาก็ก้มหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบฉัน“โอ๊ย!” หน้าพี่หมอพะนายทิ่มลงกับโซฟาอย่างเต็มๆ แรงที่เขาตั้งใจจะจูบฉันเพราะไอ้ฟองคนนี้ดันหลบทันอย่างหวุดหวิด“ฟะฟองขอโทษพะพี่หมอเจ็บมากไหม” พี่หมอพะนายเงยหน้าขึ้นมาจากบนโซฟา จมูกของเขาแดงมากเลยทีเดียวสงสัยจะเจ็บอยู่ไม่น้อย“เฮียโอเค ยัยตัวแสบ” เขาพูดอย่างเข็นเขี้ยวเหมือนอยากจะเอาคืนฉันแต่ระงับอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่“หาว!ฟองง่วงนอนอีกแล้ว” ฉันทำท่าหาวประกอบให้เขาคิดว่าฉันง่วงนอนจริงๆ เพราะกลัวเขาจะทำอะไรฉันเหมือนเมื่อสักครู่ถึงฉันจะชอบเขาเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าผู้ชายที่หล่อ เรียนหมอ แถมบ้านรวยมากจะมาจริงจังกับเด็กต่างจังหวัดอย่างฉันจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ถ้าเกิดมีอะไรเกินเลยทั้งที่ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอกันจริงๆ และแน่ใจว่าเขาจะจริงจังและจริงใจกับเรา ถ้าเขาแค่มาเล่นๆ จะไม่เสียตัวฟรีหรือยังไง“งั้นวันนี้เฮียกลับห้องก่อน แต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเฮียจะเริ่มจีบเราอย่างจริงจัง เตรียมตัวไว้นะ”ณ.ห้องหมอพ
หลังจากที่ฉันไปซื้อข้าวมันไก่ไม่เอาหนังไก่มาให้พี่หมอพะนายแล้วเขาก็กินข้าวที่ฉันซื้อมาอย่างรีบๆ“พี่หมอพะนายมีเรียนต่อตอนบ่ายโมงเหรอคะดูรีบๆ”ฉันถามเขาแล้วก็คีบก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกินต่อ“ครับ พอดีตอนบ่ายมีแล็บ ต้องเข้าห้องก่อนเวลา10นาทีเพื่อเช็กอุปกรณ์ต่างๆ” แล้วเขาก็รีบกินข้าวต่อให้หมดจานไม่ถึง สิบนาทีด้วยซ้ำ กินเร็วมาก“อ่อๆค่ะ ฟองว่านะพี่หมอพะนายไม่น่าจะมากินข้าวไกลถึงคณะวิศวะเลยน่าจะกินที่คณะแพทย์”“ไม่ได้หรอกต้องรีบทำคะแนนครับ เดี๋ยวหนูฟองก็ได้เป็นดาวคณะแล้วเฮียต้องรีบประกาศตัวเป็นแฟนของเรา ก่อนที่จะมีผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับหนูฟองของเฮีย”ประโยคที่ฟังดูห่ามๆ และน้ำเสียงที่ใช้พูดดูเหมือนจะติดแข็งๆ ตรงคำว่าผู้ชายคนอื่น ท่าทางเหมือนเด็กหวงของเล่นที่เขาชอบแต่ทำไมเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากำลังหลงรักฉันอย่างหัวปรักหัวปรัม ดูแล้วน่ารักจนเหมือนฉันจะชอบพี่หมอพะนายมากขึ้นทุกวันแล้ว พี่หมอพะนายเล่นเสน่ห์ยาแฝดใส่ฉันหรืออย่างไรกัน“เหลือเวลาอีก20นาทีก่อนบ่ายโมงเฮียรีบไปก่อนนะหนูฟอง ตอนเย็นเฮียจะไลน์มาถามว่าเราเลิกกี่โมงแล้วจะมารับที่คณะ”“ค่ะ!ไม่ต้องรีบมากขับรถระวังๆ ด้วยนะคะพี่หมอพะนาย”พี่หมอพะนายเข
“เอ่อ…ฟะฟองวะว่ามันเร็วไปนะคะพี่หมอพะนาย”ตอนนี้ฉันได้แต่ก้มหน้าพูดโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับเขา“เฮียคิดว่าเวลาไม่ใช้สิ่งสำคัญหรอกนะครับ ขอแค่ให้ใจของหนูฟองตรงกับใจของเฮียก็พอแล้ว หรือหนูฟองไม่ได้ชอบเฮีย!”เขาพูดประโยคสุดท้ายจบ พี่หมอพะนายก็กอดรัดเอวฉันแน่นขึ้นจนรู้สึกอึดอัด“ไม่ใช่ว่าฟองไม่ได้ชอบพี่หมอพะนายนะคะ แต่ฟองแค่คิดว่าเราสองคนควรที่จะลองศึกษานิสัยใจคอของกันและกันจริงๆ ซะก่อน เผื่อวันหนึ่งพี่หมอรู้จักนิสัยที่แท้จริงของฟองพี่หมออาจจะเลิกชอบฟองไปเลยก็ได้ใครจะรู้”ฉันกำลังพูดตามที่ใจคิดเพราะว่าการที่เราจะรักใครคบใคร เราก็ควรจะรักเขาที่เป็นตัวตนของเขาจริงไม่ใช่แค่รู้จักเขาแค่ผิวเผลอแล้วคิดว่านั้นคือนิสัยจริงๆ ของเขา บางทีถ้าเรารู้จักนิสัยจริงๆ เราอาจรับตัวเขาไม่ได้หรือเขานั่นแหละที่จะรับเราที่เป็นแบบนั้นไม่ได้“ใครสอนให้พูดประโยคที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวขนาดนี้หะ ยัยขี้เมาของเฮีย”เขาโยกตัวของฉันที่นั่งอยู่บนตักของเขาไปมาเบาๆ แถมขำหึๆ ในลำคอเหมือนเรื่องที่ฉันกำลังพูดกับเขาเป็นเรื่องที่ตลกมาก“นี่พี่หมอ ฟองจริงจังอยู่นะ”ฉันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาที่เขาทำเหมือนไม่ได้สนใจกับเหตุผลของฉัน
เชี้ยแล้วไหมล่ะ! อีกสิบนาทีอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว แต่ผมยังยืนรอข้ามถนนอยู่สี่แยกหน้าโรงอาหารกลางมหาลัยอยู่เลย!ความวุ่นวายเวลาเปลี่ยนคาบเรียนซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนในมหาลัยของผมเลยเถอะ เพราะด้วยเป็นมหาลัยชื่อดังของประเทศทำให้คนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนเก่งและบ้านรวยแต่นั้นเหมือนจะไม่ใช้ประเด็นแต่มันก็คือประเด็นนะครับทุกคน! เพราะไอ้บ้านรวยมันเลยมีรถขับกันแทบทุกคน พอเวลาเปลี่ยนคาบเรียนรถมันเลยติดยิ่งกว่าสี่แยกกลางห้างดังชะอีก!แล้วไอ้ฟองแม้งดันโทรมาอ้อนวอนให้ผมไปซื้อลูกชิ้นทอดเจ้าดังของมอที่โรงอาหารกลางให้มันเพราะผมต้องมาถ่ายเอกสารให้เพื่อนๆในสาขาในฐานะประธานสาขา แล้วไอ้เพื่อนสาวจอมตะกละมันก็ดันเห็นเพื่อนโพสในเฟสบุ๊คเซ็คอินร้านดังกล่าว ภาระเลยมาตกที่ผม!ปรี๊ด! ปรี๊ด! ปรี๊ด!เสียงบีบแตรดังลั้นมาจากรถหรูที่จอดเทียบฟุตบาตตรงหน้าผมที่ยืนรอข้ามถนนพร้อมกับบ่นให้เพื่อนอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว!“อะไรวะ! ผมไม่ได้จะข้ามถนนตัดหน้ารถคุณนะครับ! มองเห็นอยู่ก็ยังไม่ได้ข้ามไง!”ผมตะโกนใส่เจ้าของรถหรูที่ติดฟิล์มหนาจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจ้าของรถที่อยู่ภายในรถคันหรูสัญชาติยุโรปราคาหลักล้
ห้องหอ...หลังจากที่ผู้ใหญ่ให้พรคู่บ่าวสาวแล้ว พวกท่านก็กลับออกไป ปล่อยให้คู่สามีภรรยาป้ายแดงเข้าหอกัน...“หนูฟองมาใกล้ๆครับเดี๋ยวเฮียจะแกะผมช่วย”ใบหน้าหล่อเหลายิ้มขำภรรยาสาวของเขาที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดลำคานและดึงทึ่งผมตัวเองอยู่กับจำนวนกิ๊บดำหนีบผมจำนวนมากที่อยู่บนหัวของเธอโดยฝีมือของช่างทำผมที่เนรมิตให้ทรงผมของเจ้าสาวออกมาสวยงาม แต่พอเธอจะต้องแกะมันออกกับต้องจัดการมันด้วยตัวเองคนเดียว!“เฮียด้านหลังก็มี”ฉันบอกพี่หมอให้เขาเอากิ๊บดำออกจากผมให้เพราะเอื้อมมือไปแกะเองไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้จะตีสองอยู่แล้วแต่ฉันกับเขายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย หน้าผมและชุดของเจ้าสาวที่สวยอลังการ พอจะต้องถอดมันออกจากร่างกายกับเป็นภาระอันใหญ่หลวงชะงั้น!“ครับๆหนูฟองหึๆ” เขายิ้มขำฉัน ที่สะบัดหน้าอย่างงอนๆใส่เขา“ยังจะมาขำฟองอีกนะเฮีย! รู้ไหมว่าฟองง่วงและเหนื่อยมากอยากจะนอนเต็มแก่แล้วนะคะเฮีย”พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนแรงพลังงานที่ใช้ไปกับงานแต่งงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนไม่ใช้เรื่องง่ายๆสำหรับไอ้ฟองเลยจริงๆ“ไม่ขำก็ได้ครับที่รัก โอ๋ๆอย่างอนเฮียนะคนสวย”เขาดึงแก้มของฉันอย่างคนหมั่นเขี้ยว“โอ้ย!เฮียเบาๆหน่อยสิค
4 ปีต่อมา...“ไอ้ฟองรีบวิ่งหน่อย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปรวมของสาขานะโว้ย!”ไอ้ติวเตอร์ตะโกนเรียกฉันที่กำลังรีบเดินให้ทันเพื่อน ฉันวิ่งหอบดอกไม้ ตุ๊กตา ที่เพื่อนๆน้องๆนำมาแสดงความยินดีด้วยความพะรุงพะรังภาพเหมือนวันแรกที่ฉันรับน้องตอนปีหนึ่งเลย ต่างกันแค่วันนี้เป็นวันรับปริญญาของฉัน“รู้แล้วโว้ย! เพื่อนขาสั้นทำไมชอบเร่งกันจังเลยวะ!?”เสียงหวานโวยวายจนเพื่อนๆต่างพากันหันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียวฉันยืนหอบอยู่ข้างไอ้แสตมป์ ที่อยู่ๆมันก็ยื่นแก้วชาเขียวเย็นมาให้ฉัน“ขอบใจมากนะเพื่อน!” ฉันดูดชาเขียวเย็นด้วยความกระหายเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของวันรับปริญญาของมหาลัย ที่ทุกคนต่างมีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีด้วย ผู้คนที่เยอะกว่าวันปกติจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้“อ๊ะ ขอบใจมากไอ้แสตมป์!”ฉันยัดแก้วชาเขียวเย็นคืนให้เพื่อน แต่มันกับจับมือของฉันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รับดอกกุหลาบช่อนี้ของเฮียหน่อยนะครับ”พี่หมอยื่นกุหลาบสีแดงช่อโตมาตรงหน้าฉัน ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งมองเขา ก่อนที่จะรับดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้ในอ้อมแขน“…”“หนูฟองครับ เราสองคนคบกันมา 4 ปีแล้วนะครับ เฮียคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว...”อ้าวเฮ้ยไอ้แสตมป
ใช่เหรอคะ!? แต่เมื่อคืนฉันเห็นบางคนแถวนี่รีบเอารถออกขับพาพะนายมาโรงพยาบาลเลยนะลูก!”แม่ของฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อพวกเราสองแม่ลูกยืนแอบฟังพวกเขาสองคนคุยกันอยู่ประตูหน้าห้อง...“อะแฮ่มใครไม่มี๊ คุณก็พูดไปเรื่อย ผมหิวข้าวมากๆเลยมีอะไรกินบ้างเนี้ย!”ป๊าทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้ามาหาม๊าที่ถือถุงอาหารเต็มสองมือจากตลาดใกล้ๆโรงพยาบาล“จ๊ะ! หิวก็หิว” ม๊าส่ายหน้าอย่างเอิ่มระอากับสามีตัวเองฮ่าๆ“พี่หมอเป็นยังไงบ้างคะ ยังมีอาการปวดหัวอยู่ไหนคะ”ฉันวางผลไม้สดที่ให้แม่ค้าปลอกเปลือกให้แล้วใส่จานเตรียมป้อนร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“ดีขึ้นมากแล้วครับหนูฟอง”เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน มองไปทางป๊า เมื่อเห็นว่าป๊าไม่ได้สนใจพวกเรา เขาก็ส่งสายตาอ้อนให้ฉันตักผลไม้สดให้เขาท่าน“ฟองก็จะป้อนเฮียอยู่นี่ไงคะ ไม่ได้จะซื้อมากินเองชะหน่อยฮ่าๆ”ฉันหัวเราะเมื่อคิดว่าคนเจ็บจะคิดกลัวว่าไอ้ฟองจอมตะกละจะแย้งของกินหมด“เชื่อได้เหรอ ทุกวันนี้เฮียก็ผอมจนจะไม่มีแรงอยู่แล้ว เพราะโดนเมียแย้งของกิน!”ประโยคสุดท้ายเขาก้มกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่เราสองคน“พูดไม่เพราะเลย เดี๋ยวฟองจะฟ้องป๊าให้จัดการเฮียอีกนะ!”
“เฮียเป็นไงบ้างคะ บาดเจ็บตรงไหนไหม!?”ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เขย่าแขนเขาอย่างดีใจเมื่อเห็นเขาปลอดภัย...“โอ๊ย!!! หนูฟองเบาๆครับเฮียโดนยิงเสียดๆที่แขน ทีแรกก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่โดนแรงเขย่าจากเราไปก็เริ่มปวดแผลขึ้นมาเลย!”เขาโดนยิงจริงๆ!!! ฉันปล่อยมือจากแขนของพี่หมอ มองไปที่เลือดที่กำลังไหลออกมาจากบาดแผลด้วยความตกใจ น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตก!สีหน้าของเขาดูซีดกว่าตอนเย็นที่โดนป๊าแกล้งมาชะอีก!!! แต่แล้วอยู่ๆร่างสูงก็หมดสติลงต่อหน้าฉันและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นแต่ฉันเหมือนคนกำลังช็อค สติลอยออกจากตัว มองเหตุการณ์ด้วยความมึนงง แต่รู้สึกได้ว่าน้ำตามากมายไหลออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น!หน้าห้องฉุกเฉิน“ฟองจันทร์!!!”ป๊าเขย่าตัวฉันแรงมากและตะโกนเสียงดังเพื่อให้ฉันได้สติ หลังจากที่ขึ้นรถจากบ้านมาโรงพยาบาลฉันก็เอาแต่ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน“ปะป๊าฮึก! เขาจะเป็นอะไรมากไหม!?” ฉันโผล่เข้ากอดพ่อตัวเองเอาไว้แน่น“ไม่ต้องห่วงมันไม่ทิ้งหนูหรอกลูก ยังไงมันก็ต้องฟื้นขึ้นมาหาฟองเชื่อป๊านะไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน ยืน
บ้านฟองจันทร์เวลา 17.00 นาทีวันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะด้วยความร้อนใจเป็นห่วงพี่หมอ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรับมือกับการโดนป๊าและพี่ชายของฉันแกล้งไหวไหม“ฟอง! ลูกเลิกเดินไปเดินมาได้แล้ว ม๊าเวียนหัวเดี่ยวป๊าก็จะถึงบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเชื่อม๊า นั่งลงได้แล้ว!”ตอนนี้ฉันกับม๊านั่งรอพ่อของฉันที่กำลังจะกลับมาถึงบ้าน...“วันนี้ทั้งวันฟองโทรหาเฮียหมอทั้งวัน แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์หนูเลยนะคะม๊า หนูกลัวว่าจะมีเรื่องไม่มีเกิดขึ้นกับเขา”ฉันยอมนั่งลงโซฟาแล้วเล่าถึงความกังวลของตัวเองให้ม๊าฟัง“เชื่อม๊านะลูก ถึงป๊าจะเป็นคนดุยังไงแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้หมอพะนายเขาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกหรอกนะลูก”ม๊าจับมือของฉันอย่างปลอบโยน แววตาของท่านมองฉันด้วยความห่วงใย จนฉันต้องฝืนยิ้มให้ท่าน“มาแล้ว!!!”เสียงป๊าดังเข้ามาก่อนที่ตัวของท่านจะเดินเข้ามาถึงภายในห้องรับแขก แล้วป๊าก็มาถึงห้องรับแขกพร้อมกับเอ่อ...“เฮียหมอ!!!”ฉันตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นปิดปาก ซึ่งอาการของม๊าก็ไม่แตกต่างไปจากฉันมากนักเพราะท่านก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเช่นกัน“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้
วันนี้พี่หมอออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่เขานอนดูอาการต่ออีกสองคืนคุณหมอถึงจะอนุญาตให้เขากลับบ้านได้“มึงหายดีแล้วจริงๆนะไอ้พะนาย!?”พี่หมอเจมส์ถามพี่หมอด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่!น้ำเสียงที่ใช้ติดจะไปทางประชดชะมากกว่า“เอ่อ! กูหายดีแล้วครับเพื่อน”สีหน้าของคนเจ็บ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะต้องนอนโรงพยาบาลถึงสามคืน แค่โดนซ้อมอาการของเขาไม่ได้ถึงปานตายชะหน่อย แต่ทำไมคุณหมอถึงให้นอนตั้งสามคืน ฉันก็ได้แต่สงสัยและคอยจับผิดร่างสูง สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ...“ใช่สินะมีแฟนมานอนเฝ้าทุกคืน กูว่าใจจริงมึงอยากป่วยสักหนึ่งปีหรือเปล่าวะไอ้พะนาย!?”คำพูดประชดกันไปมาตามปะสาเพื่อนของพวกเขาทำเอาฉันที่พึ่งเก็บของเสร็จถึงกับแอบกรอกตา ชอบทะเลาะกันแต่ยังครบกันมิตรภาพของพวกเขานี่ชั่งยากจะเข้าใจจริงๆ“ความคิดเข้าท่าวะไอ้เจมส์” พี่หมอทำหน้าตาเหมือนคนกำลังคิดอะไรดีๆได้ขึ้นมา“กูประชดนะครับเพื่อน รีบไปกันเถอะเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเครื่องจะขึ้นแล้วเดี่ยวจะตกเครื่องกัน”วันนี้พวกเขาจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนเรื่องของเราก็เหมือนจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตกลงว่าจะกับมาคบเป็นแฟนกับเขาที ถึงปากบอกไม่ตกลงแต่ก
เวลา 08.00 นาทีฉันที่กำลังนั่งซบใบหน้าหลับอยู่รู้สึกถึงแรงเขย่าเหมือนมีคนปลุก“อืมมมม”ฉันทำเสียงอืมขานรับแรงเขย่าแล้วกระพริบตาถี่ๆอย่างคนมึนปนง่วงเพราะพึ่งจะเผลอหลับไปประมาณหกโมงเช้า…“ขอน้ำหน่อยครับหนูฟอง เฮียรู้สึกคอแห้งมากๆ...”เสียงแผ่วเบาจากคนเจ็บ ทำให้อาการง่วงของฉันหายเป็นปิดทิ้ง...“เอ่อ!ได้ๆค่ะเฮีย”ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อรินน้ำให้กับคนเจ็บดื่ม พอพี่หมอรับน้ำจากแก้วไปดื่มจนหมดแก้วเขาก็ส่งแก้วเปล่าคืนมาให้ฉัน“นี่เฮียมาอยู่ที่โรคพยาบาลได้ยังไงครับ”เสียงที่ยังแผ่วเบาของเขาถามฉันที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่กับที ไม่รู้ว่าควรไปเรียกหมอมาเช็คอาการของเขาหรือตอบคำถามเขาก่อนดี“ฟอง เฮียแบงค์ พี่หมอเจมส์ และไอ้ติวเตอร์เป็นคนพาพี่หมอมาส่งที่โรงพยาบาลคะ เดี๋ยวฟองไปเรียกหมอมาดูอาการเฮียก่อนนะคะ!” พอตอบคำถามพี่หมอเสร็จ ฉันทำท่าจะเดินไปเรียกหมอ...“เดียวก่อนครับ!”เขารั้นมือของฉันเอาไว้แน่น ฉันก้มลงมองมือของเขาที่กุมมือของฉันไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากคนเจ็บบนเตียง“เฮียอยากได้อะไรอีกเหรอคะ!?” ฉันมองเขาอย่างเป็นคำถาม“เฮียไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละครับ แค่อยากคุยกับหนูฟองก่อน”เขาพูด
ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงบนพื้น ตาของเขาค่อยๆหลับลง ฉันพยายามสะบัดตัวออกจากเพื่อนพี่ชายที่จับตัวของฉันเอาไว้“กรี๊ดดดดดดดดดด ฮึก!ฮื่ออออ เฮียอย่าเป็นอะไรนะ! ตอบฟองหน่อยอย่าหลับตานะ”พอฉันกรี๊ดร้องพร้อมกับร้องไห้หนักขึ้นเพื่อนพี่ชายของฉันปล่อยตัวฉันอย่างตกใจแต่ร่างสูงก็หมดสติลง ถึงแม้ฉันจะกอดร่างของเขาพร้อมเขย่าเพื่อเรียกสติ ความกลัววิ่งเข้ามาในใจของฉันกลัวว่าเขาจะจากไปไม่มีวันกลับมาครั้งล่าสุดความกลัวมันไม่ได้มากเท่ากับตอนนี้ที่เขาสลบไปพร้อมกับหน้าตาเต็มไปด้วยรอบพกซ้ำและเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากบาดแผล!“เอ่อ! ฟองเฮียว่าพามันไปโรงพยาบาลเถอะ อย่ามัวแต่ร้องไห้เดี่ยวมันได้ตายจริงๆหรอก!”เฮียแบงค์จับที่บ่าของฉันที่เอาแต่ร้องไห้โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่ยืนอยู่“รถๆเฮียแบงค์ไปเอารถมาเร็วๆ ฮึก! ฮื่อ!”ฉันพูดไปร้องไห้ไปกลัวว่าพี่หมอจะเจ็บหนัก อาการโกรธของพี่ชายของฉันดูจะลดน้อยลงเมื่อเขารีบไปเอารถมาพาพี่หมอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบโรงพยาบาลหลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าผับ จนพาพี่หมอมาถึงโรงพยาบาลผ่านพ้นไป ฉันก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ยอมไปไหน...“ฟอง ดื่มน้ำกับกินขนมปังนี่หน่อยเฮียไป