“อย่ามาล้อฟองเล่นนะคะพี่หมอพะนาย” พี่หมอพะนายขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉัน แล้วจับตัวฉันไว้ไม่ให้ขยับหนีเขา
“จริงจังครับ!” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคำพูดจริงๆ แล้วเขาก็ก้มหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบฉัน
“โอ๊ย!” หน้าพี่หมอพะนายทิ่มลงกับโซฟาอย่างเต็มๆ แรงที่เขาตั้งใจจะจูบฉันเพราะไอ้ฟองคนนี้ดันหลบทันอย่างหวุดหวิด
“ฟะฟองขอโทษพะพี่หมอเจ็บมากไหม” พี่หมอพะนายเงยหน้าขึ้นมาจากบนโซฟา จมูกของเขาแดงมากเลยทีเดียวสงสัยจะเจ็บอยู่ไม่น้อย
“เฮียโอเค ยัยตัวแสบ” เขาพูดอย่างเข็นเขี้ยวเหมือนอยากจะเอาคืนฉันแต่ระงับอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่
“หาว!ฟองง่วงนอนอีกแล้ว” ฉันทำท่าหาวประกอบให้เขาคิดว่าฉันง่วงนอนจริงๆ เพราะกลัวเขาจะทำอะไรฉันเหมือนเมื่อสักครู่ถึงฉันจะชอบเขาเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าผู้ชายที่หล่อ เรียนหมอ แถมบ้านรวยมากจะมาจริงจังกับเด็กต่างจังหวัดอย่างฉันจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้
ถ้าเกิดมีอะไรเกินเลยทั้งที่ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอกันจริงๆ และแน่ใจว่าเขาจะจริงจังและจริงใจกับเรา ถ้าเขาแค่มาเล่นๆ จะไม่เสียตัวฟรีหรือยังไง
“งั้นวันนี้เฮียกลับห้องก่อน แต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเฮียจะเริ่มจีบเราอย่างจริงจัง เตรียมตัวไว้นะ”
ณ.ห้องหมอพะนาย
ยัยตัวแสบของผมทำผมไว้แสบจริงๆ ปกติถ้าผมทำท่าจะจูบ ไม่สิผมไม่ต้องทำอะไรผู้หญิงคนอื่นก็พร้อมจะพลีกายให้ผมแล้วแต่หนูฟองของผมนี่จัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนแบบที่ผ่านๆ มาของผมจริงๆ สมแล้วที่ผมรู้สึกอยากจะจีบและครบกับเธอเป็นแฟนอย่างจริงจังหลังจากที่ไม่ได้คบใครเป็นแฟนมา5ปี
ณ.โรงอาหารกลางคณะวิศวกรรม
อีกสองวันก็จะถึงวันประกวดดาวเดือนคณะวิศวกรรม เกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาฟองจันทร์บอกเลยเป็นอาทิตย์แห่งนรกอเวจีสำหรับฟองจันทร์คนนี้จริงๆ เพราะทั้งซ้อมละครอีกทั้งยังต้องไปซ้อมเดินกับพี่ๆ ฝึกสอนดาวเดือนวิศวะและมีสอบควิซเก็บคะแนนก่อนเรียนมีเรื่องให้ทำเยอะแยะไปหมดเลยจนแทบจะไม่ได้คุยกับพี่หมอพะนายที่โทรเข้ามาหาและถ้าวันไหนเขานอนที่คอนโดที่เดียวกันกับฉันเขาก็จะมาหาที่ห้อง แต่ฉันก็จะยุ่งจนทำให้เขาไม่กล้ารบกวนนานๆ
“นี่ฟองจันทร์ การบ้านแคลข้อนี้ทำไมตอบแบบนี้ นิดไม่เข้าใจช่วยอธิบายให้ฟังก่อนได้ไหม” ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่โต๊ะที่โรงอาหารของคณะกำลังจะไปซื้อข้าวเที้ยงมากินกับเพื่อนๆ และคาบต่อไปมีควิซเก็บคะแนนแคลก่อนเข้าเรียน เพื่อนๆ เลยต้องเอาโจทย์ขึ้นมาทำเพื่อทบทวนก่อนสอบเพราะควิซแคลจะเป็นวิธีทำทั้งหมด จึงค่อนข้างที่จะยากและต้องหัดทำบ่อยถึงจะทำได้
“ได้ๆ ไม่มีปัญหาเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมง” จากนั้นฉันกับนิดหน่อยก็เอาโจทย์ขึ้นมาดูแล้วทำและอธิบายให้นิดหน่อยดูไปพร้อมๆ กันเลยจะได้ฝึกไปพร้อมในตัว
“ฟองจันทร์ข้อนี้ฉันไม่เข้าใจว่ะ” ติวเตอร์ที่นั่งทำๆ การบ้านอยู่เหมือนกันเงยหน้าจากสมุดมาถามฉัน
“ไหนๆ อ่อข้อเดียวกับนิดหน่อยกำลังอธิบายอยู่เนี้ยมานั่งฝั่งนี้เดี๋ยวเริ่มอธิบายใหม่อีกรอบ” จากนั้นพวกเราก็ทำโจทย์อยู่เกือบชั่วโมงจนคิดว่าเข้าใจแล้ว
“ปะไปซื้อข้าว” ติวเตอร์ที่เก็บสมุดใส่กระเป๋าเป้ของมันแล้วชวนพวกเราที่นั่งอยู่ตอนนี้ ที่ประกอบด้วย ฉัน แสตมป์ นิดหน่อย ป๋องแป้ง บิ๊ก
“ไปไปกัน” หลังจากเปิดเทอมมาจะหนึ่งเดือนอยู่แล้วฉัน พิสูตรได้ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่นี่อร่อยมาก
“แกจะกินอะไรฟองจันทร์” แสตมป์ที่เดินมองร้านนั้นร้านนี้อยู่หันมาถามฉันที่เดินตามหลังมา
“ฟองอยากกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระร้านป้านิ่ม” ฉันเล็งร้านไว้แล้วและกำลังจะเดินไปต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ตอนนี้แถวยังไม่ค่อยยาว
“อีกแล้วเหรอว่ะฟองจันทร์ กินทุกวันไม่เบื่อบ้างเลยเหรอวะ” แสตมป์บ่นฉัน ก็มันอร่อยที่สุดแล้วนิไม่เห็นแปลกที่จะกินบ่อยๆ
“ทีแกลากฉันกับติวเตอร์ไปกิน เอ็มเคทุกวันยังกินได้เลยทำมาเป็นว่าฉัน!”
“อ้าวก็คนมันชอบนี้หว่า” แสตมป์มันยักไหล่แล้วเดินไปร้านข้าวที่อยู่ข้างๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวในขณะที่ฉันกำลังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวไก่มะระเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นความหิวกำลังบังตา
“หนูฟอง!”
“แครกๆ อ้วก!” พุ่งไปข้างหน้าเต็มๆ โดนหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันพอดิบพอดี และคนที่รับกรรมไปเต็มคำก็คือไอ้แสตมป์เพื่อนรัก
“เฮ้ยฟองจันทร์ทำอะไรเนี้ยสกปรกหมดแล้ว” แสตมป์กระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที สีหน้ามันตอนนี้เหมือนคนกำลังจะร้องไห้อย่างคับแค้นใจมาก!
“ขอโทษนะแสตมป์ฟองไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ฉันถึงกับยกมือขึ้นไหว้แสตมป์เลยทีเดียว สภาพแสตมป์ตอนนี้มีทั้งเส้นทั้งผักและน้ำลาย
“หนูฟองเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่หมอพะนายที่ยืนอยู่ข้างๆ เก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่จับไม้จับมือฉันขึ้นมาดูด้วยสีหน้ากังกล
“พี่หมอพะนายควรจะถามประโยคนั้นกับผมมากกว่านะ” ตอนนี้แสตมป์กำลังเอาผ้าเช็ดหน้าที่นิดหน่อยยื่นให้แล้วเอาน้ำเทใส่ผ้ามาเช็ดเศษอาหารออกจากใบหน้าอย่างขยะแขยงสุดๆ ฟองจันทร์คนนี้ไม่ใช่ตัวเชื้อโรคชะหน่อยทำไมต้องทำท่าทางรังเกียจกันขนาดนั้น
“หึโทษทีนะแสตมป์ ที่พี่เรียกหนูฟองเสียงดังจนทำให้หนูฟองตกใจแสตมป์เลยซวยไปด้วย”
“ไม่เป็นไรมากหรอกครับ ผมจะเก็บไว้คิดบัญชีแค้นกับฟองจันทร์ทีหลัง” แสตมป์ส่งสายตามาดร้ายมาให้ฉันแล้วขอตัวจากทุกคนไปเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าให้สะอาด
หลังจากแสตมป์ไปเข้าห้องน้ำฉันก็หันไปสำรวจตัวต้นเหตุของอุบัติเหตุที่เป็นความไม่ได้ตั้งใจของฉัน แต่เขาตั้งใจเรียกฉันเสียงดังตอนนี้พี่หมอพะนายอยู่ในเสื้อกาวเหมือนพึ่งไปเรียนเสร็จมาและกลายเป็นจุดเด่นทำให้สาวๆ วิศวะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่หันมามองเขากันใหญ่เลย ฮอตจังเลยนะคะพี่หมอ
“เฮียมากินข้าวกับหนูฟอง” พี่หมอพะนายที่นั่งลงเก้าอี้ข้างๆ ฉันที่ว่างอยู่พอดี แล้วหันมายิ้มหวานให้ฉันอย่างประจบ เพราะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อนโดนไอ้แสตมป์อาฆาตร้าย
“ซิ!แล้วไม่มีเรียนต่อเหรอคะทำไมมากินข้าวซะไกลจากคณะแพทย์เชียว” ว่าจะทำเป็นโกรธเขาแล้วแต่พอเห็นรอยยิ้มกระชากใจของเขาแล้วโกรธไม่ลงเลย
“ก็เฮียอยากเห็นหน้าหนูฟอง เมื่อคืนเฮียก็ไม่ได้นอนคอนโดได้ยินแต่เสียงเราอยากเห็นหน้าอยาก สัมผัสแบบนี้ๆ” พี่หมอพะนายเล่นบีบแก้มฉันทั้งสองข้างแล้วโยกเบาๆ อย่างกับเขามันเขี้ยวฉัน เหมือนไอ้ฟองคนนี้เป็นเด็กๆ ไปได้
“โอ๊ยเจ็บนะ” ฉันแกล้งโอดครวญเพราะอายสายตาผู้คนในโรงอาหารที่กำลังมองมาทางเราด้วยสายตาที่หลากหลายอารมณ์แต่ที่แน่ๆ ต้องมีคนเอาฉันไปเมาส์ทั่วคณะแน่ว่าฟองจันทร์ดาวสาขาเครื่องกลนั่งจีบกันกับรุ่นพี่คณะแพทย์กลางโรงอาคารคณะ โอ๊ยอยากจะแทรกแผ่นดินหนีชื่อเสียงต้องดังตั้งแต่ยังไม่ทันได้เป็นดาวคณะแน่งานนี้
“เจ็บเหรอพะพี่ขอโทษ” พี่หมอพะนายทำหน้ากังวลอีกรอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่หมอจะกินข้าวอะไรคะเดี๋ยวฟองจะเดินไปซื้อมาให้” ฉันรีบพูดอยากให้เขารีบกินรีบกลับไป ไอ้ฟองเขินจนไม่รู้ว่าแก้มจะแดงไปถึงไหนแล้วน่าอายมากด้วย
.............................................................................................................
จบบทแล้วเม้นให้กำลังใจไรท์หน่อยนะถ้าใครหลงกลเข้ามาอ่าน
หลังจากที่ฉันไปซื้อข้าวมันไก่ไม่เอาหนังไก่มาให้พี่หมอพะนายแล้วเขาก็กินข้าวที่ฉันซื้อมาอย่างรีบๆ“พี่หมอพะนายมีเรียนต่อตอนบ่ายโมงเหรอคะดูรีบๆ”ฉันถามเขาแล้วก็คีบก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกินต่อ“ครับ พอดีตอนบ่ายมีแล็บ ต้องเข้าห้องก่อนเวลา10นาทีเพื่อเช็กอุปกรณ์ต่างๆ” แล้วเขาก็รีบกินข้าวต่อให้หมดจานไม่ถึง สิบนาทีด้วยซ้ำ กินเร็วมาก“อ่อๆค่ะ ฟองว่านะพี่หมอพะนายไม่น่าจะมากินข้าวไกลถึงคณะวิศวะเลยน่าจะกินที่คณะแพทย์”“ไม่ได้หรอกต้องรีบทำคะแนนครับ เดี๋ยวหนูฟองก็ได้เป็นดาวคณะแล้วเฮียต้องรีบประกาศตัวเป็นแฟนของเรา ก่อนที่จะมีผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับหนูฟองของเฮีย”ประโยคที่ฟังดูห่ามๆ และน้ำเสียงที่ใช้พูดดูเหมือนจะติดแข็งๆ ตรงคำว่าผู้ชายคนอื่น ท่าทางเหมือนเด็กหวงของเล่นที่เขาชอบแต่ทำไมเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากำลังหลงรักฉันอย่างหัวปรักหัวปรัม ดูแล้วน่ารักจนเหมือนฉันจะชอบพี่หมอพะนายมากขึ้นทุกวันแล้ว พี่หมอพะนายเล่นเสน่ห์ยาแฝดใส่ฉันหรืออย่างไรกัน“เหลือเวลาอีก20นาทีก่อนบ่ายโมงเฮียรีบไปก่อนนะหนูฟอง ตอนเย็นเฮียจะไลน์มาถามว่าเราเลิกกี่โมงแล้วจะมารับที่คณะ”“ค่ะ!ไม่ต้องรีบมากขับรถระวังๆ ด้วยนะคะพี่หมอพะนาย”พี่หมอพะนายเข
“เอ่อ…ฟะฟองวะว่ามันเร็วไปนะคะพี่หมอพะนาย”ตอนนี้ฉันได้แต่ก้มหน้าพูดโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับเขา“เฮียคิดว่าเวลาไม่ใช้สิ่งสำคัญหรอกนะครับ ขอแค่ให้ใจของหนูฟองตรงกับใจของเฮียก็พอแล้ว หรือหนูฟองไม่ได้ชอบเฮีย!”เขาพูดประโยคสุดท้ายจบ พี่หมอพะนายก็กอดรัดเอวฉันแน่นขึ้นจนรู้สึกอึดอัด“ไม่ใช่ว่าฟองไม่ได้ชอบพี่หมอพะนายนะคะ แต่ฟองแค่คิดว่าเราสองคนควรที่จะลองศึกษานิสัยใจคอของกันและกันจริงๆ ซะก่อน เผื่อวันหนึ่งพี่หมอรู้จักนิสัยที่แท้จริงของฟองพี่หมออาจจะเลิกชอบฟองไปเลยก็ได้ใครจะรู้”ฉันกำลังพูดตามที่ใจคิดเพราะว่าการที่เราจะรักใครคบใคร เราก็ควรจะรักเขาที่เป็นตัวตนของเขาจริงไม่ใช่แค่รู้จักเขาแค่ผิวเผลอแล้วคิดว่านั้นคือนิสัยจริงๆ ของเขา บางทีถ้าเรารู้จักนิสัยจริงๆ เราอาจรับตัวเขาไม่ได้หรือเขานั่นแหละที่จะรับเราที่เป็นแบบนั้นไม่ได้“ใครสอนให้พูดประโยคที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวขนาดนี้หะ ยัยขี้เมาของเฮีย”เขาโยกตัวของฉันที่นั่งอยู่บนตักของเขาไปมาเบาๆ แถมขำหึๆ ในลำคอเหมือนเรื่องที่ฉันกำลังพูดกับเขาเป็นเรื่องที่ตลกมาก“นี่พี่หมอ ฟองจริงจังอยู่นะ”ฉันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาที่เขาทำเหมือนไม่ได้สนใจกับเหตุผลของฉัน
เขาวะว่ายังไงนะ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะมองใครในร้านทั้งสิ้น เขินและอายกว่าอยู่บนเวทีประกวดดาวเดือนคณะชะอีก ทำไมพี่หมอพะนายชอบพูดตรงๆออกมาอย่างนี้“ไอ้ฟองกลับกันเคลียร์บิลเสร็จแล้ว ยืนก้มหน้าหาเศษเหรียญอยู่หรือไงว่ะ”ติวเตอร์เดินมาตบไหล่ของฉันเบาๆเพื่อเรียกสติ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกตัวจากอาการเขินอาย“ปะเปล่าไม่ได้หาอะไรทั้งนั้นแหละไอ้ติวเตอร์”“ไอ้หมอพะนายแกทำอะไรน้องฟองจันทร์ของฉันเปล่าวะ”พี่หมอเจมส์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อย่างคนที่กำลังรู้ทัน ขยิบตาให้ฉันที่กำลังมองหน้าเขาอย่างเก็บอารมณ์เหมือนกับเมื่อสักครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นสักนิด“ไอ้เจมส์เลิกแกล้งล้อเลียนหนูฟองได้แล้ว กลับกันได้แล้ว”ฉันอยากจะหันหน้าไปขอบคุณ พี่หมอพะนายเขามาก แต่สาเหตุที่ทำให้ฉันโดนพี่หมอเจมส์เขาล้อเลียนอยู่แบบนี้ก็เกิดจากเขายังไงละพี่หมอเจมส์หยักไหล่หัวเราะหึในลำคอ แล้วพี่เขาก็เดินไปที่รถของพี่เขาพร้อมกับพี่คิงที่ยิ้มล้อเลียนฉันโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่หันไปสบตากับพี่หมอพะนายอย่างคนที่กำลังรู้ทันกันอย่างดีหลังจากวันนั้นที่ฉันได้ตำแหน่งดาวคณะวิศวะ หลังงานประกวดจบลงและได้ไปกินหมูกระทะหลังมอทำให้ประจักแก่ใจว่าการที่ฉันได้ตำ
“ฟองจันทร์ซ้อมดาวเดือนเสร็จแล้วจะไปไหนต่อไหม พอดีไออยากจะชวนยูไปหาอะไรกิน”ตอนนี้ฉันมาซ้อมการประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย และตอนนี้พวกเราก็ซ้อมกันเสร็จแล้ว“โอเคๆไปห้างใกล้มอนี้ได้ป่ะ ฟองมีการบ้านต้องกลับไปทำนิดหน่อย”ไบเลย์กำลังสะพายกระเป๋าเป้ของเขา แล้วลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจากบริเวณที่ซ้อมดาวเดือนมหาลัย“เอ่อพูดเรื่องการบ้านนี่ก็ใกล้จะสอบมิดเทอมแล้วยูติวแคล1ให้ไอบ้างดิ”“ได้ๆ แล้วเรามาจับกลุ่มอ่านหนังสือด้วยกันอาทิตย์หน้าเป็นไง”“โอเค! ไอจะถือว่ายูสัญญาแล้วห้ามผิดสัญญานะครับ”“ค่ะๆคุณไบเลย์ ฟองสัญญา”“เชิญขึ้นรถได้ครับฟองจันทร์”ไบเลย์กำลังเปิดประตูรถข้างคนขับให้ฉันเข้าไปนั่ง แล้วยิ้มหวานให้ฉันจนตาหยี“ขอบคุณนะ”แล้วไบเลย์ก็อ้อมไปขึ้นรถแล้วขับออกไปห้างสรรพสินค้าตามที่เราคุยกันไว้ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาลัยวันนี้ที่ห้างสรรพสินค้ามีการจัดงานรับสมัครคัดเลือกการประกวดหาดาราหน้าใหม่เพื่อเล่นละครวัยรุ่นของผู้กำกับชื่อดังที่สร้างละครวัยรุ่นที่มีกระแสชื่อดังในปัจจุบัน“ว้าว!ยูสนใจไปสมัครเป็นนักแสดงวัยรุ่นไหม ไอว่ายูน่าจะได้นะฟองจันทร์ไปลองดู” ไบเลย์พยายามดันหลังฉันให้เดินไปโต๊ะรับสมัคร ที่มีวัยรุ
หลังจากที่พี่หมอพะนายเขารีบวิ่งออกไปซื้อยาแก้ปวดประจำเดือนสักพักแล้ว“โอ๊ยเมื่อไหร่จะกลับมาเนี้ยฟองปวดท้องจะตายอยู่แล้วนะพี่หมอ!”ตอนนี้ฉันนอนขดตัวอยู่บนโซฟามือทั้งสองข้างก็กุมท้องเอาไว้ เหงื่อเริ่มออกมาเต็มหน้าแล้ว เป็นวันนั้นของเดือนที่ทรมานที่สุดตั้งแต่เคยเป็นมาเลยนี่มันศึกวันแดงเดือดชัดๆแก๊ก แก๊ก แก๊ก ปัง! เสียงไขกุญแจเข้ามาในห้องอย่างคนที่กำลังเข้ามารีบร้อนรน แล้วเจ้าตัวก็โผล่หน้ามาพร้อมกับถุงยาในมือถุงใหญ่!?“หนูฟองครับยาได้แล้ว เดี๋ยวเฮียไปเอาน้ำมาให้นะ”จากนั้นร่างสูงของพี่หมอพะนายก็ก้าวเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องครัว“อ๊ะรีบกิน เหงื่อออกเต็มหน้าเลยอดทนหน่อยนะครับกินยาแล้วเดี๋ยวก็หาย”พี่หมอพะนายเอากระดาษทิชชูสำหรับเช็ดหน้าที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกมาซับเหงื่อออกจากใบหน้าของฉันอย่างเบามือสมกับที่เขาเรียนหมอมือเบามาก“ขอบคุณพี่หมอพะนายมากนะ” ฉันที่กินยาแก้ปวดประจำเดือนแล้วยิ้มอย่างอ่อนแรงให้กับพี่หมอพะนายเขา“แล้วพี่หมอพะนายซื้ออะไรมาอีกเยอะแยะถุงยาถุงใหญ่เชียว”ตอนนี้ฉันแอ่นตัวลงนอนบนโซฟาแล้วส่วนพี่หมอพะนายเขาก็ขยับให้ฉันเหยียดตัวนอนได้เต็มตัว“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าไม่หายปวดท้องบ
ภายในรถ“หนูฟองทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ค่ะคือว่า…”มองหน้าเขาที่กำลังขับรถมุ่งหน้าเข้าไปในมหาลัยเพื่อไปส่งฉันที่คณะก่อน พี่หมอพะนายหันมามองหน้าฉันอย่างสงสัย“ก็คือผู้หญิงที่ยืนรอฝนหยุดตกที่หน้าคอนโดพวกเขา เห็นพี่หมอพะนายกางร่มของฟองแล้ว…” ฉันยิ้มแห้งๆให้เขาที่มองหน้าฉันสลับกับถนน จนรถมาจอดที่หน้าตึกเรียนของฉันแล้วรถก็จอดนิ่ง“หนูฟองแล้วอะไรต่อครับ”“ผู้หญิงที่คอนโดพวกเขาคิดว่าพี่หมอพะนายแอ๊บแมนค่ะ”“ฮ่าๆเพราะแค่เฮียกางร่มสีชมพูลายคิตตี้ของหนูฟองเนี้ยนะ”“นี่พี่หมอพะนายไม่ซีเรียสเลยเหรอคะ ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาไม่พูดต่อๆกันไปทั่วทั้งมหาลัยแล้วหรือเปล่า”พี่หมอพะนายยิ้มให้ฉันแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมของฉันจนมันเริ่มยุ่งหมดแล้ว“หนูฟองพิสูจน์แล้วว่าเฮียแมนทั้งแท่ง”“บ้าฟองไม่เคยพิสูจน์พี่หมออย่ามาขี้ตู่นะ” ฉันทำหน้าขึงขังใส่เขา แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อลงจากลงเพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีก่อนจะแปดโมง ถือว่าโชคดีที่คอนโดของเราใกล้มหาลัยขับรถแค่ห้านาทีก็ถึงแล้ว“เอ้าก็เรื่องจริงเมื่อคืนเฮียยังหอมแก้มหนูไปฟอดใหญ่เลยนะครับ”“หยุดพูดเลย รีบไปเรียนได้แล้วเดี๋ยวก็ไปไม่ทั
“เฮ้ยฟองจันทร์สู้ๆนะเว้ย”ฉันยืนอยู่หลังเวที เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาการแสดงเต้นประกอบเพลง วันนี้คนมาดูการประกวดดาวเดือนมหาลัยเยอะกว่าวันประกวดดาวเดือนของคณะวิศวกรรมอีก“ขอบใจนะแสตมป์” เพื่อนๆของฉันมาหลังเวทีเพื่อให้กำลังใจฉันก่อนขึ้นแสดงรอบแรก“ฟองจันทร์วันนี่สวยมากเลยนะคะ” นิดหน่อยเธอยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้กับฉันแล้วยิ้มอย่างให้กำลังใจ“ขอบใจเธอมากนะนิดหน่อย แต่ฉันก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ยิ่งใกล้เวลาแล้วด้วย”ฉันแสดงสีหน้ากังวลออกมามากขึ้นเมื่อแอบมองไปข้างหน้าเวทีที่ตอนนี้ผู้คนทั้งมหาลัยมารอดูการประกวดกันมากมาย“ไอ้ฟองแกทำได้อยู่แล้วมั่นใจในตัวเองหน่อยดิเพื่อน พวกเราจะไปให้กำลังใจแกข้างหน้าเวทีนะเว้ย” ติวเตอร์ตบไหล่ฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ“ใช่ลูกสาวของขุนแม่ทำได้อยู่แล้วสู้ๆนะคนฉวย”“โอเคฟองจะสู้ๆนะทุกคน”“อ้าวแล้วนี่เฮียหมอพะนายไม่มาเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นเลยว่ะ”แสตมป์มองซ้ายมองขวาเพื่อหาพี่หมอพะนายอย่างสงสัยว่าเขาไปไหน“เอ่อคือวันนี้พี่หมอพะนายมีเรียนแล็บ”ฉันพูดขึ้นอย่างหงอยๆ ที่เขาไม่ได้มาเชียร์ฉันในวันนี้ การประกวดดาวเดือนมหาลัยในปีนี้ทางมหาลัยให้จัดขึ้นในช่วงกลางวัน กรรมการจ
คอนโดหลังจากที่ฉันจ่ายเงินค่าอาหารญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อย แสตมป์กับติวเตอร์ก็ขับรถมาส่งฉันที่คอนโด“ขอบใจพวกแกมากนะที่มาส่งฉัน”“เอ่อๆไม่เป็นไรเรื่องปกติ แค่ช่วงนี้แกมีคนขับรถส่วนตัวไม่ต้องทำมาเป็นสุภาพขนาดนั้นก็ได้ไอ้ฟอง”“ก็แบบอยากเป็นผู้หญิงเรียบร้อยชักวันไม่ได้เหรอคะ”ฉันยิ้มแล้วยักไหล่ให้พวกมันสองคนก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถที่แสตมป์มันปลดล็อกให้แล้ว“ในสายตาพวกฉัน ยังไงแกก็คือไอ้ฟองคนเดิมที่หาความเรียบร้อยยากว่ะฮ่าๆ”“ไอ้แสตมป์ถึงฉันจะไม่เรียบร้อยนะโว้ยแต่อย่างน้อยก็สวยละกัน”ฉันเบ้ปากใส่ไอ้แสตมป์แล้วก้าวขาลงจากรถ“บ่ายแล้วเจอกัน”“โอเคบ่าย”ความเหนื่อยสะสมจากการเตรียมตัวในการประกวดของฉันทำให้ฉันง่วงนอนตาแทบจะปิด แต่ก็ต้องเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อนเพราะถือว่าความสะอาดเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราหลับสบายก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นขนาดที่ฉันอาบน้ำเสร็จพอดีและกำลังจะปิดไฟนอนก่อนเปิดประตูฉันต้องช่องตาแมวดูก่อนว่าใครที่มาเคาะที่หน้าประตูตอนนี้แกร๊ก!“อ้าวพี่หมอพะนายพึ่งเลิกเรียนเหรอคะ”ตอนนี้เขาอยู่ในชุดนักศึกษาเป็นระเบียบ ยืนยิ้มโชว์ฟันขาวอยู่หน้าห้อง“ครับชอบดอกไม้ที่เฮียส
เชี้ยแล้วไหมล่ะ! อีกสิบนาทีอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว แต่ผมยังยืนรอข้ามถนนอยู่สี่แยกหน้าโรงอาหารกลางมหาลัยอยู่เลย!ความวุ่นวายเวลาเปลี่ยนคาบเรียนซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนในมหาลัยของผมเลยเถอะ เพราะด้วยเป็นมหาลัยชื่อดังของประเทศทำให้คนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนเก่งและบ้านรวยแต่นั้นเหมือนจะไม่ใช้ประเด็นแต่มันก็คือประเด็นนะครับทุกคน! เพราะไอ้บ้านรวยมันเลยมีรถขับกันแทบทุกคน พอเวลาเปลี่ยนคาบเรียนรถมันเลยติดยิ่งกว่าสี่แยกกลางห้างดังชะอีก!แล้วไอ้ฟองแม้งดันโทรมาอ้อนวอนให้ผมไปซื้อลูกชิ้นทอดเจ้าดังของมอที่โรงอาหารกลางให้มันเพราะผมต้องมาถ่ายเอกสารให้เพื่อนๆในสาขาในฐานะประธานสาขา แล้วไอ้เพื่อนสาวจอมตะกละมันก็ดันเห็นเพื่อนโพสในเฟสบุ๊คเซ็คอินร้านดังกล่าว ภาระเลยมาตกที่ผม!ปรี๊ด! ปรี๊ด! ปรี๊ด!เสียงบีบแตรดังลั้นมาจากรถหรูที่จอดเทียบฟุตบาตตรงหน้าผมที่ยืนรอข้ามถนนพร้อมกับบ่นให้เพื่อนอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว!“อะไรวะ! ผมไม่ได้จะข้ามถนนตัดหน้ารถคุณนะครับ! มองเห็นอยู่ก็ยังไม่ได้ข้ามไง!”ผมตะโกนใส่เจ้าของรถหรูที่ติดฟิล์มหนาจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจ้าของรถที่อยู่ภายในรถคันหรูสัญชาติยุโรปราคาหลักล้
ห้องหอ...หลังจากที่ผู้ใหญ่ให้พรคู่บ่าวสาวแล้ว พวกท่านก็กลับออกไป ปล่อยให้คู่สามีภรรยาป้ายแดงเข้าหอกัน...“หนูฟองมาใกล้ๆครับเดี๋ยวเฮียจะแกะผมช่วย”ใบหน้าหล่อเหลายิ้มขำภรรยาสาวของเขาที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดลำคานและดึงทึ่งผมตัวเองอยู่กับจำนวนกิ๊บดำหนีบผมจำนวนมากที่อยู่บนหัวของเธอโดยฝีมือของช่างทำผมที่เนรมิตให้ทรงผมของเจ้าสาวออกมาสวยงาม แต่พอเธอจะต้องแกะมันออกกับต้องจัดการมันด้วยตัวเองคนเดียว!“เฮียด้านหลังก็มี”ฉันบอกพี่หมอให้เขาเอากิ๊บดำออกจากผมให้เพราะเอื้อมมือไปแกะเองไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้จะตีสองอยู่แล้วแต่ฉันกับเขายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย หน้าผมและชุดของเจ้าสาวที่สวยอลังการ พอจะต้องถอดมันออกจากร่างกายกับเป็นภาระอันใหญ่หลวงชะงั้น!“ครับๆหนูฟองหึๆ” เขายิ้มขำฉัน ที่สะบัดหน้าอย่างงอนๆใส่เขา“ยังจะมาขำฟองอีกนะเฮีย! รู้ไหมว่าฟองง่วงและเหนื่อยมากอยากจะนอนเต็มแก่แล้วนะคะเฮีย”พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนแรงพลังงานที่ใช้ไปกับงานแต่งงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนไม่ใช้เรื่องง่ายๆสำหรับไอ้ฟองเลยจริงๆ“ไม่ขำก็ได้ครับที่รัก โอ๋ๆอย่างอนเฮียนะคนสวย”เขาดึงแก้มของฉันอย่างคนหมั่นเขี้ยว“โอ้ย!เฮียเบาๆหน่อยสิค
4 ปีต่อมา...“ไอ้ฟองรีบวิ่งหน่อย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปรวมของสาขานะโว้ย!”ไอ้ติวเตอร์ตะโกนเรียกฉันที่กำลังรีบเดินให้ทันเพื่อน ฉันวิ่งหอบดอกไม้ ตุ๊กตา ที่เพื่อนๆน้องๆนำมาแสดงความยินดีด้วยความพะรุงพะรังภาพเหมือนวันแรกที่ฉันรับน้องตอนปีหนึ่งเลย ต่างกันแค่วันนี้เป็นวันรับปริญญาของฉัน“รู้แล้วโว้ย! เพื่อนขาสั้นทำไมชอบเร่งกันจังเลยวะ!?”เสียงหวานโวยวายจนเพื่อนๆต่างพากันหันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียวฉันยืนหอบอยู่ข้างไอ้แสตมป์ ที่อยู่ๆมันก็ยื่นแก้วชาเขียวเย็นมาให้ฉัน“ขอบใจมากนะเพื่อน!” ฉันดูดชาเขียวเย็นด้วยความกระหายเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของวันรับปริญญาของมหาลัย ที่ทุกคนต่างมีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีด้วย ผู้คนที่เยอะกว่าวันปกติจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้“อ๊ะ ขอบใจมากไอ้แสตมป์!”ฉันยัดแก้วชาเขียวเย็นคืนให้เพื่อน แต่มันกับจับมือของฉันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รับดอกกุหลาบช่อนี้ของเฮียหน่อยนะครับ”พี่หมอยื่นกุหลาบสีแดงช่อโตมาตรงหน้าฉัน ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งมองเขา ก่อนที่จะรับดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้ในอ้อมแขน“…”“หนูฟองครับ เราสองคนคบกันมา 4 ปีแล้วนะครับ เฮียคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว...”อ้าวเฮ้ยไอ้แสตมป
ใช่เหรอคะ!? แต่เมื่อคืนฉันเห็นบางคนแถวนี่รีบเอารถออกขับพาพะนายมาโรงพยาบาลเลยนะลูก!”แม่ของฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อพวกเราสองแม่ลูกยืนแอบฟังพวกเขาสองคนคุยกันอยู่ประตูหน้าห้อง...“อะแฮ่มใครไม่มี๊ คุณก็พูดไปเรื่อย ผมหิวข้าวมากๆเลยมีอะไรกินบ้างเนี้ย!”ป๊าทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้ามาหาม๊าที่ถือถุงอาหารเต็มสองมือจากตลาดใกล้ๆโรงพยาบาล“จ๊ะ! หิวก็หิว” ม๊าส่ายหน้าอย่างเอิ่มระอากับสามีตัวเองฮ่าๆ“พี่หมอเป็นยังไงบ้างคะ ยังมีอาการปวดหัวอยู่ไหนคะ”ฉันวางผลไม้สดที่ให้แม่ค้าปลอกเปลือกให้แล้วใส่จานเตรียมป้อนร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“ดีขึ้นมากแล้วครับหนูฟอง”เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน มองไปทางป๊า เมื่อเห็นว่าป๊าไม่ได้สนใจพวกเรา เขาก็ส่งสายตาอ้อนให้ฉันตักผลไม้สดให้เขาท่าน“ฟองก็จะป้อนเฮียอยู่นี่ไงคะ ไม่ได้จะซื้อมากินเองชะหน่อยฮ่าๆ”ฉันหัวเราะเมื่อคิดว่าคนเจ็บจะคิดกลัวว่าไอ้ฟองจอมตะกละจะแย้งของกินหมด“เชื่อได้เหรอ ทุกวันนี้เฮียก็ผอมจนจะไม่มีแรงอยู่แล้ว เพราะโดนเมียแย้งของกิน!”ประโยคสุดท้ายเขาก้มกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่เราสองคน“พูดไม่เพราะเลย เดี๋ยวฟองจะฟ้องป๊าให้จัดการเฮียอีกนะ!”
“เฮียเป็นไงบ้างคะ บาดเจ็บตรงไหนไหม!?”ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เขย่าแขนเขาอย่างดีใจเมื่อเห็นเขาปลอดภัย...“โอ๊ย!!! หนูฟองเบาๆครับเฮียโดนยิงเสียดๆที่แขน ทีแรกก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่โดนแรงเขย่าจากเราไปก็เริ่มปวดแผลขึ้นมาเลย!”เขาโดนยิงจริงๆ!!! ฉันปล่อยมือจากแขนของพี่หมอ มองไปที่เลือดที่กำลังไหลออกมาจากบาดแผลด้วยความตกใจ น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตก!สีหน้าของเขาดูซีดกว่าตอนเย็นที่โดนป๊าแกล้งมาชะอีก!!! แต่แล้วอยู่ๆร่างสูงก็หมดสติลงต่อหน้าฉันและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นแต่ฉันเหมือนคนกำลังช็อค สติลอยออกจากตัว มองเหตุการณ์ด้วยความมึนงง แต่รู้สึกได้ว่าน้ำตามากมายไหลออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น!หน้าห้องฉุกเฉิน“ฟองจันทร์!!!”ป๊าเขย่าตัวฉันแรงมากและตะโกนเสียงดังเพื่อให้ฉันได้สติ หลังจากที่ขึ้นรถจากบ้านมาโรงพยาบาลฉันก็เอาแต่ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน“ปะป๊าฮึก! เขาจะเป็นอะไรมากไหม!?” ฉันโผล่เข้ากอดพ่อตัวเองเอาไว้แน่น“ไม่ต้องห่วงมันไม่ทิ้งหนูหรอกลูก ยังไงมันก็ต้องฟื้นขึ้นมาหาฟองเชื่อป๊านะไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน ยืน
บ้านฟองจันทร์เวลา 17.00 นาทีวันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะด้วยความร้อนใจเป็นห่วงพี่หมอ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรับมือกับการโดนป๊าและพี่ชายของฉันแกล้งไหวไหม“ฟอง! ลูกเลิกเดินไปเดินมาได้แล้ว ม๊าเวียนหัวเดี่ยวป๊าก็จะถึงบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเชื่อม๊า นั่งลงได้แล้ว!”ตอนนี้ฉันกับม๊านั่งรอพ่อของฉันที่กำลังจะกลับมาถึงบ้าน...“วันนี้ทั้งวันฟองโทรหาเฮียหมอทั้งวัน แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์หนูเลยนะคะม๊า หนูกลัวว่าจะมีเรื่องไม่มีเกิดขึ้นกับเขา”ฉันยอมนั่งลงโซฟาแล้วเล่าถึงความกังวลของตัวเองให้ม๊าฟัง“เชื่อม๊านะลูก ถึงป๊าจะเป็นคนดุยังไงแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้หมอพะนายเขาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกหรอกนะลูก”ม๊าจับมือของฉันอย่างปลอบโยน แววตาของท่านมองฉันด้วยความห่วงใย จนฉันต้องฝืนยิ้มให้ท่าน“มาแล้ว!!!”เสียงป๊าดังเข้ามาก่อนที่ตัวของท่านจะเดินเข้ามาถึงภายในห้องรับแขก แล้วป๊าก็มาถึงห้องรับแขกพร้อมกับเอ่อ...“เฮียหมอ!!!”ฉันตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นปิดปาก ซึ่งอาการของม๊าก็ไม่แตกต่างไปจากฉันมากนักเพราะท่านก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเช่นกัน“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้
วันนี้พี่หมอออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่เขานอนดูอาการต่ออีกสองคืนคุณหมอถึงจะอนุญาตให้เขากลับบ้านได้“มึงหายดีแล้วจริงๆนะไอ้พะนาย!?”พี่หมอเจมส์ถามพี่หมอด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่!น้ำเสียงที่ใช้ติดจะไปทางประชดชะมากกว่า“เอ่อ! กูหายดีแล้วครับเพื่อน”สีหน้าของคนเจ็บ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะต้องนอนโรงพยาบาลถึงสามคืน แค่โดนซ้อมอาการของเขาไม่ได้ถึงปานตายชะหน่อย แต่ทำไมคุณหมอถึงให้นอนตั้งสามคืน ฉันก็ได้แต่สงสัยและคอยจับผิดร่างสูง สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ...“ใช่สินะมีแฟนมานอนเฝ้าทุกคืน กูว่าใจจริงมึงอยากป่วยสักหนึ่งปีหรือเปล่าวะไอ้พะนาย!?”คำพูดประชดกันไปมาตามปะสาเพื่อนของพวกเขาทำเอาฉันที่พึ่งเก็บของเสร็จถึงกับแอบกรอกตา ชอบทะเลาะกันแต่ยังครบกันมิตรภาพของพวกเขานี่ชั่งยากจะเข้าใจจริงๆ“ความคิดเข้าท่าวะไอ้เจมส์” พี่หมอทำหน้าตาเหมือนคนกำลังคิดอะไรดีๆได้ขึ้นมา“กูประชดนะครับเพื่อน รีบไปกันเถอะเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเครื่องจะขึ้นแล้วเดี่ยวจะตกเครื่องกัน”วันนี้พวกเขาจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนเรื่องของเราก็เหมือนจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตกลงว่าจะกับมาคบเป็นแฟนกับเขาที ถึงปากบอกไม่ตกลงแต่ก
เวลา 08.00 นาทีฉันที่กำลังนั่งซบใบหน้าหลับอยู่รู้สึกถึงแรงเขย่าเหมือนมีคนปลุก“อืมมมม”ฉันทำเสียงอืมขานรับแรงเขย่าแล้วกระพริบตาถี่ๆอย่างคนมึนปนง่วงเพราะพึ่งจะเผลอหลับไปประมาณหกโมงเช้า…“ขอน้ำหน่อยครับหนูฟอง เฮียรู้สึกคอแห้งมากๆ...”เสียงแผ่วเบาจากคนเจ็บ ทำให้อาการง่วงของฉันหายเป็นปิดทิ้ง...“เอ่อ!ได้ๆค่ะเฮีย”ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อรินน้ำให้กับคนเจ็บดื่ม พอพี่หมอรับน้ำจากแก้วไปดื่มจนหมดแก้วเขาก็ส่งแก้วเปล่าคืนมาให้ฉัน“นี่เฮียมาอยู่ที่โรคพยาบาลได้ยังไงครับ”เสียงที่ยังแผ่วเบาของเขาถามฉันที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่กับที ไม่รู้ว่าควรไปเรียกหมอมาเช็คอาการของเขาหรือตอบคำถามเขาก่อนดี“ฟอง เฮียแบงค์ พี่หมอเจมส์ และไอ้ติวเตอร์เป็นคนพาพี่หมอมาส่งที่โรงพยาบาลคะ เดี๋ยวฟองไปเรียกหมอมาดูอาการเฮียก่อนนะคะ!” พอตอบคำถามพี่หมอเสร็จ ฉันทำท่าจะเดินไปเรียกหมอ...“เดียวก่อนครับ!”เขารั้นมือของฉันเอาไว้แน่น ฉันก้มลงมองมือของเขาที่กุมมือของฉันไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากคนเจ็บบนเตียง“เฮียอยากได้อะไรอีกเหรอคะ!?” ฉันมองเขาอย่างเป็นคำถาม“เฮียไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละครับ แค่อยากคุยกับหนูฟองก่อน”เขาพูด
ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงบนพื้น ตาของเขาค่อยๆหลับลง ฉันพยายามสะบัดตัวออกจากเพื่อนพี่ชายที่จับตัวของฉันเอาไว้“กรี๊ดดดดดดดดดด ฮึก!ฮื่ออออ เฮียอย่าเป็นอะไรนะ! ตอบฟองหน่อยอย่าหลับตานะ”พอฉันกรี๊ดร้องพร้อมกับร้องไห้หนักขึ้นเพื่อนพี่ชายของฉันปล่อยตัวฉันอย่างตกใจแต่ร่างสูงก็หมดสติลง ถึงแม้ฉันจะกอดร่างของเขาพร้อมเขย่าเพื่อเรียกสติ ความกลัววิ่งเข้ามาในใจของฉันกลัวว่าเขาจะจากไปไม่มีวันกลับมาครั้งล่าสุดความกลัวมันไม่ได้มากเท่ากับตอนนี้ที่เขาสลบไปพร้อมกับหน้าตาเต็มไปด้วยรอบพกซ้ำและเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากบาดแผล!“เอ่อ! ฟองเฮียว่าพามันไปโรงพยาบาลเถอะ อย่ามัวแต่ร้องไห้เดี่ยวมันได้ตายจริงๆหรอก!”เฮียแบงค์จับที่บ่าของฉันที่เอาแต่ร้องไห้โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่ยืนอยู่“รถๆเฮียแบงค์ไปเอารถมาเร็วๆ ฮึก! ฮื่อ!”ฉันพูดไปร้องไห้ไปกลัวว่าพี่หมอจะเจ็บหนัก อาการโกรธของพี่ชายของฉันดูจะลดน้อยลงเมื่อเขารีบไปเอารถมาพาพี่หมอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบโรงพยาบาลหลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าผับ จนพาพี่หมอมาถึงโรงพยาบาลผ่านพ้นไป ฉันก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ยอมไปไหน...“ฟอง ดื่มน้ำกับกินขนมปังนี่หน่อยเฮียไป